The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารแนวทางฯวิทยาการคำนวณ_ม.2_AL

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanpadets motanee, 2019-12-10 06:23:39

เอกสารแนวทางฯวิทยาการคำนวณ_ม.2_AL

เอกสารแนวทางฯวิทยาการคำนวณ_ม.2_AL

คาํ นาํ

ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการไดปรับปรุงหลักสูตรและประกาศใชมาตรฐานการเรียนรูและตัวช้ีวัด กลุมสาระ
การเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ทงั้ นเี้ พอื่ ใหส อดรบั กบั การเปลยี่ นแปลงดา นตา ง ๆ และพฒั นาผเู รยี นใหม ที กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ตลอดจน
มคี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค และมที กั ษะในศตวรรษที่ 21

เม่ือหลักสูตรมีการเปลี่ยนแปลง ภาระหนาที่หนึ่งของครูท่ีจะตองดําเนินการ คือ พัฒนาและออกแบบ
หนว ยการเรยี นรูใ หม จัดทาํ แผนการจดั การเรยี นรใู หมใหส อดคลอ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู ตวั ชว้ี ดั ผลการเรยี นรู
รวมทง้ั จดุ เนน ตามทม่ี าตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั กลมุ สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตร (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
ไดก ําหนดไว

เพ่ือชวยใหการปฏิบัติงานของครูผูสอนสะดวกมากยิ่งขึ้น ทางบริษัท อักษรเจริญทัศนจึงไดจัดทําเอกสาร
“แนวทางการจดั การเรยี นการสอน” รายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) ชนั้ ม.2 สําหรบั ใหค รูผสู อน
ไดนําไปประยุกตใชใหสอดคลองกับหลักสูตรของสถานศึกษา ซึ่งภายในเลมมีขอมูลที่จําเปนสําหรับครูผูสอนเพ่ือ
นําไปใชงาน ดังนี้

01 02

สรปุ หลกั สตู ร ตัวอยา่ ง

• คําอธบิ ายรายวชิ า หนงั สือเรยี น
• โครงสรา งรายวิชา

06 ตวั อย่าง เอกสารแนวทาง ตวั อย่างแผน 03
การจดั การเรยี นรู
PowerPoint การจดั การเรยี นการสอน
• โครงสรางแผนฯ
หลกั สตู รฉบบั ปรบั ปรงุ ’60 • ตวั อยางแผนฯ

New Version

ตัวอย่าง ตัวอย่างคมู่ ือครู

แบบฝกหัด • โครงสรางคมู ือครู
• ตวั อยางคมู อื ครู
05
04

หวังเปนอยางย่งิ วา เอกสาร “แนวทางการจดั การเรียนการสอน” เลม น้ี จะชว ยใหก ารพฒั นาหลกั สตู รของ
ครผู ูสอนและสถานศกึ ษามคี วามสะดวก เห็นตวั อยางแนวทางการจดั การเรียนการสอน และทําใหผเู รียนเกดิ ทกั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตรตามที่หลักสตู รไดก าํ หนดเปาหมายไว

บรษิ ทั อักษรเจริญทศั น อจท. จํากัด

A

สารบัญ

01 สรุปหลกั สตู รฯ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ 1- 7

• สรปุ หลกั สตู รฯ กลุมสาระการเรียนรวู ิทยาศาสตร 2
• ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรูแกนกลาง รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 5
• คาํ อธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 6
• โครงสรางรายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 7

02 ตวั อยา่ งหนงั สอื เรียน 8 - 23

รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) ม.2

03 ตัวอยา่ งแผนการจดั การเรยี นรู 24 - 55

รายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) ม.2

• โครงสรางแผนการจดั การเรยี นรู รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 25
• ตวั อยา งแผนการจดั การเรยี นรู รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) ม.2 29

04 ตัวอย่างคู่มอื ครู 56 - 78

รายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 57
64
• โครงสรา งคูมือครู รายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2
• ตวั อยา งคมู อื ครู รายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.2

05 ตัวอยา่ งแบบฝกหัด 79 - 91

รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) ม.2

06 ตวั อยา่ ง PowerPoint 92 - 94

รายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) ม.2

B





























































แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1

คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดคือแนวคดิ เชิงคานวณ 6. บคุ คลใดเมื่อพบปัญหาแล้วแกป้ ญั หาตามแนวคิดเชิง
1. แนวคดิ ท่ใี ช้การคิดวเิ คราะหข์ ้นั สงู คานวณ
2. แนวคดิ ที่สงั เคราะห์จากสมอง 1. จอยไม่สนใจรายละเอียดทีไ่ มจ่ าเปน็ เกยี่ วกับปัญหา
3. แนวคิดในการแกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบ 2. จบิ๊ ออกแบบขั้นตอนการแกป้ ญั หา
4. แนวคดิ ที่ซบั ซ้อน 3. แจนแตกปญั หาใหญ่ออกเปน็ ปญั หาย่อย
4. จ๋มุ วเิ คราะห์ทมี่ าของปัญหา
2. ขอ้ ใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของแนวคดิ เชงิ คานวณ
1. การหารูปแบบในการแกป้ ัญหา 7. ขอ้ ใดสาคัญท่ีสดุ ในการจดั เรียงแถวตามลาดบั ความสูง
2. การแตกปญั หาย่อยออกเปน็ ปัญหาใหญ่ ของนักเรียน
3. การออกแบบลาดับขัน้ ตอนการแก้ปญั หา 1. ความสูงของนักเรยี น
4. การหาแนวคดิ รวบยอดของปญั หา 2. เพศของนกั เรยี น
3. น้าหนกั ของนักเรียน
3. การเขยี นผังงานโฟลว์ชาร์ตเปน็ กระบวนการข้อใด 4. เกรดเฉล่ยี ของนักเรยี น
ในแนวคิดเชิงคานวณ
1. การออกแบบลาดับข้ันตอนการแกป้ ญั หา 8. นุน่ ต้องการจัดเสื้อผา้ ทงั้ หมดในต้เู สอ้ื ผา้ นุ่นควรทาส่งิ ใด
2. การสรา้ งรปู แบบการแกป้ ญั หา เป็นลาดบั แรก
3. การหาแนวคดิ รวบยอดของปัญหา 1. แยกเสอ้ื ผา้ ตามประเภท
4. การแตกปญั หาออกเปน็ ลาดบั ขั้นตอน 2. ตง้ั วตั ถุประสงค์ในการคน้ หา
3. จัดเรียงเส้อื ผ้าเขา้ ตูเ้ สื้อผ้า
4. ลาดับแรกในการแกป้ ัญหาคืออะไร 4. แบง่ กลุ่มเสือ้ ผ้า
1. ออกแบบขั้นตอนการแกป้ ญั หา
2. กาหนดแนวคิดเชิงนามธรรม 9. ข้อใดกล่าวถงึ แนวคิดเชิงคานวณไม่ถูกต้อง
3. แตกปญั หาใหญ่ออกเป็นปัญหายอ่ ย 1. เป็นการคดิ เหมือนหนุ่ ยนต์
4. เขยี นโปรแกรมการแกป้ ัญหา 2. มแี นวคดิ เชงิ นามธรรมเป็นทกั ษะย่อย
3. เปน็ การแกป้ ญั หาทมี่ ลี าดับขัน้ ตอน
5. ขั้นตอนตอ่ ไปหลังจากตัดส่งิ ทีไ่ มจ่ าเปน็ สาหรับการ 4. เปน็ วิธกี ารแก้ปญั หาทม่ี นุษยแ์ ละคอมพวิ เตอร์สามารถ
แก้ปัญหาออกไปแลว้ คอื ข้อใด เขา้ ใจรว่ มกันได้
1. วิเคราะห์ปญั หา
2. หารปู แบบการแก้ปญั หา 10. ข้อใดคอื การคดิ รวบยอดของปญั หา โดยมงุ่ เนน้ เฉพาะ
3. ออกแบบขั้นตอนวธิ ี สว่ นทส่ี าคญั ของปัญหา
4. คิดรวบยอดปัญหา 1. แนวคิดเชงิ รูปธรรม
2. แนวคดิ แยกย่อย
3. แนวคิดเชงิ นามธรรม
4. แนวคิดเชงิ วิเคราะห์

เฉลย

1. 3 2. 2 3. 1 4. 3 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 3 10. 3

31

แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดสาคญั ท่สี ดุ ในการจดั เรยี งแถวตามลาดบั 6. ขอ้ ใดคือแนวคดิ เชิงคานวณ
ความสูงของนกั เรยี น 1. แนวคิดท่ใี ชก้ ารคดิ วิเคราะหข์ ้นั สงู
1. ความสูงของนักเรยี น 2. แนวคดิ ทีส่ ังเคราะหจ์ ากสมอง
2. เพศของนักเรียน 3. แนวคดิ ในการแก้ปญั หาอย่างเป็นระบบ
3. น้าหนกั ของนักเรียน 4. แนวคิดทซี่ บั ซ้อน
4. เกรดเฉลยี่ ของนักเรียน
7. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบของแนวคิดเชิงคานวณ
2. การเขียนผังงานโฟลวช์ าร์ตเป็นกระบวนการข้อใด 1. การหารปู แบบในการแกป้ ญั หา
ในแนวคิดเชิงคานวณ 2. การแตกปญั หาย่อยออกเปน็ ปัญหาใหญ่
1. การออกแบบลาดับขัน้ ตอนการแกป้ ัญหา 3. การออกแบบลาดับข้ันตอนการแก้ปัญหา
2. การสรา้ งรปู แบบการแกป้ ญั หา 4. การหาแนวคดิ รวบยอดของปัญหา
3. การหาแนวคดิ รวบยอดของปัญหา
4. การแตกปัญหาออกเปน็ ลาดบั ขัน้ ตอน 8. นุน่ ตอ้ งการจัดเสื้อผา้ ทั้งหมดในตูเ้ สอื้ ผ้า น่นุ ควรทาสิง่ ใด
เป็นลาดับแรก
3. ข้อใดคือการคดิ รวบยอดของปญั หา โดยม่งุ เนน้ 1. แยกเสือ้ ผ้าตามประเภท
เฉพาะส่วนท่ีสาคัญของปัญหา 2. ต้ังวัตถุประสงค์ในการค้นหา
1. แนวคิดเชิงรูปธรรม 3. จัดเรยี งเส้ือผ้าเขา้ ตูเ้ ส้ือผ้า
2. แนวคดิ แยกย่อย 4. แบง่ กลมุ่ เสอ้ื ผ้า
3. แนวคดิ เชิงนามธรรม
4. แนวคดิ เชิงวเิ คราะห์ 9. บุคคลใดเมอื่ พบปัญหาแลว้ แก้ปัญหาตามแนวคิดเชิง
คานวณ
4. ข้ันตอนต่อไปหลงั จากตดั ส่ิงทไี่ ม่จาเปน็ สาหรับการ 1. จอยไมส่ นใจรายละเอียดทไ่ี ม่จาเป็นเก่ียวกบั ปัญหา
แก้ปญั หาออกไปแล้วคือข้อใด 2. จบิ๊ ออกแบบข้นั ตอนการแก้ปัญหา
1. วเิ คราะหป์ ัญหา 3. แจนแตกปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหาย่อย
2. หารูปแบบการแก้ปญั หา 4. จุ๋มวเิ คราะห์ทม่ี าของปัญหา
3. ออกแบบขน้ั ตอนวิธี
4. คดิ รวบยอดปญั หา 10. ลาดับแรกในการแกป้ ญั หาคอื อะไร
1. ออกแบบขั้นตอนการแกป้ ญั หา
5. ข้อใดกล่าวถึงแนวคดิ เชงิ คานวณไม่ถูกต้อง 2. กาหนดแนวคดิ เชิงนามธรรม
1. เป็นการคิดเหมือนหุน่ ยนต์ 3. แตกปญั หาใหญ่ออกเปน็ ปญั หายอ่ ย
2. มแี นวคดิ เชงิ นามธรรมเป็นทกั ษะย่อย 4. เขยี นโปรแกรมการแก้ปญั หา
3. เป็นการแก้ปญั หาทมี่ ีลาดบั ข้นั ตอน
4. เปน็ วิธกี ารแก้ปญั หาที่มนุษย์และคอมพวิ เตอร์
สามารถเข้าใจรว่ มกันได้

เฉลย

1. 1 2. 1 3. 3 4. 3 5. 1 6. 3 7. 2 8. 2 9. 3 10. 3

32

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
1 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา 32
2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 
3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน  
4 การนาไปใช้ประโยชน์  
5 การตรงต่อเวลา  
 


รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ............/................./...................
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

33

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน

ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
1 การแสดงความคิดเหนว 32
2 การยอมรบั ฟังความคิดเหวนของผ้อู ื่น 
3 การทางานตามหน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย  
4 ความมนี า้ ใจ  
5 การตรงต่อเวลา  
 


รวม

ลงชือ่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

34

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่

คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การยอมรบั ฟงั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
ของนักเรียน ความคดิ เหน็ คนอืน่ ตามทไ่ี ดร้ ับ 321 ส่วนร่วมใน 15
321 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
321 321 ผลงานกลุม่
321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง

35

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดับคะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ า้ น 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติและรอ้ งเพลงชาตไิ ด้
1.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คปี รองดองและเปน็ ประโยชน์
ตอ่ โรงเรยี น
1.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเกยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรียนจัดข้ึน
2. ซือ่ สัตย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ งและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบตั ใิ นสิง่ ทถ่ี กู ตอ้ ง
3. มวี ินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครวั
มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์และนาไปปฏิบตั ไิ ด้
4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เช่อื ฟงั คาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้
4.4 ตง้ั ใจเรยี น
5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั
5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรู้คณุ คา่
5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมีการเกบว ออมเงนิ
6. มุ่งมัน่ ในการทางาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออุปสรรคเพือ่ ให้งานสาเรวจ
7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสานึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
7.2 เหนว คณุ คา่ และปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน
8.2 รู้จักการดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดล้อมของหอ้ งเรยี นและโรงเรียน

ลงช่ือ .................................................. ผู้ประเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 51–60 ดมี าก
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติบางครัง้ ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี
ให้ 1 คะแนน 30–40 พอใช้

ตา่ กวา่ 30 ปรบั ปรุง

36

แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

ว 4.2 ม.2/1 ออกแบบอลั กอริทึมที่ใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา หรอื การทางานทีพ่ บในชีวติ จรงิ

รายการ เกณฑ์การประเมิน (ระดับคุณภาพ) ระดับ
ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) คุณภาพ
บอกความหมายของ บอกความหมายของ
1. องค์ประกอบ บอกความหมายของ องค์ประกอบแนวคดิ องคป์ ระกอบแนวคิด ไมส่ ามารถบอก ดีมาก
แนวคดิ เชิงคานวณ องค์ประกอบแนวคดิ เชงิ คานวณไดด้ ี เชงิ คานวณไดค้ อ่ นขา้ งดี ความหมายของ ดี
เชิงคานวณไดด้ ีมาก องคป์ ระกอบแนวคิด พอใช้
2. การแกป้ ัญหาการเข้าแถว สามารถบอกขัน้ ตอน สามารถบอกข้นั ตอน เชงิ คานวณได้ ปรบั ปรุง
ตามลาดับ สามารถบอกขนั้ ตอน การแก้ปัญหาการเข้า การแกป้ ัญหาการเขา้ ไม่สามารถบอกขน้ั ตอน
การแก้ปัญหาการเข้า แถวตามลาดับไดด้ ี แถวตามลาดบั ได้ การแก้ปัญหาการเข้า
3. การแก้ปัญหาการจดั เรียง แถวตามลาดับได้ดีมาก สามารถบอกขัน้ ตอน คอ่ นข้างดี แถวตามลาดับได้
เสือ้ ผ้า สามารถบอกขนั้ ตอน การแกป้ ญั หาการ สามารถบอกขน้ั ตอน
การแกป้ ญั หาการ จัดเรยี งเสอื้ ผ้าได้ดี การแก้ปัญหาการ ไม่สามารถบอกขั้นตอน
4. ความสมบรู ณ์ของผลงาน จัดเรยี งเสื้อผ้าได้ดมี าก ผลงานมคี วามครบถ้วน จดั เรยี งเส้ือผา้ ได้ การแก้ปัญหาการ
ผลงานมคี วามครบถว้ น สมบรู ณค์ ่อนขา้ งดี ค่อนข้างดี จัดเรยี งเสื้อผ้าได้
สมบรู ณ์ดมี าก ผลงานมคี วามครบถว้ น
สมบูรณด์ เี ป็นบางส่วน ผลงานมีความครบถว้ น
สมบรู ณน์ ้อย

5. ส่งงานตรงเวลา สง่ ภาระงานภายในเวลา ส่งภาระงานช้ากวา่ ส่งภาระงานช้ากวา่ สง่ ภาระงานช้ากวา่
ทกี่ าหนด กาหนด 1 วนั กาหนด 2 วัน กาหนดเกิน 3 วนั ขนึ้ ไป

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
16-20 ดมี าก

10-15 ดี

7-9 พอใช้

1-6 ปรบั ปรุง

37

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1

แนวคดิ เชงิ คานวณ

เวลา 1 ชว่ั โมง

1. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั

1.1 ตวั ชว้ี ัด
ว 4.2 ม.2/1 ออกแบบอลั กอริทึมทใี่ ชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หา หรอื การทางานท่ีพบในชวี ติ จริง

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. บอกความหมายของแนวคิดเชิงคานวณได้ (K)
2. อธบิ ายองคป์ ระกอบของแนวคิดเชงิ คานวณได้ (K)
3. เขยี นภาพการทางานขององค์ประกอบแนวคิดเชิงคานวณได้ (P)
4. สนใจใฝร่ ใู้ นการศึกษา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
- แนวคิดเชงิ คานวณ
- การแกป้ ญั หาโดยใช้แนวคดิ เชิงคานวณ

4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

แนวคิดเชิงคานวณ คือ แนวคิดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และเป็นกระบวนการที่มีลาดับขั้นตอนชัดเจน
โดยกระบวนการแก้ปัญหาดังกล่าวน้ีเป็นกระบวนการที่มนุษย์และคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจร่วมกันได้ ซึ่งแนวคิดเชิงคานวณ
เป็นแนวคิดท่ีสาคัญสาหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ เพราะการเขียนโปรแกรมถ้าไม่ได้เกิดข้ึนจากแนวคิดเชิงคานวณ
จะทาให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางานช้า ไม่ตรงตามที่ต้องการ ดังนั้น จึงควรนาแนวคิดเชิงคานวณเข้ามาใช้ในการแก้ปัญหา
เพ่ือให้เกิดผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาท่ีมีประสิทธิภาพ

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. ทักษะการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
7. ทกั ษะการแก้ปญั หา
8. ทกั ษะการส่อื สาร
9. ทกั ษะการคดิ เชงิ คานวณ
10. ทกั ษะการสังเกต

38

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงที่ 1

ข้ันนา

ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แนวคดิ เชงิ คานวณกบั การแกป้ ัญหา เพื่อวดั ความร้เู ดิมของ
นกั เรียนก่อนเขา้ สู่กจิ กรรม
2. ครูถามคาถามประจาหัวข้อว่า “นกั เรยี นคิดว่ามนุษยน์ าแนวคิดเชิงคานวณมาประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างไร”
(แนวตอบ : สามารถนาแนวคิดเชงิ คานวณมาประยุกต์ใชใ้ นด้านการแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวันด้านการเรยี นและ
ดา้ นการทางาน)

ขั้นสอน

ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Exploration)
1. ครูให้นกั เรียนศึกษาความหมายและองค์ประกอบของแนวคิดเชิงคานวณจากหนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ม.2 หรือศึกษาเพิ่มเตมิ ทางอนิ เทอร์เนวต

ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
2. ครูสุ่มนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายความหมายและองค์ประกอบท้ัง 4 ข้อของแนวคิดเชิงคานวณตามที่ได้นักเรียนได้
ไปศึกษา
3. จากนั้นครูอธิบายจากหนังสือเรียนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งข้ึนว่า “อาชีพที่ต้องอาศัยแนวคิดเชิงคานวณ เช่น อาชีพ
บุรุษไปรษณยี ์ เปน็ อาชีพที่จะตอ้ งนาจดหมายหรอื พสั ดุจดั สง่ ไปตามท่ีอยู่ท่ีได้ระบุไว้ แต่เนื่องจากจดหมายหรือพัสดุที่ต้อง
จัดส่งมีจานวนมาก ทาให้บุรุษไปรษณีย์ต้องทาการจัดหมวดหมู่ตามบ้านเลขท่ี เพ่ือให้สะดวกต่อการหยิบและรวดเรววใน
การทางาน ดังนั้น อาชพี บรุ ุษไปรษณีย์ จงึ เป็นหนึ่งในหลายอาชีพที่อาศัยแนวคิดเชงิ คานวณในการทางาน”
4. ครูนาบัตรภาพ เร่ือง องค์ประกอบแนวคิดเชิงคานวณ ให้นักเรียนดู เพื่อให้นักเรียนได้เหวนภาพการทางานของ
องคป์ ระกอบแนวคดิ เชิงคานวณ พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งข้ึน

ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
5. ครูซักถามนักเรียนเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจว่า “องค์ประกอบของแนวคิดเชิงคานวณแบ่งออกเป็นก่ีองค์ประกอบ
อะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : องค์ประกอบของแนวคิดเชิงคานวณแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. แนวคิดการแยกย่อย 2. แนวคิด
การหารูปแบบ 3. แนวคิดเชงิ นามธรรม และ 4. แนวคดิ การออกแบบข้ันตอนวธิ )ี
6. ครูมอบหมายให้นักเรียนทา ใบงานท่ี 1.1.1 เรื่อง องค์ประกอบของแนวคิดเชิงคานวณ โดยให้นักเรียนเขียนภาพการ
ทางานขององค์ประกอบแนวคิดเชิงคานวณจากสถานการณท์ ่ีกาหนดให้

ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
7. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคาถาม ความสนใจในการเรียน และตรวจสอบการทาใบงานที่ 1.1.1

ขน้ั สรปุ

ครูและนกั เรยี นสรปุ ร่วมกนั เก่ียวกบั แนวคิดเชิงคานวณ และการประยุกต์ใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณเพ่ือแก้ปัญหาต่าง ๆ ใน
ชีวติ ประจาวนั

39

7. การวดั และประเมินผล วธิ วี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ประเมินตามสภาพจริง
รายการวัด กอ่ นเรยี น
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - ใบงานท่ี 1.1.1 ระดบั คุณภาพ 2
- แบบทดสอบก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
แนวคิดเชิงคานวณกบั การ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
แกป้ ัญหา - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ
7.2 การประเมินระหว่างการจดั รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ และ คุณลักษณะ
กจิ กรรม มงุ่ ม่ันในการทางาน อันพงึ ประสงค์
1) องคป์ ระกอบของ
แนวคดิ เชงิ คานวณ
2) พฤติกรรมการทางาน
รายบคุ คล
3) คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์

8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แนวคิดเชิงคานวณกับการ
แก้ปัญหา
2) ใบงานที่ 1.1.1 เรือ่ ง องคป์ ระกอบของแนวคดิ เชิงคานวณ
3) บตั รภาพ เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของแนวคิดเชงิ คานวณ

8.2 แหล่งการเรียนรู้
อนิ เทอร์เนวต

40

ใบงานท่ี 1.1.1

เรือ่ ง องค์ประกอบของแนวคดิ เชิงคานวณ

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเขยี นภาพการทางานตามแนวคดิ ตา่ งๆ ขององค์ประกอบแนวคิดเชงิ คานวณเพ่ือแกป้ ัญหาจาก
สถานการณ์ที่กาหนดให้

สถานการณ์ ให้นกั เรยี นเขียนภาพการทางาน
ณ หม่บู า้ นแสนสขุ ผใู้ หญ่บา้ นกาลังคิดหาวธิ ีการ ตามแนวคดิ การแยกย่อย (Decomposition)
ประกาศครอบครวั ตัวอย่างที่จะทาให้ชาวบ้านเข้าใจ
โดยมีครอบครัวตวั อย่างจานวน 2 ครอบครัว
ครอบครัวแรก คือ ครอบครัวของนายม่งิ และนางแยม้
มีลูกสาว 1 คน ชื่อสรอ้ ย และครอบครวั ท่สี อง คือ
ครอบครัวของนายขวญั และนางเรียม มีลูกชาย 1 คน
ชอ่ื กลา้

สถานการณ์ ให้นักเรยี นเขียนภาพการทางาน
ครนู กกาลงั คิดหาวิธีการทาสรุปจากการสารวจงาน ตามแนวคิดการหารูปแบบ (Pattern Recognition)
อดเิ รกของนักเรยี นจานวน 100 คน โดยผลการสารวจ
มีดังน้ี มีนกั เรยี นท่ชี อบชมภาพยนตร์อยู่ 28 คน ชอบ
ฟงั เพลง 46 คน ชอบเล่นเกม 6 คน และชอบ
ออกกาลงั กาย 20 คน

41

สถานการณ์ ให้นกั เรียนเขยี นภาพการทางาน
ครฟู า้ ใสมอบหมายให้วรี ะแยกส่วนภาพวาด โดยตัด ตามแนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction)
สว่ นทเ่ี ป็นรายละเอยี ดต่าง ๆ ออกไป ซ่งึ วีระไมเ่ ขา้ ใจ
และภาพวาดที่ครฟู ้าใสมอบหมายให้วรี ะ คือ รปู ภาพ
ดังตอ่ ไปนี้

สถานการณ์ ให้นักเรยี นเขียนภาพการทางาน
เขยี วไมเ่ ข้าใจขนั้ ตอนการทอดไขเ่ จยี วท่แี ดงอธบิ าย ตามแนวคิดการออกแบบขัน้ ตอนวธิ ี
โดยข้นั ตอนการทอดไข่เจียวท่แี ดงอธิบาย มดี ังนี้ ข้ัน
แรกตอกไข่ใสช่ ามและใส่เครื่องปรุงรส ตไี ข่ผสมใหเ้ ข้า (Algorithm Design)
กัน ตั้งกระทะ เทน้ามนั นาไข่ลงในกระทะ จากนน้ั
กลบั ดา้ นไข่ และตรวจสอบว่าไขส่ ุกหรือไม่ ถ้าสุกแลว้
ใหต้ ักใส่จานเสิรฟ์ แตถ่ ้ายังไม่สกุ ให้ทอดตอ่ จนกระทั่ง
สุก จึงคอ่ ยทาการตักใส่จานเสิร์ฟ

42

ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย

เร่อื ง องคป์ ระกอบของแนวคดิ เชงิ คานวณ

คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนภาพการทางานตามแนวคิดตา่ งๆ ขององค์ประกอบแนวคดิ เชิงคานวณเพือ่ แกป้ ัญหาจาก
สถานการณท์ ่กี าหนดให้

สถานการณ์ ใหน้ กั เรียนเขยี นภาพการทางาน
ณ หมู่บ้านแสนสุข ผใู้ หญบ่ ้านกาลงั คิดหาวิธกี าร ตามแนวคดิ การแยกย่อย (Decomposition)
ประกาศครอบครวั ตวั อยา่ งท่ีจะทาให้ชาวบา้ นเข้าใจ
โดยมคี รอบครวั ตวั อยา่ งจานวน 2 ครอบครัว ครอบครัว นายมงิ่ ด.ญ.สรอ้ ย
ครอบครัวแรก คือ ครอบครัวของนายมง่ิ และนางแย้ม ตวั อย่างที่ 1 นางแยม้
มลี กู สาว 1 คน ช่อื สรอ้ ย และครอบครวั ทีส่ อง คือ ครอบครัว ครอบครัว
ครอบครวั ของนายขวญั และนางเรียม มลี ูกชาย 1 คน หมู่บา้ นแสนสุข ตัวอยา่ งที่ 2
ช่ือกลา้

นายขวญั ด.ช.กล้า
นางเรยี ม

สถานการณ์ ใหน้ ักเรียนเขยี นภาพการทางาน
ครูนกกาลงั คดิ หาวธิ ีการทาสรุปจากการสารวจงาน ตามแนวคดิ การหารูปแบบ (Pattern Recognition)
อดเิ รกของนักเรียนจานวน 100 คน โดยผลการสารวจ
มีดงั น้ี มนี ักเรยี นทช่ี อบชมภาพยนตรอ์ ยู่ 28 คน ชอบ ออก ชม
ฟงั เพลง 46 คน ชอบเลน่ เกม 6 คน และชอบ กาลงั กาย ภาพยนตร์
ออกกาลังกาย 20 คน 20 %
28 %

เล่นเกม
13 %

ฟงั เพลง
39 %

43

สถานการณ์ ใหน้ ักเรียนเขยี นภาพการทางาน
ครฟู ้าใสมอบหมายให้วรี ะแยกสว่ นภาพวาด โดยตัด ตามแนวคิดเชงิ นามธรรม (Abstraction)
สว่ นทีเ่ ป็นรายละเอียดต่าง ๆ ออกไป ซึง่ วรี ะไม่เขา้ ใจ
และภาพวาดท่ีครฟู ้าใสมอบหมายใหว้ รี ะ คือ รูปภาพ
ดังตอ่ ไปน้ี

สถานการณ์ ให้นักเรียนเขียนภาพการทางาน
เขยี วไมเ่ ข้าใจข้นั ตอนการทอดไขเ่ จยี วท่ีแดงอธิบาย ตามแนวคิดการออกแบบขัน้ ตอนวิธี
โดยขน้ั ตอนการทอดไข่เจียวทแ่ี ดงอธิบาย มีดังนี้ ขน้ั
แรกตอกไขใ่ สช่ ามและใส่เครื่องปรุงรส ตไี ขผ่ สมให้เข้า (Algorithm Design)
กัน ตง้ั กระทะ เทน้ามนั นาไข่ลงในกระทะ จากนน้ั
กลบั ดา้ นไข่ และตรวจสอบวา่ ไข่สุกหรือไม่ ถ้าสกุ แลว้ เริม่ ต้น
ให้ตกั ใสจ่ านเสิรฟ์ แต่ถา้ ยังไม่สกุ ใหท้ อดตอ่ จนกระทง่ั
สกุ จงึ คอ่ ยทาการตักใสจ่ านเสิรฟ์ ตอกไขใ่ สช่ าม

ใส่เครื่องปรุง

ตีไขผ่ สมให้เขา้ กัน

ต้งั กระทะเทนา้ มัน

นาไข่ลงในกระทะ

ทอดไข่เจยี วตอ่ กลบั ด้านไข่

ไมส่ กุ สกุ หรือไม่
สุก

ตักใส่จานเสริ ฟ์

ส้ินสดุ

44

บตั รภาพ 

เรอื่ ง องค์ประกอบแนวคิดเชงิ คานวณ

?

แนวคดิ การแยกย่อย (Decomposition)

แนวคิดการหารูปแบบ (Pattern Recognition)

45

แนวคดิ เชิงนามธรรม (Abstraction) 

แนวคิดการออกแบบขนั้ ตอนวิธี (Algorithm Design)

46

9. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย ................................. )
................................
ข้อเสนอแนะ
...... .
ลงชอ่ื
(

ตาแหน่ง

10. บนั ทึกผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)

 ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่ีมปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

47


Click to View FlipBook Version