Prepare the mother's
breast for the baby
ก
คำ นำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จัดทำขึ้นเพื่อ
ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาการพยาบาลมารดา ทารก
และการผดุงครรภ์ ๒ ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะ
และเต้านมของมารดา การตรวจความผิดปกติของหัวนม การ
ช่วยเหลือและแก้ไขหัวนมและลานนมที่ผิดปกติ เพื่อให้
นักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น นำเสนอ
ในรูปแบบที่น่าสนใจมีภาพประกอบให้ผู้เรียนได้เห็นภาพจริง
ประกอบการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่
นักศึกษา และผู้สนใจได้ไม่มากก็น้อย
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
คำนำ
สารบัญ ก
Pretest ข
ลักษณะและเต้านมของมารดา 1
การตรวจความผิดปกติของหัวนม 3
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนมและลานนมที่ 8
ผิดปกติ
posttest 12
บรรณานุกรม
ภาคผนวก 38
40
43
Pretest
2
ลักษณะและเต้านม
ของมารดา
4
ลักษณะและเต้านมของมารดา
หัวนมปกติ คือหัวนมที่มีลักษณะยื่นออก
มาจากลานนมปกติ ยาวประมาณ 0.7 - 1
เซนติเมตร
ความผิดปกติของหัวนมและเต้านม
1. หัวนมสั้น (short, retracted or inverted
nipple)
คือ ลักษณะหัวนมที่มีความยาวน้อยกว่า 0.7
เซนติเมตร แต่หากลานนมมีความยืดหยุ่นดี
บุตรสามารถดูดนมมารดาได้ แต่หากลานนม
แข็งตึง ยืดหยุ่นไม่ดีบุตรจะดูดนมลำบาก 2
2. หัวนมใหญ่ (large nipple) คือ หัวนมที่มี
ขนาดใหญ่กว่าปกติทำให้ทารกไม่สามารถ
อมได้ลึกถึงลานนม
5
ลักษณะและเต้านมของมารดา
3. หัวนมแบน (flat nipples) คือ หัวนมที่
มีแบนราบไปกับลานนม หลังการบีบกระตุ้น
หรือดึงหัวนมอาจจะยื่นออกมายาวขึ้นหรือไม่
ยาวขึ้นก็ได้
4. หัวนมบุ๋ม (retracted nipple) คือ
หัวนมที่ส่วนปลายหัวนมผลุบเข้าไปจากการดึง
รั้งของพังผืดจนเห็นเป็นรอยบุ๋ม การบีบกระตุ้น
หรือดึงหัวนมให้ยื่นออกมานั้นทำได้ค่อยข้างยาก
5. หัวนมยาว (long nipples) คือ หัวนม
ที่ยื่นยาวกว่าปกติและมีการพับงอของส่วน
โคน อาจทำให้เกิดปัญหาในการดูดนม
6
ลักษณะและเต้านมของมารดา
6. เจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก (sore or cracked
nipples)
เกิดจากการถูกทำลายของชั้นผิวหนังบริเวณ
หัวนม พบได้ในระยะแรกของการให้นมบุตร โดยมี
อาการนำ คือมารดารู้สึกเจ็บบริเวณหัวนมและมี
ลักษณะเป็นแผลบริเวณหัวนมตามมา ลักษณะอาการ
ที่พบคือ มีอาการปวดที่เกิดการบาดเจ็บบริเวณหัวนม
เกิดแผลมีเลือดออก มีรอยแตก มีลักษณะบวม ห้อ
เลือด ผิวหนังเป็นรอยแดงช้ำ และหัวนมเกิดเป็นแผล
พุพอง ซึ่งมักสัมพันธ์กับการให้นมบุตร
6. เต้านมคัดตึงเต้า (engorged breasts) คือ การมี
น้ำนมปริมาณมากเกินไป ทำให้เต้านมมีลักษณะบวม
แข็ง และเจ็บ การคัดตึงเต้านมเกิดมากขึ้นเมื่อมีการให้
นมบุตรตามกำหนดเวลา เมื่อสตรีมีปัญหาในการให้นม
บุตรหรือถูกแยกจากทารก ซึ่งทำให้เต้านมไม่ได้รับการ
ระบายออก ทำให้เกิดอาการคัดตึงเต้านม
7
ลักษณะและเต้านมของมารดา
8. ท่อน้ำนมอุดตัน (plugged milk duct/ blocked
duct) การที่ท่อน้ำอุดตันเกิดจากการระบายน้ำนมออกจาก
เต้านมบางส่วนไม่ดี เกิดการคั่งของน้ำนมจนอุดตันท่อน้ำนม
ท่อใดท่อหนึ่ง หรือหลาย ๆท่อนํ้นมอาการที่พบคือ จะคลำพบ
ก้อนที่เต้านม กดเจ็บบริเวณที่ท่อน้ำนมอุดตัน ผิวหนังเหนือ
ก้อนแดง ไม่มีไช้อาจมีจุดขาว (white dot) ติดบริเวณหัวนม
ซึ่งเกิดจากน้ำนมขันมากทำให้เศษไขมันอุดตันบริเวณรูเปิด
ของหัวนมส่งผลให้น้ำนมไหลไม่ดี
9. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk) ไม่มีการขยาย
ของเต้านมในช่วง 3-5 วันหลังคลอด ไม่ต่อเนื่องขณะบีบน้ำนม
ในวันที่ 4 หลังคลอด และพบร่วมกับน้ำหนักบุตรลดลงมากกว่า
ร้อยละ 8-10 ของน้ำหนักแรกเกิดหรือน้ำหนักขึ้นช้ (คือเมื่อบุตร
อายุมากกว่า 2 สัปดาห์มีน้ำหนักน้อยกว่าน้ำหนักแรกเกิด หรือน้ำ
หนักขึ้นน้อยกว่า 500 กรัมต่อเดือน) ในวันที่ 4 หลังเกิดทารก
ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 34 ครั้งต่อวัน อุจจาระมีลักษณะเป็นขี้เทา
(mecomiun) ปัสสาวะน้อยกว่า 5-6 ครั้งต่อในวันที่ 5 หลังเกิด
ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม และมีกลิ่นฉุน
การตรวจความผิดปกติ
ของหัวนม
9
การตรวจความผิดปกติของหัวนม
-การตรวจดูขนาดและรูปร่างของเต้านมและหัวนม และ
ความสมดุลของเต้านม ทั้งสองข้าง โดยการคลำ
-เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ (หัวนมสั้น บอด บุ๋ม แบน
หัวนมใหญ่ หัวนมยาว)
-ประเมินหัวนมด้วยการทำวิธี Pinch test
หัวนมสั้น บอด แบน
คำนิยาม : หัวนมที่สั้นกว่า 0.5 cm.
Grade หัวนม (ปกติประมาณ 1 cm)
Grade 0 = บอดสนิทหรือบุ๋ม
Grade 1+ = 0.1-0.3 cm หัวนมสั้น
Grade 2+ = 0.4-0.6 cm หัวนมสัน
Grade 3+ = 0.7-1 cm หัวนมปกติ
9
การตรวจความผิดปกติของหัวนม
Pinch test
-ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ บีบที่
บริเวณลานนมเบาๆ
-ห่างจากหัวนม ประมาณ 1 นิ้ว
-กดนิ้วทั้งสองเข้าหากัน
ถ้าหัวนมบอด หัวนมจะ
บุ๋มลงไปเมื่อทำ
Pinch test
10
การตรวจความผิดปกติของหัวนม
2. การประเมินลานหัวนม เป็นการทดสอบดูความยืดหยุ่นของ
ลานหัวนม เพื่อประเมินว่าทารกสามารถอมลานหัวนมได้
เทคนิคการทดสอบให้ใช้นิ้วขี้และนิ้วหัวแม่มือจับบริเวณลาน
หัวนมแล้วยกขึ้น (areola compression)
- หากลานนมยืดหยุ่นดี บุตรจะสามารถดูดนมมารดาได้
- แต่ถ้าลานนมตึง แข็ง ยืดหยุ่นไม่ดี บุตรจะดูดนมได้
ลําบาก
ผลจากการตรวจ คือ
- ถ้าสามารถยืดตามแรงได้ดี => ยืดหยุ่นดี
- ถ้าลานนมต้านหรือไม่ยืดตามแรงดึง => การยืดหยุ่น
ไม่ดี
ลานนม Areola 5 grade
Grade 0 = ลานหัวนมตึงมาก
Grade 1+ = ลานหัวนมตึงค่อนข้างมาก
Grade 2+ = ลานหัวนมตึงปานกลาง
Grade 3+ = ลานหัวนมนุ่มดี
Grade 4+ = ลานหัวนมเหลว เป็นถุงกาแฟ ดังนันควระมัดระวัง*
เต้านมชนิดนี้อาจทำให้เด็กหายใจไม่ออกเนื่องจากลานนมปิดกัน
จมูก
11
การตรวจความผิดปกติของหัวนม
3. เต้านม ประเมินขนาดและรูปร่างของเต้านม
ทั้งสองข้าง แผลบริเวณเต้านม อาการคัดตึงกด
เจ็บ บวม แดง ร้อน
4. ประเมินว่ามีรอยถลอกหรือรอยแตก
(fissure or crack) บริเวณหัวนมและลาน
นมหรือไม่
การช่วยเหลือและ
แก้ไขหัวนมและลาน
นมที่ผิดปกติ
การแก้ไขปัญหา 13
หัวนมและลานนม
W HO แนะนําว่าไม่จําเป็นต้องแก้ไขหัวนมที่ผิดปกติตั้งแต่ในระยะตั้งครรภ์
ในประเทศไทยยังคงมีนโยบายตรวจทุกรายในไตรมาสแรกและซ้ํ าในไตรมาส 3
มีวิธีแกไขปัญหา 5 วิธี
1.Hoffman’s maneuver
การทำ Hoffman’s Maneuverโดยใช้นิ้วหัวแม่มือของมือทั้งสอง
แตะที่รอยต่อระหว่างหัวนมกับลานหัวนมในด้านตรงข้ามกันของ
หัวนมข้างนั้น
กดนิ้วทั้งสองและรูดแยกห่างกันไปทางข้างๆและตรงๆ
ควรทำซ้ำกันเช่นนี้ในทิศทางต่างกันโดยรอบสัก 2-3 ครั้งหัวนม
จะตั้งขึ้นมาได้
ใช้นิ้วมือจับที่ขั้วหัวนมที่ยื่นออกมานั้นดึงออกตรงๆเบาๆสัก 2-3
ครั้ง
2.การดึงและคลึงหัวนม
จับด้านข้างของหัวนมตรงส่วนที่ติดกับลานนมด้วยนิ้วชี้และนิ้ว
หัวแม่มือ คลึงเบาๆไปมา พร้อมกับจับหัวนมดึงยืดออกมาเล็กน้อย
แล้วปล่อย ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง วันละ 2 ครั้ง
การแก้ไขปัญหา 14
หัวนมและลานนม
3. การใช้ nipple puller
ใช้นิ้วมือคุณแม่บีบกระเปาะยางแล้วไปครอบหัวนม จากนั้นปล่อยนิ้ว
ที่บีบกระเปาะเบาๆ ใช้วิธีนี้ดึงหัวนมบ่อยๆ ทำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ครั้งละ 10 นาที เพื่อให้เกิดแรงดึงดูดและดึงให้หัวนมยื่นออกมา
ข้างละประมาณ 10 นาที
4.การใช้ syringe puller
โดยนำไซริงค์มาดูดบริเวณหัวนม วิธีการคือดึงลูกสูบขึ้นประมาณ
1/3 ของกระบอก แล้วนำด้านที่มีปีกมาครอบหัวนมให้สนิท ดึงลูก
สูบช้าๆ จนเห็นหัวนมยื่นยาวออกมา เพื่อให้เกิดแรงดึงดูดและดึงให้
หัวนมยื่นออกมา ข้างละประมาณ 5-10
5.การใช้ประทุมแก้ว
ใช้ในรายที่ลานหัวนมตึงหรือหัวนมสั้น
แนะนําให้ใส่ในไตรมาส 3
ในช่วงเริ่มต้น ใส่วันละ 2-3 ชม. ไม่ควรใส่นอนตอนกลางคืน เมื่อ
คลอดบุตรแล้วใส่ก่อนให้นมบุตร 30 นาที
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 15
และลานนมที่ผิดปกติ
1.หัวนมสั้น แบน หรือบุ๋ม (short, retracted or
inverted nipple)
1. หัวนมสั้น แบน หรือบุ๋ม (short, retracted or inverted nipple)
ช่วยเหลือ ดังนี้
1. 1 ให้ความมั่นใจว่า บุตรสามารถดูดนมมารดาได้ โดย
อธิบายเกี่ยวกับกลไกการดูดนมและการสร้างน้ำนมและยืนยันว่า
มารดาสามารถให้นมบุตรได้สำเร็จด้วยความตั้งใจและอดทน โดย
ระยะแรกบุตรอาจจะดูดไม่กระชับ ถ้ามารดาอดทนและฝึกให้บุตร
ดูดบ่อย ๆ ภายใน 1-2 สัปดาห์ หัวนมจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ยาว
ขึ้นและบุตรจะดูดได้กระชับขึ้น
1.2 ช่วยจัดท่าการอุ้มบุตรดูดนมอย่างถูกวิธี และเน้นการอม
ให้ลึกถึงลานนม ควรให้ความช่วยเหลือตั้งแต่มื้อแรกที่ให้บุตรดูด
นม ก่อนที่มารดาจะมีอาการคัดตึงเต้านม เพราะหากเต้านมคัดตึง
ลานนมจะแข็งตึงตามไปด้วย ทำให้หัวนมถูกตึงรั้งให้แบนราบมาก
ขึ้นส่งผลให้บุตรดูดลำบากขึ้น
1.3 จัดให้มารดาอยู่ในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย สอนให้มารดา
อุ้มบุตรในท่าต่าง ๆ โดยเฉพาะ football hold และ modified
clutch position
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 16
และลานนมที่ผิดปกติ
1.4 ถ้าบุตรยังดูดไม่ติด หรือยังดูดได้ไม่ลึกพอ หรือดูดหลุด
เป็นระยะ ควรช่วยทำให้หัวนมมารดายาวขึ้น โดยการใช้การกระตุ้น
หัวนม (nipple stimulation) หรือใช้อุปกรณ์ดึงหัวนมก่อนให้ดูด
นม เช่นการใช้ nipple puller หรือ syinge puller ครอบที่หัวนม
เพื่อให้เกิดแรงดูดและดึงหัวนมให้ยื่นยาวออกมา หรืออาจใช้
ประทุมแก้ว (breast shell) โดยจะใส่ประมาณ 30 นาทีก่อนเริ่มให้
หรือระหว่างมื้อของการให้นม ประทุมแก้วจะช่วยนวดลานนมและ
ช่วยให้หัวนมยาวขึ้น และควรหยุดใช้เมื่อลานนมยืดหยุ่นดีแล้ว
ส่วน nipple shield ควรใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้สำหรับมารดาที่มี
ปัญหาหัวนมบอด หรือหัวนมแตกเท่านั้น
1.5 กรณีเต้านมคัดและลานนมตึง ต้องบีบน้ำนมออกก่อน
เพื่อให้เต้านมและลานนมนิ่ม จากนั้นให้มารดาประคองเต้านม และ
บีบขอบนอกของลานนมให้รูปร่างลานนมเล็กลงพอที่เข้าปากบุตร
ได้ง่ายและเต็มปาก
1.6 ถ้าแก้ไขแล้วแต่บุตรยังดูดนมมารดาได้ไม่ดีและบุตรได้
รับน้ำนมไม่เพียงพอ ภายหลังจากบุตรดูดนมจากเต้าเสร็จควรบีบ
น้ำนมมารดาใส่ถ้วยแล้วนำมาป้อนบุตร และต้องเน้นย้ำมารดาว่า
ควรให้นมผสมแก่บุตรก่อนนำบุตรมาดูดนมมารดาเพราะบุตรอาจ
จะอิ่มและไม่ยอมดูดนม
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 17
และลานนมที่ผิดปกติ
2.หัวนมใหญ่ หัวนมยาว
(large nipple, long nipple)
2. หัวนมใหญ่ หัวนมยาว (large nipple, long nipple) ช่วยเหลือ
ดังนี้
2.1 ให้ความมั่นใจว่า บุตรสามารถดูดนมมารดาได้ โดย
อธิบายเกี่ยวกับกลไกการดูดนมและการสร้างน้ำนม และแนะนำ
มารดาว่าหัวนมที่ใหญ่แต่มีความนุ่มและยึดหยุ่นจะสามารถลู่เข้าไป
ตามปากของทารกได้ถ้าอมได้อย่างถูกต้อง
2.2 จัดให้มารดาอยู่ในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย สอนให้มารดา
อุ้มบุตรในท่า footbal hold
2.3 ก่อนให้บุตรดูดนมแนะนำให้มารดาคลึงหัวนม (hipple
Iling) เพื่อให้หัวนมหดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย ประมาณ 2-3
มิลลิเมตร ก่อนให้ทารกดูดนมทุกครั้ง มารดาควรบีบน้ำนมออกมา
เล็กน้อยเพื่อกระตุ้นให้ทารกอ้าปากกว้าง และมีความพยายามอยาก
ดูดมากขึ้น
2.4 กรณีที่หัวนมใหญ่มากแนะนำให้มารดาโน้มตัวมาด้าน
หน้า (leaning over) เหนือปากของทารกขณะกระตุ้นให้ทารกอ้า
ปากกว้างเต็มที่และสอดหัวนมเข้าปากทารก จากนั้นจึงกลับไปท่า
ปกติ
2.5 ฝึกให้มารดาเอาลูกเข้าเต้าซ้ำ ๆ พร้อมกับให้กำลังใจ จน
มารดาสามารถทำได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 18
และลานนมที่ผิดปกติ
3. เต้านมคัดตึง
(engorged breasts)
3. เต้านมคัดตึง (engorged breasts) ช่วยเหลือดังนี้
เต้านมคัดตึงคือ เต้านมขยายใหญ่ ร้อน หนัก แข็งตึง มอง
เห็นหลอดเลือดใต้ผิวหนังชัดเจนมารดาอาจมีไข้ต่ำ ๆ (mik fever)
แต่ไม่นานเกิน 24 ชั่วโมง บางรายอาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองใต้
รักแร้โต เกิดได้ใน 2 ระยะ คือ ระย 2-3 วันแรกหลังคลอด เนื่องจาก
การคั่งของเลือดและน้ำเหลืองและระยะ 3-5 วันหลังคลอดซึ่งเป็น
ระยะที่มีน้ำนมไหลดีทำให้เกิดการคั่งของน้ำนมในต่อมน้ำนม เมื่อมี
อาการเต้านมคัดตึงจะทำให้บริเวณลานนมตึงแข็งและดึงรั้งให้
หัวนมแบนลง ทำให้บุตรดูดนมได้ยากมารดาจะมีอาการเจ็บปวด
เต้านมมาก ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขหรือน้ำนมไม่ได้รับการระบายออก
จากเต้านมการสร้างและการหลั่งน้ำนมจะลดลง น้ำนมไม่ไหล และ
ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เต้านมอักเสบตามสาเหตุ มีน้ำนมมากแต่
ให้บุตรดูดช้า ดูดไม่บ่อย ดูดไม่ถูกวิธี ระยะเวลาในการดูดสั้น มีการ
เสริมนมผสมหรือน้ำในช่วงที่มีน้ำนมมาก มารดาบีบน้ำนมออกไม่
บ่อยพอ หรือบีบไม่เกลี้ยงเต้า
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 18
และลานนมที่ผิดปกติ
3. เต้านมคัดตึง
(engorged breasts)
การประเมินเต้านม
เกรด 1 เต้านมเริ่มตึงตัว ใช้มือบีบน้ำนมไหลซึม
ออกมาได้ดี
เกรด 2 เต้านมตึงตัวมากขึ้น เริ่มมีแผ่นหนาแข็ง
ที่บริเวณเต้า ใช้มือบีบน้ำนมไหลซึมออกมา
เกรด 3 เต้านมตึง มีแผ่นหนาแข็งทั่วทั้งเต้า
รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส ใช้มือบีบน้ำนมไม่ไหล หรือ
ไหลซึมออกมาเล็กน้อย บางรายมีไข้ต่ำ ๆ
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 19
และลานนมที่ผิดปกติ
การป้องกันเต้านมคัดตึง
ถ้าไม่มีข้อห้ามควรให้มารดาและบุตรอยู่ด้วยกันทันทีหลังค
ลอด (rooming in) ให้บุตรดูดนมทันทีหรือดูดภายในครึ่งชั่วโมง
หลังคลอด ดูดบ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง หลังจากน้ำนมไหลดีให้ดูตาม
ความต้องการของบุตรแต่ไม่ควรห่างเกิน 3 ชั่วโมง ดูดอย่างถูกวิธี
โดยให้ดูดทีละข้างจนเต้านมนิ่มจึงสลับเปลี่ยนข้าง ถ้าบุตรไม่
สามารถดูดได้ ต้องบีบน้ำนมออกให้เกลี้ยงเต้าทุก 3 ชั่วโมง
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 20
และลานนมที่ผิดปกติ
การช่วยเหลือเมื่อเต้านมคัดตึง
1. สร้างความมั่นใจและให้กำลังใจแก่มารดาว่าสามารถให้นมบุตร
ได้ พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่ทำให้เต้านมคัดตึง และกลไกการดูด
นมที่ถูกวิธี และแนะนำเทคนิคการผ่อนคลายก่อนและขณะบุตรดูด
นม
2. ช่วยเหลือในการระบายน้ำนมออกจากเต้าดังนี้
2.1 ถ้าบุตรสามารถดูตนมมารดาได้ ให้มารดานวดและบีบ
น้ำนมออกจากเต้านมจนกระทั่งลานนมนิ่มก่อนจะให้บุตรดูดนมทุก
ครั้ง เพื่อช่วยให้บุตรอมหัวนมได้ง่ายขึ้น ช่วยเหลือจัดท่าอุ้มในการ
ให้บุตรดูดนมให้ถูกวิธี แนะนำมารดาให้กระตุ้นบุตรมาดูดนมทุก
23 ชั่วโมง และให้ดูดจนเกลี้ยงเต้าหรือดูดจนเต้านมนิ่ม
2.2 ในกรณีที่มีอาการคัดตึงและเจ็บเต้านมมาก ก่อนให้นม
บุตรควรประคบเต้านมด้วยความร้อนประมาณ 10 นาที หรือให้
มารดาอาบน้ำอุ่นก่อนให้บุตรดูดนม เพื่อให้ผ่อนคลายและส่งเสริม
let-down reflex จากนั้นนวดและบีบน้ำนมออกจากเต้านมจนลาน
นมนิ่ม จึงให้บุตรดูดนม ขณะบุตรดูดนมมารดาอาจนวดเต้านมเบา
ๆ ไปด้วยก็ได้มาได้
2.3 หลังจากบุตรดูดนมอิ่มแล้วอาการคัดตึงเต้านมยังไม่
ทุเลา หรือระหว่างมื้อนมมีอาการคัดตึงเต้านม แนะนำให้มารดาบีบ
น้ำนมออกให้เกลี้ยงเต้าหรือจนเต้านมนิ่ม
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 21
และลานนมที่ผิดปกติ
2.4 กรณีที่บุตรดูดนมมารดาไม่ได้ เช่น บุตรป่วย มารดากับ
บุตรถูกแยกจากกัน มารดาเจ็บเต้านมมากจนให้บุตรดูดไม่ได้
เป็นต้น ให้ประคบเต้านมด้วยความร้อนประมาณ 10 นาที หรืออาบ
น้ำอุ่นก่อนให้บุตรดูดนม จากนั้นนวดเต้านมและบีบน้ำนมออกด้วย
มือจนเต้านมนิ่ม ในกรณีที่ใช้เครื่องปั๊ มควรหลีกเลี่ยงปั๊ มนานเกิน
10 นาที เพราะการใช้เครื่องปั๊ มนานเกิน 10 นาทีอาจทำให้หัวนม
เจ็บแตกและเครื่องก็ไม่สามารถระบายน้ำนมออกได้จนเกลี้ยงเต้า
ต้องอาศัยการบีบน้ำนมด้วยมือร่วมด้วย
2.5 ถ้ามารดามีอาการปวดระบมเต้านมมาก แนะนำให้
ประคบเต้านมด้วยความเย็นนาน 15-20 นาที ระหว่างมื้อนมเพื่อลด
การคั่งของเลือด ลดบวมและลดปวด
2.6 ถ้าอาการปวดไม่ทุเลาให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการ
รักษา
2.7 หลังจากระบายน้ำนมออกแล้วหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน
24 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์ หรือแหล่งให้ความช่วยเหลือ
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 22
และลานนมที่ผิดปกติ
4. เจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก
(sore or cracked nipples)
4. เจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก (sore or cracked nipples)
การเจ็บหัวนมเล็กน้อยขณะเริ่มให้บุตรดูดนมหรือในวันแรก
ๆ ของการดูดนมเป็นอาการปกติ แต่อาการเจ็บหัวนมรุนแรงและ
หัวนมถลอก แตก หรือมีเลือดออกบริเวณหัวนมเป็นอาการผิดปกติ
ส่วนใหญ่เกิดจากมารดาจัดท่าอุ้มบุตรดูดนมไม่ถูกวิธี มารดากอด
บุตรไม่กระชับ ริมฝีปากบุตรม้วนเข้าหากันทำให้บุตรอมได้เฉพาะ
หัวนม นอกจากนี้อาจมีสาเหตุจากการถอนหัวนมจากปากบุตรไม่ถูก
วิธีและมีการติดเชื้อราที่หัวนม
การป้องกันอาการเจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก
จัดท่าอุ้มบุตรดูดนมอย่างถูกวิธี บีบน้ำนมออกมาเล็กน้อย
เพื่อหล่อลื่นหัวนม ให้บุตรอมหัวนม เมื่อบุตรอ้าปากกว้าง กอดลูก
ให้กระชับขณะให้ลูกดูดนม โดยให้คางของลูกชิดเต้านม ถ้ามารดา
รู้สึกเจ็บหัวนมภายหลังบุตรดูดประมาณ 1-2 นาที ให้ถอนหัวนม
ออกและให้บุตรอมหัวนมใหม่
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 23
และลานนมที่ผิดปกติ
4. เจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก
(sore or cracked nipples)
การช่วยเหลือเมื่อมีหัวนมเจ็บหรือหัวนมแตก
1. สร้างความมั่นใจและให้กำลังใจแก่มารดาว่าสามารถให้นม
บุตรได้ พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่ทำให้หัวนมเจ็บแตก และกลไก
การดูดนมที่ถูกวิธี
2. ประเมินสาเหตุของการมีหัวนมเจ็บหรือหัวนมแตกว่าเกิด
จากสาเหตุใด โดยตรวจดูเต้านม หัวนมและลานนม ประเมินท่าอุ้ม
ในการให้นมบุตร ประเมินการดูดนมของบุตร และประเมินว่าบุตร
มีเชื้อราในปากหรือไม่ พร้อมทั้งแก้ไขสาเหตุ
3. กรณีที่หัวนมเจ็บไม่มาก หรือหัวนมแตกไม่ชัดเจน ช่วย
เหลือโดยการปรับท่าอุ้มให้บุตรดูดนมให้ถูกวิธี แนะนำให้บุตรอม
ลึกถึงลานนม พร้อมทั้งประเมินอาการเจ็บหัวนมภายหลังจากปรับ
ท่าอุ้มบุตรดูดนม
4. ถ้ามีอาการคัดตึงเต้านมและลานนมตึง ควรบีบน้ำนม
ออกจากเต้านมและลานนมจนนิ่มก่อนให้บุตรดูดนม ในกรณีที่เจ็บ
หัวนมมากหรือหัวนมแตกชัดเจน ให้บุตรดูดนมข้างที่ไม่เจ็บหรือ
เจ็บ เพราะความเจ็บจะมีผลต่อ let-down reilex และแนะนำให้
เปลี่ยนท่าอุ้มในแต่ละมื้อเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของการกดลานนม
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 24
และลานนมที่ผิดปกติ
4. เจ็บหัวนมหรือหัวนมแตก
(sore or cracked nipples)
การช่วยเหลือเมื่อมีหัวนมเจ็บหรือหัวนมแตก
5. ในกรณีที่เจ็บมากจนให้บุตรดูดนมไม่ได้ หรือมีเลือดออก
ให้งดดูดข้างที่เจ็บไปก่อน (ประมาณ 24-36 ชั่วโมง) พร้อมทั้งบีบ
น้ำนมเต้านั้นออกให้เกลี้ยงเต้าทุกครั้งที่ให้นมบุตร และอาจใช้ปทุม
แก้วครอบหัวนมเอาไว้ในระหว่างมื้อนมเพื่อป้องกันการระคายเคือง
จากการสัมผัสกับเสื้อผ้าระหว่างที่ไม่ได้ให้นมบุตร
6. เมื่อบุตรดูดนมอิ่มแล้ว ถอนปากบุตรออกจากหัวนมอย่าง
ถูกวิธี บีบน้ำนมออกมาเคลือบหัวนม เพื่อให้แผลหายเร็ว รวมทั้ง
เปิดเสื้อทิ้งไว้ให้หัวนมแห้ง
7. หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดหัวนมด้วยสบู่ หรือสารเคมี
ฟอกบริเวณหัวนม หรือใช้ยาทาหัวนม
8. ประคบหัวนมด้วยถุงชาเปียก (wet tea bag) เพราะสาร
tannic จากใบชาช่วยสมานแผลหรืออาจประคบหัวนมด้วยน้ำอุ่น
หรืออาจใช้ hair dryer เป่าลมอุ่นให้ห่างจากหัวนม 6-8 นิ้ว เป่านาน
ประมาณ 2-3 นาทีความร้อนจะช่วยให้มารดาสุขสบายมากขึ้น
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 25
และลานนมที่ผิดปกติ
5. ท่อน้ำนมอุดตัน (plugged milk duct/
blocked duct)
การที่ท่อน้ำอุดตันเกิดจากการระบายน้ำนมออกจากเต้านม
บางส่วนไม่ดี เกิดการคั่งของน้ำนมจนอุดตันท่อน้ำนมท่อใดท่อหนึ่ง
หรือหลาย ๆท่อน้ำนม อาการที่พบคือ จะคลำพบก้อนที่เต้านม กด
เจ็บบริเวณที่ท่อน้ำนมอุดตัน ผิวหนังเหนือก้อนแดง ไม่มีไข้ อาจมี
จุดขาว (White dot) ติดบริเวณหัวนมซึ่งเกิดจากน้ำนมข้นมาก
ทำให้เศษไขมันอุดตันบริเวณรูเปิดของหัวนมส่งผลให้น้ำนมไหลไม่
ดี
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 26
และลานนมที่ผิดปกติ
5. ท่อน้ำนมอุดตัน (plugged milk duct/
blocked duct)
สาเหตุ
มักพบในรายที่มีการสร้างน้ำนมมากหรือมีน้ำนมข้นมาก แต่
บุตรดูดนมไม่เกลี้ยงเต้าดูดนมไม่ถูกวิธี ดูดนมข้างเดียวหรือท่า
เดียว ดูดไม่บ่อยหรือดูดในระยะสั้น ๆ ใส่เสื้อชั้นในรัดแน่นเกินไป
หรืออาจเกิดจากเต้านมใหญ่ หย่อนคล้อย ทำให้ท่อน้ำนมส่วนล่าง
ของเต้านมเกิดการหักพับระบายน้ำนมออกได้ไม่ดี
การป้องกันท่อน้ำนมอุดตัน
ให้บุตรดูดนมทันทีหรือภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอด ดูดบ่อย
ทุก 2-3 ชั่วโมง ดูดอย่างถูกวิธีดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที
ดูดทีละข้างจนเต้านมนิ่มจึงสลับเปลี่ยนข้าง ถ้าบุตรไม่สามารถดูด
ได้ มารดาต้องบีบน้ำนมออกทุก 3 ชั่วโมง และบีบให้เกลี้ยงเต้า ไม่
ควรให้บุตรดูดนมในท่าเดียวแนะนำให้มารดาเปลี่ยนท่ในการให้
บุตรดูดนมในแต่ละครั้ง หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อชั้นในที่คับและรัด
แน่นจนเกินไป
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 27
และลานนมที่ผิดปกติ
5. ท่อน้ำนมอุดตัน (plugged milk duct/
blocked duct)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดท่อน้ำนมอุดตัน
1. ประคบเต้านมด้วยความร้อนก่อนให้บุตรดูดนม เพื่อให้
ผ่อนคลายและส่งเสริม let-down reilex
2. ให้บุตรดูดนมข้างที่มีท่อน้ำนมอุดตันก่อน เพราะการให้
บุตรดูดขณะหิวบุตรจะดูดได้แรง ทำให้น้ำนมออกจากท่อข้างที่อุด
ตันเต็มที่ แต่ถ้ามารดาเจ็บมากอาจเจ็บให้เปลี่ยนไปดูดข้างที่ปกติ
ก่อนเมื่อ let-down reflex ดีแล้ว จึงกลับไปดูดเต้านมข้างที่มี
ปัญหา
3. ให้บุตรดูดนมบ่อย ๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง หรือตามความ
ต้องการของบุตร (แต่ไม่ควรเว้นระยะนานเกิน 3 ชั่วโมง) ให้ดูด
แต่ละเต้านานประมาณ 15-20 นาที พร้อมทั้งนวดบริเวณที่อุดตัน
เบา ๆขณะให้บุตรดูดนมเพื่อช่วยดันก้อนที่อุดตันออกมา
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 28
และลานนมที่ผิดปกติ
5. ท่อน้ำนมอุดตัน (plugged milk duct/
blocked duct)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดท่อน้ำนมอุดตัน
4. จัดทำาให้นมโดยให้คางบุตรชี้ไปบริเวณที่มีท่อน้ำนมอุด
ตันเพื่อให้บุตรใช้ลิ้นรีดน้ำนมบริเวณที่มีการอุดตันออกมาได้ และ
แนะนำเปลี่ยนทำการดูตนมของบุตรทุกมื้อ เพื่อให้น้ำนมถูกชับ
ออกจากเต้านมได้อย่างทั่วถึง
5. หลังบุตรดูดนมอิ่มแล้ว แต่ยังรู้สึกว่ามีน้ำนมเหลืออยู่ในเต้า
นม ให้บีบน้ำนมที่เหลือออกให้เกลี้ยงเต้า เป็นการช่วยระบายน้ำนม
6. สวมเสื้อชั้นในที่มีขนาดพอดีกับเต้านม ไม่รัดแน่นจนเกิน
ไป สายบ่ากว้าง เพื่อลดแรงกดบริเวณเต้านม หลีกเลี่ยงเสื้อชั้นใน
แบบมีโครงเหล็กเพราะจะกดท่อน้ำนมทำให้หักพับ
7. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง อาจพิจารณารักษาด้วย
คลื่นความถี่สูง (uitrasound)โดยใช้ความถี่ 2 วัตต์ต่อตาราง
เซนติเมตร นาน 5 นาที โดยปกติการรักษาด้วยคลื่นความถี่สูง
เพียงครั้งเดียวก็จะทำให้ท่อน้ำนมที่อุดตันดีขึ้น และการรักษาท่อ
น้ำนมอุดตันด้วยคลื่นความถี่สูงมากกว่า 2 ครั้งไม่ได้ช่วยให้อาการ
ดีขึ้นกว่ารักษาครั้งเดียว (Newman & Pitman, 2006) หลังจาก
รักษาด้วยคลื่นความถี่สูงแล้วหากมารดาไม่สามารถระบายน้ำนม
ออกจากเต้านมได้จนเกลี้ยงเต้าทุกครั้งหลังบุตรดูดนมอาการท่อ
น้ำนมอุดตันก็จะกลับมาอีก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องแนะนำ
มารด่าให้ทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันและแก้ไขเมื่อเกิดท่อ
น้ำนมอุดตัน
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 29
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
ในระยะ 1-3 วันแรกหลังคลอดน้ำนมมารดายังสร้างได้ใน
ปริมาณเล็กน้อยซึ่งถือเป็นภาวะปกติโดยเฉพาะในมารดาครรภ์แรก
น้ำนมจะมาสร้างช้กว่าครรภ์หลัง แต่มารดาส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด
คิดว่าตนเองมีน้ำนมไม่เพียงพอต่อความต้องการของบุตร ประกอบ
กับมารดาเหล่านี้มักมีบุตรที่ร้องกวนหิวนมบ่อย ดูดแต่ละครั้งนาน
เกิน 30 นาที เต้านมนุ่ม ไม่ใหญ่ขึ้น และบีบน้ำนมได้น้อย จึงทำให้
มารดาไม่มั่นใจว่าน้ำนมตนเองจะเพียงพอต่อความต้องการของ
บุตร
ส่วนมารดาที่มีปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอจากการสร้างน้ำนมจริง ๆ
พบได้น้อยมาก ซึ่งลักษณะที่บ่งชี้ว่ามีน้ำนมไม่เพียงพอ คือ ไม่มีการ
ขยายของเต้านมในช่วง 3-5 วันหลังคลอด ไม่ต่อเนื่องขณะบีบ
น้ำนมในวันที่ 4 หลังคลอด และพบร่วมกับน้ำหนักบุตรลดลง
มากกว่าร้อยละ 8-10 ของน้ำหนักแรกเกิดหรือน้ำหนักขึ้นช้ (คือ
เมื่อบุตรอายุมากกว่า 2 สัปดาห์มีน้ำหนักน้อยกว่าน้ำหนักแรกเกิด
หรือน้ำหนักขึ้นน้อยกว่า 500 กรัมต่อเดือน) ในวันที่ 4 หลังเกิด
ทารกถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 34 ครั้งต่อวัน อุจจาระมีลักษณะเป็น
ขี้เทา (mecomiun) ปัสสาวะน้อยกว่า 5-6 ครั้งต่อในวันที่ 5 หลัง
เกิด ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม และมีกลิ่นฉุน
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 30
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
สาเหตุ
เกิดจากให้บุตรดูดนมครั้งแรกช้ำ ไม่ได้ดูดบ่อย ดูดไม่
สม่ำเสมอทั้งกลางวันและกลางคืน ดูดไม่ถูกวิธี ทำให้น้ำและอาหาร
อื่น มารดาขาดความมั่นใจ กังวล เครียด อ่อนเพลีย ไม่อยากให้บุตร
ดูดนมมารดามีภาวะทุพโภชนาการรุนแรง รับประทานยาเม็ดคุม
กำเนิด มารดาดื่มเหล้าและสูบบุรี่ บุตรป่วยหรือมีความพิการ
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 31
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การป้องกันปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
1. ให้ความมั่นใจว่ามารดามีน้ำนมเพียงพอต่อความต้องการของ
บุตร โดยอธิบายเกี่ยวกับ
กลไกการดูดนมและการสร้างน้ำนม อธิบายถึงปริมาณน้ำนมที่ทารก
ต้องการในแต่ละระยะ และยืนยันว่ามารดาจะสามารถให้นมบุตรได้
สำเร็จด้วยความตั้งใจและอดทน
2. กระตุ้นให้บุตรดูดนมทันทีหรือดูดภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอด
ดูดบ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง
ดูดอย่างถูกวิธี ดูดนานอย่างน้อยข้างละ 15-20 นาที ดูดให้เกลี้ยง
เต้า และหลีกเลี่ยงการให้นมผสมหรือน้ำแก่บุตร รวมถึงการให้บุตร
ดูดจุกยาง
3. ถ้าบุตรไม่สามารถดูดนมมารดาได้ ให้มารดาบีบน้ำนมให้เร็ว
ที่สุด บีบทุก 3 ชั่วโมง และ
บีบให้เกลี้ยงเต้า
4. เมื่อมารดากลับบ้าน แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทาน
อาหารให้ครบถ้วน และ
หลีกเลี่ยงความวิตกกังวลเพื่อส่งเสริมการสร้างและการหลั่งน้ำนม
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 32
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
1. ประเมินปริมาณน้ำนมมารดาและประเมินว่าการได้รับน้ำนมของ
บุตร พร้อมทั้งหาสาเหตุที่น้ำนมไม่เพียงพอ และอธิบายให้มารดา
เข้าใจและมั่นใจว่ามารดาสามารถมีน้ำนมอย่างเพียงพอ
2. กรณีที่มีน้ำนมเพียงพอ ให้ความมั่นใจว่ามารดามีน้ำนมเพียงพอ
ต่อความต้องการของบุตรโดยอธิบายเกี่ยวกับกลไกการดูดนมและ
การสร้างน้ำนม อธิบายสาเหตุที่ทำให้มารดาเข้าใจผิดคิดว่าบุตรได้
รับนมไม่เพียงพอ พร้อมทั้งยืนยันว่ามารดาจะสามารถให้นมบุตรได้
สำเร็จด้วยความตั้งใจและอดทน
3. อธิบายลักษณะที่แสดงว่ามารดามีน้ำนมเพียงพอสำหรับบุตร
ได้แก่ เต้านมคัดตึงแต่ไม่เจ็บหลังให้บุตรดูดนมเต้านมนิ่มลง ขณะ
บุตรดูดนมมารดาเต้าหนึ่งอีกเต้าหนึ่งมีน้ำนมไหล (let down
reflex) ขณะบุตรดูดนมได้ยินเสียงกลืนนมเป็นจังหวะ เมื่อบุตรอิ่ม
จะหยุดดูคนมและคายหัวนมออกจากปากหรือหลับคาหัวนม เป็นต้น
4. แนะนำการให้นมบุตรตามหลัก 4 ดูด คือ ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดนม
ถูกวิธี ดูดให้เกลี้ยงเต้าและแนะนำให้มาดาเพิ่มจำนวนและระยะเวลา
ในการให้บุตรดูดนม พร้อมทั้งเน้นให้มารดาว่ายิ่งบุตรดูดนมออก
จากเต้านมมากเท่าใด การสร้างและหลั่งน้ำนมจะมากเท่านั้น และให้
บุตรดูดนมมารดาอย่างเดียวไม่ให้น้ำหรืออาหารอื่นจนกว่าบุตรจะ
อายุครบ 6 เดือน
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 33
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
5. ตรวจสอบท่าอุ้มให้บุตรดูดนม และวิธีการอมหัวนมของบุตร และ
ติดตามดูน้ำหนักบุตรเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มารดากังวล
มาก ๆ
6. ส่งเสริมให้มารดาทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลาย ฟังเพลงหรือ
ดนตรีที่ชอบ รวมทั้งนวดเต้านมเพื่อส่งเสริม let-down reflex
7. แนะนำให้ให้มารดารับประทานอาหารอย่างเพียงพอทั้งปริมาณ
และคุณภาพ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8- 10 แก้ว และพักผ่อนอย่าง
เต็มที่
8. ติดตามประเมินว่ามารดามีน้ำนมเพียงพอสำหรับบุตร โดย
ประเมินจาก เต้านมมารดาคัดตึงแต่ไม่เจ็บ หลังให้บุตรดูดนมเต้า
นมนิ่มลง ขณะบุตรดูดนมเต้าหนึ่งอีกเต้าหนึ่งมีน้ำนมไหล
(letdown reflex ได้ยินเสียงกลืนนมเป็นจังหวะขณะบุตรดูดนม
เมื่อบุตรอิ่มจะหยุดดูดนมและคายหัวนมออกจากปากหรือหลับคา
หัวนม เป็นต้น
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 34
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
9. ติดตามประเมินว่าบุตรได้รับน้ำนมเพียงพอ โดยประเมินดังนี้
9.1 ความถี่ในการดูดนมและระยะเวลาในการดูดนม ทารกแรก
เกิดสัปดาห์แรกจะดูดนม 8-12 ครั้งต่อวัน หลังจากอายุ 1 สัปดาห์จะ
ดูดนม 7-9 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาในการดูดแต่ละครั้งประมาณ 15-
20 นาที ขึ้นอยู่กับมารดาและบุตรแต่ละราย
9.2 ปัสสาวะ ทารกปกติจะปัสสาวะอย่างน้อย 1-2 ครั้งใน 24-
48 ชั่วโมงแรก และ 3-4 ครั้งในวันที่สามและสี่ และตั้งแต่วันที่ 5 ไป
จนถึง 3 สัปดาห์จะปัสสาวะอย่างน้อย 68 ครั้งต่อวัน ลักษณะปัสสาวะ
จะมีมีสีใสหรือเหลืองจาง ถ้าปัสสาวะน้อยลงหรือมีสีเหลืองเข้มขึ้น
หรือมีผลึกของยูเรตสีแดงให้เห็นแสดงว่าได้น้ำนมไม่เพียงพอ
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 35
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
9.3 อุจจาระ ทารกปกติจะถ่ายขี้เทาหมดไปภายในวันที่ 3
หลังคลอด (ซึ่งตรงกับวันที่น้ำนมเริ่มสร้างพอดี) หลังจากนั้นอุจจาระ
จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวปนเหลือง ใน 24-48 ชั่วโมงแรก
หลังเกิดจะถ่ายอุจจาระอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อวัน หลังจากวันที่สาม
เป็นต้นไปจะถ่ายอุจจาระอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
9.4 น้ำหนัก โดยทั่วไปอาจพบทารกน้ำหนักลดในระยะ 7 วัน
แรกหลังเกิดประมาณร้อยละ 5-7 (แต่ไม่ควรเกินร้อยละ 10) จากนั้น
น้ำหนักจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนกลับมาเท่ากับน้ำหนักแรกเกิดเมื่ออายุ
ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อน้ำหนักกลับมาเท่ากับเมื่อแรกเกิดแล้ว
น้ำหนักจะขึ้นโดยเฉลี่ย 15-40 กรัมต่อวัน
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 36
และลานนมที่ผิดปกติ
6. น้ำนมไม่เพียงพอ (inadequate milk)
การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาน้ำนมไม่เพียงพอ
10. ถ้าน้ำนมมีไม่เพียงพอและน้ำหนักบุตรลดมาก อาจจำเป็น
ต้องใช้ lact-aid nursing โดยการให้นมผสมขณะบุตรดูดนม
มารดา เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนม ซึ่งอุปกรณ์นี้จะช่วยให้บุตรดูคน
มมารดานานขึ้น
11. ในกรณีที่ทำทุกอย่างถูกต้อง (ท่าอุ้มดูดนม จำนวนครั้งใน
การให้นม ระยะเวลาในการดูดเต้าละ 15-20 นาที) ทารกไม่มีภาวะ
เจ็บป่วย ไม่มีภาวะลิ้นติด แต่น้ำนมยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจ
พิจารณาให้ยาช่วยเพิ่มการสร้างน้ำนม (galactagogue) ซึ่งยาที่
นิยมใช้คือ domperidone ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มการหลั่ง
prolactin ขนาดที่ให้คือ 10 มิลลิกรัม รับประทาน 1 เม็ด
วันละ 3-4 ครั้ง
การช่วยเหลือและแก้ไขหัวนม 37
และลานนมที่ผิดปกติ
ข้อควรระวังการแก้ไขปัญหาหัวนมผิดปกติ
1. Hoffman’s manneuver , nipple puller , syringe puller
เป็นการดึงหัวนมที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูก
และคลอดก่อนกําหนดได้
2.หากมีการหดรัดตัวของมดลูกให้หยุดทํา ไม่แนนําให้ทําให้สตรีมี
ประวัติ preterm /มีความเสี่ยง preterm labor
3.การใช้ nipple puller , syringe puller หากทําผิดเทคนิคอาจทํา
ให้หัวนมแตกได
posttest
39
Post test
บรรณานุกรม
41
บรรณานุกรม
กาญจนา นะรมรัมย์ และนิตยา โรจนนิรันดร์กิจ. (2561). ผลของ
แนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกสำหรับ ป้องกันและลด
ภาวะหัวนมแตกต่ออาการเจ็บหัวนมและหัวนมแตกใน
มารดาที่ให้นมบุตร หอผู้ป่วยสูติ กรรมโรงพยาบาล
รามาธิบดี. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 32(3), 52-66
ดาริน โต๊ะกานิ และศิริพันธุ์ ศิริพันธุ์. (2556). ทักษะทางการ
พยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์. (พิมพ์ครั้งเเรก).
กรุงเทพฯ : บริษัทวิทยพัฒน์ จำกัด
ปิยรัตน์ จีนาพันธุ์, อัจฉรา มีนาสันติรักษ์, จตุพร เพิ่มพรสกุล และ
ลมัย แสงเพ็ง. (2561). ผลของนวัตกรรมการ สร้างหัวนมต่อ
ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาหลังคลอดที่
มีหัวนมสั้น. วารสาร พยาบาลทหารบก, 19(3), 185-194 ปิยะ
นุช ชูโต. (2563). การพยาบาลและการผดุงครรภ์: สตรีใน
ระยะคลอดและหลังคลอด. (พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่ : ร้าน
เอ็น.พี.ที. ปริ้นติ้ง (NPT Printing)
วรรณรัตน์ ตงเจริญยานนท์ และคณะ. (2556). การพยาบาล
สูติศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 1). นนทบุรี : บริษัท ยุทธรินทร์ การ
พิมพ์ จำกัด
ศศิธารา น่วมภา, พรนภา ตั้งสุขสันต์, วาสนา จิติมา และกันยรักษ์
เงยเจริญ. (2563). การนวดเต้านมเพื่อ ส่งเสริมและแก้ไข
ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ : การปฏิบัติการพยาบาลตาม
หลักฐานเชิงประจักษ์. วารสารวิทยาศาสตร์การพยาบาล,
38(3), 4-21
42
บรรณานุกรม
วรรณิภา เวียงคํา. เอกสารประกอบการเรียนวิชาการ พยาบาลมารดา
ทารกและการผดุงครรภ์ 2. การตรวจเต้านม. นักศึกษา
พยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2565.
ดลฤดี เพชรขว้าง. เอกสารประกอบการเรียนวิชาการ พยาบาลมารดา
ทารกและการผดุงครรภ์ 2. การเตรียมตัวเลี้ยงทารกด้วยนม
มารดา. นักศึกษา พยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2565.
ภาคผนวก
ตัวอย่าง
นวัตรกรรม
เต้านมคัดตึง
หัวนมบอด