The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกกรรมสภานักเรียน โรงเรียนศรีแก้งคร้อ

คู่มือสภานักเรียนโรงเรียนศรีแก้งคร้อ

1

2

คำนำ

คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกรรมสภานักเรียน โรงเรียนศรีแก้งคร้อ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบและ
แนวทางการปฏบิ ัตงิ านกจิ กรรมสภานักเรียนสำหรับผเู้ กยี่ วขอ้ ง จะไดน้ ำความร้ไู ปใช้ได้อยา่ งเหมาะสม

คมู่ อื แนวทางการปฏิบัตงิ านกจิ กรรมสภานักเรียน โรงเรียนศรแี กง้ คร้อ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วน
ที่ 1 บทนำ และสว่ นท่ี 2 แนวทางการดำเนนิ กิจกรรม

ขอขอบคุณคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ร่วมจัดทำคู่มือแนวทางการปฏิบัติงาน
กิจกรรม สภานักเรียนโรงเรียนศรีแก้งคร้อ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หวังว่าคู่มือเล่มนีจ้ ะเป็นกรอบแนวทางใน
การดำเนินกิจกรรมสภานักเรียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี

โรงเรยี นศรแี ก้งคร้อ

สว่ นที่ 1

บทนำ

หลกั การและเหตุผล

เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง หากได้รับโอกาสในการพัฒนาความสามารถอย่างเต็ม
ศกั ยภาพ ยอ่ มเป็นกำลังสำคญั ในการสบื ทอดความเป็นชาติ สามารถพฒั นาประเทศใหเ้ จริญก้าวหน้า เทียบเท่า
นานาอารยประเทศ เด็กและเยาวชนจงึ เปน็ ความหวงั ในการจรรโลง ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ภูมิปัญญา
วัฒนธรรม และการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใหอ้ ยคู่ สู่ ังคมไทยสืบไป

ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน โรงเรียนศรีแก้งคร้อ จึงได้ขับเคลื่อนการ
ดำเนินงานกิจกรรมสภานักเรียน เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้ในการส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้
นกั เรียนไดเ้ รียนรบู้ ทบาทหนา้ ทคี่ วามเป็นพลเมอื งและวถิ ีประชาธิปไตย อนั ได้แก่ คารวธรรม สามคั คธี รรม และ
ปัญญาธรรม รวมท้งั หลกั ธรรมาภิบาล การมจี ติ อาสาและพัฒนาตนเองอย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ และคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์ตามหลักสูตร รวมถึงค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการดงั น้ี

1. มีความรักชาติศาสนา พระมหากษตั ริย์
2. ซอ่ื สตั ยเ์ สียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งทดี่ งี ามเพือ่ ส่วนรวม
3. กตญั ญูต่อพ่อแมผ่ ปู้ กครอง ครอู าจารย์
4. ใฝ่หาความรหู้ มัน่ ศกึ ษาเลา่ เรยี นทง้ั ทางตรง และทางอ้อม
5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอันงดงาม
6. มีศลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์หวงั ดีตอ่ ผอู้ ่ืน เผ่ือแผ่และแบง่ ปนั
7. เขา้ ใจเรียนรกู้ ารเปน็ ประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ ท่ถี ูกตอ้ ง
8. มีระเบยี บวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยรูจ้ กั เคารพผใู้ หญ่
9. มีสตริ ้ตู วั ร้คู ิด รทู้ ำ ร้ปู ฏิบตั ิตามพระราชดำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ฯ
10. รจู้ กั ดำรงตนอยโู่ ดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวฯ รู้จักอดออมไวใ้ ช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ถ้าเหลอื กแ็ จกจา่ ยจำหนา่ ย และพร้อมท่จี ะ
ขยาย กิจการเม่ือมีความพร้อม มีภมู ิค้มุ กนั ที่ดี
11. มคี วามเขม้ แขง็ ทง้ั ร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ตอ่ อำนาจฝ่ายตำ่ หรอื กิเลส มคี วามละอายเกรง
กลวั ต่อบาปตามหลักศาสนา
12. คำนึงถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง

ในการดำเนินงาน เพื่อปลูกฝังกิจกรรมสภานักเรียนให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยให้เป็นไปใน
รูปแบบ หรือทิศทางที่เหมาะสม โรงเรียนศรีแก้งคร้อ จึงได้กำหนดมาตรการและแนวทางในการดำเนินงาน
กิจกรรม สภานกั เรียนไว้ดังน้ี

2

มาตรการ
1. ใหส้ ถานศกึ ษาดำเนินงานส่งเสรมิ กิจกรรมสภานกั เรยี น เพือ่ เสริมสรา้ งผูเ้ รียนใหม้ ีคณุ ลกั ษณะอันพึง

ประสงค์และคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ
2. ใหส้ ถานศึกษาสง่ เสรมิ สนบั สนนุ สภานักเรียนไดม้ โี อกาสมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมอย่างต่อเน่อื ง
3. ให้สถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน สภานักเรียนสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชมุ ชน องค์กร ด้วย

วธิ ีการท่ีหลากหลาย
4. ให้สถานศกึ ษา นเิ ทศ กำกบั ติดตาม ประเมินผล การดำเนินงานสภานักเรียนอยา่ งต่อเนื่อง

แนวทางการดำเนินงานตามมาตรการ
1. สถานศึกษาดำเนินการจัดตัง้ สภานกั เรยี นในสถานศกึ ษา 1 สภา
2. สถานศึกษาจัดทำระเบียบ / ข้อบังคับ / ธรรมนูญ ว่าด้วยสภานักเรียน และคู่มือแนวทางการ

ดำเนินงานกจิ กรรมสภานักเรยี นของสถานศึกษา
3. สถานศึกษาต้องบรู ณาการกจิ กรรมสภานกั เรียน ให้สอดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรียนรู้ ทกุ กลุ่มสาระ

การ เรียนรู้
4. สถานศกึ ษาต้องสง่ เสรมิ สนบั สนุน และวางแผนการดำเนนิ งานรว่ มกับสภานกั เรยี นอย่างเป็นระบบ

และมีประสิทธภิ าพ
5. สถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน กิจกรรมสภานักเรียน ตามวิถีประชาธิปไตย หลักธรรมาภิบาล ให้

สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ การอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม นำเข้าสูป่ ระชาคมอาเซยี นและความเปน็ พลโลก

6. สถานศึกษาพิจารณารับนักเรียนที่ปฏิบัติกิจกรรมด้านสภานักเรียนที่มีผลงานเชิงประจักษ์ เข้า
ศึกษา ตอ่ ในระดบั ชั้นท่ีสงู ข้นึ ตามสัดส่วนหรือจำนวนทเ่ี หมาะสม

โรงเรียนศรีแก้งคร้อ ได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของการพัฒนานักเรียนผ่านกิจกรรมสภานักเรียน
เพื่อให้เกิดประสบการณ์โดยเฉพาะอย่างยิง่ การบูรณาการกจิ กรรมสภานักเรียนเข้ากับการเรียนรู้ในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้ต่างๆ ของสถานศึกษาให้เกิดผลตามเงื่อนไขความสำเร็จที่กำหนด โดยมีการดำเนินการส่งเสริม
สนับสนุน เพื่อผลักดันให้สถานศึกษาได้จัดกจิ กรรมสภานกั เรียนในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับเป้าหมายและ
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้โรงเรียนศรีแก้งคร้อ จึงได้จัดทำคู่มือการจัดกิจกรรมสภานักเรียนขึ้น เพื่อให้ผู้รับผิดชอบ
งานสภานักเรียน ผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่สนใจได้นำไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง กับสภา
นกั เรียนต่อไป

3

วัตถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื ใหส้ ถานศึกษา มีแนวทางในการดำเนนิ งานสภานกั เรียนที่ครอบคลุมภารกิจ
2. เพื่อให้ผู้รับผดิ ชอบงานสภานักเรียน สามารถจัดกิจกรรมสภานักเรียนได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและ

ประสิทธผิ ล
3. เพือ่ ใหส้ ภานักเรียนสามารถดำเนินกจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม

ขอบข่ายเนอื้ หา
เอกสารคมู่ อื แนวทางการปฏิบตั ิงานกิจกรรมสภานักเรยี นกำหนดขอบข่ายเนอื้ หาสาระท่สี ำคัญไว้ดงั น้ี
1. ท่มี าสภานกั เรียน
2. โครงสรา้ งสภานักเรียน
3. รูปแบบการประชมุ สภานักเรียน
4. เครือขา่ ยและการมีส่วนรว่ ม
5. การบรู ณาการการเรยี นรู้
6. การเสนอโครงการ
7. การประเมนิ กจิ กรรมสภานักเรียน

ผลที่คาดวา่ จะไดร้ บั
1. สถานศึกษา สามารถดำเนนิ งานสภานกั เรียนทค่ี รอบคลุมภารกิจ
2. ผู้รับผิดชอบงานสภานักเรียน สามารถจัดกิจกรรมสภานักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและ

ประสทิ ธผิ ล
3. สภานักเรียนสามารถดำเนินกิจกรรมไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม

4

สว่ นที่ 2
แนวทางการดำเนนิ กิจกรรมสภานกั เรียน

การดำเนินกจิ กรรมสภานกั เรียนไดก้ ำหนดรูปแบบและแนวทางเพื่อนำไปสูก่ ารปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ครอบคลมุ ภารกิจงานสภานักเรียนตามกิจกรรม ดังน้ี

กจิ กรรมที่ 1 ทมี่ าสภานักเรียน

กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานไดก้ ำหนดนโยบายและจุดเน้น
ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนใหม้ คี ณุ ธรรมนำความรู้ ส่งเสริมความเป็นประชาธปิ ไตย ดังนน้ั การพัฒนาผู้เรียน
โดยการส่งเสริมกิจกรรมสภานักเรียน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถตอบสนองการส่งเสริมความเป็น
ประชาธปิ ไตย เพ่ือสรา้ งความตระหนกั และความสำนกึ ด้านประชาธิปไตย โดยสภานักเรียนเป็นกจิ กรรมหน่ึงท่ี
ปลูกฝังวถิ ีประชาธิปไตยใหน้ ักเรยี นทุกคน ได้เรียนรู้รว่ มกจิ กรรม มีการสง่ เสรมิ กจิ กรรมการเลือกตงั้ รวมถึงเป็น
กลไกสำคัญในการฝึกให้นกั เรียนเห็นคุณค่าของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข มีแนวทางการดำเนนิ งานเพื่อใหไ้ ด้มาซง่ึ สภานักเรยี น ดังน้ี

วธิ กี ารและข้นั ตอนการดำเนนิ งาน

การไดม้ าซ่งึ สภานกั เรียนของแต่ละโรงเรียนนั้น จะต้องเปน็ ไปตามระเบียบ / ขอ้ บังคับ / ธรรมนูญว่า
ด้วย สภานักเรียนของแต่ละโรงเรียนจะต้องกำหนดรูปแบบหรือองค์ประกอบของสภานักเรียนไวเ้ ช่น สมาชิก
สภา นักเรียนที่ได้มาจากการดำเนินการเลือกตั้งในระดับโรงเรียน อาจจะเลือกตั้งแบบเป็นทีม หรือเป็น
รายบุคคล ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานสภานักเรียนมีการกำหนดตำแหน่ง จำนวนคณะกรรมการ
บทบาทหน้าที่ และคณุ สมบัตติ า่ งๆ ของผูท้ ่ีจะเข้ามาทำหนา้ ท่ีในสภานกั เรยี น

สำหรับที่มาของสภานักเรียน โรงเรียนควรมีการดำเนินงานโดยเริ่มจากการแต่งตัง้ คณะครูที่ปรึกษา
กิจกรรมสภานักเรียนของโรงเรียน เพื่อศึกษาหาความรูว้ างแผนการดำเนินงานศึกษาแนวทางการดำเนนิ งาน
สภานักเรียนจัดทำระเบียบ / ข้อบังคับ / ธรรมนูญของโรงเรียน ว่าด้วยสภานักเรียนโดยคณะครูที่ปรึกษา
สนับสนุนให้มกี ารตงั้ พรรค / กล่มุ เพ่อื ส่งเสริมกิจกรรมเลอื กตงั้ สภานักเรียน โรงเรยี นมีการดำเนนิ การรับสมัคร
ตัวแทนสภานักเรียน เปิดโอกาสให้มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้แทนนักเรียนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภา
นักเรียน ดำเนินการเลือกต้ังผู้แทนนักเรียนโดยเปดิ โอกาสให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนเข้ามามสี ่วนร่วมมกี าร
นับคะแนนตลอดจนประกาศผล การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และสุดท้ายโรงเรียนต้องออกคำสั่งแต่งต้ัง
คณะกรรมการสภานกั เรยี น

5

แนวทางการประเมนิ ทม่ี าสภานกั เรยี น

1. ตรวจสอบการกำหนดระเบียบ / ข้อบังคับ / ธรรมนูญของโรงเรียนว่าด้วยสภานักเรียนให้มีความ
เหมาะสมตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และสอดคล้องกับรูปแบบการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. สังเกตการณ์ การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งของนักเรียน และการ
ดำเนินการเลอื กต้งั สภานักเรยี น

การสรปุ และรายงานผล

1. ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม
2. ปรบั ปรุงแก้ไขในกรณที ่ไี มเ่ ปน็ ไปตามแนวทางทีเ่ หมาะสม
3. เสนอผบู้ รหิ ารสถานศึกษาทราบและลงนาม

กิจกรรมท่ี 2 โครงสร้างสภานักเรยี น

บทบาทหน้าทีข่ องสภานักเรียนเป็นผู้นำในการปฏิบัติกจิ กรรมในโรงเรียนท่ีเป็นประโยชนต์ ่อนักเรียน
และส่วนรวม รวมถึงเป็นกลไกสำคัญให้นักเรียนเห็นคุณค่าของระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ประกอบกับโรงเรยี นได้มี ระเบยี บ/ขอ้ บังคบั /ธรรมนูญว่าด้วยสภานักเรียนไว้
ตามบรบิ ทของแต่ละโรงเรยี น ดงั นัน้ ในการจัดโครงสรา้ งสภานักเรียน จงึ ควรพจิ ารณาจากกรอบภาระงานและ
ควรกำหนดโครงสรา้ งสภานกั เรยี น ดงั น้ี

วิธีการและขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน

โดยทั่วไปโครงสร้างและรูปแบบของสภานักเรียนแต่ละโรงเรียนจะประกอบด้วยสมาชิกในสภา
นักเรียน สองลักษณะคือ สมาชิกสภานักเรียนที่ได้มาจากการดำเนินการเลือกตั้งในระดับโรงเรียน อาจจะ
เลือกตั้งแบบ เป็นทีมหรือเป็นรายบคุ คล ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานสภานักเรียน และคณะกรรมการ
ที่มาจากการ เลือกตั้งในระดับชั้นเรียน เพื่อเป็นตัวแทนของนกั เรียนเข้ารว่ มเป็นคณะกรรมการสภานักเรียน
ด้วย ขนาดและ จำนวนของสมาชกิ สภานกั เรยี นนัน้ ให้เป็นไปตามระเบียบ / ขอ้ บงั คบั / ธรรมนูญของโรงเรยี น

หากโรงเรียนเห็นสมควรที่จะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานกิจกรรมสภา
นักเรียน โรงเรียนอาจจะกำหนดให้สภานักเรียนมีคณะอนุกรรมการฝ่ายต่างๆ ที่สอดคล้องกับโครงสร้าง แต่
ทงั้ น้ีตอ้ งมีการกำหนดจำนวน บทบาทหน้าท่ี ของคณะอนุกรรมการนัน้ ไว้ในระเบียบ / ข้อบังคบั / ธรรมนูญว่า
ด้วยสภานักเรียนด้วย

แนวทางการประเมนิ โครงสร้างสภานกั เรยี น

1. ตรวจสอบการกำหนดโครงสรา้ งใหค้ รบถ้วนตามตัวอยา่ งรูปแบบกำหนดโครงสรา้ งสภานักเรียน
2. มกี ารมอบหมายงานของสภานกั เรียนให้คณะกรรมการฝา่ ยต่างๆ

6

การสรุปและรายงานผล
1. ตรวจสอบความถูกต้อง
2. ปรบั ปรุงแกไ้ ขในกรณีท่ีไม่เป็นไปตามแนวทางทเ่ี หมาะสม
3. เสนอผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาทราบและลงนาม

กจิ กรรมที่ 3 รูปแบบการประชมุ สภานกั เรยี น

รูปแบบและการกำหนดระเบยี บวาระการประชุม

คำว่า “ระเบยี บวาระ” หมายความว่าลำดบั รายการท่กี ำหนดไว้เสนอที่ประชมุ (พจนานุกรมฉบบั
ราชบัณฑิตยสถาน 2542: 674) คำคำนี้จึงใช้สำหรบั การประชมุ โดยเฉพาะ บางหน่วยงานใช้คำว่า“ วาระ”
ซึ่งอาจเพราะเห็นว่าเป็นคำสั้นๆ แต่คำนี้ควรใช้เฉพาะในภาษาพูดเท่านั้น ไม่ควรใช้ในรายงานการประชุม
เพราะมิไดม้ ีความหมายเกย่ี วกบั การประชมุ แต่อย่างใด

ระเบียบวาระการประชุมมคี วามสำคัญหลายประการ กล่าวคือ ทำให้ผู้เข้าประชมุ ทราบขอบเขตของ
การประชุมและทราบประเด็นล่วงหน้าสามารถเตรียมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อเสนอที่ประชุม หากไม่เข้า
ประชุม ควรมอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ เข้าประชุมแทน นอกจากนั้นยังเป็นการจัดระเบียบการ
ประชุมให้ ดำเนินไปตามลำดับ ป้องกันการพูดข้ามระเบียบวาระหรืออภิปรายนอกเรื่อง ประธานสามารถ
จัดแบ่งเวลาให้ เหมาะสมกับระเบียบวาระต่างๆ หากไม่มีระเบียบวาระชัดเจน อาจมีการอภิปรายมากเกิน
จำเป็น ทำให้ไม่ สามารถประชมุ ใหแ้ ลว้ เสร็จตามกำหนดเวลาได้

การประชุมเป็นกิจกรรมที่ทำให้บุคลากรในองค์กรเกิดความเข้าใจที่ตรงกันได้รวบรวมความคิดเห็น
วิธีการ แก้ปัญหาต่างๆ จากสมาชิกอย่างทั่วถึงสมาชิกผู้ร่วมประชุมต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตน ทั้งผู้ทำหน้าที่
ประธาน ต้องสามารถใช้เทคนิคในการนำและควบคุมการประชุมเพือ่ ให้ ผู้เข้าประชุมมีการแลกเปลี่ยนความ
คดิ เห็น มกี ารเสนอความคดิ ที่ทำให้เกดิ การยอมรบั และเป็นประโยชน์ต่อองค์กร

1. การจดั รปู แบบโตะ๊ ประชมุ

1. 1 โต๊ะประชุมของคณะกรรมการสภานักเรยี น กบั โตะ๊ ครทู ี่ปรึกษา / ผูเ้ ข้ารว่ มประชมุ ตอ้ ง
แยกออกจากกนั

1. 2 ตอ้ งมีปา้ ยช่อื -สกลุ ตำแหน่งของคณะกรรมการสภานกั เรยี น / ครทู ป่ี รึกษา
1. 3 การจดั โตะ๊ ประชุม เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสะดวกในการนงั่ ประชุมและเพ่ือใหผ้ เู้ ข้ารว่ มประชมุ
ทุกคนสามารถมองเหน็ ท้ังประธาน รองประธานและเลขานุการ รวมถึงผู้เข้าร่วมประชมุ การจัดโต๊ะประชุมมี
หลายรูปแบบ แบบการจดั ประชุมทเ่ี ปน็ ทีน่ ิยมใชม้ ี 9 แบบดังน้ี

แบบท่ี 1 จัดแบบตวั อกั ษรไอในภาษาองั กฤษ (I)
แบบท่ี 2 จัดแบบตวั อกั ษรยใู นภาษาองั กฤษ (U)
แบบท่ี 3 จัดแบบตัวอักษรทีในภาษาอังกฤษ (T)
แบบที่ 4 จดั แบบตัวอกั ษรโอในภาษาองั กฤษ (0)

7

แบบที่ 5 จดั แบบเกือกม้า
แบบที่ 6 จดั แบบรูปครง่ึ วงกลม
แบบที่ 7 จดั แบบรปู สี่เหลยี่ ม
แบบที่ 8 จัดแบบชนั้ เรยี น
แบบที่ 9 จัดแบบออดิทอเลยี่ ม (โรงภาพยนตร)์
2. รปู แบบและการกำหนดระเบียบวาระการประชุม
2. 1 รปู แบบการประชมุ ที่เปน็ ทางการได้กำหนดระเบยี บวาระไวด้ งั น้ี
ระเบียบวาระที่ 1 เร่ืองประธานแจ้งทป่ี ระชมุ ทราบ

1. 1.................................
1. 2.................................

ฯลฯ
ระเบยี บวาระท่ี 2 เรอ่ื งรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ .../....

2. 1...................................
2. 2...................................

ฯลฯ
ระเบยี บวาระท่ี 3 เร่อื งเสนอท่ปี ระชมุ ทราบ

3. 1....................................
3. 2.....................................

ฯลฯ
ระเบยี บวาระที่ 4 เรอื่ งเสนอที่ประชุมพิจารณา

4. 1....................................
4. 2...................................

ฯลฯ
ระเบียบวาระท่ี 5 เรอ่ื งอ่นื ๆ (ถา้ มี)

5. 1...................................
5. 2...................................

ฯลฯ
2. 2 รปู แบบทไ่ี ม่เป็นทางการ ทีป่ ระชมุ อาจกำหนดรปู แบบง่ายๆ โดยไม่ตอ้ งมีระเบียบวาระ
ครบถ้วน ในการประชุมที่ไม่เป็นทางการหรือการประชุมกลุ่มย่อย (หัวข้อการประชมุ เพียงแต่เรียงลำดับ1-2-
3-4-5)
2. 3 รูปแบบที่หน่วยงานกำหนดบางหน่วยงานอาจกำหนดรูปแบบเฉพาะ เชน่ เพิ่ม
ระเบยี บวาระ “เรอื่ งทกั ท้วง” ในกรณีท่เี ป็นเรือ่ งพจิ ารณาตามปกติประจำทุกคร้ัง ไม่ตอ้ งมีการอภปิ ราย หากไม่
มกี ารทกั ท้วงก็ถือวา่ เหน็ ชอบ ท้ังน้ี เพอื่ ประหยัดเวลา ในการประชุม
3. ข้นั ตอนการดำเนนิ การประชุม
3. 1 ระเบยี บวาระท่ี 1 เร่ืองที่ประธานแจ้งทปี่ ระชมุ ทราบ

8

เม่ือประธานกล่าวเปิดประชมุ แล้วหากไม่มเี รื่องแจ้งเพ่ือทราบกเ็ ขียนวา่ “ ไม่มี” ระเบียบวาระ
ท่ี 1 น้ี ไมต่ อ้ งมีการ“ ลงมติ” เพราะไมใ่ ช่เรือ่ งพิจารณาแตอ่ าจมี“ ข้อสังเกต” ได้ ระเบียบวาระนี้ จะลงทา้ ยวา่
“ที่ประชุมรับทราบ” ที่ประชุมบางแห่งใช้คำว่า “เรื่องแจ้งเพื่อทราบ” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าผู้ใดแจ้ง บางแห่งนำ
ระเบยี บวาระท่ี 3 มารวมด้วย คือกรรมการต่างๆ แจ้งหรือรายงานทป่ี ระชุมด้วย ซ่ึงอาจทำใหส้ ับสน ฉะนั้นหาก
เปน็ การประชุมท่ีสำคัญควรแยกระเบยี บวาระที่ 1 ให้ประธานเป็นผแู้ จ้ง

3. 2 ระเบียบวาระท่ี 2 เร่อื งการรับรองรายงานการประชุม
ประธานจะเปน็ ผูเ้ สนอใหท้ ีป่ ระชุมพิจารณารายงานการประชุมคร้ังท่ผี า่ นมา หรอื ประธาน
มอบหมายให้เลขานุการแจ้งให้ที่ประชุมทราบ โดยอาจให้พิจารณาทีละหน้า ในกรณีที่มิได้แจกล่วงหน้า
หรือรวบยอดท้ังฉบับในกรณีทีแ่ จกล่วงหน้าแล้ว หากมีผู้เสนอแก้ไข เลขานุการจะต้องบันทึกข้อความท่ีแก้ไข
ใหม่อย่างละเอียด และขอ้ ความใหม่จะต้องปรากฏในรายงานการประชุมครั้งใหม่ด้วย ระเบียบวาระนีจ้ ะลงทา้ ย
ว่า “ที่ประชุมพิจารณาแลว้ รับรองรายงานการประชมุ ครั้งที่..........โดยไมม่ ีการแก้ไข (หรือมีการแก้ไข)” การ
รับรองรายงานการประชุม อาจทำได้ 3 วธิ ี

1) รบั รองในการประชุมครัง้ นนั้ ใช้สำหรับกรณเี รอื่ งเร่งดว่ นใหป้ ระธานหรือ
เลขานกุ ารของที่ประชุม อา่ นสรปุ มติให้ทป่ี ระชมุ พิจารณารับรอง

2) รับรองในการประชุมคร้ังต่อไป ประธานหรอื เลขานุการเสนอรายงาน การ
ประชุมครง้ั ท่แี ล้ว มาให้ท่ปี ระชมุ พจิ ารณารับรอง

3) รับรองโดยการแจง้ เวยี น ใช้ในกรณีที่ไมม่ ีการประชมุ ครง้ั ตอ่ ไป หรอื มีแต่ยัง
กำหนดเวลาประชุมครั้งต่อไปไม่ได้หรือ มีระยะเวลาห่างจากการประชุมครั้งนั้นนานมาก ให้เลขานุการส่ง
รายงานการประชุมไปให้บคุ คลในคณะกรรมการพจิ ารณารบั รอง ภายในระยะเวลาท่ีกำหนด

3. 3 ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเสนอทปี่ ระชุมทราบ
บางแห่งใช้คำวา่ “ เรอื่ งสืบเนอ่ื ง” คือสบื เน่อื งจากการประชมุ ครั้งทแ่ี ล้ว เป็นการ

รายงานผลการปฏิบตั งิ านท่ีไดร้ บั มอบหมายในการประชุมครั้งก่อนๆ แต่การใช้คำว่า “เรอ่ื งสบื เน่ือง” อาจทำ
ให้เกดิ ความผดิ พลาดโดยมีการนำเรื่องทเ่ี ลอ่ื นจากการพิจารณาคร้ังก่อนมาพิจารณาและลงมตใิ นระเบียบวาระ
นี้ทำใหส้ ับสนกับระเบยี บวาระท่ี 4 ซ่ึงเป็นเรอื่ งพิจารณาโดยเฉพาะในการประชมุ ส่วนใหญ่ ระเบยี บวาระท่ี 3
เปน็ เรื่องทผ่ี เู้ ขา้ ประชุมจะรายงานผลงานหรือเรือ่ งราวสำคญั ในหนว่ ยงานของตน ทปี่ ระชมุ เพียงแต“่
รับทราบ” หรอื “มขี อ้ สงั เกต” เชน่ เดยี วกบั ระเบียบวาระที่ 1

3. 4 ระเบยี บวาระท่ี 4 เรือ่ งเสนอท่ีประชุมพจิ ารณา
ระเบยี บวาระนีเ้ ป็นหวั ใจของการประชมุ เลขานกุ ารจะตอ้ งส่งข้อมลู ประกอบการ

พิจารณาให้คณะกรรมการได้ศกึ ษาล่วงหน้า หากข้อมูลมากจะต้องสรุปสาระสำคัญให้คณะกรรมการอ่านดว้ ย
หวั ขอ้ ตา่ งๆ ทีจ่ ะนำมาพิจารณาจะต้องตั้งชอื่ เร่อื งให้กระชับ ชัดเจนทุกเรือ่ ง เมือ่ ผูเ้ ก่ยี วข้องอ่านก็จะทราบทันที
ว่าเปน็ เรอ่ื งใด ทำใหป้ ระหยดั เวลาอา่ นและในที่ประชมุ ก็อภิปรายได้ตรงประเดน็ ระเบยี บวาระที่ 4 เป็นเรื่องที่
เสนอท่ีประชุมพิจารณา และจะลงท้ายด้วยมติที่ประชุม เช่น “ที่ประชุมมีมติอนุมัติ ตามเสนอ” หรือ
“ทีป่ ระชุมพิจารณาแล้วมีมตดิ งั นี้ 1. 2. 3.” หรือทป่ี ระชมุ มีมติเหน็ ชอบมตทิ ่ีประชมุ จะต้องกระชบั หรือชัดเจน
ว่า อนุมัติหรือไม่ มอบหมายใหใ้ ครทำอะไร ให้แล้วเสรจ็ เมือ่ ไร อย่างไร เปน็ ตน้

9

3. 5 ระเบยี บวาระที่ 5 เร่อื งอื่นๆ (ถา้ ม)ี
ระเบยี บวาระนีอ้ าจจะเปน็ เรอื่ งเร่งดว่ นที่มไิ ดแ้ จ้งล่วงหน้า มไิ ด้บรรจุไวใ้ นระเบยี บวาระที่

4 ประธานอาจนำมาพิจารณาในระเบียบวาระที่ 5 หรืออาจเป็นเรื่องเสนอเพิ่มเติมทีไ่ ม่มีการลงมตกิ ็ได้ภาษา
พูดเรียกวา่ “ วาระจร”

4. การรายงานผลการประชมุ
4. 1 ความหมายของรายงานการประชมุ
คำว่า“ รายงานการประชุม” เป็นคำนาม หมายความวา่ รายละเอยี ดหรอื สาระของ

การประชุมท่ีจดไวเ้ ปน็ ทางการ (พจนานุกรมฉบบั ราชบัญฑิตยสถาน 2542: 953)
4. 2 ความสำคญั ของรายงานการประชุม
รายงานการประชุมเป็นรายงานประเภทหน่ึงท่ีมีความสำคญั อย่างยง่ิ สรุปได้ดังนี้
1) เปน็ องคป์ ระกอบของการประชมุ การประชุมอย่างเปน็ ทางการจะมอี งค์ประกอบ 8

ประการ ได้แก่ 1) ประธาน 2) องค์ประชุม 3) เลขานุการ 4) ญัตติ 5) ระเบียบวาระการประชุม 6) มติ
7) รายงานการประชุมและ 8) หนังสอื เชิญประชุม

2) เป็นหลักฐานการปฏบิ ัติงาน การปฏิบตั ิงานในองคก์ รใดๆ ก็ตาม ยอ่ มมีการประชุม
เพ่อื รายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน แลกเปล่ยี นความคิดเห็น กำหนดนโยบาย พิจารณาข้อเสนอ ฯลฯ รายงานการ
ประชุมจะเป็นหลักฐานสำคญั ทีแ่ สดงผลการปฏบิ ตั ิงาน หรือกิจการของหน่วยงานที่ผา่ นมา เพื่อเป็นหลกั ฐาน
ขององคก์ รตอ่ ไป

3) เปน็ เครอ่ื งมือตดิ ตามงานรายงาน การประชุมท่ีมกี ารบนั ทกึ มติไวอ้ ย่างชัดเจน จะเป็น
หลักฐานสำคัญให้เลขานุการหรือผู้ได้รับมอบหมายได้ติดตามงานตามมติที่ประชุม การประชุมส่วนใหญ่จะมี
ระเบียบวาระ “เรอ่ื งที่เสนอใหท้ ป่ี ระชุมทราบ” ซ่ึงผู้ปฏบิ ตั ิ จะรายงานผลหรือความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน
ตามมตทิ ป่ี ระชุมครง้ั กอ่ น ทง้ั น้ี จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่องค์กรใหส้ ามารถเรง่ รดั พัฒนางานอย่างเตม็ ที่

4) เป็นหลักฐานอ้างองิ รายงานการประชมุ ทม่ี กี ารรบั รองจากทปี่ ระชุมแลว้ ถือเปน็
เอกสารท่ีใช้อ้างองิ ได้ตามกฎหมาย หากมปี ัญหาหรือความขัดแย้งในทางปฏิบัติ สามารถใชม้ ติการประชุมเพ่ือ
ยุติขอ้ ขัดแย้งได้หรือหากมปี ญั หาทางกฎหมาย เช่น บุคคลหรือหน่วยงานปฏิบตั งิ านไมเ่ ป็นไปตามมติ กส็ ามารถ
ใช้รายงานการประชุม เปน็ หลักฐานสว่ นหนึง่ ในการดำเนินการตามกฎหมายได้

5) เปน็ ขอ้ มูลขา่ วสาร เลขานุการจะสง่ รายงานการประชุมใหผ้ เู้ ข้าประชุมไดร้ บั ทราบ
ข้อมูลหรือทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในการประชุมครั้งก่อนเพื่อให้ต่อเนื่องกับการประชุมครั้งต่อไป
นอกจากน้ันยังเปน็ ประโยชน์สำหรบั ผูไ้ มม่ าประชมุ ได้ศกึ ษาขอ้ มลู และรบั ทราบมติทีป่ ระชมุ ด้วย

การเขยี นรายงานการประชุมมรี ายละเอยี ดดังน้ี
1. รายงานการประชุม ใหล้ งชื่อคณะทปี่ ระชุมหรอื ช่อื การประชมุ น้นั เชน่ รายงานการประชมุ
คณะกรรมการ ............
2. ครง้ั ท่ี........ให้ลงคร้งั ท่ีประชมุ เปน็ รายปี โดยเร่มิ คร้ังแรกจากเลข 1 เรียงเป็นลำดับไปจน
สิน้ ปปี ฏิทนิ ทบั เลขปีพุทธศกั ราชท่ปี ระชุม เม่ือขนึ้ ปปี ฏทิ ินใหม่ใหเ้ รม่ิ ครัง้ ท่ี 1 ใหม่เรยี งไปตามลำดับเช่นครัง้ ที่
1/2565
3. เมอ่ื .......ใหล้ งวัน เดอื น ปี และเวลาทปี่ ระชมุ โดยลงวนั ท่ีพรอ้ มตัวเลขของวนั ท่ี ชื่อเต็ม

10

ของเดือนตัวเลขของปีพุทธศักราช และเวลาที่ประชุม เช่น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 เวลา 10. 00 น.
เปน็ ต้น

4. ณ........ใหล้ งช่อื สถานทท่ี ีป่ ระชุม
5. ผู้มาประชุม ให้ลงช่ือและหรอื ตำแหนง่ ของผู้ไดร้ บั แต่งตั้งเป็นคณะท่ปี ระชมุ ซึง่ เข้าประชุม
ในกรณีท่ีมีผเู้ ขา้ ประชมุ แทนใหล้ งช่อื ผูเ้ ข้าประชุมแทนและลงวา่ เข้าประชุมแทนผ้ใู ดหรือตำแหน่งใด
6. ผู้ไมม่ าประชุม ใหล้ งชอ่ื และหรอื ตำแหนง่ ของผทู้ ี่ได้รบั การแต่งตั้งเปน็ คณะที่ประชมุ ซ่ึง
มิไดเ้ ขา้ ประชุมพรอ้ มท้งั เหตผุ ล (ถ้าม)ี
7. ผู้เข้าร่วมประชุม ใหล้ งชื่อและหรอื ตำแหน่งของผูท้ ี่มไิ ด้รับการแต่งตั้งเปน็ คณะทป่ี ระชุม
ซงึ่ ไดเ้ ขา้ รว่ มประชมุ (ถา้ ม)ี
8. เร่ิมประชุมเวลาให้ลงเวลา ท่เี ริม่ ประชุม
9. ขอ้ ความ ให้บันทึกข้อความทป่ี ระชมุ โดยปกตใิ ห้เรมิ่ ตน้ ดว้ ยประธานกล่าวเปิดประชุม
และเรื่องที่ประชมุ กบั มตหิ รือข้อสรปุ ของทป่ี ระชุมในแตล่ ะเร่ืองตามลำดับประกอบด้วยหวั ขอ้ ดังนี้

9. 1 เร่ืองที่ประธานแจ้งทป่ี ระชมุ ทราบ
9. 2 เรื่องรับรองรายงานการประชมุ คร้งั ทผี่ ่านมา
9. 3 เรื่องท่ีเสนอให้ทีป่ ระชมุ ทราบ
9. 4 เรอ่ื งที่เสนอใหท้ ่ีประชุมพิจารณา
9. 5 เรื่องอื่นๆ
10. เลิกประชมุ เวลาให้ลงเวลาท่เี ลกิ ประชมุ
11. ผู้บันทึกการประชมุ ให้ลงช่ือผบู้ นั ทกึ การประชมุ ครง้ั นน้ั (ควรพิมพช์ อ่ื เตม็ และนามสกุล
ไว้ใต้ลายมือช่อื ในรายงานการประชุมครัง้ นัน้ )
12. ผู้ตรวจรายงานการประชุม ให้ลงชอื่ ผตู้ รวจรายงานการประชมุ (ควรพมิ พ์ชื่อเต็มและ
นามสกลุ ไว้ใต้ลายมอื ชื่อในรายงานการประชมุ ครั้งนัน้ ด้วย)
5. แนวการประเมินรูปแบบการประชุมคณะกรรมการสภานกั เรยี น
การประเมินรูปแบบประชุมสภานักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียนจะต้องดำเนินการตาม
ขน้ั ตอนและกระบวนการ ดังน้ี
5.1 ก่อนดำเนนิ การประชุม
1) การจัดเตรียมสถานท่ปี ระชมุ
2) การจัดเตรียมระเบียบวาระการประชมุ / เอกสารทเ่ี ก่ียวข้อง
3) การเชิญผู้เกย่ี วข้องเขา้ ร่วมประชุม
5. 2 ระหวา่ งดำเนนิ การประชุม
1) ถ้ามโี ต๊ะหมบู่ ูชาสภานักเรยี นควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร
2) ถ้าไมม่ ีโตะ๊ หมูบ่ ชู าสภานักเรียนควรปฏิบตั ิอยา่ งไร
3) การทำหน้าท่ีของประธานสภานกั เรยี น
4) การทำหนา้ ที่ของเลขานกุ าร
5) การทำหน้าท่ีของสมาชกิ

11

6) การเริ่มตน้ การประชุม ประธานตรวจสอบความพร้อมและองค์ประชมุ เปดิ การ
ประชุมโดยเริ่มต้นในระเบียบวาระที่ 1 หรือเกริ่นนำแล้วมอบให้รองประธาน หรือกรณีประธานไม่อยู่ในที่
ประชมุ ใหเ้ ลอื กผทู้ ท่ี ำหน้าที่เปน็ ประธาน ในคร้งั นเ้ี พอื่ ดำเนินการประชุมตามวาระการประชมุ

7) ระเบยี บวาระท่ี 2 ประธานจะดำเนินการเอง หรอื มอบหมายให้เปน็ หน้าทขี่ อง
เลขานุการเป็นคนดำเนินการกไ็ ด้แตใ่ นขั้นตอนที่ให้ที่ประชุมพิจารณาแล้วรับรองรายงานการประชมุ ตอ้ งเป็น
หนา้ ทข่ี องประธาน

8) ประธานหรือผู้ที่ทำหน้าที่ประธาน ดำเนนิ การประชมุ ตามระเบียบวาระการ
ประชมุ ที่กำหนด

9) การจดบันทึกการประชุม เปน็ หน้าท่ขี องเลขานกุ าร / ผชู้ ่วยเลขานกุ ารโดยตรง
ให้สงั เกตวา่ สมาชิกมกี ารจดบันทกึ การประชมุ หรือไมห่ ากไม่จด ควรเสนอแนะใหส้ มาชิกจดบันทึก เพื่อเป็นการ
ทบทวนบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองหรอื งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย

10) ประธานควบคุมการประชมุ ใหด้ ำเนนิ ไปตามวาระการประชุม ต้องสามารถ
สรุปประเด็นจากการประชมุ และหยดุ ขอ้ โตแ้ ย้งในทีป่ ระชมุ และที่สำคัญทกุ คร้งั ท่ีมกี ารลงมติในท่ีประชุม ต้อง
เป็นบทบาทของประธานเท่านัน้ เรื่องบางเรอื่ งไม่จำเป็นตอ้ งลงมติก็ได้ หากสมาชิกในทปี่ ระชุมทุกคนเห็นชอบ
เมอื่ มีขอ้ ขัดแยง้ จงึ ขอมตใิ นทีป่ ระชุม

11) สมาชกิ แสดงความคิดเห็น ตอ้ งเคารพสทิ ธแ์ิ ละให้เกียรติในท่ีประชมุ โดยการยก
มอื ประธานอนุญาตให้พดู จึงพูดได้ แนะนำตวั ตำแหน่งแล้วจงึ พดู

5.3 การลงมตใิ นทป่ี ระชมุ เป็นบทบาทหน้าทขี่ องประธานต้องดำเนินการดังน้ี
1) ประธานเปดิ โอกาสใหส้ มาชกิ ทุกคนได้อภิปรายเสนอความคดิ เห็นโดยเสมอภาค

ตามประเดน็ ที่เสนอในทปี่ ระชมุ
2) ประธานสรปุ ประเดน็ วา่ ใครเสนออะไรในทีป่ ระชุม แล้วจงึ ถามความเหน็ ในท่ี

ประชุมและสรุปผลเป็นเรอ่ื งๆ ไปในคราวเดียวกนั
5. 4 เมอื่ จบการประชุม
1) เมื่อประธานสอบถามความคิดเหน็ ประเด็นอ่นื ๆในท่ีประชมุ เพิม่ เติมก่อน

มอบหมายเลขานุการสรปุ รายงานการประชมุ ปดิ การประชมุ
2) เมือ่ จบการประชมุ แล้ว ตอ้ งปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนลกั ษณะเดียวกบั การเรม่ิ ตน้ การ

ประชมุ
3) นำรายงานการประชุมเสนอผู้บรหิ ารสถานศึกษาเพ่อื โปรดทราบและพจิ ารณา

โดยผ่านครทู ี่ปรกึ ษา
4) จัดเอกสารรายงานการประชมุ เพือ่ นำเสนอใหท้ ่ปี ระชุมรับรองรายงานการ

ประชุมในการประชมุ คณะกรรมการสภานักเรยี นครง้ั ตอ่ ไป

12

กิจกรรมท่ี 4 เครอื ข่ายสภานักเรยี นและการมสี ่วนรว่ ม
การมีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยสภานักเรียน หมายถึง การที่สภานักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วมในการ

ประชุมการวางแผน การเสนอแนะ การจดั ทำโครงการ การบรหิ าร การจดั การการจดั หางบประมาณ ตลอดจน
การร่วมมือปฏบิ ตั ิงานหรือดำเนินงาน ร่วมกับหนว่ ยงานหรือองคก์ รต่างๆ

วิธีการและข้นั ตอนการดำเนนิ งาน
1. สภานักเรียนโดยประธานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนสภานักเรียน เข้าประชุมร่วมกับ

ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา / ครู-อาจารย์ / หนว่ ยงาน / องคก์ รที่เกย่ี วขอ้ งกบั โครงการ / กิจกรรม
2. สภานักเรียนจัดประชุมคณะกรรมการเพื่อเสนอกิจกรรม / โครงการเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ

สภานกั เรียน (เปน็ โครงการ / กิจกรรมทีเ่ สนอโดยคณะกรรมการสภานกั เรียนเองหรือผ่านมาทางผู้บรหิ าร ครู /
หน่วยงานและองคก์ รต่างๆ)

3. สภานักเรียนกำหนดแผนงาน / โครงการ / กิจกรรม / ปฏทิ ินและขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน
4. สภานักเรียนเสนอโครงการ / กิจกรรม / ปฏิทินและขั้นตอนวิธีการดำเนินงานต่อผู้บริหาร
สถานศึกษาเพอ่ื พจิ ารณา
5. สภานกั เรยี นมอบหมายงานแบ่งหนา้ ท่ีในการดำเนินงานประสานงาน
6. สภานกั เรยี นปฏบิ ัติงานตามแผนงาน / ปฏิทินร่วมกบั บุคลากรองค์กรหน่วยงานทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
7. ประเมนิ สรุปรายงานผลการดำเนนิ งาน

ตัวอยา่ งเอกสารการสรา้ งเครอื ข่าย
1. หนังสือจากผู้บริหารสถานศึกษา / ครู-อาจารย์ / หนว่ ยงานท้องถน่ิ / หน่วยงานภาครฐั และเอกชน

(ขอความร่วมมอื จัดทำโครงการ“ ฟน้ื ฟูสายใยรกั เพอื่ สร้างโลก”)
2. ระเบยี บวาระการประชุม
3. แผนงาน / โครงการ / กิจกรรม / ปฏทิ นิ / ขัน้ ตอนการปฏบิ ัตงิ าน
4. คำสง่ั แต่งตง้ั คณะทำงาน
5. การดำเนนิ งานตามแผนงาน
6. บันทกึ ข้อตกลงความร่วมมอื (MOU)
7. ประเมนิ สรปุ ผลการดำเนินงาน

ตัวอยา่ งกิจกรรมสภานกั เรยี นรู้คิดมจี ติ อาสา
1. สภานกั เรยี นเข้าร่วมประชุมกับบุคลากร / หน่วยงาน / องคก์ รทเี่ ก่ียวขอ้ งกับกิจกรรม
2. สภานักเรียนจัดประชุมสมาชิกเสนอเรื่องของการพัฒนานกั เรียนในโรงเรียนใหร้ ู้จักคิด มีจิตอาสา

เช่น การมมี ารยาท การรักษาวัฒนธรรมไทย / ทอ้ งถน่ิ การมสี ติในการใช้เคร่ืองมือสอ่ื สารตา่ งๆ รวมทั้งการ
ปลูกฝงั ให้นกั เรยี นมีจิตอาสา (ทีป่ ระชุมเห็นชอบ และขอรับคำแนะนำจากครทู ีป่ รึกษาสภานกั เรยี น)

3. คณะกรรมการสภานักเรียนจัดทำโครงการ ขอความเห็นชอบจากครูท่ีปรกึ ษาเพอื่ นำเสนอต่อ
ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาพจิ ารณา

13

4. ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาเห็นชอบโครงการและแต่งตัง้ ครทู ี่ปรึกษาร่วมดำเนินการกบั สภานกั เรยี น
(งบประมาณมี 3 สว่ นคือ 1. โรงเรียนสนบั สนนุ 2. สภานกั เรียนขอความร่วมมือกบั ผู้ปกครอง 3. ขอรบั การ
สนบั สนนุ จากองค์กรหน่วยงานตา่ งๆ)

5. สภานักเรียนนำเสนอโครงการ / ประสานความรว่ มมือ / ขอรับการสนับสนนุ จากเพ่อื นๆใน
โรงเรียน ผปู้ กครอง / ครู / องค์กรหน่วยงานตา่ งๆ

6. ดำเนินงานตามแผน
7. ประเมนิ / สรุปรายงานผลการดำเนินงาน

แนวทางการประเมินเครอื ข่ายสภานักเรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม
1. ตรวจสอบความครอบคลุม เพียงพอ ในการนำเสนอเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
2. ตรวจสอบเอกสารโครงการ / กจิ กรรมบันทกึ การประชุม คำส่ังแตง่ ต้ังคณะกรรมการ และเอกสาร
มอบหมายงานหรือเอกสารอน่ื ๆ ท่ีบง่ บอกถึงรายละเอียดท่เี ก่ียวข้อง ดงั เช่น
• ภาพถา่ ย บันทึกความเขา้ ใจ บนั ทึกความร่วมมือ หนังสอื ติดตอ่ ประสานงาน หนงั สอื ขอ

ความรว่ มมือ หนงั สอื แจ้งอ่นื ๆ
• การแลกเปล่ยี นขอ้ มูล และความคิดเห็นในการพัฒนาเครือขา่ ยแนวทางการดำเนินความ

รว่ มมอื ระหวา่ งเครือข่ายอยา่ งเปน็ ระบบ

การสรปุ และรายงาน
1. ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมในการนำเสนอข้อมลู
2. ตรวจสอบความครบ

การบริหารจัดการการจดั การเรียนรบู้ ูรณาการสาระการเรียนรู้ของสภานกั เรยี น
การบริหารจัดการการจัดการเรียนรู้บูรณาการสาระการเรียนรู้ของสภานักเรียนให้ประสบผลสำเร็จ

ระดบั โรงเรยี น ควรดำเนินการ ดงั นี้

แนวปฏบิ ตั ิระดบั สถานศกึ ษา
1) กำหนดเป็นนโยบายและจดั ทำแผนปฏิบตั กิ ารของสถานศึกษาในการดำเนินงานการจดั การเรียนรู้

บูรณาการสาระการเรียนรขู้ องสภานักเรียน
2) สร้างความเข้าใจร่วมกันทั้งโรงเรียน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยการประชุม อบรม จัดค่ายและ

ประชาสมั พนั ธ์ในดา้ นต่างๆ
3) ศึกษาบริบทของสถานศกึ ษาทกุ ดา้ น เช่น วิสัยทศั น์ พันธกิจ และเป้าหมายของสถานศกึ ษา จำนวน

ครู จำนวนนักเรียน ห้องเรียนห้องปฏิบัติการห้องสมุด ห้อง ICT ระบบอินเตอร์เน็ต เครื่องมือ อุปกรณ์ ส่ิง
อำนวยความสะดวกส่อื แหล่งเรียนรู้ ฯลฯ ที่จำเปน็ ต้องใชใ้ นการสนับสนนุ การจัดการเรียนรบู้ รู ณาการสาระการ
เรยี นรู้ของสภานกั เรยี น

4) จัดทำสารสนเทศเก่ยี วกบั สภาพและบรบิ ทของสถานศึกษาให้สมบูรณ์ในปัจจุบนั และเปน็ ขอ้ มูล

14

พรอ้ มที่จะนำไปใช้ในการพฒั นาผ้เู รียน
5) สนบั สนนุ งบประมาณ เคร่อื งมอื อุปกรณ์ ส่อื วสั ดุ และสงิ่ อ านวยความสะดวกต่างๆ
6) สรา้ งความรว่ มมอื และใช้ประโยชน์จากแหลง่ เรียนรู้ภายนอกโรงเรียนตามบรบิ ทและสภาพของ

โรงเรยี น
7) จดั ซอ้ื จดั หา และซ่อมแซมส่ิงต่างๆ ทจ่ี ะใช้ในการสนบั สนุนการจัดการเรียนรบู้ รู ณาการสาระการ

เรียนร้ขู องสภานักเรยี นใหอ้ ยู่ในสภาพพร้อมใช้อย่เู สมอ
8) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้ครูแต่ละระดับชน้ั จัดการเรยี นรบู้ ูรณาการสาระการเรยี นรูข้ องสภานักเรยี น
9) จัดตารางเรียนทเ่ี อื้อต่อการจัดการเรียนรู้บูรณาการสาระการเรียนรูข้ องสภานกั เรียน
10) จัดบรรยากาศ และแหลง่ เรียนรใู้ หเ้ ออื้ ต่อการจัดการเรียนรูบ้ รู ณาการสาระการเรียนร้ขู องสภา

นกั เรยี น
11) ส่งเสริมให้ครใู ชว้ ธิ กี ารวดั และประเมินผลตามสภาพจรงิ และใชว้ ิธีทหี่ ลากหลาย
12) นเิ ทศ กำกบั ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรยี นรบู้ รู ณาการสาระการเรียนรขู้ องสภา

นักเรยี น สะทอ้ นผลการจัดกิจกรรมรว่ มกัน และปรบั ปรงุ พัฒนาใหม้ ปี ระสิทธิภาพอยูเ่ สมอ

แนวปฏิบัติระดับช้นั เรยี น
1) ครูแต่ละระดับชน้ั ศึกษาและทำความเขา้ ใจหลกั สตู ร และการออกแบบการจดั การเรยี นร้ทู ่ีเนน้

ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั
2) ศกึ ษาและท ความเขา้ ใจการจดั การเรยี นร้บู ูรณาการสาระการเรยี นรูข้ องสภานกั เรยี น และวิธกี าร

จดั การเรยี นรู้บูรณการสาระการเรยี นรู้
2) ครผู ้สู อนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ตา่ งๆ ในระดบั ชั้นเดียวกนั ร่วมกันประชมุ วเิ คราะห์มาตรฐานการ

เรียนรู้และตัวชี้วัด ร่วมกันจัดทำหน่วยการเรียนรู้บูรณาการสาระการเรียนรู้ของ สภานักเรียน และวางแผน
จัดการเรยี นรู้ตลอดภาคเรียน / ปีการศึกษา

4) วางแผนและออกแบบการวดั และประเมินผลการจัดการเรียนรู้
5) นำแผนการจดั การเรียนรู้บูรณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรียนลงสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
6) ใช้การนเิ ทศภายในเปน็ เครือ่ งมอื ในการปรับปรงุ จัดให้มีการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ผลการปฏบิ ัติเพอ่ื
พัฒนาการจดั การเรียนร้บู ูรณาการสาระการเรยี นร้ขู องสภานักเรยี นให้เกิดประสทิ ธิภาพ
7) รายงานผลการจัดการเรียนร้บู รู ณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรยี นเพือ่ การพฒั นาอย่าง
ตอ่ เน่ืองเปน็ รายภาค / รายปี

ประโยชนแ์ ละความสำคญั ของการจดั การเรียนรู้บรู ณาการสาระการเรยี นร้ขู องสภานกั เรียน
1) เป็นการจดั การเรียนร้ทู ีส่ อดคล้องกับการดำเนนิ ชวี ติ จริง เพราะในชีวติ ประจำวนั การทำกจิ กรรม

ต่าง ๆ ไม่ได้แยกส่วนในการใชอ้ งค์ความร้แู ต่ใช้ความรทู้ ห่ี ลากหลายสาขาทมี่ ีความสมั พันธก์ นั ต่อการทำเร่ืองใด
เร่อื งหนึ่งและมีการบรู ณาการองค์ความรู้ท่ีสอดรบั กันจนงานหรอื กิจกรรมที่ทำสำเร็จ

2) ทำให้ครูผู้สอนตามกลมุ่ สาระการเรียนรูต้ า่ งๆ มกี ระบวนการทำงานรว่ มกนั มีแนวทางการจดั การ
เรียนรู้บรู ณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรยี นทีเ่ กิดจากการวางแผน การจัดการเรยี นการสอนรว่ มกันอย่าง

15

มรี ะบบครบวงจรตง้ั แตห่ ลกั สตู ร การจัดการเรียนรกู้ ารวัดผลและประเมินผล
3) เป็นกระบวนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ม่งุ เสรมิ สรา้ งสมรรถนะท่ีสำคญั ของผู้เรียน การใฝ่หาความรู้รู้จักคดิ

วเิ คราะหแ์ ละมีคณุ ธรรมจริยธรรม
4) ทำใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรู้แบบบูรณาการเปน็ องคร์ วม ลดการใชเ้ วลาเรียนท่มี คี วามซำ้ ซ้อนของเนื้อหา

และภาระงาน และมโี อกาสทำกิจกรรมนอกหอ้ งเรียนมากข้นึ
5) ชว่ ยให้ผเู้ รยี นเช่อื มโยงความรใู้ นหอ้ งเรยี นกับความรู้นอกหอ้ งเรยี นเขา้ ด้วยกัน อย่างกลมกลนื

ไม่เรียนรแู้ บบแยกส่วน ก่อใหเ้ กดิ ความร้คู วามเขา้ ใจในสิ่งท่เี รยี นมากขน้ึ
6) ทำให้ผู้เรียนสามารถเชอ่ื มโยงความรู้เก่ากับความรใู้ หมด่ ้วยวิธีการทีห่ ลากหลาย
7) ทำใหล้ ดภาระงานและเวลาในการเรียนรู้ในหอ้ งเรยี น
8) ช่วยให้ผเู้ รยี นสร้างองค์ความร้ไู ดด้ ว้ ยตนเอง
9) ช่วยให้ผเู้ รยี นสามารถนำความรูแ้ ละประสบการณท์ ่ไี ด้รับไปใช้ในการดำเนินชวี ิตได้

การจัดการเรยี นร้บู รู ณาการสาระการเรียนรู้ของสภานักเรียน
การจัดการเรียนรู้บูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมสภานักเรียน เป็นการจัดกระบวนการ

เรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างหลักสูตรสถานศึกษากระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลอย่าง
สอดคล้องสมั พันธก์ นั เพือ่ พัฒนาใหผ้ ูเ้ รยี นเชือ่ มโยงความรู้ ความคดิ ทักษะ และประสบการณอ์ ยา่ งหลากหลาย
สามารถสร้างองคค์ วามรู้ไดด้ ว้ ยตนเองนำองคค์ วามรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวันไดอ้ ยา่ งสอดคล้องกับความ
เป็นจริงซ่ึงเปน็ ทกั ษะท่ีจำเปน็ ของโลกในศตวรรษที่ 21 เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรูอ้ ยา่ งมีประสิทธผิ ลดว้ ยการ
วางแผนและดำเนนิ การดังน้ี

1) วเิ คราะห์หลกั สูตร
2) กำหนดเนอื้ หา / สาระการเรียนรู้
3) กำหนดเวลา / กำหนดการสอน
4) จดั ทำโครงสร้างหน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการ จดั ทำได้ 2 กรณี ดังนี้

กรณีท่ี 1 โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรู้บูรณาการ ทีบ่ ูรณาการไดท้ กุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ และ
ครอบคลมุ ทุกมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด

กรณีที่ 2 โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรบู้ ูรณาการ ที่บรู ณาการได้บางกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ บาง
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ดั และหน่วยการเรียนรตู้ ามธรรมชาตขิ องวิชา

กจิ กรรมท่ี 6 การเสนอโครงการโครงการ
เปน็ กจิ กรรมการวางแผนเพอ่ื พฒั นาและแก้ไขปัญหาการดำเนนิ งานกจิ กรรม สภานกั เรยี น โดยการมี

สว่ นร่วมของสภานักเรียนให้เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละมีเปูาหมาย มอี งค์ประกอบ ดงั น้ี
1. ชอื่ โครงการ
2. วัตถุประสงค์
เพื่อให้สภานกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และวธิ กี ารในการเสนอโครงการเพ่ือขอรับงบประมาณจาก

โรงเรยี น / หนว่ ยงาน / เครือขา่ ยอื่นๆสนับสนุนการดำเนินงานกจิ กรรมสภานกั เรยี น

16

3. ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ
3. 1. สภานกั เรียนระดมปญั หาเพื่อจดั ทำโครงการ
3. 2. จดั ทำรายละเอยี ดโครงการ
3. 3. เสนอโครงการต่อสภานกั เรยี น
3. 4. สภานักเรียนรว่ มกันพจิ ารณาวางแผนให้ความเห็นชอบ
3. 5. ประธานสภานกั เรียนเสนอโครงการตอ่ โรงเรียน / หนว่ ยงาน / เครอื ขา่ ยอืน่ ๆ

เพ่ืออนุมตั โิ ครงการ
3. 6. โรงเรียน / หนว่ ยงาน / เครือขา่ ยอื่นๆ อนมุ ัติโครงการ
3. 7. ดำเนนิ การตามโครงการ
3. 8. สรุปผลรายงานผลการดำเนนิ งาน

4. ผงั งาน (Flow Chart) การเสนอโครงการสภานักเรยี นดำเนินการตามลำดบั ดงั นี้
วธิ กี ารและขั้นตอนการดำเนินงาน

1. การศกึ ษา / วเิ คราะห์ปัญหา
2. จัดทำรายละเอียดโครงการ
3. เสนอโครงการตอ่ ท่ีประชมุ คณะกรรมการสภานกั เรยี นโดยผ่านความเหน็ ชอบจากครูท่ีปรึกษา
4. สภานกั เรียนใหค้ วามเห็นชอบ
5. สภานักเรยี น (ประธาน) เสนอโครงการต่อผ้บู ริหารสถานศกึ ษา
6. ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา / หน่วยงาน / เครอื ข่ายอ่นื ๆ พจิ ารณาอนุมตั ิโครงการ
7. ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ
8. สรุปรายงานผลการดำเนนิ โครงการ

กจิ กรรมที่ 7 การประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรมสภานักเรยี น
การประเมินผลการจัดกจิ กรรมสภานักเรียน เป็นการรวบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมลู เพ่ือนำผลมาใชเ้ ป็น

แนวทางกำหนดวิธีพัฒนางานซึ่งรูปแบบการประเมินจะต้องสอดรับกับการดำเนินกิจกรรม จึงจำเป็นท่ี
คณะทำงานสภานักเรยี นจะต้องเรียนรู้ แนวทางการประเมินการดำเนินงานกิจกรรมสภานักเรียน เพื่อใช้เป็น
เคร่อื งมือในการขบั เคล่ือนกิจกรรมสภานกั เรียนใหม้ ีความสมบรู ณ์รอบด้าน
การประเมนิ ผลการดำเนนิ กจิ กรรมสภานกั เรยี นกำหนดขน้ั ตอนไวด้ ังน้ี

1. วางแผนการดำเนนิ งาน
2. กำหนดรูปแบบการประเมิน
3. สร้างเคร่อื งมือวัดและประเมิน
4. วัดและประเมินผล
5. สรปุ รายงานผล
เพ่อื เป็นการตรวจสอบผลการดำเนนิ งานกจิ กรรมสภานักเรียนดำเนินไปตามวตั ถปุ ระสงคจ์ ึงได้กำหนด
ขั้นตอนการประเมินไว้ดังนี้

17

1. วางแผนการดำเนินงาน
ในการวางแผนการประเมนิ กิจกรรมสภานักเรียนมขี ้ันตอน ดังนี้

1. 1 แต่งตงั้ คณะกรรมการประเมินกิจกรรม
1. 2 ประชมุ คณะกรรมการรับผดิ ชอบการดำเนินงาน
1. 3 กำหนดแนวทางการประเมนิ / สิง่ ท่ตี ้องการประเมนิ / เครื่องมอื การประเมนิ
1. 4 สรา้ งเคร่ืองมอื การประเมนิ
1. 5 นำเครื่องมือไปปรับใช้
1. 6 รวบรวมสรุปผลการประเมนิ
1. 7 การรายงานผลกิจกรรม

2. กำหนดรูปแบบการประเมินผลการดำเนินงาน

รปู แบบการประเมนิ ผล เปน็ กรอบหรอื แนวคิดสำคญั เกีย่ วกับกระบวนการ (Process) และวิธีการ
ประเมนิ ผล (Evaluation Method) โดยประกอบดว้ ยรูปแบบดงั น้ี

2. 1 การประเมนิ บริบทหรอื สภาวะแวดลอ้ ม (Content Evaluation)
- เพอ่ื ประเมนิ สภาวะแวดลอ้ มหรอื บรบิ ทของกิจกรรม (กอ่ นดำเนินกจิ กรรม)

2. 2 การประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation)
- เป็นการจัดหาข้อมลู และปัจจัยนำเข้าเพ่อื ใช้ในการตดั สินใจพจิ ารณาความเหมาะสมของ
แผนงาน (กอ่ นดำเนินกิจกรรม)
2. 3 การประเมนิ กระบวนการ (Process Evaluation)
- เพ่อื ตรวจสอบขอ้ บกพร่องศกั ยภาพวัสดอุ ปุ กรณ์บคุ ลากร ฯลฯ
- เพือ่ รวบรวมสารนิเทศสำหรบั การตัดสนิ ใจวางแผนงาน (ระหว่างดำเนินกิจกรรม)
2. 4 การประเมนิ ผลผลติ (Product Evaluation)
- เป็นการประเมินเพือ่ เปรียบเทียบผลผลติ (Output) ท่เี กิดขนึ้ จากการดำเนนิ กจิ กรรม
กับเปูาหมายหรือวัตถุประสงค์ (Goals and Objective) ที่กำหนดไว้เพื่อทราบผลว่าบรรลุเปูาหมายของ
กจิ กรรมหรือไม่ (ประสิทธิผล) ช่วยให้ผู้ดำเนนิ งานนำขอ้ มูลการประเมนิ ไปพัฒนาการดำเนนิ งาน (หลังเสร็จสิ้น
กจิ กรรม)
3. เครือ่ งมือประเมินผลการดำเนนิ งาน
เครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลการดำเนินงาน เป็นส่ิงทจี่ ะบอกให้เราทราบถงึ ความสำเรจ็ ท่ีเกิดข้นึ มากน้อย
เพยี งใดดังน้ันกจิ กรรมตา่ งๆ จำเปน็ ต้องใชเ้ คร่ืองมือการประเมนิ ผลที่สอดรบั กับการดำเนนิ งาน ทงั้ น้ี เพราะการ
ประเมินผลเป็นหวั ใจของการรบั รองความสำเรจ็ หลกั การพืน้ ฐานในการประเมนิ ผลทว่ั ๆ ไปนัน้ จะต้องมกี ารวัด
(Measurement) ขอ้ มลู ดำเนินการไปด้วยเสมอการวดั จึงเป็นสิ่งสำคัญทจี่ ะได้มาซึ่งขอ้ มลู เพอ่ื การประเมินผล
เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมินผล
ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลกิจกรรมประกอบด้วยแบบสังเกต แบบสัมภาษณ์
แบบสอบถาม และแบบประเมินผลอื่นๆ ซงึ่ โดยปกติ ผู้ดำเนนิ การประเมนิ ผลจำเป็นต้องพฒั นาขึ้นมาเพื่อใช้ใน
การเก็บรวบรวมข้อมลู หรือความคดิ เหน็ ของผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม เช่น
1. แบบสอบถาม (Questionnaire)

18

2. แบบสมั ภาษณ์ (Interview)
3. แบบสงั เกต (Observation)

1. แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมอื ทน่ี ยิ มใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เพราะประหยดั
งบประมาณเวลาและเหมาะสมกบั การเกบ็ ขอ้ มูลที่อยใู่ นลักษณะกระจายและมีจำนวนมากแบบสอบถาม
จำแนกได้ 2 ชนดิ คือ

1. 1 แบบสอบถามปลายปิด (Close Ended Questionnaire) เปน็ แบบสอบถามท่ี
กำหนดคำถามและมีคำตอบให้เลอื ก

1. 2 แบบสอบถามปลายเปิด (Open ended Questionnaire) เปน็ แบบสอบถามที่
กำหนดคำถามแลว้ ไม่มีคำตอบให้เลอื กผ้ตู อบสามารถเขยี นตอบตามความคิดเหน็ เชน่ ขอ้ คดิ เห็น / ข้อเสนอแนะ
ท่ีมีตอ่ การดำเนินกจิ กรรม

ลักษณะของแบบสอบถามทด่ี ี
1) มรี ูปแบบและตัวอกั ษรเหมาะสมได้ขนาดอา่ นงา่ ย
2) เรยี งเลขขอ้ และหนา้ อยา่ งมีระเบียบเวน้ ระยะให้เหมาะสมอ่านงา่ ย
3) มีคำแนะนำในการตอบอย่างชัดเจน
4) ข้อคำถามแต่ละขอ้ ควรมปี ระเด็นหลกั ประเด็นเดยี ว
5) จำนวนข้อคำถามไม่มากนัก

2. แบบสัมภาษณ์ (Interview) การสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลที่มีจุดมุ่งหมาย
แน่นอนอาจทำแบบเป็นทางการหรอื แบบไมเ่ ป็นทางการกไ็ ด้ การสมั ภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังน้ี

2. 1 การสัมภาษณแ์ บบไม่มีโครงสรา้ งแนน่ อน (Un-structure Interview) ใชใ้ นกรณีท่ี
ตอ้ งการข้อมูลแนวลึกรายละเอยี ดมากๆ ในแบบสัมภาษณ์จะมแี ตห่ ัวข้อใหญๆ่ ขอ้ คำถามจะปรบั ไปตามข้อ มูล
ท่ีไดโ้ ดยผู้สัมภาษณ์ตอ้ งไม่ทง้ิ ประเดน็ หลกั

2. 2 การสมั ภาษณ์แบบมีโครงสรา้ ง (Structure Interview) แบบสัมภาษณ์แบบนี้ มี
ลักษณะเปน็ แบบสอบถาม มรี ายละเอียดของคำถามตา่ งๆ ทผี่ ู้สัมภาษณต์ ้องการถามผู้ถกู สัมภาษณ์ ผสู้ ัมภาษณ์
ทกุ คนจะถามคำถามที่เหมือนๆ กนั

เทคนคิ การสัมภาษณท์ ่ดี ี
1) พยายามสร้างสถานการณใ์ ห้อยู่ในบรรยากาศของการสนทนา
2) ให้ระลกึ ว่าการสมั ภาษณ์มิใช่การแลกเปล่ียนความคิดเหน็
3) หลกี เล่ยี งการพูดจาเชิงอบรมกบั ผู้ใหส้ มั ภาษณ์
4) ต้ังคำถามใหน้ า่ สนใจ แต่หลกี เล่ยี งข้อความทก่ี ระทบกระเทอื นผใู้ ห้สัมภาษณ์
5) ตอ้ งมั่นใจวา่ ผูใ้ ห้สมั ภาษณเ์ ข้าใจคำถาม
6) ควรมคี ำถามทตี่ รวจสอบค าตอบไดโ้ ดยมิให้ผู้สัมภาษณ์รูต้ วั
7) กรณที ่ีผู้ให้สมั ภาษณต์ อบไม่ตรงประเด็น ต้องพยายามกลับเข้าสปู่ ระเดน็
8) หากตอ้ งใช้เครอ่ื งบันทึกเสียงต้องขออนญุ าตผูใ้ ห้สมั ภาษณ์

19

3. แบบสังเกต (Observation) การสังเกตเปน็ กระบวนการเก็บขอ้ มูลโดยการบนั ทกึ พฤติกรรมของ
กลุ่มตัวอยา่ งในสถานการณ์เฉพาะโดยอาศยั ประสบการณ์ของผสู้ ังเกต

ลักษณะของแบบสงั เกต
1. แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) เป็นเครอ่ื งมอื ทปี่ ระกอบด้วยขอ้ ความซึง่ ระบถุ ึงพฤติกรรม
ตา่ งๆ ทีเ่ กยี่ วกบั สิ่งทต่ี อ้ งการประเมนิ การบนั ทึกส่วนใหญ่จะเปน็ การบนั ทกึ ว่ามีหรอื ไมม่ ี
2. แบบประเมินค่า (Rating Scale) เป็นแบบสังเกตที่ใช้ในการประเมินสิ่งที่สังเกต โดยการแปลงคา่
ในดา้ นคณุ ภาพให้อยใู่ นรูปของตวั เลขหรือประมาณ โดยการจดั ลำดับความมากน้อย เช่น การบนั ทกึ พฤติกรรม
การมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมของนักเรยี น

แนวทางการตรวจสอบการประเมินผลการจดั กิจกรรมของสภานกั เรียน
1. ตรวจสอบความครบถว้ นของแบบประเมนิ กจิ กรรมของสภานกั เรียน
2. ตรวจสอบความเพยี งพอ และสอดคลอ้ งของแบบประเมนิ ผลกบั เน้ือหากิจกรรม
3. ตรวจสอบบันทึกการประชุม คำสัง่ แต่งตัง้ คณะกรรมการ และเอกสารมอบหมายงานหรือเอกสาร

อื่น ๆ ทบ่ี ง่ บอกถึงรายละเอยี ดขอบข่ายหน้าทขี่ องผรู้ ับผดิ ชอบงานประเมินผล
4. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง / เหมาะสม ในการนำเสนอขอ้ มลู
5. ตรวจสอบความครบถว้ นในการนำเสนอผลการประเมินกจิ กรรม

การสรุปและรายงานผล
คณะกรรมการ / ผู้ประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมสภานกั เรียนกำหนดขั้นตอนดงั น้ี
1. ตรวจสอบและวิเคราะหข์ ้อมูลจากเคร่อื งมือการประเมินที่กำหนด
2. สรุปผลการวิเคราะหข์ ้อมูลตามเครื่องมือการประเมนิ
3. นำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลตามเครื่องมือการประเมิน
4. จัดทำเอกสารรายงานผลการประเมนิ กิจกรรมสภานักเรยี น


Click to View FlipBook Version