The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการใช้กิจกรรมเป็นฐาน

ผู้วิจัย ครูศิริรัตน์ กองจันทร์

รายงานวจิ ยั ในช้ันเรียน
เร่อื ง การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
โดยการใชก้ จิ กรรมเปน็ ฐาน ปกี ารศกึ ษา 2564

โดย
นางศริ ิรตั น์ กองจนั ทร์
ตาแหนง่ ครู วทิ ยาฐานะชานาญการพิเศษ

โรงเรยี นศรีแก้งครอ้
สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชัยภมู ิ เขต 2

สานกั งานการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ



คานา

รายงานวจิ ยั ในชั้นเรียน เรอ่ื ง เร่ือง การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เรื่อง แรงไฟฟา้ และวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยการใชก้ จิ กรรมเป็นฐาน
เลม่ น้มี จี ดุ มุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏบิ ัตจิ ริงและเรียนรูจ้ ากกิจกรรมทีไ่ ดท้ าจริงส่งผลใหผ้ ู้เรียนสามารถจดจา
สิ่งท่เี รยี นรูไ้ ด้ ปฏบิ ตั งิ านไดด้ ้วยตนเอง และผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนและการสอบพน้ื ฐานระดับชาติ (O-NET) ดังนน้ั
ผสู้ อนจึงสร้างชดุ แบบกจิ กรรม เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนได้ลงมือปฎิบัตจิ ริงและเรยี นรจู้ ากกิจกรรม และช่วยพฒนาทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ของผู้เรียนใหส้ ูงข้นึ อย่างคงทนมปี ระสทิ ธิภาพมากขน้ึ

รายงานวิจัยในชนั้ เรียนคร้ังนีเ้ กิดจากผูว้ จิ ัยได้คน้ พบปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในช้ันเรียน และผู้วจิ ัยได้แสวงหาข้อมลู
และวธิ ีการทคี่ าดว่าจะแก้ปัญหาทเี่ กิดขนึ้ ในชนั้ เรียน อีกทั้งสามารถชว่ ยพฒั นาการเรยี นการสอนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพได้
และยังช่วยพฒั นาวชิ าชพี ครูให้มีความเข้มแข็งยง่ิ ขึ้น ตามมาตรฐานด้านการจดั การศึกษา ข้อ 7.7 ของมาตรฐานและ
การประกนั คณุ ภาพการศึกษาทว่ี ่า ครูมีการศึกษาวิจยั และพัฒนาการจดั การเรยี นรใู้ นวชิ าท่ีตนรับผดิ ชอบและใช้ผลใน
การปรับการสอนของครู

ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ ดร.ประภาส กองจนั ทร์ ผู้อานวยการโรงเรียนศรแี ก้งคร้อ และคณะรองผู้อานวยการ
โรงเรยี นศรีแก้งคร้อ ทส่ี ่งเสริมและอานวยความสะดวกให้ครูได้จัดทาวิจยั ในชนั้ เรยี น คณะครปู ระจาสายชน้ั คณะครู
กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ทีก่ รุณาให้ความอนเุ คราะห์ ให้คาแนะนา ให้ความรู้ทงั้ ขอ้ คิดเห็นทม่ี ปี ระโยชน์ตอ่ การ
ศึกษาวจิ ยั ในคร้งั นี้เป็นอยา่ งดี และขอขอบใจนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีแก้งคร้อทุกคนท่ีให้ความ
รว่ มมือเป็นอย่างดีในการวจิ ยั และเก็บข้อมูลที่ใชใ้ นการศึกษาวจิ ัยครัง้ นี้ จนกระทัง่ การศึกษาวิจยั ครัง้ น้ีเสร็จสมบูรณ์

ศริ ิรตั น์ กองจันทร์
ผูว้ ิจัย

สารบัญ ข

เร่ือง หนา้

คานา ก
สารบัญ ข

1. ชอ่ื เรื่องวจิ ัย 1
2. ช่ือผู้วจิ ัย 1
3. ปีที่ทาการวจิ ัย 1
4. ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา 1
5. วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1
6. สมมตฐิ านของการวิจัย 1
7. ตวั แปรที่ศึกษา 1
8. ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับจากการวจิ ยั 1
9. ขอบเขตของการวิจยั 2
10. ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย 2
11. วิธดี าเนินการวจิ ยั 2
12. เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย 2
13. การวเิ คราะห์ข้อมลู 3-6
14. ผลการวิจยั 6
15. สรุปและอภิปรายผล 7
16. ขอ้ เสนอแนะ 7
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก

-1-

รายงานวจิ ยั ในชนั้ เรยี น

1. ชือ่ เร่ืองวิจยั : การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวืทยาศาสตร์ เรื่อง แรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนชน้ั
ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โดยการใชก้ ิจกรรมเป็นฐาน
2. ชอื่ ผู้วจิ ยั : นางศิริรัตน์ กองจันทร์
3. ปที ที่ าการวิจยั : 2564
4. ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา

การจัดการเรยี นการสอนมจี ดุ มุ่งหมายเพ่ือพัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ท่เี นน้ ให้ผเู้ รยี น
มีปฎิสมั พันธก์ ับการเรยี นรู้ตามศกั ยภาพของผู้เรยี น โดยผ่านกจิ กรรมที่ผ้เู รยี นโดยกจิ กรรมทผี่ ูเ้ รียนต้องฟงั พูด อา่ น
เขยี น คดิ ถาม คาถาม สบื ค้น อภปิ ราย ออกแบบและลงมือปฎิบตั จิ ริงรว่ มกัน ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 ใน
ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 172 คน พบว่า นกั เรียนที่ไม่สามารถจดจาส่งิ ท่ีเรียนมาได้ ในฐานะครูผสู้ อนจงึ สนใจที่
จะใช้ชุดกจิ กรรมเป็นฐาน ซึง่ มีความสาคัญย่ิงจากผู้เรียนได้ลงมือปฎิบัตจิ ริงและเรียนรูจ้ ากกจิ กรรมที่ไดท้ าจรงิ ส่งผล
ให้ผู้เรียนสามารถจดจาสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้และสามารถปฎบิ ัติงานไดด้ ้วยตนเอง

5. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย
1. เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนเรียนกอ่ นและหลงั เรยี นโดยใช้ชุดกิจกรรม
2. เพือ่ ฝึกทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

6. สมมตฐิ านของการวิจัย

1. นกั เรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นสงู ขนึ้
2. นักเรยี นมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดียิ่งขนึ้

7. ตัวแปรทศ่ี ึกษา

1. ตวั แปรอิสระ คือ ชดุ กิจกรรมเรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟา้
2. ตัวแปรตาม คือ ผลสมั ฤทธ์ิทางการการเรียน

8. ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการวิจยั
1. นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นศรีแกง้ คร้อ มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์

เรอ่ื งแรงไฟฟา้ และวงจรไฟฟ้า ดขี ึน้
2. นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

-2-

9. ขอบเขตของการวิจยั
ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง
1. ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรยี นศรีแก้งคร้อ

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 5 หอ้ งเรยี น รวม 172 คน ซ่ึงโรงเรยี นจดั หองเรียนแบบคละความสามารถ
2. กลุม่ ตวั อยา่ งท่ใี ช้ในการวิจัยคร้ังนี้ ไดแ้ ก่ นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6/1 โรงเรียนศรแี ก้งคร้อ

ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 ห้องเรียน จานวน 40 คน ซ่งึ ได้มาจากการสุ่มอยางง่าย ด้วยวธิ กี ารจับ
สลาก โดยใชห้ ้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม
10. ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย

.ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย ใช้เวลาในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 ตั้งแตเ่ ดือนพฤศจิกายน 2564 ถึง
เดอื นธันวาคม 2564 จานวน 16 คาบ 4 สปั ดาห์ สัปดาหล์ ะ 4 คาบ คาบละ 50 นาที

11. วิธีดาเนนิ การวจิ ยั

1. ทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนอา่ นสรุปใจความสาคัญจากเร่อื งที่กาหนดให้ จานวน 10 ข้อ
2. การพฒั นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดว้ ยแบบฝึกกิจกรรม จานวน 4 ชุด ดังน้ี

- ชดุ ที่ 1 กจิ กรรมการเรยี นรู้เรอื่ ง แรงไฟฟ้า
- ชดุ ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรเู้ ร่อื ง วงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย
- ชดุ ที่ 3 กจิ กรรมการเรยี นร้เู ร่ือง ตวั นาไฟฟ้าไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า
- ชดุ ที่ 4 กจิ กรรมการเรยี นรู้เรือ่ ง การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและการต่อหลอดไฟฟ้า
แบบขนาน
3. บันทกึ คะแนน
4. ใหผ้ เู้ รียนฝึกทากจิ กรรมการเรยี นรู้ จานวน 4 ชุด ในชว่ งเวลาพกั กลางวนั และคาบกจิ กรรม
ลดเวลาเรยี นเพ่ิมเวลารู้ ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 แล้วบันทกึ คะแนนเพื่อดูความก้าวหน้า
5. ทดสอบหลงั เรยี น โดยให้นักเรยี นฝึกทากจิ กรรม จากเรื่องท่ีกาหนดให้ จานวน 10 ขอ้
6. ตรวจผลงาน โดยใชเ้ กณฑ์เดยี วกบั การตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
7. การวเิ คราะห์ข้อมลู โดยการหาคา่ เฉลย่ี ของคะแนนแบบทดสอบก่อนเรยี น (X1 ) การทดสอบ
หลงั เรยี น (X2 ) คะแนนความกา้ วหนา้ (X1 – X2 ) ผลต่างของคะแนนคือ คา่ D
12. เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวิจัย
1. แบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน
2. แบบฝกึ พฒั นากจิ กรรมทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

-3-

13. การวิเคราะห์ข้อมลู

ตารางที่ 1 แสดงผลคะแนนระหว่างทาแบบฝึกกจิ กรรมการเรียนรู้พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ตารางแสดงผลคะแนนระหวา่ งทาแบบฝึกกิจกรรมการเรยี นรู้พัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ชดุ แบบฝกึ ทกั ษะ/คะแนน

เลขท่ี ชอ่ื - สกลุ ชุดที่ ชดุ ท่ี ชุดท่ี ชุดท่ี หมายเหตุ

1234

1 เดก็ หญิงธนขั พร ชานาญ 7788

2 เด็กชายกิตติภูมิ สริ ินันทเกตุ 8778

3 เด็กชายศริ สทิ ธิ์ อาภาคา 7878

4 เด็กหญิงบัณฑิตา วชิ าจารย์ 6677

5 เด็กหญงิ ปวีณธ์ ิดา เรืองจนิ ดา 8898

6 เด็กหญิงธนั ยพร กลุ หนองแดง 8898

7 เด็กหญิงอภิญญา ทองล่มิ สดุ 9998

8 เดก็ หญงิ ณัฐณชิ า จิตตเ์ กษม 7878

9 เดก็ ชายปฎิภาณ ประเสรฐิ ชัย 8899

10 เดก็ หญิงสภุ ัสสร สมแวง 7888

11 เดก็ ชายนันฑวฒั น์ แฝงธานี 7988

12 เด็กหญิงพชิ ชาอร พรหมวชิ ัย 8899

13 เดก็ หญงิ วริย แสงสี 8888

14 เดก็ หญิงเอื้องชมพูไพร เคนโพธ์ิ 9999

15 เดก็ ชายภาคมิ ดวงจันดี 7788

16 เดก็ ชายพชั รพล ภิญโญศกั ด์ิ 8899

17 เด็กหญงิ จุฬาลกั ษณ์ ไวจาปา 8778

18 เดก็ หญิงกิตติมา ธาดา 8888

19 เดก็ หญิงกชวรรณ แก้วปัน 7777

20 เด็กหญิงกลุ จติ รา กลางวงค์ 7878

21 เด็กชายจิณณวัตร คาสดุ 8899

22 เด็กหญิงปวรศิ า กาลเขว้า 9899

23 เดก็ ชายสพลวัชต์ โทวงษ์ 8888

24 เดก็ ชายวีรวัฒน์ รัตนพนั ธ์ 7778

25 เด็กหญิงภทั รจาริน วโรกร 7778

26 เด็กหญงิ พยิ ดา ก้ามสันเทียะ 7899

27 เดก็ ชายรจุ น์ สจุ ริต 7788

เลขที่ ชอื่ - สกลุ -4- หมายเหตุ

28 เดก็ หญิงไอลดา ยคุ ะรัง ชดุ แบบฝกึ ทักษะ/คะแนน
29 เดก็ หญิงเตชินต์ วรนาม ชดุ ท่ี ชดุ ท่ี ชุดท่ี ชดุ ที่
30 เด็กหญิงปภาวรนิ ทร์ เรียงพรม 1234
31 เด็กหญงิ นฐั ชา อว่ มกสิกร
32 เดก็ หญิงสจุ ิราภรณ์ งามกระบวน 7788
33 เด็กหญิงวชริ าภรณ์ โสใหญ่ 8999
34 เดก็ หญิงจฑุ าทิพย์ เนาว์โนนทอง 8899
35 เดก็ หญิงอรินทร์พร บญุ เก้ือ 8899
36 เด็กชายพสษิ ฐ์ กงิ่ สวุ รรณ์ 7777
37 เดก็ หญงิ ปวริศา จันมี 8899
38 เด็กหญิงกมลวรรณ หลกั โคตร 7878
39 เดก็ หญงิ ชนัญชิดา ดาวอร่าม 7878
40 เด็กหญงิ พชิ ญ์ชญาดา พบิ ูลย์ 7878
8899
ผลรวม 7878
รอ้ ยละ 7878
8899

297 302 320 324
87.35 88.82 94.12 95.29

จากตารางท่ี 1 พบวา่ นักเรียนสามารถทาแบบฝกึ กจิ กรรมกิจกรรมการเรียนรู้ ในแตล่ ะแบบฝึกผา่ น เกณฑ์ดงั น้ี

แบบฝกึ ทกั ษะ ชุดที่ 1 กจิ กรรมการเรียนรูเ้ รือ่ ง แรงไฟฟ้า นักเรียนทาแบบฝึกทักษะผา่ นเกณฑ์ คะแนนรวม
คดิ เปน็ ร้อยละ 87.35

แบบฝึกทกั ษะ ชดุ ท่ี 2 กิจกรรมการเรียนรเู้ รอื่ ง วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย มีผู้ทาแบบฝกึ ทักษะผา่ นเกณฑ์ คิดเปน็
รอ้ ยละ 88.82

แบบฝึกทักษะ ชดุ ท่ี 3 กจิ กรรมการเรียนรูเ้ ร่ือง ตวั นาไฟฟ้าไฟฟา้ และฉนวนไฟฟ้า นกั เรียนทาแบบฝึกทกั ษะ
ได้คะแนนรวมคดิ เป็นรอ้ ยละ 94.12

แบบฝกึ ทักษะ ชุดท่ี 4 กิจกรรมการเรยี นรู้เร่ือง การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและการต่อหลอด
ไฟฟ้าแบบขนาน นักเรยี นทาแบบฝึกทกั ษะได้คะแนนรวมคิดเปน็ ร้อยละ 95.29

เมอ่ื เปรยี บเทียบคะแนนรวมของนกั เรียนในการทาแบบฝกึ ทักษะ จานวน 4 ชุด จะเห็นว่ามีความก้าวหน้าใน
ทาชดุ แบบฝึกกิจกรรม ตามลาดับ

-5-

ตารางท่ี 2 ผลการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิ ก่อนเรียนและหลงั เรียน

ตารางเปรยี บเทียบคะแนน ก่อนเรยี นและหลังเรียน คะแนนกอ่ นเรียน คะแนนหลังเรยี น

เลขท่ี ชอ่ื - สกลุ คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ D หมายเหตุ
ก่อนเรียน หลงั เรียน

1 เดก็ หญงิ ธนัขพร ชานาญ 5 50 9 90 4

2 เด็กชายกติ ตภิ มู ิ สริ นิ ันทเกตุ 6 60 9 90 3

3 เด็กชายศิรสทิ ธิ์ อาภาคา 5 50 8 80 3

4 เดก็ หญงิ บณั ฑติ า วิชาจารย์ 4 40 6 60 2

5 เด็กหญิงปวณี ธ์ ดิ า เรืองจินดา 5 50 9 90 4

6 เดก็ หญงิ ธนั ยพร กลุ หนองแดง 5 50 9 90 4

7 เดก็ หญงิ อภญิ ญา ทองล่มิ สุด 6 60 9 90 3

8 เด็กหญิงณัฐณชิ า จิตต์เกษม 5 50 8 80 3

9 เด็กชายปฎภิ าณ ประเสริฐชัย 5 50 9 90 4

10 เดก็ หญงิ สภุ สั สร สมแวง 4 40 8 80 4

11 เดก็ ชายนนั ฑวัฒน์ แฝงธานี 4 40 8 80 4

12 เด็กหญิงพิชชาอร พรหมวชิ ยั 5 50 10 100 5

13 เด็กหญงิ วรยิ แสงสี 5 50 8 80 3

14 เด็กหญิงเอ้ืองชมพูไพร เคนโพธ์ิ 6 60 9 90 3

15 เดก็ ชายภาคมิ ดวงจนั ดี 3 30 8 80 5

16 เดก็ ชายพชั รพล ภญิ โญศกั ด์ิ 5 50 8 80 3

17 เด็กหญิงจฬุ าลักษณ์ ไวจาปา 4 40 8 80 4

18 เด็กหญงิ กิตตมิ า ธาดา 4 40 8 80 4

19 เดก็ หญงิ กชวรรณ แก้วปนั 4 40 7 70 3

20 เดก็ หญงิ กุลจิตรา กลางวงค์ 4 40 7 70 3

21 เด็กชายจณิ ณวัตร คาสดุ 5 50 9 90 4

22 เด็กหญงิ ปวริศา กาลเขวา้ 5 50 7 70 2

23 เด็กชายสพลวชั ต์ โทวงษ์ 4 40 7 70 3

24 เดก็ ชายวรี วัฒน์ รัตนพนั ธ์ 4 40 7 70 3

25 เด็กหญงิ ภทั รจารนิ วโรกร 3 30 7 70 4

-6-

เลขท่ี ชือ่ - สกลุ คะแนน ร้อยละ คะแนน รอ้ ยละ D หมายเหตุ

26 เดก็ หญงิ พยิ ดา กา้ มสนั เทียะ 5 50 8 80 3

27 เด็กชายรจุ น์ สุจรติ 4 40 7 70 3

28 เด็กหญงิ ไอลดา ยคุ ะรัง 4 40 6 60 2

29 เด็กหญิงเตชนิ ต์ วรนาม 5 50 10 100 5

30 เด็กหญงิ ปภาวรนิ ทร์ เรยี งพรม 8 60 10 100 2

31 เดก็ หญิงนัฐชา อ่วมกสิกร 6 60 9 90 3

32 เดก็ หญิงสจุ ริ าภรณ์ งามกระบวน 5 50 8 80 1

33 เดก็ หญิงวชิราภรณ์ โสใหญ่ 4 40 9 90 5

34 เดก็ หญิงจฑุ าทพิ ย์ เนาว์โนนทอง 6 60 10 100 4

35 เดก็ หญิงอรินทรพ์ ร บุญเก้ือ 6 60 9 90 3

36 เดก็ ชายพสษิ ฐ์ กง่ิ สุวรรณ์ 5 50 8 80 3

37 เดก็ หญิงปวรศิ า จันมี 6 60 10 100 4

38 เดก็ หญิงกมลวรรณ หลักโคตร 6 60 9 90 3

39 เดก็ หญงิ ชนัญชิดา ดาวอร่าม 5 50 8 80 3

40 เด็กหญิงพชิ ญ์ชญาดา พบิ ูลย์ 6 60 10 100 4

ผลรวม 223 1,940 333 3,330 110

คา่ เฉลี่ย 6.56 57.06 8.21 82.06

จากตารางท่ี 2 พบวา่ คะแนนหลงั เรียนของนกั เรยี นท่ีไดร้ บั การสอนโดยใชแ้ บบฝึกกิจกรรมพฒั นาทกั ษะสงู กวา่

ก่อนเรียน

ผลการวิเคราะหค์ ะแนนจากตารางปรากฏวา่ ก่อนเรียนนกั เรียนสามารถอา่ นสรุปใจความสาคญั อยู่ในเกณฑ์

เฉลย่ี รอ้ ย ละ57.06 และคะแนนหลังเรียน นกั เรยี นสามารถ อยูใ่ นเกณฑ์เฉลย่ี ร้อยละ 97.94คอื มีผลสมั ฤทธ์ิ

ทางการเรียนที่สูงข้ึนกวา่ เดิม 14.

ผลการวิจยั

จากผลในการวิจยั ในเรอื่ งการใชช้ ุดแบบฝกึ กิจกรรมการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของ
นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6/1 จานวน 40 คน ผู้วิจัยจึงไดใ้ ห้นกั เรียนไดฝ้ ึกกจิ กรรมทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ ตามลาดบั ดังนี้
ข้นั แรก คือทดสอบก่อนเรียน นกั เรยี นสามารถมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ไดอ้ ยู่ในเกณฑ์ร้อยละเฉล่ีย 57.06 ผลคอื
ยงั ตอ้ งมีการแก้ไข ดงั นั้นครูจงึ ใช้แบบฝกึ กจิ กรรมทักษะพฒั นากระบวนการทงวิทยาศาสตร์ จานวน 4 ชุด หลังจาก
น้นั ครไู ดใ้ ชแ้ บบทดสอบหลงั เรยี น ผลปรากฏว่านกั เรยี นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยคิดเปน็ รอ้ ยละเฉลี่ย 97.94
แสดงวา่ การใชแ้ บบฝึกกิกจกรรมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทาให้นักเรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

-7-

15. สรปุ และอภปิ รายผล

ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าวสรปุ ไดว้ า่ นกั เรยี นมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนหลงั เรยี น โดยใช้แบบฝกึ กจิ กรรมทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนศรีแก้งคร้อ มีระดบั คะแนนสงู กวา่ กอ่ น
การไดร้ ับการเรยี น

16. ข้อเสนอแนะ

1. นกั เรยี นควรได้รับการฝึกฝนการทากจิ กรรมการทางวิทยาศาสตร์อย่างหลากหลาย เพ่ือเป็นแนวทางในการ
ฝกึ ฝนลงมือการปฎบิ ัติ ได้ดยี ่ิงข้ึน

เอกสารอา้ งองิ
ภาคผนวก

- แบบฝึกกจิ กรรมทกั ษะกระบวนการทางการทางวทิ ยาศาสตร์

เอกสารอ้างองิ

พรพมิ ล ผง่ึ กนั .(2563) การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรเ์ รอื่ งแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า
โรงเรยี นวัดรงั สิต โดยใช้กจิ กรรมเป็นฐาน

วรรณวิศา สุดมาตร.(2563).หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท6ี่ .
บรษิ ัทเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จากัด.

กรมวิชาการ (2546). การจัดสาระการเรียนรู้กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรต์ ามหลักสูตรการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
พ.ศ.2544 กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพร้าว
สถาบันทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ (องค์การมหาชน).แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการศกึ ษา

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6,2559.
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6,2561-2563
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. ( 2551 ). ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้
แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้น
พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช
2551.กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.

ภาคผนวก

ตัวอยา่ งการพฒั นาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เรอ่ื งแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟา้ ของ
นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยการใช้กจิ กรรมเปน็ ฐาน

- ชดุ ท่ี 3 ชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตรช์ ้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เร่ืองตวั นาไฟฟา้
และฉนวนไฟฟ้า

ชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6

เร่อื งแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า
ปกี ารศึกษา 2564

จดั ทาโดย
นางศิรริ ตั น์ กองจนั ทร์

โรงเรียนศรีแกง้ ครอ้
สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2

คาชี้แจงสาหรบั ครู

1. ครูศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์กอ่ นนาไปใช้
2. ครชู แี้ จงใหน้ กั เรียนเข้าใจในการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์นี้
3. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนกอ่ นท่ีจะทากิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
4. ถ้านักเรยี นมีปัญหาในการทากจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ครูควรให้คาปรึกษา แนะนาและ

ให้กาลังใจ
5. หลังจากการทากิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์จบแล้วครใู หน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลัง

เรยี น เพ่อื ดูความก้าวหน้าของนกั เรยี น

สารบัญ

เร่อื ง หน้า

- แบบทดสอบก่อนเรยี น

- - ชดุ ท่ี 1 กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ร่ือง แรงไฟฟา้

- - ชดุ ที่ 2 กิจกรรมการเรยี นรเู้ รอ่ื ง วงจรไฟฟา้ อย่างง่าย

- - ชุดที่ 3 กิจกรรมการเรยี นรู้เรื่อง ตวั นาไฟฟ้าไฟฟา้ และฉนวนไฟฟ้า

- - ชุดท่ี 4 กจิ กรรมการเรียนรเู้ รื่อง การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและการต่อหลอดไฟฟ้า

แบบขนาน 1

- แบบทดสอบหลงั เรยี น

-1-

แบบทดสอบก่อนเรยี น

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลือกข้อทีถ่ ูกทส่ี ุดเพียงขอ้ เดียว และทาเคร่อื งหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ อง ความรู้

1. จากภาพหลอดไฟฟา้ ทั้ง 2 ดวง สวา่ งหรือไม่ เพราะอะไร ข. ไมส่ ว่างเพราะเป็นวงจรปดิ
ก. ไมส่ วา่ งเพราะเป็นวงจรเปิด ง. สวา่ งเพราะเปน็ วงจรปดิ
ค. สว่างเพราะเปน็ วงจรปดิ

2. ภาพข้อ 1.เปน็ การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบใดเพราะอะไร

ก. แบบผสม ข. แบบขนาน

ค. แบบอนุกรม ง. แบบวงจรสลับ

3. ข้อใดกลา่ วถึงการต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมได้ถูกต้อง

ก. การตอ่ วงจรยงุ่ ยากกวา่ การต่อแบบขนาน ข. ต้องใช้อปุ กรณใ์ นการต่อมากกวา่ แบบขนาน

ค. เลือกเปิดหลอดไฟฟา้ เฉพาะดวงท่ีต้องการใช้ได้ ง. เม่ือหลอดไฟฟ้าดวงหน่งึ ชารุดหลอดไฟฟ้าดวงอ่นื จะ

ดบั ดว้ ย

4. ขอ้ ใดกล่าวถึงการต่อหลอดไฟฟา้ แบบขนานได้ถูกต้อง

ก. การตอ่ วงจรซับซ้อนกวา่ แบบอนุกรม ข. คือการต่อหลอดไฟฟ้าแบบเรียงต่อกนั

ค. เปดิ หลอดไฟฟ้าทกุ ดวงในวงได้พร้อมกัน ง. เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าออก 1 ดวงหลอดไฟฟา้ ดวงอื่นจะดบั

ด้วย เพราะวงจรไฟฟ้าไม่ครบวงจร

5. จากภาพหากถอดหลอดไฟฟา้ ออก 1 ดวง หลอดไฟฟ้า ดวงที่เหลอื จะดบั หรือไม่ เพราะอะไร

ก. ดับเพราะวงจรปดิ ข. ดับ เพราะต่อแบบอนกุ รม

ค. ไม่ดบั เพราะเป็นวงจรเปดิ ท้งั หมด ง. ไม่ดบั เพราะตอ่ แบบขนาน

6. ขอ้ ใดคือวัสดุทย่ี อมให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้

ก. อลูมเิ นียม ไม้ ข. ทองแดง เงิน

ค. ยางพารา ไม้ ง. พลาสติก เงิน

7. หากนาผ้าเปยี กขัดถูไมบ้ รรทัดพลาสตกิ หลายรอบ แล้วนาไม้บรรทัดพลาสตกิ ไปจ่อใกล้เศษกระดาษจะเกิดผล
อยา่ งไร

ก. เศษกระดาษปลวิ ออกห่างไม้พลาสตกิ
ข. ไมพ้ ลาสติกดูดเศษกระดาษตดิ ทง้ั หมด
ค. ไม้พลาสตกิ ดูดเศษกระดาษติดบางสว่ น
ง. ไม่มกี ารเปลีย่ นแปลง

8..” แรงทีเ่ กิดข้นึ ระหว่างวตั ถทุ ีม่ ปี ระจุไฟฟา้ มีทั้งแรงดงึ ดูดและแรงผลัก “ จากข้อความคือแรงใด
ก. แรงตงึ ผิว
ข. แรงเสยี ดทาน
ค. แรงไฟฟ้า
ง. แรงโน้มถ่วงของโลก

9. A B C คอื อะไรตามลาดับ
ก. หลอดไฟฟ้า แบตเตอร่ี เซลลไ์ ฟฟ้า ข. หลอดไฟฟ้า สายไฟฟ้า เซลลไ์ ฟฟา้
ค. หลอดไฟฟา้ เซลล์ไฟฟ้า ถ่านไฟฉาย ง. เครือ่ งใช้ไฟฟ้า เซลล์ไฟฟ้า มอเตอรไ์ ฟฟา้

10. จากภาพข้อ 9.เขยี นเปน็ แผนภาพวงจรไฟฟา้ อย่างง่ายไดอ้ ย่างไร
ก.

ข.

ค.
ง.

เฉลย 1. ก. 2.ค 3.4 4.ก. 5. ง. 6.ข 7. ง. 8. ค 9. ข. 10. ค.


ใจคแบบทดสอบหลงั เรียน

คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเลอื กข้อทถ่ี กู ท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว และทาเครอื่ งหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ อง ความรู้

1. หากนาผา้ เปยี กขัดถูไมบ้ รรทดั พลาสติกหลายรอบ แล้วนาไมบ้ รรทัดพลาสติกไปจ่อใกล้เศษกระดาษจะเกิดผล
อยา่ งไร

ก. เศษกระดาษปลิวออกห่างไม้พลาสติก
ข. ไม้พลาสติกดูดเศษกระดาษตดิ ทั้งหมด
ค. ไมพ้ ลาสตกิ ดูดเศษกระดาษติดบางส่วน
ง. ไมม่ กี ารเปลีย่ นแปลง
2. .” แรงทเ่ี กิดขึ้นระหว่างวัตถุทีม่ ปี ระจไุ ฟฟ้า มที งั้ แรงดึงดูดและแรงผลกั “ จากข้อความคือแรงใด
ก. แรงตงึ ผิว
ข. แรงเสยี ดทาน
ค. แรงไฟฟ้า
ง. แรงโนม้ ถว่ งของโลก

3. A B C คืออะไรตามลาดับ
ก. หลอดไฟฟา้ แบตเตอร่ี เซลล์ไฟฟา้ ข. หลอดไฟฟา้ สายไฟฟ้า เซลล์ไฟฟ้า
ค. หลอดไฟฟา้ เซลล์ไฟฟ้า ถ่านไฟฉาย ง. เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า เซลลไ์ ฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟา้

4. จากภาพข้อ 3.เขยี นเป็นแผนภาพวงจรไฟฟา้ อย่างง่ายได้อย่างไร
ก. ข.

ค. ง.

อ่านจบั ใจความสาคญั

5. . จากภาพหลอดไฟฟา้ ทงั้ 2 ดวง สว่างหรอื ไม่ เพราะอะไร

ก. ไมส่ ว่างเพราะเป็นวงจรเปิด ข. ไม่สว่างเพราะเปน็ วงจรปิด

ค. สว่างเพราะเปน็ วงจรเปิด ง. สวา่ งเพราะเป็นวงจรปดิ

6. ภาพขอ้ 5.เปน็ การต่อหลอดไฟฟ้าแบบใดเพราะอะไร

ก. แบบผสม ข. แบบขนาน

ค. แบบอนกุ รม ง. แบบวงจรสลบั

7. ข้อใดกล่าวถึงการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมได้ถูกต้อง

ก. การต่อวงจรย่งุ ยากกวา่ การต่อแบบขนาน ข. ต้องใช้อปุ กรณใ์ นการต่อมากกวา่ แบบขนาน

ค. เลือกเปิดหลอดไฟฟา้ เฉพาะดวงท่ตี ้องการใชไ้ ด้ ง. เม่ือหลอดไฟฟา้ ดวงหนงึ่ ชารดุ หลอดไฟฟา้ ดวงอ่นื จะดับ

อา่ นจับใจความสาคญั แบบทดสอบก่อนเรยี น ร่อื ง ความรู้พน้ื ฐานการ

8. ขอ้ ใดกล่าวถึงการต่อหลอดไฟฟา้ แบบขนานไดถ้ ูกต้อง

ก. การตอ่ วงจรซับซ้อนกว่าแบบอนกุ รม ข. คือการต่อหลอดไฟฟ้าแบบเรียงตอ่ กัน

ค. เปิดหลอดไฟฟา้ ทุกดวงในวงได้พรอ้ มกนั ง. เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าออก 1 ดวงหลอดไฟฟ้าดวงอ่นื จะดับ

9. จากภาพหากถอดไฟฟา้ ออก 1 ดวง หลอดไฟฟา้ ดวงท่เี หลอื จะดบั หรือไม่ เพราะอะไร

ก. ดบั เพราะเปน็ วงจรปิด
ข. ดับ เพราะต่อแบบอนุกรม
ค. ไม่ดบั เพราะเปน็ วงจรเปิดท้งั หมด
ง. ไม่ดับ เพราะต่อแบบขนาน

10. ขอ้ ใดคอื วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้

ก. อลูมิเนยี ม ไม้ ข. ทองแดง เงนิ

ค. ยางพารา ไม้ ง. พลาสติก เงนิ

เฉลย 1. ง. 2.ค 3.2 4.ค. 5. 1. 6.ค 7. ง. 8. ก 9. ง. 10. ข.



วามสา คั

กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6
เรอ่ื งวงจรไฟฟ้า

ชุดท่ี 3 ตวั นาไฟฟ้าไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้

ศิรริ ตั น์ กองจันทร์
โรงเรยี นศรแี กง้ ครอ้
สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาชยั ภูมเิ ขต 2

-3-

คำนำ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาทกั ษะการคดิ
วเิ คราะห์ สรา้ งขน้ึ เพื่อเป็นสอื่ การเรยี นการสอนวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า 16101 เร่อื งวงจรไฟฟ้า ชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี 6 ชุดที่ 3 เรื่องตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ มีเนอ้ื หาเกย่ี วกบั ตวั นาไฟฟ้าและ
ฉนวนไฟฟา้ การนาวัสดุตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั มีกิจกรรมท่เี น้นให้นักเรียน
ไดป้ ฎิบตั ิและสรา้ งองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองจากสื่อทห่ี ลากหลาย โดยจัดทาใช้ภาษาทีเ่ ข้าใจงา่ ยและกระชับ
เพอ่ื ใหน้ กั เรียนอา่ นและทาความเขา้ ใจไดด้ ว้ ยตนเอง

เมื่อนักเรยี นไดศ้ ึกษา ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์เลม่ น้ีแลว้ นกั เรียนจะได้เรยี นรอู้ ยา่ งมี
ความสขุ มีผลตอ่ การพัฒนานกั เรียนในด้านความรู้ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ และนกั เรยี นมเี จตคตทิ ี่ดตี อ่ การเรยี นวชิ าวิทยาศาสตรม์ ากยิ่งข้ึน

ศริ ิรตั น์ กองจันทร์

-4-

คำชี้แจงในกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์
สำหรบั นักเรียน

ในการใช้ชดุ กจิ กรรมการรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง วงจรไฟฟา้ โดยใช้กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ เพือ่ พฒั นาทักษะการคิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ใหน้ กั เรยี นปฎบิ ัตติ าม
ขน้ั ตอนด้วยความซอื่ สตั ยแ์ ละตั้งใจ ดงั น้ี

1.ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน
2.ศกึ ษาจดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.ปฎบิ ตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนในชดุ กจิ กรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามขนั้ ตอนดงั นี้

3.1 ขั้นสร้างความสนใจ
3.2 ขั้นสารวจและคน้ หา
3.3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.4 ข้ันขยายความร้แู ละนาไปใช้
3.5 ขน้ั ประเมินผล
4. ทาแบบฝึกกิจกรรม
5.ทาแบบทดสอบหลังเรยี น
6. หากมขี อ้ สงสัยให้ปรกึ ษาครทู นั ที

-5- หนา้

สำรบัญ ข

เรอ่ื ง 1
คานา 3
คาชแี้ จงในการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ 3
สารบญั 3
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4
1.มาตรฐานตัวชว้ี ดั 4
2.สาระสาคญั 6
3.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 9
4.กระบวนการเรียนรู้ 10
12
4.1 ข้ันสร้างความสนใจ 12
4.2 ขั้นสารวจและคน้ หา 13
4.3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
4.4 ขัน้ ขยายความรู้ 15
4.5 ขน้ั ประเมิน
5.แบบฝกึ กจิ กรรรม
6. กจิ กรรมเสรมิ
7. แบบทดสอบหลังเรยี น
8.เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน

-6-

แบบทดสอบก่อนเรียน

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 วงจรไฟฟ้า

เรื่อง ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า รหัสวิชา ว 16101

เวลา 10 นาที จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน

..............................................................................................................................................................

คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นทาเคร่ืองหมายกากบาท( ) ทบั ข้อทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุดเพยี งข้อเดยี ว

1.วตั ถทุ ่ียอมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น เรียกวา่ อะไร

ก.เซลลไ์ ฟฟ้า ข. ตวั ตา้ นทาน
ค.ฉนวนไฟฟ้า ค. ตวั นาไฟฟ้า

2. วตั ถทุ ่ีไมย่ อมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น เรยี กวา่ อะไร

ก.ตวั นาไฟฟา้ ข.ฉนวนไฟฟ้า

ค.ตวั กลางไฟฟ้า ง.ตวั ตา้ นทาน

3. วสั ดใุ นขอ้ ใดเป็นฉนวนไฟฟา้

ก.ตะปู ข.ลกู กญุ แจ

ค.ถงุ พลาสตกิ ง.คลิปหนีบกระดาษ

4.ขอ้ ใดตอ่ ไปนีน้ าไฟฟา้ ได้

ก. ไม้ ข. ยาง

ค.พลาสตกิ ง.แกรไฟต์

5.โลหะท่ีนาไฟฟา้ ไดด้ ีท่ีสดุ คือโลหะใด

ก.ทองแดง ข.เงิน

ค.อะลมู เิ นียม ง.เหล็ก

6. สารในขอ้ ใดตอ่ ไปนีน้ าไฟฟ้าไดด้ ที ่ีสดุ

ก. ทองคา ข.ทองแดง

ค.เหล็ก ง.สงั กะสี

7.สายไฟฟา้ ท่ีใชท้ ่วั ไปใชอ้ ะไรเป็นตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้าตามลาดบั

ก. อะลมู ิเนียม , เงิน ข. เงิน , พลาสติก

ค. ทองแดง ,พลาสตกิ ง. ทองแดง , ไม้

8.ขอ้ ใดเป็นฉนวนไฟฟา้ ทงั้ หมด

ก.เชือก ผา้ กระดาษ ข.กระดาษ,พลาสตกิ แหวนเงิน

ค.ผา้ แกว้ ฟุตเหลก็ ง. ทองแดง ตะปู ยาง

9.ของใชข้ นิดใดท่ีมีทงั้ สว่ นประกอบท่ีเป็นตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้

ก.ชอ้ น ข.ตะเกียบ ค.เตารีด ง.สอ้ ม

10.ตอ้ งใชว้ ตั ถใุ ดเช่ือมตอ่ กบั วงจรไฟฟ้าจงึ จะทาใหห้ ลอดไฟสวา่ ง

ก.หนงั ยาง ข.คลิปหนีบกระดาษ ค.แกว้ ง. เชือก

ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า

1.มาตรฐานและตวั ชวี้ ัด

มาตรฐานว 5.1 ป.6/2 ทดลองและอธิบายตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้

2.สาระสาคัญ

ตวั นาไฟฟ้า เป็นวสั ดทุ ่ียอมใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นไดง้ ่าย สว่ นมากเป็นโลหะ เชน่ เงิน ทองแดง เป็นตน้
ฉนวนไฟฟา้ เป็นวสั ดทุ ่ีไมย่ อมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น เชน่ ยาง ผา้ กระเบือ้ ง พลาสตกิ

3.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1.ทดลองและสรุปผลเก่ียวกบั ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้ ได้

2.อธิบายความหมายของตวั นาไฟฟา้ ฉนวนไฟฟา้ และการนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้

3.รว่ มกิจกรรมอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมีความสขุ

4.กระบวนการเรยี นรู้

4.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ วนั นีค้ รูให้

นกั เรียนดตู ๊กุ ตาไฟฟ้าใหน้ กั เรียนนามือทงั้ สองขา้ งของตกุ๊ ตาไปแตะท่ีวสั ดตุ า่ งๆรอบๆหอ้ ง 2-3 ชนดิ สงั เกตเหน็ การ

เปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้าสวา่ งหรอื ไมส่ วา่ ง

4.2 ขนั้ สารวจและคน้ หา
4.2.1 ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้

วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีตอ้ งเตรยี ม
1. ถ่านไฟฉายหรือเซลล์ ไฟฟา้ พรอ้ มกระบะถ่าน
2. หลอดไฟฟ้า 2.5 V
3. สายไฟ 4 เสน้
4. สวิตซ์ 1 อนั
5. วตั ถตุ า่ งๆเชน่ คลิป พลาสติก ไมบ้ รรทดั พลาสตกิ ยาง ตะปู แกว้ ไม้ เป็นตน้

วิธีการปฎบิ ัตกิ จิ กรรม

1. ใหต้ อ่ วงจรไฟฟา้ ดงั รูป

2.นาวตั ถทุ ่ีทาจากวสั ดตุ า่ งๆตอ่ ระหวา่ งคลิปปากจระเข้ แลว้ เปิดสวติ ซ์ สงั เกตความสวา่ งของหลอดไฟและ
บนั ทกึ ผล

-7-

แบบบันทึกผลกิจกรรมตัวนำไฟฟ้ำและฉนวนไฟฟ้ำ

ตารางบันทกึ ผลการทากจิ กรรม ความสวา่ งของ หลอดไฟฟา้
วตั ถุ วัสดทุ ใี่ ช้ทา สว่าง ไม่สวา่ ง

สรุปผลการทากิจกรรม

.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................

-8-

ข้ันอธบิ ำยและลงขอ้ สรปุ

จากการทากจิ กรรมวัสดใุ ดบา้ งที่ตอ่ แลว้ หลอไฟสวา่ ง และวัสดใุ ดที่ตอ่ แลว้ หลอดไฟไมส่ วา่ ง

-9-

ขน้ั ขยำยควำมรู้



ขนั้ กำรประเมนิ

แบบฝึกกจิ กรรม เรื่อง ตัวนาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้

ชื่อ................................................................ชัน้ ...............เลขที่....................

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาตอบลงในชอ่ งว่างให้ถกู ตอ้ ง (ขอ้ ละ 2 คะแนน)

1. เม่ือแขนต๊กุ ตาไฟฟา้ แตะแท่งเหลก็ จะมีกระแสไฟฟา้ ผ่านหลอดไฟหรอื ไม่สังเกตได้จาก
ส่ิงใด..............................................................................................................................

2. วสั ดุใดบ้างทีต่ อ่ กับวงจรไฟฟา้ แลว้ หลอดไฟสว่างและไมส่ วา่ ง เรยี กวา่ อะไร
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
๓.สายไฟตามบ้านเรอื นโดยท่วั ไปใช้อะไรเปน็ ตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้
.........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
๔.ไฟฟา้ ลดั วงจร เกดิ ข้ึนไดอ้ ย่างไร
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
๕.ให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งการนาวัสดทุ เี่ ปน็ ตัวนาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ ไปใช้ประโยชนใ์ น
ชีวิตประจาวนั
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................

-10-

กจิ กรรมเสรมิ สมดุ ภำพตวั นำไฟฟำ้ และฉนวนไฟฟำ้

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนหาภาพวตั ถทุ เ่ี ปน็ ตัวนาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ จากวารสาน นติ ยสาร หรอื หนงั สือพมิ พ์
จากนนั้ นามาจัดทาสมุดภาพจาแนกวัตถุทเี่ ปน็ ตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้

แนวคาตอบ แบบฝกึ กิจกรรม เรอื่ ง ตัวนาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า

ชอ่ื ................................................................ชั้น...............เลขท.ี่ ...................

คาชแี้ จง ให้นักเรียนเตมิ คาตอบลงในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง (ขอ้ ละ 2 คะแนน)

1. เมอื่ แขนตุก๊ ตาไฟฟ้าแตะแท่งเหลก็ จะมกี ระแสไฟฟา้ ผา่ นหลอดไฟหรอื ไม่สังเกตได้จาก
ส่งิ ใด...มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดไฟ สังเกตจากหลอดไฟสว่าง................................

2. วัสดุใดบา้ งทีต่ ่อกับวงจรไฟฟา้ แลว้ หลอดไฟสวา่ งและไม่สวา่ ง เรยี กว่าอะไร
....วสั ดุที่ต่อแลว้ หลอดไฟสวา่ งได้แก่ ทองแดง แกรไ์ ฟต์ ตะปู คลิป เรียกว่า
ตวั นาไฟฟ้า วสั ดุทตี่ ่อแล้วหลอดไฟฟา้ ไมส่ วา่ ง ไดแ้ ก่ พลาสตกิ แกว้ กระดาษ ยาง
ไม้ เรยี กวา่ ฉนวนไฟฟา้ .............................................................................................
๓.สายไฟตามบ้านเรอื นโดยทัว่ ไปใช้อะไรเปน็ ตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้
..สายไฟฟา้ ตามบา้ นโดยทว่ั ไปทาด้วยลวดทองแดงเป็นตัวนาไฟฟา้ และมีพลาสติกเปน็
ฉนวนไฟฟา้ ห่อห้มุ ลวดทองแดงไว้..................................................................................
๔.ไฟฟา้ ลดั วงจร เกดิ ข้ึนได้อย่างไร...เกิดจากสายไฟฟ้าทไ่ี มม่ ฉี นวนหมุ้ ถ้าสมั ผสั กันจะ
เกดิ การลดั วงจรหรือเรียกวา่ ไฟซ็อต ทาใหเ้ กดิ เพลงิ ไหมไ้ ด้..........................................
๕.ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งการนาวัสดุทเ่ี ปน็ ตัวนาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ ไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชีวิตประจาวนั .วัตถทุ ่ีเปน็ ตัวนาไฟฟ้าเชน่ ทองแดงและอลมู เิ นยี มนาไปใช้ทาสายไฟ
สว่ นวัตถทุ ่เี ป็นฉนวนไฟฟา้ ได้แก่ พลาสติก นาไปหุ้มสายไฟ หรอื หมุ้ ภายนอกอปุ กรณ์
เครื่องใช้ไฟฟา้ เพอื่ ไม่ให้ไฟฟา้ รัว่ เข้าสรู่ า่ งกาย หรือเกดิ ลดั วงจรเมอ่ื สายไฟแตะกนั .......

แบบทดสอบหลังเรยี น

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 วงจรไฟฟ้า

เรื่อง ตัวนาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า รหัสวิชา ว 16101

เวลา 10 นาที จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน

..............................................................................................................................................................

คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นทาเครื่องหมายกากบาท( ) ทบั ข้อทถ่ี กู ต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดยี ว

1. วตั ถทุ ่ีไมย่ อมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น เรยี กว่าอะไร

ก.ตวั นาไฟฟา้ ข.ฉนวนไฟฟ้า

ค.ตวั กลางไฟฟ้า ง.ตวั ตา้ นทาน

2.วตั ถทุ ่ียอมใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น เรยี กวา่ อะไร

ก.เซลลไ์ ฟฟ้า ข. ตวั ตา้ นทาน
ค.ฉนวนไฟฟา้ ค. ตวั นาไฟฟ้า

3. วสั ดใุ นขอ้ ใดเป็นฉนวนไฟฟา้

ก.ตะปู ข.ลกู กญุ แจ

ค.ถงุ พลาสตกิ ง.คลิปหนีบกระดาษ

4.ขอ้ ใดตอ่ ไปนีน้ าไฟฟา้ ได้

ก. ไม้ ข. แกรไฟต์

ค.พลาสตกิ ง. ยาง

5.โลหะท่ีนาไฟฟ้าไดด้ ีท่ีสดุ คือโลหะใด

ก. เงิน ข. ทองแดง

ค.อะลมู เิ นียม ง.เหล็ก

6. สารในขอ้ ใดตอ่ ไปนีน้ าไฟฟา้ ไดด้ ีท่ีสดุ

ก. ทองคา ข.ทองแดง

ค.เหล็ก ง.สงั กะสี

7.สายไฟฟ้าท่ีใชท้ ่วั ไปใชอ้ ะไรเป็นตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้ ตามลาดบั

ก. อะลมู เิ นียม , เงิน ข. เงิน , พลาสติก

ค. ทองแดง ,พลาสติก ง. ทองแดง , ไม้

8.ขอ้ ใดเป็นฉนวนไฟฟา้ ทงั้ หมด

ก.เชือก ผา้ กระดาษ ข.กระดาษ,พลาสตกิ แหวนเงิน

ค.ผา้ แกว้ ฟุตเหลก็ ง. ทองแดง ตะปู ยาง

9.ตอ้ งใชว้ ตั ถใุ ดเช่ือมตอ่ กบั วงจรไฟฟ้าจงึ จะทาใหห้ ลอดไฟสวา่ ง

ก.หนงั ยาง ข.คลีปหนีบกระดาษ ค.แกว้ ง. เชือก

10.ของใชข้ นิดใดท่ีมีทงั้ สว่ นประกอบท่ีเป็นตวั นาไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้

ก.เตารีด ข.ตะเกียบ ค. ชอ้ น ง.สอ้ ม

เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน

เร่อื ง ตัวนาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้

กอ่ นเรยี น หลงั เรยี น

ข้อ คาตอบ ข้อ คาตอบ

1ง 1 ค

2ข 2 ข

3ค 3 ข

4ง 4 ก

5ข 5 ก

6ข 6

7ค 7

8ก 8

9ค 9

10 ข 10

เกณฑผ์ ่านร้อยละ 80 หรอื ถกู 8 ข้อ ขึ้นไป

แบบทดสอบหลงั เรียน

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกข้อทีถ่ ูกท่สี ุดเพยี งข้อเดียว และทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ อง ความรู้

1. หากนาผ้าเปียกขดั ถไู ม้บรรทดั พลาสติกหลายรอบ แลว้ นาไมบ้ รรทดั พลาสติกไปจ่อใกล้เศษกระดาษจะเกิดผล
อยา่ งไร

ก. เศษกระดาษปลวิ ออกห่างไมพ้ ลาสติก
ข. ไมพ้ ลาสติกดูดเศษกระดาษติดทั้งหมด
ค. ไม้พลาสติกดูดเศษกระดาษติดบางส่วน
ง. ไม่มีการเปล่ยี นแปลง
2. .” แรงท่ีเกิดขน้ึ ระหวา่ งวัตถุทม่ี ปี ระจุไฟฟ้า มีทง้ั แรงดงึ ดูดและแรงผลกั “ จากข้อความคอื แรงใด
ก. แรงตึงผิว
ข. แรงเสยี ดทาน
ค. แรงไฟฟา้
ง. แรงโน้มถว่ งของโลก

3. A B C คืออะไรตามลาดับ
ก. หลอดไฟฟา้ แบตเตอร่ี เซลลไ์ ฟฟา้ ข. หลอดไฟฟา้ สายไฟฟ้า เซลล์ไฟฟ้า
ค. หลอดไฟฟา้ เซลลไ์ ฟฟ้า ถา่ นไฟฉาย ง. เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เซลล์ไฟฟ้า มอเตอรไ์ ฟฟา้

4. จากภาพข้อ 3.เขียนเปน็ แผนภาพวงจรไฟฟา้ อย่างง่ายไดอ้ ยา่ งไร
ก. ข.

ค. ง.
อา่ นจับใจความสาคัญ

5. . จากภาพหลอดไฟฟ้าทงั้ 2 ดวง สว่างหรือไม่ เพราะอะไร

ก. ไมส่ วา่ งเพราะเปน็ วงจรเปิด ข. ไม่สว่างเพราะเป็นวงจรปิด

ค. สว่างเพราะเปน็ วงจรปดิ ง. สว่างเพราะเป็นวงจรปิดน

6. ภาพขอ้ 5.เป็นการต่อหลอดไฟฟ้าแบบใดเพราะอะไร

ก. แบบผสม ข. แบบขนาน

ค. แบบอนกุ รม ง. แบบวงจรสลบั

7. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมได้ถูกต้อง

ก. การต่อวงจรยงุ่ ยากกว่าการต่อแบบขนาน ข. ต้องใชอ้ ปุ กรณ์ในการต่อมากกว่าแบบขนาน

ค. เลือกเปิดหลอดไฟฟา้ เฉพาะดวงท่ตี ้องการใชไ้ ด้ ง. เมื่อหลอดไฟฟา้ ดวงหน่ึงชารดุ หลอดไฟฟา้ ดวงอืน่ จะดบั คญั แบบ

8. ข้อใดกล่าวถึงการต่อหลอดไฟฟา้ แบบขนานไดถ้ ูกต้อง

ก. การต่อวงจรซับซ้อนกวา่ แบบอนกุ รม ข. คอื การต่อหลอดไฟฟ้าแบบเรยี งต่อกนั

ค. เปดิ หลอดไฟฟ้าทุกดวงในวงได้พร้อมกัน ง. เม่ือถอดหลอดไฟฟา้ ออก 1 ดวงหลอดไฟฟ้าดวงอน่ื จะดับ

9. จากภาพหากถอดหลอดไฟฟ้าออก 1 ดวง หลอดไฟฟา้ ดวงท่ีเหลอื จะดับหรือไม่ เพราะอะไร

ก. ดับ เพราะเป็นวงจรปิด
ข. ดบั เพราะต่อแบบอนกุ รม
ค. ไมด่ บั เพราะเป็นวงจรเปิดท้งั หมด
ง. ไม่ดบั เพราะต่อแบบขนาน

10. ขอ้ ใดคือวสั ดทุ ีย่ อมใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้

ก. อลมู ิเนียม ไม้ ข. ทองแดง เงนิ

ค. ยางพารา ไม้ ง. พลาสตกิ เงนิ

เฉลย 1 ง 2.ค 3. ข 4.ค 5.ก 6.3 7.ง 8. ก. 9. ง 10. ข




Click to View FlipBook Version