บอนสี
ราชินีแห่งใบไม้
บอนสี
ราชินีแห่งใบไม้
บอนสีเป็นใบไม้ที่ได้รับคาวมนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีต แม้แต่ในยุคที่
สือโซเชียลเข้ามามีบทบาทกับทุกคน บอนสีก็ยังคงครองใจคนรัก
ต้นไม้ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะความงามของใบ สีสันที่หลากหลาย
เช่น แดง ชมพู เขียว ขาว เหลือง น้ำตาล ฯลฯ และลีลาการแต่ง
แต้มที่แตกต่ง เช่น ป้ายสีหนึ่งกับสีหนึ่ง มีมัดสัเล็กใหญ่กระจายไป
ทั่ว หรือมีเส้นสีที่จัดจ้านพาดผ่านทั้งใบไม่นับรวมรูปและทรงพุ่มที่
มีเสน่ห์เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ให้น่าชวนมอง จึงได้
รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งใบไม้"
ตำนาน "บอนสี"
บอนสี เป็นไม้ประดับที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอเมริกาใต้ แพร่หลายเข้าไปทางยุโรป
อินเดีย ตลอดจนประเทศอินโดนีเซีย ในอดีตพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่ครั้ง
กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแล้ว คือ พระศรีมหาโพธิ์จากเมืองอนุราชปุระ ที่เกาะลังกา นำมา
ปลูกไว้ยังพระอารามหลวง
ต่อมาสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ตามจดหมายเหตุของชาวต่างประเทศ ได้มีการบันทึกไว้ว่า “พระราชอุทยานของ
พระเจ้าอยู่หัว ที่เมืองลพบุรี ได้มีพืชต่างถิ่นปลูกประดับไว้ พืชต่างถิ่นเหล่านั้นชาวต่าง
ประเทศเป็นผู้นำทูลเกล้าฯ ถวายจากเมืองชวา เมืองจีน แหลมบาลายู และอินเดียตอนใต้”
ในจำนวนพืชต่างๆ เหล่านั้น เชื่อว่ามี "บอนสี" หรือ บอนฝรั่ง เข้ามาสู่เมืองไทย ตั้งแต่
สมัยสุโขทัย ตามตำนานไม้ต่างประเทศบางชนิดในเมืองไทยซึ่ง พระยาวินิจอนันกร(โต
โกเมศ) ได้เล่าถึงบอนสีหรือบอนฝรั่งว่า "บอนสีจะเข้ามาเมืองไทยเมื่อใดไม่ทราบแน่
ว่ากันว่าราวปี พ.ศ.2425 ฝรั่งสั่งบอนจากยุโรป
คือ ชนิดที่เรียกกันว่า กระนกกระทาและถมยาประ
แป้ง ทั้งสองชนิดนี้ เป็นพันธุ์ของบอนสีราว
พ.ศ.2449-2450 ฝรั่งชื่อ มะโรมิ เลนซ์ สั่งบอนสี
ต่างๆ เข้ามาขายจากประเทศต่างๆ ในยุโรปเป็น
จำนวนมาก"
พันธุ์ไม้มากมายหลายชนิด เข้ามาสู่เมืองไทยมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 5
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จ
พระราชดำเนินประพาสยุโรป
และเมื่อพระองค์เสด็จนิวัติพระนคร ได้ทรงนำพันธุ์ไม้จากยุโรปเข้ามาประเทศไทย
บอนสีที่มีในคราวนั้นทรงตั้งชื่อเป็นที่ระลึกว่า "เจ้ากรุงเดนมาร์ค", "เจ้าไกเซอร์",
"เจ้าอัมเปอร์" (เอมเปอ) เพี้ยนจากชื่อจริง เอมเปอเรอ
"อิเหนา" หมายถึง ประเทศชวาหรือประเทศอินโดนีเซีย พระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานสนพระทัย หาความเพลิดเพลินกับพรรณ
พฤกษชาติในยามว่างจากพระราชกรณียกิจ
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
บอนสีเป็นพืชในสกุล Caladium วงศ์ Araeae มีชื่อวิทยาศาสตรว่า Caladium
bicolor เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ทุกส่วนอวบน้ำ มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวแบบมันฝรั่ง
(tuber) ทำหน้าที่สะสมอาหาร มีตาหรือที่เรียกกันว่า "เขี้ยว" รอบหัว สามารถแตก
รากฝอยได้รอบ
หัวบอนสี มี 2 ลักษณะคือ หัวทรงกลมและหัวเป็นแท่งทรงกระบอก เนื้อในสี
ขาว สีเหลืองอ่อน สีส้มอ่อน มีน้ำยางที่มีแคลเซียม (Calcium oxalate) มีฤทธิ์ระคาย
เคืองต่อผิวหนัง ทำให้คัน จะพักหัวในฤดูหนาวโดยค่อยๆ ทิ้งใบจนหมด และจะแตกใบขึ้นมา
ใหม่ตอนฝนตก
จานรองดอก ปลีดอก
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ประกอบด้วย ช่อเชิงลดมีกาบ (spadix)
หรือที่เรียกว่า ปลีดอก และกาบ (หุ้มช่อดอก) (spathe) หรือที่เรียกว่าจานรอง
ดอก บนปลีดอกประกอบด้วยดอกเพศผู่ที่สมบูรณ์ เมื่อบานมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
และบานก่อนดอกเพศเมียที่อยู่ด้านล่างและห่อหุ้มด้วยจานดอก กว่าดอกเพศเมีย
จะบานละอองเกษรเพศผู้ที่สมบูรณ์บนช่อดอกก็ปลิวหายไปหมดแล้ว ผู้ผสมพันธุ์
บอนสีจึงต้องเก็บละอองเกษรตัวผู้ที่สมบูรณ์ใส่ภาชนะทึบแสงแล้วแช่เย็นไว้เพื่อ
รอดอกเพศเมียสมบูรณ์พร้อมผสมพันธุ์จึงทำการผสมพันธุ์ต่อไป
ผล ของบอนสีติดเป็นช่อ มีเนื้อนุ่ม ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด สี
น้ำตาลไหม้ ขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร แต่ละช่อผลติดผลได้มากถึง 500
เมล็ด
ใบ มีรูปทรงหลายแบบ ทั้งรูปหัวใจ รูปกลม รูปขอบขนาน และรูป
แถบ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีสีสันแตกต่างกัน ทั้งสีแดง เหลือง ชมพู
ขาว ม่วง เขียว น้ำตาล บางพันธุ์มีจุดแต้ม เรียกว่า "เม็ด"
หรือแถบด่างเรียกว่า "ป้าย" บนใบ
ขอบใบเรียบหรือย่นเป็นคลื่น
ก้านใบกลมออกจากกึ่งกลางใบเรียกว่า
"สะดือ" บางพันธุ์ก้านใบแผ่ออกและมีรยางค์ (แข้ง)
ยื่นออกจากก้าน
บอนสีมีกี่ประเภท
มาเริ่มต้นทำความรู้จักกับบอนสี โดยการรู้จักแยกแยะบอนสีประเภทต่างๆ ที่มีอยู่หลาย
ร้อยชนิด ตามหมวดหมู่ต่างๆกัน ความแตกต่างของบอนสีแต่ละชนิด แต่ละพันธุ์ อยู่ที่
ลักษณะของใบที่มีสีสันลวดลายสวยงามจำแนกตามรูปใบเป็น 5 ประเภทคือ
1. บอนใบไทย
ใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ก้านใบกลม
ออกจากกึ่งกลางใบ หูใบฉีกไม่ถึงสะดือ ได้แก่
สาวน้อยประแป้ง ม่านนางพิม ไก่ราชาวดี พญามนต์ .
พญาเศวต(ตันแพลง) สร้อยแสงจันทร์ ปาเต๊ะ เป็นต้น
2. บอนใบยาว
ใบรูปหัวใจคล้ายบอนใบไทย แต่ใบเรียวกว่า ปลายใบ
เรียวแหลม ก้านใบกลมออกจากโคนใบหู ใบยาวฉีกถึง
ก้านใบ ได้แก่ กรวยทอง คุณหญิง จักรราศี ไชย
ปราการ หงส์เหิน กวนอิม ฮกหลง เป็นต้น
บอนสีมีกี่ประเภท
3. บอนใบกลม
ใบค่อนข้างกลม ปลายใบมนหรือมนมีติ่งแหลม
ก้านใบกลมอยู่กึ่งกลางใบ ได้แก่ บางกอก เมืองสยาม
ยูเรนัส เมืองพัทยา เมืองชล เมืองสุวรรณภูมิ เป็นต้น
4. บอนใบกาบ
ใบคล้ายรูปหัวใจ ก้านใบแผ่แบนตั้งแต่โคนใบถึงแข้ง
ลักษณะคล้ายใบผักกาด ได้แก่ ทุ่งบางพลี ขันธกุมาร
เทพลีลา เรือนแก้ว อังศุมาลิน รัชมงคล เป็นต้น
5. บอนใบไผ่
ใบรูปแถบ รูปใบหอกแคบ หรือเป็นเส้น ปลายใบเรียว
แหลมคล้ายใบไผ่ หูใบสั้นมาก (หูรูด) ความกว้างของใบ
ไม่เกิน 2 นิ้ว เช่น ไผ่กรุงเทพฯ ไผ่จุฬา ไผ่ธารทิพย์
ไผ่ธารมรกต ไผ่ศรศิลป์ ไผ่สวนหลวง เป็นต้น
บอนสีมีกี่ประเภท
นอกจากการจำแนกตามรูปใบแล้วสามารถจำแนกตามสีสันบนใบได้
ดังนี้
1. บอนไม่กัดสี
คือบอนสีที่มีสีคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยังเล็กจนโตเต็มที่ หรืออาจมีสี
เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ยังคงสีเดิมให้เห็น เช่น นายจันหนวดเขี้ยว บอนสีตับ
วีรชน เป็นต้น เป็นบอนใบไทยที่มีสีแดงตั้งแต่ต้นเล็กจนโตเต็มที่
2. บอนกัดสี
คือบอนสีที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีสัน เมื่อยังเล็กใบเป็นสีเขียว พอโตเต็มที่จะ
เปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดง และอาจมีจุดหรือแต้มสีเกิดบนใบ ส่วนใหญ่เป็นบอน
ลูกผสมใหม่ เช่น กัลยา นายดอกรัก จังหวัดนราธิวาส พระยามุจลินท์ หยก
ประกายแสง ไผ่ธารมรกต ศรีลำดวน รัตนาธิเบศร์ เป็นต้น
บอนสีมีกี่ประเภท
นอกจากการจำแนกตามรูปใบแล้วสามารถจำแนกตามสีสันบนใบได้
ดังนี้
3. บอนป้าย.
คือบอนสีที่มีแถบด่างสีแดงพาดทับบนแผ่นใบสีเขียว ซึ่งเริ่มแสดงลักษณะ
ตั้งแต่ใบที่ 1 หรือ 2 เช่น อัปสรสวรรค์ เทพเทวฤทธิ์ เพชรจรัสแสง ศรี
กาญจนาภิเศก ชายชล เป็นต้น
4. บอนด่าง
คือบอนสีที่มีพื้นด่างสีขาวอมเขียวอ่อนหรือหรือ
ขาวอมแดงบนพื้นใบสีเขียวหรือใบด่างเหลือง เช่น
บัวสวรรค์ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โชคอำนวย เป็นต้น
สายโลหิต
จันทโครพ
เทพทรงศิล
พญามนต์
เจ้าหญิง
ม่านนางพิม
ชายชล
ฮกหลง
บรรณานุกรม
สมคมบอนสีแห่งปะเทศไทย. บอนสี ฉบับสมาคมบอนสีแห่งระเทศไทย.
กรุงเทพฯ: บ้านและสวน 2540
เจริญ สุขพงษ์. ตำนานบอนสี ราชีนีแห่งใบไม้. กรุงเทพฯ: จินดาสาสน์การ
พิมพ์,2524