ความหมายและความเป็นมาของธุรกิจไมซ์
( MICE Business )
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมการบริการที่สำคัญต่อเศรษกิจของประเทศเนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นภาคบริการ
ที่สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก และยังกระจายรายได้ที่เกิดขึ้นไปยังภาคธุรกิจต่างๆอย่างกว้างขวาง ทั้งธุรกิจ
ท่องเที่ยวโดยตรง อันได้แก่ ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจที่พัก ธุรกิจอาหารและบันเทิง ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ธุรกิจพัมนาแหล่แงท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่ต่อเนื่องทางอ้อมไ ได้แก่ ธุรกิจ
การสื่อสาร ธุรกิจโฆษนาและประชาสัมพันธ์ ธุรกิจธนาคารเป็นต้น นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษกิจ
คือ การสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในสังคมนั้น กินดีอยู่ดี ซึ่งการท่องเที่ยวจะแบ่งตามวัตถุประสงค์ได้
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1 การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
หมายถึงการท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพักผ่อน
เช่น นันทนาการ ศึกษาธรรมชาติ ศึกษาศิลปวัฒนธรรม
เยี่ยมญาติมิตร เป็นต้น
2 การท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์
MICE Business Travel
หมายถึงการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ 4 ธุรกิจ ได้แก่
- ธุรกิจการจัดประชุมองค์กร ( Meetings )
- การท่องเที่ยวเพื่อรางวัล ( Incentives )
- การจัดประชุมนานาชาติ (Conventions )
- การจัดแสดงสินค้า ( Exhibitions )
ต่อไปนี้จะเรียกทั้ง 4 ธุรกิจนี้ว่าธุรกิจไมซ์ หรือ MICE Business
การเปรียบเทียบระหว่างลักษณะของ
การท่องเที่ยวแบบพักผ่อน แบบธุรกิจไมซ์
ประเด็นเปรียบเทียบ การเดินทางเพื่อพักผ่อน การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจไมซ์
1.ผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายใน นักท่องเที่ยวเป็นผู้จ่ายเอง นายจ้าง/บริษัทเป็นผู้จ่าย
การเดินทางท่องเที่ยว
2.ผู้เลือกสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเป็นผู้เลือกเอง ผู้จัดการธุรกิจไมซ์เป็นผู้เลือก
3.ช่วงเวลาการท่องเที่ยว ระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ตลอดปี และจัดระหว่างวัน
และวันหยุดประจำปี จันทร์ถึงวันศุกร์
4.ระยะเวลาสำรองการท่อง -วันหยุดติดต่อกันหลายวัน -การประชุมใหญ่ควรจอง
เที่ยว ควรจองล่วงหน้าเป็นเดือน ล่วงหน้าเป็นปี
-วันหยุดน้อยควรจองล่วง
หน้า 2-3 วัน
5.ประเภทของผู้เดินทาง ทุกคนที่ท่องเที่ยวต้องการ สมาชิกของหน่วยงาน หรือ
พักผ่อน ลูกจ้างบริษัทที่ได้รับการคัด
เลือกให้เดินทางท่องเที่ยว
6.ประเภทของสถานที่ท่อง ทุกประเภทที่ตั้งเป็นแหล่ แหล่งท่องเที่ยวตามเมือง
เที่ยว องท่องเที่ยวธรรมชาติและ ใหญ่ โดยเฉพาะ
แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์ อุตสาหกรรม
สร้าง
1.ความหมายของธุรกิจไมซ์
ธุรกิจไมซ์ทั้ง 4 ตัวมีความสำคัยกันอย่างใกล้ชิด กล่าวคือเมื่อมีการประชุมไม่ว่าจะเป็นการขององกรค์ ( Meeting )
หรือการจัดประชุมนานาชาติ ( Conventions ) ก็มักมีการจัดการแสดงสินค้าควบคู่กันไปด้วย
เพื่อลดต้นทุนในการจัดประชุม และให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ชมงานแสดงสินค้าหลังเสร็จการประชุมแต่ละวัน
หรืออาจมีการจัดการท่องท่องเที่ยว
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ท่องเที่ยว และเรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่น่าสนใจของแหล่งที่จัดประชุมนั้นๆ
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีประสบการณ์และสาระที่หลากหลายมากขึ้น ในขณะเดียวกันเมื่อมีการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
ก็มักมีการจัดประชุมรูปแบบ Meetings เพื่อสร้างความรักองกรค์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหรือจัดนำแสดงสินค้า
เพื่อแนะนำสินค้าใหม่ ธุรกิจไมซ์ตามความหมายของสมาคมส่งเสริมการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน
( Asian Association of Convention and Visitor Bureaus-AACVB )
ให้คำนิยามว่า
ธุรกิจ MICE หมายถึง ธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดการประชุมของท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดงานแสดงสินค้าเข้าด้วยกัน โดยมีการจัดการที่ดีและสมบูรณ์อย่างมืออาชีพ
ทั้งด้านการบริการ ด้านสถานที่ ด้านจัดการประชุม ด้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้านเครื่องมืออุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก
ด้านการรับส่งสินค้าที่จะจัดแสดง ด้านพิธีกร และอื่นๆ โดยธุรกิจไมซ์ประกอบไปด้วยธุรกิจหลักอยู่ 4 กลุ่มตามตัวอักษรย่อ
ที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน และมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ได้แก่
M = Meeting
หมายถึง ธุรกิจการจัดประชุมขององค์กร ซึ่งเป็นการจัดประชุมของกลุ่มบุคคลในองค์กรเดียวกันหรือ
สมาคมเดียวกัน อาจจะจัดประชุมนานาชาติ ระดับภูมิภาค หรือระรับภายในประเทศก็ได้ ดดยเป็นการป
ประชุมเฉพาะกิจหรือวางแผนล่วงหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.1 Association Meeting เป็นการประชุมเพื่อเเลกเปลี่ยนข้อมูลจากกลุ่มบุคคลภายในองค์กรหรือสมาคม
เดียวกันหรือกลุ่มอาชีพเดียวกันหรือกลุ่มศาสนาเดียวกัน โดยทั่วไปจะมีการจัดสัมนาย่อยหรือจัดนิทรรศ
การขนาดเล้ก โดยเฉลี่ยจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังอาจมีคำอื่ที่ใช้แทนกันก็ได้ เป็นต้นว่า
(1) Conference เป็นการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมมาถกเถียงกันเพื่อหาข้อเท็จจริงหรือแก้ปัญหาหรือ
ปรึกษาหารือ แต่ขนาดเล็กกว่า Association Meeting
(2) Congress เป็นการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมหลายร้อยหรือหลายพันคนจากกลุ่มคนประเภทเดียวกัน เช่น กลุ่ม
อาชีพ กลุ่มศาสนาเดียวกัน เป็นต้น จะพิจารณาในหัวข้อ
การประชุมที่มาจากการสนับสนุนของสมาชิกหรือองค์กรเท่านั้น จึงมักเป็นการประชุมนานาชาติหรือระดับ
โลก
(3) Seminer เป็นการประชุมที่มีผู้ชำนาญการโดยเฉพาะทางและมีทักษะที่แตกต่างกัน แต่มีความสนใจ
เฉพาะทาง และมาร่วมกันเพื่ออบรมหรือเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์นั้น
(4) symposium เป็นการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยการเสนอผลงานจากผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อ
นั้นๆ เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาให้ความคิดเห็น
1.2 Corporate Meetings เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคลที่มาจากองค์กรเดียวกันหรือเครือเดียวกัน อาจมา
จากประเทศเดียวกัน ภูมิภาคเดียวกัน หรือหลายประเทศทั่วโลก มักเป็นการขัดโดยบริษัท จึงสามารถเลือก
สถานที่จัดได้ด้วยการสอบถามจากสมาชิก และไม่ต้องมีการประชาสัมพันธ์มาก เนื่องจากเป็นการประชุม
ของบริษัทเท่านั้น และมีขนาดงานเล็กกว่า Association Meetings โดยเฉลี่ยจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ
80 คน
1.3 Government Meetings เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคลหรือผู้แทนจากหน่วยงานราชการ
ที่รัฐบาลประเทศนั้นเป็นผู้ดำเนินการ จึงสามารถเลือกสถานที่จัดได้โดยไม่ต้องสอบถามสมาชิก
สำหรับการจัดประชุมขององค์กร ( Meetings ) นี้ มามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ คือ
(1) การจัดประชุมองค์กรระดับนานาชาติ ( International Meetings ) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้า
ร่วมประชุมจากกิจการเดียวกันเดินทางมาจากประเทศต่างๆ ในทวีปต่างๆ ตั้งแต่ 2 ทวีปขึ้นไป
(2) การประชุมองค์กรระดับภูมิภาค ( Regional Meetings ) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุม
จากกิจการเดียวกันเดินทางมาจากประเทศต่างๆ ในทวีปเดียวกันตั้งแต่ 2 ประเทศขึ้นไป
(3) การประชุมองค์กรระดับชาติ ( National offshore Meetings ) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้าร่วม
ประชุมจากกิจการเดียวกันเดินทางมาจากประเทศใดประเทศหนึ่งในทวีปต่างๆ มาประชุมร่วมกัน และมี
ความเป็นไปได้ที่จะประชุมในต่างประเทศ หรือมาประชุมร่วมกันกับประเทศเจ้าภาพ
(4) การประชุมองค์กรภายในประเทศ ( Domestic Meetings ) หมายถึง การประชุมภายในประเทศที่มี
ผู้เข้าร่วมประชุมจากกิจการเดียวกันทุกสัญชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถาวรภายในประเทศนั้น
I = Incentives
หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานหรือบุคคลที่สามารถดำเนินงาน
ตามเป้าหมายที่บริษัทไว้วางใจ โดยบริษัทผู้ให้รางวัลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการ
ท่องเที่ยวทั้งหมด อาจใช้คำว่า Event แทนก็ได้ ซึ่งการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.1 Individual Incentive หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานรายบุลคล
ซึ่งพนักงานแต่ละคนมีอิสระ ในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ แต่มักจำกัดขอบเขต เช่น
ต้องเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้นหรือการท่องเที่ยวเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน
เป็นต้น
1.2 Group Incentive หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานเป็นกลุ่ม ซึ่ง
เป็นรูปแบบของการให้รางวัลที่นิยมกันมาก โดยมีการวางแผนและเตรียมการมากกว่า
ประเภท Individual Incentives และมักไม่จำกัดขอบเขตในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว
เนื่องจากเป็นการให้บริการแก่พนักงานกลุ่มใหญ่ จึงสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับการจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลประเภทนี้สามารถแบ่งออก
เป็น 3 กลุ่มย่อยคือ
( 1 ) User Incentive เป็นการเชิญผู้ใช้บริการหรือลูกค้าไปท่องเที่ยวฟรี เพื่อสร้างภาพ
ลักษณ์ของบริษัทและสร้างความจงรักภักดีต่อบริษัท
( 2 ) Channel Incentive เป็นการให้รางวัลเพื่อการท่องเที่ยวแก่ตัวแทนที่ทำยอดขาย
ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
( 3 ) InnerIncentive เป็นการให้รางวัลเพื่อการท่องเที่ยวแก่พนักงานภายในบริษัทเอง
C = Conversations
หมายถึง การประชุมนานาชาติของกลุ่มบุคคลต่างองค์กรและในสายอาชีพหรือใกล้เคียงกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
และความคิดเห็นโดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 800 คน ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดของสมาคมระดับนานาชาติ และมีรูปแบบ
การจัดใน 2 ลักษณะ คือ
1.1 ลักษณะการจัดประชุมแบบหมุนเวียนตามประเทศสมาชิก มักใช้วิธีการเวียนตามตัวอักษรและตามภูมิภาค
1.2 ลักษณะการประมูลเพื่อเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดงาน ประเทศสมาชิกที่ต้องการเป็นเจ้าภาพจะส่ง
ตัวแทนเข้าร่วมประมูลในสมาคม จึงต้องมีต้นทุน
ค่าใช้จ่ายสูง และมีระยะเวลาเตรียมงานนานสำหรับความแตกต่างระหว่าง Conventions กับ Meetings อยู่
ที่ตัวแปรหลัก 2ตัวแปร คือ
(1) จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม โดย Conventions จะมีผู้เข้าร่วมประชุมในระดับร้อยคนขึ้นไปจนถึงระดับหมื่นคน
ส่วน Meetings จะมีผู้เข้าร่วมประชุม
ตั้งแต่ 10 คนจนถึงหลายคน
(2) รายได้จากการประชุม โดย Conventions จะมีรายได้จากการจัดประชุมมากกว่า Meetings เพราะมี
จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า
E = Exhibitions
หมายถึง การจัดงานแสดงสินค้าหรือบริการเพื่อขายให้แก่อุตสาหกรรม ร้านค้าและผู้ซื้อ อาจจัด
ในระดับนานาชาติ หรือระดับภูมิภาคหรือระดับชาติก็ได้ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.1 Trade show เป็นการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับผู้ประกอบการ
1.2 Consumer show เป็นการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับผู้บริโภคอาจมีการจัดการประชุมในหัวข้อ
เดียวกันหรือเกี่ยวกับการแสดงสินค้าหรือนิทรรศการนั้น
1.3 Trade and Consumer Show เป็นการงานแสดงสินค้าสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภครวม
เข้ากัน