ARTIFICIAL INTELLIGENCE AI ปั ญ ญ า ป ร ะ ดิ ษ ฐ์
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา GESC1101 เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร คณะผู้จัดทำ ศึกษาเนื้อหาเรื่อง Artificial intelligence AI (ปัญญาประดิษฐ์)เป็นการศึกษาเชิงสำ รวจ โดยมี วัตถุประสงค์การศึกษา เพื่อเรียนรู้ความเป็นมาและการพัฒนาของ ปัญญาประดิษฐ์ ทางผู้จัดทำ ได้ทำ การรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์และได้ทำ การ สรุปตามความเข้าใจถึงความน่าจะเป็นดังกล่าว ทั้งนี้คณะผู้จัดทำ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ปภาดา นวากาญ จน์ ที่เอื้อข้อมูลที่เป็นประโยชน์และให้คำ ปรึกษานี้แนะตลอดจนแนวทาง การดำ เนินงาน คำ นำ
หลักการทำ งานของปัญญาประดิษฐ์ ความเป็นมาของปัญญาประดิษฐ์ 04 12 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์พัฒนาขึ้นมาอย่างไร 07 จุดประสงค์ของการใช้งานเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ 13 ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ 08 ประเภทของ Artificial intelligence (AI) 24 สารบัญ ประโยชน์ของการนำ เทคโนโลยี AI มาใช้ในทางธุรกิจ AI กับกลไกลพัฒนาการศึกษาไทย 26 14
ปัญญาประดิษฐ์เริ่มมีการใช้ในปี 1956 แต่ได้รับความนิยมยิ่งขึ้นใน ปัจจุบันเนื่องด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น อัลกอริธึมที่มีความก้าวหน้า และการ พัฒนาในศักยภาพของการคำ นวณและการจัดเก็บข้อมูล การวิจัยเกี่ยวกับ AI ใน ยุคต้นปี 1950 จะเป็นการค้นคว้าเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาและรูปแบบ สัญลักษณ์ ต่อมาในยุคปี 1960 กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ให้ความสนใจ เกี่ยวกับ AI และเริ่มต้นฝึกฝนคอมพิวเตอร์ เพื่อเลียนแบบกระบวนการความคิด เป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์ ดังเห็นได้จาก สำ นักโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม หรือ DARPA ได้ดำ เนินโครงการการแมปถนนในยุคปี 1970 นอกจากนี้ DARPA ยังได้สร้างระบบสั่งงานด้วยเสียง (intelligent personal assistant) ในปี 2003 เป็นเวลานานก่อนที่ Siri Alexa หรือ Cortana จะได้รับการคิดค้น - ยุคในช่วงต้นของงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างช่วงปลายทศวรรษ 1940 และต้นทศวรรษ 1950 นักวิจัย เช่น Alan Turing, Norbert Wiener และ Claude Shannon ได้มีส่วนร่วมอย่างมากในรากฐานทางทฤษฎีของ AI Alan Turing เสนอแนวคิดของ "universal machine" ที่สามารถทำ การคำ นวณใดๆ ก็ได้ ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำ หรับการคิดเกี่ยวกับเครื่องจักรอัจฉริยะ (intelligent machines) - ยุคลอจิกและสัญลักษณ์ AI (Logic and Symbolic AI:) ในช่วงปี 1950 และ 1960 การวิจัย AI มุ่งเน้นที่การใช้ตรรกะและการแสดงสัญลักษณ์ เพื่อสร้าง ระบบอัจฉริยะ นักวิจัยพัฒนาภาษาที่เป็นทางการและวิธีการที่ใช้ตรรกะ เพื่อ แสดงความรู้และปฏิบัติงานด้านเหตุผล แนวทางนี้เรียกว่า AI เชิงสัญลักษณ์ มี เป้าหมายเพื่อเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์โดยใช้กฎและสัญลักษณ์เชิง ตรรกะ 04 ความเป็นมาของปัญญาประดิษฐ์
- ยุคการเพิ่มขึ้นของแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ในช่วงปี 1950 และ 1960 นักวิจัยเริ่มสำ รวจแนวคิดของ Machine Learning ซึ่งเกี่ยวข้อง กับการพัฒนาอัลกอริทึม (algorithms) และโมเดล (models) ที่สามารถเรียน รู้จากข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป งานแรกในพื้นที่นี้รวม ถึงการพัฒนา perceptrons โดย Frank Rosenblatt และแนวคิดของการ เรียนรู้การเสริมแรงโดย Arthur Samuel - ยุคที่อาศัยความรู้ระบบ (Expert Systems) และผู้เชี่ยวชาญ AI ในช่วง ระหว่างปี 1970 และ 1980 การวิจัย AI ได้เปลี่ยนไปสู่การสร้างระบบผู้ เชี่ยวชาญ (Expert Systems) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมา เพื่อเลียนแบบความรู้และความสามารถในการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญที่เป็น มนุษย์ในขอบเขตเฉพาะ - ยุคโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) และการเชื่อมต่อ (Connectionism) โครงข่ายประสาทเทียม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก โครงสร้างและการทำ งานของสมองมนุษย์ ได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงปี 1980 และ 1990 นักวิจัยได้พัฒนาอัลกอริธึมและสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้โครง ข่ายประสาทเทียม สามารถเรียนรู้จากข้อมูลและทำ การทำ นายหรือจำ แนก ประเภทได้ - ยุคการเข้าสู่งานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ยุค 2000 เห็นการปฏิวัติใน AI ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตแบบ ทวีคูณของความพร้อมใช้งานของข้อมูลและพลังการคำ นวณ การเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งเป็นสาขาย่อยของการเรียนรู้ของเครื่องที่อาศัยเครือข่ายประสาทเทียมที่มี หลายชั้น กลายเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับงานที่ซับซ้อน เช่น การจดจำ ภาพและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ อัลกอริธึมการเรียนรู้ เชิงลึกแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในด้านต่างๆ 05
06 - ยุคการเพิ่มขึ้นของแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ในช่วงปี 1950 และ 1960 นักวิจัยเริ่มสำ รวจแนวคิดของ Machine Learning ซึ่งเกี่ยวข้อง กับการพัฒนาอัลกอริทึม (algorithms) และโมเดล (models) ที่สามารถเรียน รู้จากข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป งานแรกในพื้นที่นี้รวม ถึงการพัฒนา perceptrons โดย Frank Rosenblatt และแนวคิดของการ เรียนรู้การเสริมแรงโดย Arthur Samuel - ยุคที่อาศัยความรู้ระบบ (Expert Systems) และผู้เชี่ยวชาญ AI ในช่วง ระหว่างปี 1970 และ 1980 การวิจัย AI ได้เปลี่ยนไปสู่การสร้างระบบผู้ เชี่ยวชาญ (Expert Systems) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมา เพื่อเลียนแบบความรู้และความสามารถในการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญที่เป็น มนุษย์ในขอบเขตเฉพาะ - ยุคโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) และการเชื่อมต่อ (Connectionism) โครงข่ายประสาทเทียม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก โครงสร้างและการทำ งานของสมองมนุษย์ ได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงปี 1980 และ 1990 นักวิจัยได้พัฒนาอัลกอริธึมและสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้โครง ข่ายประสาทเทียม สามารถเรียนรู้จากข้อมูลและทำ การทำ นายหรือจำ แนก ประเภทได้ - ยุคการเข้าสู่งานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ยุค 2000 เห็นการปฏิวัติใน AI ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตแบบ ทวีคูณของความพร้อมใช้งานของข้อมูลและพลังการคำ นวณ การเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งเป็นสาขาย่อยของการเรียนรู้ของเครื่องที่อาศัยเครือข่ายประสาทเทียมที่มี หลายชั้น กลายเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับงานที่ซับซ้อน เช่น การจดจำ ภาพและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ อัลกอริธึมการเรียนรู้ เชิงลึกแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในด้านต่างๆ
07 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ พัฒนาขึ้นมาอย่างไร ในเอกสารสัมมนาของ Alan Turing จากปี 1950 เรื่อง "Computing Machinery and Intelligence" เขาพิจารณาว่าเครื่องจักรสามารถคิดเองได้ หรือไม่ ในบทความนี้ Turing ได้บัญญัติคำ ว่าปัญญาประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรก และนำ เสนอเป็นแนวคิดทางทฤษฎีและปรัชญา ในระหว่างปี 1957 ถึง 1974 การพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์ทำ ให้คอมพิวเตอร์จัด เก็บข้อมูลได้มากขึ้นและประมวลผลได้เร็วขึ้น ในช่วงเวลานี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ ต่อยอดพัฒนาอัลกอริธึมแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ขึ้นมา ความก้าวหน้าในสาขานี้ ทำ ให้หน่วยงานต่างๆ เช่น Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) จัดตั้งกองทุนสำ หรับการวิจัย AI ในตอนแรก เป้าหมายหลัก ของการวิจัยนี้คือการค้นหาว่าคอมพิวเตอร์สามารถถอดเสียงและแปลภาษาพูด ได้หรือไม่ ตลอดช่วงทศวรรษ 80 มีเงินทุนเพิ่มขึ้นและชุดเครื่องมืออัลกอริธึมที่ นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการพัฒนา AI ก็มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น David Rumelhart และ John Hopfield ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเทคนิคดีปเลิร์นนิง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ได้ ตั้งแต่ปี 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000 นักวิทยาศาสตร์บรรลุเป้าหมายหลักของ AI ในหลากหลายด้าน เช่น การคว้าแชมป์ในการแข่งขันหมากรุกโลก ด้วยข้อมูล การประมวลผลและพลังในการประมวลผลที่เพิ่มมากขึ้นในยุคสมัยใหม่มากกว่า ทศวรรษที่ผ่านมา การวิจัยด้าน AI จึงเป็นเรื่องที่นิยมและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมี การพัฒนาอย่างรวดเร็วไปสู่ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป ดังนั้นซอฟต์แวร์จึงสามารถ ทำ งานที่ซับซ้อนได้ ซอฟต์แวร์สามารถสร้าง ตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำ ได้
ทุกอุตสาหกรรมล้วนมีความต้องการในประสิทธิภาพของ AI เป็นอย่าง มาก โดยเฉพาะระบบตอบคำ ถามที่รองรับการใช้งานทางกฎหมาย การค้นหา สิทธิบัตร ระบบเตือนความเสี่ยงและการวิจัยทางการแพทย์ การใช้งานด้านอื่น ๆ ของ AI: ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ แอปพลิเคชัน AI สามารถจัดยาให้กับคนไข้ แต่ละรายและสามารถอ่านผลเอ็กซ์เรย์ได้ ผู้ช่วยดูแลสุขภาพส่วนตัวสามารถทำ หน้าที่เสมือนโค้ชในชีวิตประจำ วัน คอยเตือนให้คุณรับประทานยา ออกกำ ลัง กาย หรือทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ ธุรกิจค้าปลีก AI มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งเสมือนจริง โดยลูกค้าจะได้ รับคำ แนะนำ เป็นรายบุคคลและได้รับข้อเสนอในการซื้อสินค้า เทคโนโลยีการ จัดการสต็อคสินค้าและการวางผังสถานที่จะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นด้วย AI ธุรกิจการผลิตAI สามารถวิเคราะห์ข้อมูล IoT เกี่ยวกับการจัดการในโรงงาน เนื่องจาก AI จะทำ การเชื่อมโยงอุปกรณ์เพื่อพยากรณ์ปริมาณและความ ต้องการในสินค้า ผ่านเครือข่ายเน็ตเวิร์ค 08 ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์
ธุรกิจธนาคาร ปัญญาประดิษฐ์ช่วยเพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และ ประสิทธิผลแก่ความพยายามในการทำ งานของบุคคล ในสถาบันการเงิน ความสามารถของ AI ช่วยในการระบุธุรกรรมที่มีแนวโน้มส่อไปในทางทุจริต ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วและมีการให้คะแนนความน่าเชื่อถือที่แม่นยำ รวม ถึงจัดการงานด้านการจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติที่มีปริมาณมากได้ดี AI ทำ งานโดยรวบรวมข้อมูลปริมาณมหาศาลด้วยความเร็ว ประมวลผลซ้ำ ๆ ผ่านขั้นตอนการประมวลผลที่ชาญฉลาด อันช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถเรียนรู้ จากรูปแบบและลักษณะของข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติ AI เป็นแขนงของการ ศึกษาที่กว้างขวาง อันประกอบไปด้วย ทฤษฎีมากมาย วิธีการและเทคโนโลยี รวมถึงแขนงย่อยหลัก ๆ อันได้แก่: การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) ในการสร้างแบบจำ ลองการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ โดยใช้วิธีการจากโครงข่าย ประสาทเทียม สถิติ การวิจัยดำ เนินการ (operations research) และหลัก ฟิสิกส์ในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลโดยไม่จำ เป็นต้องเขียน โปรแกรมในการค้นหา โครงข่ายประสาทเทียม คือหนึ่งในระบบการเรียนรู้ ของเครื่อง โดยใช้การเชื่อมโยงระหว่างยูนิต (เหมือนกับเซลล์ประสาท) ทำ หน้าที่ประมวลผลข้อมูล โดยการตอบสนองต่อข้อมูลภายนอก ถ่ายทอดข้อมูล ซึ่งกันและกันระหว่างแต่ละยูนิต การประมวลผลจำ เป็นต้องใช้ทางผ่านข้อมูล หลายทาง เพื่อค้นหาความเชื่อมโยงและถ่ายทอดความหมายจากข้อมูลที่ไม่ ชัดเจนเหล่านั้น การเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) ใช้โครงข่ายประสาทเทียมขนาดใหญ่ที่มี หน่วยประมวลผลหลายชั้น โดยอาศัยประโยชน์จากความก้าวหน้าในศักยภาพ ของคอมพิวเตอร์และเทคนิคในการเรียนรู้รูปแบบของข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ มีความซับซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นแล้ว แอปพลิเคชันแบบทั่วไปนั้น หมายถึงการจดจำ ภาพและคำ พูด 09
ระบบการประมวลผลข้อมูลที่มีการเรียนรู้ (Cognitive computing) เป็นแขนงย่อยหนึ่งของ AI ที่พยายามแสดงปฏิสัมพันธ์ให้เสมือนมนุษย์ผ่าน เครื่องจักรกล การใช้ AI และการประมวลผลหน่วยความจำ มีเป้าหมายสูงสุด คือ การใช้เครื่องจักรกลในการเลียนแบบกระบวนการของมนุษย์ผ่านความ สามารถในการตีความภาพและคำ พูด และตอบสนองโดยทันที การประมวลผลภาพ (computer vision) ใช้การจดจำ รูปแบบและการเรียนรู้ เชิงลึกในการจดจำ สิ่งที่อยู่ในภาพหรือวิดีโอ เมื่อเครื่องจักรกลสามารถประมวล ผล วิเคราะห์และเข้าใจรูปภาพ มันจะสามารถจับภาพหรือวิดีโอได้แบบเรียล ไทม์และตีความสภาพแวดล้อมได้ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing หรือ NLP) คือความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ ทำ ความ เข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ ซึ่งรวมถึงคำ พูดด้วย ขั้นถัดไปของ NLP คือ การ โต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้มนุษย์สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้ โดยใช้ภาษาเพื่อดำ เนินการงานต่าง ๆ 10
หน่วยประมวลผลกราฟฟิก เป็นกุญแจสำ คัญของ AI เนื่องจากหน่วยประมวล ผลจะช่วยเพิ่มพลังในการคำ นวณอันจำ เป็นต่อกระบวนการประมวลผลซ้ำ ไป มา การฝึกอบรมโครงข่ายประสาทจำ เป็นต้องใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าและพลังงาน ในการคิดคำ นวณ Internet of Things ก่อให้เกิดปริมาณข้อมูลมหาศาลจากอุปกรณ์ที่เชื่อมโยง อยู่ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่มักไม่ผ่านการวิเคราะห์ แบบจำ ลองอัตโนมัติที่ใช้ AI จะ ช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากแบบจำ ลองได้อย่างเต็มที่ อัลกอริธึมขั้นสูง กำ ลังได้รับการพัฒนาและผนวกรวมเป็นวิธีใหม่เพื่อทำ การ วิเคราะห์ข้อมูลที่รวดเร็วกว่าและได้หลายระดับข้อมูล กระบวนการอันชาญ ฉลาดนี้คือ กุญแจสำ คัญในการระบุและพยากรณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก ทำ ความเข้าใจระบบที่ซับซ้อนและปรับเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานการณ์ที่เหมาะสม ที่สุด APIs หรือแอปพลิเคชันประมวลผลอินเตอร์เฟส เป็นแพคเกจของโค้ดคำ สั่งที่สามารถพกพาได้ช่วยให้การเพิ่มเติมฟังก์ชันการทำ งานของ AI ไปยัง ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วและแพคเกจซอฟต์แวร์สามารถเป็นไปได้ โดยมันสามารถ เพิ่มความสามารถในการจดจำ ภาพ เพื่อจัดทำ ระบบความปลอดภัยและการ ตอบคำ ถาม Q&A ซึ่งสามารถอธิบายข้อมูล สร้างแคปชั่นและหัวเรื่อง หรือ ค้นหารูปแบบข้อมูลและเนื้อหาที่น่าสนใจได้ โดยสรุป เป้าหมายของ AI คือการมอบซอฟต์แวร์ที่สามารถหาคำ ตอบด้วย การคิดหาเหตุผลจากอินพุตที่ใส่เข้าไปและอธิบายคำ ตอบนั้นผ่านการแสดงผล AI จะแสดงปฏิสัมพันธ์เสมือนมนุษย์ผ่านซอฟต์แวร์และมอบเหตุผลสนับสนุน การตัดสินใจในงานเฉพาะ หากแต่ AI ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ และจะไม่ เป็นเช่นนั้นในระยะเวลาอันใกล 11
ระบบ AI ทำ งานโดยการรับข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และประมวลผล เพื่อให้ได้ผลตอบกลับมา ไม่ว่าจะผ่านการใช้คำ พูด ข้อความ หรือการกระทำ ต่างๆ ผลที่ตอบกลับมาก็อยู่ที่ว่าเราต้องการให้ตอบกลับมาเป็นแบบไหน และ เอาผลลัพธ์นั้นมาใช้ประโยชน์ให้ตรงกับจุดประสงค์ของเรา อีกทั้งยังสามารถใช้ รูปแบบการทำ งานนี้เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อในอนาคตได้ เช่น แชทบอทที่ตอบข้อความอัตโนมัติได้เหมือนกับคน หรือความสามารถใน การจดจำ ภาพ ซึ่งการทำ งานของระบบทั้งหมดนั้นต้องถูกเขียนโปรแกรมขึ้นมา โดยการเขียนโปรแกรมของ AI นั้นจะเน้นไปที่ทักษะการรับรู้ต่างๆ ดังนี้ การเรียนรู้ (Learning) โดยจะเน้นไปที่การรับข้อมูล และสร้างกฎสำ หรับการ เปลี่ยนเป็นข้อมูลที่นำ ไปใช้ได้จริง ซึ่งกฎนั้นเรียกว่า อัลกอริทึม (Algorithms) คือ กระบวนการแก้ปัญหาที่อธิบายเป็นขั้นตอนไว้อย่างชัดเจน การใช้เหตุผล (Reasoning) เน้นการตัดสินใจเลือกอัลกอริทึมที่เหมาะสมเพื่อ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ การแก้ไขข้อผิดพลาด (Self-correction) ในส่วนนี้จะได้รับการออกแบบเพื่อ ปรับแต่งอัลกอริทึมให้วิเคราะห์ได้อย่างละเอียด เพื่อรับประกันว่าจะได้ผลลัพธ์ ที่แม่นยำ ที่สุด การมีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) เป็นส่วนที่ใช้เครือข่ายประสาทเทียม อิงตามกฎ วิธีทางสถิติ และเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้สามารถสร้างภาพใหม่ๆ เพลง ใหม่ หรือแนวคิดใหม่ๆ ได้ 12 หลักการทำ งานของปัญญาประดิษฐ์
ระบบ AI มีความสามารถหลากหลายในการใช้งานกับธุรกิจและ อุตสาหกรรม ซึ่งจุดประสงค์หลักของการใช้เทคโนโลยี AI ก็เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในกระบวนการทำ งาน ช่วยวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล จำ นวนมากมายได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว เพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกมาใช้กับธุรกิจ และอุตสาหกรรมได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังช่วยลดความผิดพลาดในการทำ งานที่อาจเกิดขึ้น ได้ รวมไปถึงใช้ค้นหาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ได้จาดชุดข้อมูลที่มี เพื่อยก ระดับให้ธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการแข่งขันให้ธุรกิจ เติบโตได้ในระยะยาว 13 จุดประสงค์ของการใช้งานเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์
ประเภทของ AI สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ คือ แบ่งตามความ สามารถ และแบ่งตามฟังก์ชันการทำ งาน โดยมีรายละเอียดดังนี้ ปัญญาประดิษฐ์แบ่งตามความสามารถ ประเภทแบ่งตามความสามารถ เป็นการแบ่งแบบทั่วไป พูดง่ายๆ คือ แบ่งตามพัฒนาการของ AI นั่นเอง มีดังนี้ Artificial Narrow Intelligence (ANI) ANI หรือ Weak AI เป็นระบบ AI ประเภทที่สามารถทำ งานแทนมนุษย์ได้ เพียงบางอย่างเท่านั้น และจำ กัดอยู่ได้แค่ในวงแคบ คือต้องเป็นงาน หรือ ทักษะที่ได้รับการโปรแกรมชุดคำ สั่งมาเท่านั้น ไม่สามารถทำ งานนอกเหนือ จากนั้นได้ และไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งนั่นคือ AI ที่เราใช้กันอยู่ใน ทุกวันนี้ เช่น BellaBot หุ่นยนต์บริการที่เห็นได้ในร้านอาหารต่างๆ Artificial General Intelligence (AGI) AGI หรือ Strong AI เป็นระบบ AI ประเภทที่มีสติปัญญา และความสามารถ ในการทำ งานต่างๆ ได้เทียบเท่ากับสมองมนุษย์สามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ เข้าใจเรื่องที่เป็นนามธรรม นอกจากนี้ ยัง สามารถเรียนรู้ประสบการณ์จากอดีตได้เหมือนมนุษย์ แต่ในปัจจุบันยังไม่ สามารถพัฒนา AI ประเภทนี้ได้สำ เร็จ ซึ่ง AI ประเภทนี้อาจเป็นภัยต่อการ ดำ รงอยู่ของมนุษย์ได้เช่นกัน 14 ประเภทของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน
Artificial Super Intelligence (ASI) ASI เป็นระบบ AI ประเภทที่มีปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ สามารถพัฒนา AI ในระดับนี้ขึ้นมาได้ ส่วนมากจะเป็นไอเดียที่เกิดขึ้นในสื่อ ต่างๆ มากมาย เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ นวนิยาย หรือเกม โดยไอเดียที่เกิดขึ้น เป็นแนวคิดเรื่องเครื่องจักรสามารถยึดครองโลกได้ ปัญญาประดิษฐ์แบ่งตามฟังก์ชันการทำ งานประเภทแบ่งตามฟังก์ชันการ ทำ งาน หรือแบ่งจากระบบการประมวลผลของ AI จะแยกย่อยได้ ดังนี้ Reactive Machines เป็นระบบ AI ที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีความสามารถจำ กัด ไม่มี หน่วยความจำ เป็นของตัวเอง ไม่สามารถดึงข้อมูลเก่ามาพัฒนาในการตัดสินใจ ให้ดีขึ้นได้ ไม่สามารถสร้างการอนุมานจากข้อมูล เพื่อประเมินการกระทำ ใน อนาคตได้ ทำ ได้แค่ปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ตรงหน้าเท่านั้น เช่น การ เล่นหมากรุก เป็นต้น 15
Limited Theory เป็นระบบ AI ที่ตรงกันข้ามกับประเภท Reactive Machines โดยสิ้นเชิง เพราะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ มีหน่วยความจำ แต่มีจำ กัด สามารถดึง ข้อมูลเก่ามาตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาในอนาคตได้ ซึ่งยิ่งมีข้อมูลมาก ระดับ ความถูกต้องแม่นยำ ก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น รถยนต์ AI ใช้เซ็นเซอร์เพื่อระบุ ผู้คนที่เดินข้ามถนน สัญญาณไฟจราจร และอื่นๆ เพื่อให้การตัดสินใจในการ ขับขี่ดีขึ้น และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ Theory of Mind การทำ งานของ AI ประเภทนี้ คือ สามารถเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก วัฒนธรรม และความเชื่อต่างๆ ของมนุษย์ได้ เหมือนตัวอย่าง AI ที่เกิดขึ้นในภาพยนต์เรื่อง Her (2013) AI ที่สามารถรับรู้ความรู้สึก และพูดคุยได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ สามารถพัฒนาขึ้นมาได้จริง และยังต้องใช้เวลาอีกมากในการค้นคว้าและ พัฒนา หากในอนาคต AI ประเภทนี้พัฒนาได้สำ เร็จ AI ประเภทนี้อาจสามารถ ทำ นายพฤติกรรมล่วงหน้าได้ เหมือนการจำ ลองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ผ่านการทำ ความเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงหน้า Self-awareness เป็นระบบ AI ขั้นสูงสุด สามารถมีอารมณ์ ความรู้สึก ความเชื่อ และมีความ ต้องการเป็นของตัวเอง รวมถึงสามารถคิดตัดสินใจ เลือก และกระทำ สิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเองทั้งหมด เช่นตัวอย่าง AI ในภาพยนตร์เรื่อง Chappie (2015) AI ที่สามารถเรียนรู้ความรัก และเรียนรู้ในการมีชีวิตอยู่ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่ สามารถพัฒนาขึ้นมาได้เช่นเดียวกับประเภท Theory of Mind ซึ่ง AI ประเภทนี้มีความก้าวกระโดดกว่าทฤษฎีความคิดของ AI เป็นอย่างมาก ตั้งแต่ การทำ ความเข้าใจอารมณ์ ไปสู่การตระหนักรู้ในสถานะของตนเอง การคาด การณ์ความรู้สึกของผู้อื่นได้ และมนุษย์เรายังห่างไกลจาก AI ประเภทนี้มาก เล่นหมากรุก เป็นต้น 16
ตัวอย่างการใช้งานเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน ปัจจุบันระบบ AI ได้ถูกนำ มาใช้ในแวดวงธุรกิจ และอุตสาหกรรมมากมาย หลากหลายประเภท เช่น โรงงาน การผลิต โรงพยาบาล และการให้บริการ รวมไปถึงยังมีการนำ AI ไปใช้งานในการทำ งานในแต่ละฟังก์ชันของธุรกิจอีก ด้วย ซึ่ง AI เป็นส่วนสำ คัญที่ได้เข้ามาช่วยให้การทำ งานต่างๆ นั้นง่ายขึ้น เรา มาดูกันว่าระบบ AI นั้นสามารถช่วยพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมในด้านไหน อย่างไรบ้าง 1.การดูแลรักษาความปลอดภัย ปัจจุบันการทำ ธุรกิจมีขั้นตอนต่างๆ มากขึ้น และซับซ้อนตามมาด้วย การ ป้องกันจึงต้องใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย เช่น มีการใช้เอกสารปลอมแปลงมา ใช้ในการทำ ธุรกรรมในองค์กร จึงได้มีระบบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่มี เทคโนโลยี AI อยู่เบื้องหลังการทำ งาน ด้วยระบบ Machine Learning เลย ทำ ให้ระบบขององค์กรมีความปลอดภัยมากขึ้น หรือการให้บริการของ dIA ที่ เป็นผู้นำ ในการเอา AI เข้ามาช่วยในระบบงานอุตสาหกรรม สำ หรับเรื่องรักษา ความปลอดภัย มี AI ตรวจจับใบหน้าเพื่อคัดกรองบุคลากรในองค์กร หรือ บุคคลแปลกหน้าได้ และการรักษาความปลอดภัย เช่น การตรวจจับและแจ้ง เตือน หากพนักงานใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย PPE (Personal Protection Equipment) ไม่ครบหรือไม่เหมาะสมในการทำ งานในแต่ละ พื้นที่ของพนักงาน เป็นต้น 17
2. การตลาด การขาย และการบริการ สำ หรับธุรกิจด้านนี้ ระบบ AI เข้ามามีบทบาทได้อย่างหลายอย่าง เช่น ช่วย พัฒนากลยุทธ์การขาย การดูแล และให้บริการลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์ ข้อมูลต่างๆ เพื่อดูความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ รวมถึงการเก็บ ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำ มาใช้ในการ โฆษณาทางออนไลน์ และนำ มาปรับปรับใช้กับระบบการขาย และการบริการ ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบ AI ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และวิจัย การตลาดจากข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะช่วยทำ ให้ธุรกิจสามารถประเมินความสำ เร็จ และทำ ให้เกิดการพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ในอนาคต อีกทั้ง AI ยังเข้ามาช่วยยกระดับการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วย ในการเพิ่มยอดขายได้ เช่น การนำ AI ตรวจจับใบหน้าของ dIA เข้ามาใช้งาน เพื่อช่วยดูแล และให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และทันท่วงที เมื่อลูกค้า มีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือ หรือการใช้ Face Recognition Smart Retail ของ dIA สามารถเพิ่มยอดขายได้ โดย AI สามารถประมวลผล และส่ง Sales guide ข้อแนะนำ ในการขายและการให้บริการเฉพาะบุคคล ให้กับ พนักงานขายแบบ real-time เพื่อให้พนักงานสามารถให้การให้บริการแบบ ตรงใจ Personalization services กับลูกค้าคนสำ คัญได้นั่นเอง 18
3.การวิจัย และการพัฒนา เทคโนโลยี AI มีระบบการทำ งานในเรื่องของการรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล จำ นวนมากได้อย่างดีเยี่ยม และเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยมาก ดังนั้น ในด้านการ วิจัย การพัฒนาต่างๆ จะทำ ให้ได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และมีความถูกต้องสูง ไม่ว่าจะในด้านอุตสาหกรรมไหนๆ จะยิ่งพัฒนาให้สินค้านั้นเกิดผลสำ เร็จได้ อย่างมากเลยทีเดียว การบริหารทรัพยากรบุคคล ในส่วนการจัดสรรบุคลากร รวมถึงการบริหารทรัพยากรบุคคล ระบบ AI มีความสามารถในการจัดการ กระบวนการทำ งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เช่น AI สามารถช่วยแผนกทรัพยากรบุคคลในการวิเคราะห์ และจัดการข้อมูล ต่างๆ อย่างการคัดเลือกผู้สมัครงานจำ นวนมากให้ง่ายขึ้น แชทบอทสามารถ ช่วยตอบคำ ถามที่ผู้สมัครถามเข้ามาได้แบบอัตโนมัติ เช่น นโยบายของบริษัท หรือสวัสดิการต่างๆ 19
การจัดการด้าน IT การจัดด้าน IT อาจนับว่าเป็นส่วนแรกๆ ในการนำ ระบบ AI มาใช้ในแวดวง ธุรกิจ และอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI จะ ช่วยทำ ให้กระบวนการที่อาศัยการทำ งานแบบซ้ำ ๆ สามารถทำ งานได้แบบ อัตโนมัติ ทำ ให้ทางทีม IT สามารถประเมินปัญหา และป้องกันก่อนที่ปัญหาจะ เกิดขึ้นได้ ซึ่งระบบAI ได้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบ และการบริการให้ดียื่งขึ้น การผลิต ระบบ AI จะช่วยในส่วนที่เป็นงานที่ซับซ้อน ซึ่งในกระบวนการผลิตต่างๆ ต้อง ใช้ความประณีต และทำ เหมือนเดิมตลอด การนำ AI มาประยุกต์ใช้ตรงนี้จึง ช่วยเพิ่มผลผลิต และช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตได้อีกด้วย จึงทำ ให้การ ผลิตดำ เนินได้อย่างต่อเนื่อง 20
บัญชี และการเงิน ในระบบการทำ งานที่ต้องทำ แบบซ้ำ ๆ และมีข้อมูลตัวเลขจำ นวนมหาศาล การนำ ความสามารถของระบบ AI มาใช้ ช่วยทำ ให้พนักงานแผนกบัญชีไม่ ต้องมาทำ งานที่ต้องทำ ซ้ำ ๆ แล้วไปโฟกัสงานที่สำ คัญกว่าได้ แถมยังช่วยลด ความผิดพลาดจากข้อมูลจำ นวนมากได้อีกด้วย นอกจากนี้ AI ยังสามารถอ่าน ข้อความจากเอกสารที่เป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์รูปภาพ ไปจนถึงลายมือใน เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และแปลงเป็นรูปแบบของตัวอักษรหรือข้อความ ที่จะ สามารถนำ ไปประมวลผลและใช้สำ หรับค้นหา ด้วยการจัดทำ ดัชนีเอกสาร ช่วยให้ค้นหาไฟล์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วผ่านการค้นหาด้วย keyword ที่ ตั้งไว้ ได้ด้วย OCR หรือ Optical Character Recognition หรือตัวช่วย แปลงไฟล์เอกสารนั่นเอง 21
ธุรกิจ E-Commerce ระบบ AI เป็นที่นิยมมากในธุรกิจ E-Commerce โดยธุรกิจส่วนใหญ่ได้นำ AI มาใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำ สินค้า การค้นหาอัจฉริยะ การ วิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย และวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อขายของลูกค้า ซึ่ง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจ E-Commerce ประเมินสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ และ นำ มาปรับปรุง พัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่มาซื้อของบนแพลตฟอร์ม ออนไลน์ การบริหารจัดการธุรกิจ ในการบริหารจัดการธุรกิจไม่ว่าธุรกิจไหน ก็ต้องมีเรื่องให้จัดการมากมาย ระบบ AI จึงเป็นประโยชน์มากทั้งในเรื่องของการจัดประเภทอีเมล์ การตอบ อีเมล์ การใช้ Siri ซึ่งสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้อัตโนมัติ การตอบคำ ถามการ บริการแก่ลูกค้า ฟีเจอร์การแปลงเสียงเป็นตัวอักษร รวมไปถึงช่วยเรื่องตรวจ สอบความปลอดภัย 22
การนำ เทคโนโลยี AI มาใช้ทางธุรกิจ โดยมีหลากหลายด้านแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกระบวนการของแต่ละธุรกิจว่าต้องการให้ AI ไปช่วยพัฒนาในด้าน ไหน ดังนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ งานตั้งแต่ต้นจนจบ : ระบบ AI จะ ทำ การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดค่าใช้ จ่ายในองค์กร ไปจนถึงช่วยให้กระบวนการทำ งานที่ซับซ้อน ทำ งานอัตโนมัติ และทำ การประเมินความต้องการในการซ่อมแซมเครื่องจักรล่วงหน้าได้ มีความแม่นยำ ช่วยในการตัดสินใจ : ระบบ AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้ สมบูรณ์ และความสามารถในการคาดการณ์รูปแบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ใน อนาคต ซึ่งจะทำ ให้การตัดสินใจมีคุณภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น มีความอัจฉริยะ : ระบบ AI เป็นการทำ งานของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะ ฉะนั้นจึงแตกต่างจากมนุษย์ AI จะสามารถเติมช่องว่าง และคว้าโอกาสที่มีอยู่ ในตลาดได้เร็ว ทำ ให้ธุรกิจมีการนำ เสนอสินค้า และบริการในช่องทางใหม่ๆ ได้มาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ งานให้พนักงาน : ระบบ AI มีเครื่อง มือที่สามารถช่วยแนะนำ ในการทำ งานและจัดการ dashboard ต่างๆ เพื่อ เป็นการให้ข้อมูลแบบ real-time ช่วยในการวิเคราะห์หาจุด bottleneck ใน การผลิต และการแก้ไข เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำ งานให้กับพนักงานได้ 23 ประโยชน์ของการนำ เทคโนโลยี AI มาใช้ในทางธุรกิจ
24 ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า : ด้วยหลักการ Machine Learning ทำ ให้มีข้อมูลของลูกค้าอย่างละเอียด จึงสามารถตอบคำ ถามได้อัตโนมัติ และ รวดเร็วจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ รวมถึงยังมีความสามารถในการวิเคราะห์จำ นวน การยืนต่อคิวที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน ใน retail shop ทำ ให้กระบวนการในการ ชำ ระเงิน ทำ ได้รวดเร็วขึ้น ทำ ให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ธุรกิจจะเติบโตขึ้น เพราะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และคงมาตรฐานไว้ได้อย่างดี ช่วยจดจำ ใบหน้าลูกค้าคนสำ คัญ : ด้วยระบบ AI จดจำ ใบหน้าของ dIA ที่ช่วย ให้พนักงานขายไม่พลาดที่จะเข้าไปบริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทำ ให้ลูกค้า รู้สึกว่าเป็นคนสำ คัญ
(AI) กำ ลังเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการดำ เนินชีวิตของผู้คนในยุค ปัจจุบัน ในทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกของการศึกษา ซึ่งตลอดมาการ ส่งเสริมการศึกษาเป็นหน้าที่เฉพาะของคนที่เป็นครู ในการอบรมสั่งสอนลูก ศิษย์ และยากที่จะหาใครแทนได้ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ด้วยการเติบโตอย่าง ก้าวหน้าของ AI ทำ ให้ในอนาคต อาชีพครูอาจไม่ใช่เป็นอาชีพที่มีเฉพาะ สำ หรับมนุษย์อีกต่อไป ทุกวันนี้เรามีการนำ เทคโลยี AI เข้ามาใช้ เพื่ออำ นวยการสะดวกและส่ง เสริมด้านการศึกษาอย่างมากมาย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากกับนักเรียน ร่วมถึงตัวผู้สอนเองด้วย สำ หรับประโยชน์ของ AI ที่มีต่อการศึกษานั้น เรา สามารถอธิบายคร่าว ๆ ได้ดังนี้ AI ลดเวลาการทำ งานของครู การนำ AI มาช่วยในการทำ งานตรงนี้ นอกจากจะช่วยลดภาระงานของครูแล้ว ยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การตรวจการบ้านหรือการ ตรวจข้อสอบปัจจุบันมีการประดิษฐ์ซอฟแวร์ที่ช่วยในการตรวจการบ้านหรือ ข้อสอบที่เป็นลักษณะเลือกตอบ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้คุณครูสามารถตรวจ การบ้านหรือข้อสอบได้รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำ มากยิ่งขึ้น นอกจาก นี้ยังมีการนำ AI มาใช้ในงานทะเบียนและวัดผล ในการลงทะเบียนนักเรียน จัดตาราเรียน และคำ นวณเกรดเฉลี่ย ซึ่งช่วยให้เกิดความรวดเร็วและลดข้อผิด พลาดได้มาก 25 AI กับกลไกลพัฒนาการศึกษาไทย
AI ช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาสำ หรับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ การเติบโตของ AI ทำ ให้เกิดแอบพลิเคชันในการส่งเสริมการศึกษา มากมาย ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถเรียนที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำ เป็นต้องอยู่เฉพาะ ในห้องเรียน AI จะทำ หน้าที่ประเมินผลการเรียนรู้และเลือกเนื้อหาความรู้ที่ เหมาะสมกับนักเรียน นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยให้คุณครูในการสร้างสรรค์ เนื้อหาความรู้ต่าง ๆ สามารถสืบค้นข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้อง และจัดทำ เป็น เอกสารในรูปของ E-book ได้อีกด้วย AI ช่วยติวเตอร์ให้กับนักเรียนเป็นรายบุคคล บางครั้งการเข้าหาครูผู้สอนแต่ละครั้งล้วนมีข้อจำ กัด เช่น คุณครูอาจ ไม่ว่างพบ หรือไม่มีเวลาในการอธิบายเพิ่มเติม จากข้อจำ กัดนี้ ทำ ให้มีการนำ AI มาสร้างสรรค์เป็นแอบพลิเคชันที่ช่วยติวเตอร์นักเรียนเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการ รวมรวบความรู้ให้นักเรียนได้ศึกษาในจุดที่สนใจเพิ่มเติม ช่่่วยให้นักเรียน ปรึกษากับคุณครูกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 26
AI เป็นอาจารย์เสมือน ในอนาคต AI อาจจะเข้ามาทำ หน้าที่แทนคุณครู ในการจัดการ เรียนการสอน ซึ่งข้อดีของ AI นั้นคือความแม่นยำ และการประมวลผลที่ รวดเร็ว โดยที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณครูในอนาคตอาจ กลายเป็นผู้ควบคุม AI แล้วทำ หน้าที่ในการป้อนข้อมูลที่จำ เป็นต่อการส่ง เสริมการเรียนรู้แก่นักเรียนให้กับหุ่นยนต์ AI เพื่อทำ หน้าที่แทนตัวเอง หรือ ให้เป็นผู้ช่วยในการสอน ซึ่งทำ ให้สามารถสอนได้ปริมาณมากและมีความ หลากหลายมากยิ่งขึ้น งานครูนั้นมีความหมายมากกว่าแค่การให้ความรู้ เพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกกำ ลังก้าวสู่ยุค AI อยู่ทุกขณะ ปัจจุบัน เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้กับอยู่ตามปกตินั้น ล้วนมีการใส่ เทคโนโลยี AI เข้าไปเพื่อช่วยให้สามารถทำ งานตอบสนองกับมนุษย์ได้ดีมาก ยิ่งขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในอนาคต AI จะเข้ามาทำ งานแทนเรา ดัง นั้นแทนที่จะกลัวว่า AI จะเข้ามาทำ ให้เราตกงาน เราควรที่จะเรียนรู้และ รู้จักพัฒนาตัวเอง เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการพัฒนาอย่างมี ประสิทธิภาพ เพราะอย่างไรเสีย ความรู้สึกนึกคิด แยกแยะความดีความชั่ว และรู้จักยึดมั่นในคุณธรรมนั้นก็เป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่ควรจะต้องเป็นผู้ ควบคุมมากกว่าที่จะโดนควบคุม 27
ประโยชน์ของการใช้ AI ในการศึกษา AI มีศักยภาพที่จะให้ประโยชน์มากมายต่อการศึกษา ดังนี้ การเรียนรู้แบบปรับแต่ง: AI สามารถช่วยให้ครูให้คำ แนะนำ แบบปรับ แต่งแก่นักเรียนได้มากขึ้น โดยพิจารณาจากความสนใจ ความสามารถ และ จุดแข็งของนักเรียนแต่ละคน สิ่งนี้สามารถช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้มี ประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุศักยภาพสูงสุดของตน การเรียนรู้แบบจำ ลอง: AI สามารถช่วยให้นักเรียนเรียนรู้แบบจำ ลองที่ ซับซ้อนได้มากขึ้น โดยให้แบบจำ ลองที่เข้าใจง่ายและน่าดึงดูด สิ่งนี้สามารถ ช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้นและนำ ไปประยุกต์ใช้กับ สถานการณ์จริงได้ 28
29 การวัดผล: AI สามารถช่วยให้ครูวัดผลการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่าง แม่นยำ มากขึ้น โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับจุดแข็งและจุด อ่อนของนักเรียนแต่ละคน สิ่งนี้สามารถช่วยให้ครูปรับปรุงการสอนของตน และช่วยให้นักเรียนประสบความสำ เร็จได้มากขึ้น การให้ข้อมูลเชิงลึก: AI สามารถช่วยให้ครูเข้าใจพฤติกรรมการเรียนรู้ของ นักเรียนได้ดีขึ้น โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่นักเรียนเรียนรู้และสิ่งที่พวก เขากำ ลังดิ้นรน สิ่งนี้สามารถช่วยให้ครูพัฒนากลยุทธ์การสอนที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น การวิจัย: AI สามารถช่วยให้นักวิจัยพัฒนาวิธีการสอนและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่สมองทำ งานและวิธีที่นักเรียนเรียนรู้
ผลกระทบของ AI ต่อการศึกษา AI มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการศึกษาในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้ บทบาทของครู: AI อาจทำ ให้บทบาทของครูเปลี่ยนไปจากการสอน เป็นการให้คำ แนะนำ และสนับสนุนนักเรียนมากขึ้น ครูสามารถใช้ AI เพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองและสามารถปรับให้เข้ากับความ ต้องการของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อหาการสอน: AI สามารถช่วยให้ครูสร้างเนื้อหาการสอนที่ปรับให้ เหมาะกับนักเรียนแต่ละคนมากขึ้น เนื้อหาการสอนที่ปรับให้เหมาะ กับนักเรียนแต่ละคนสามารถช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพ มากขึ้นและบรรลุศักยภาพสูงสุดของตน การประเมินผล: AI สามารถช่วยให้ครูวัดผลการเรียนรู้ของนักเรียนได้ อย่างแม่นยำ มากขึ้น สิ่งนี้สามารถช่วยให้ครูปรับปรุงการสอนของตน และช่วยให้นักเรียนประสบความสำ เร็จได้มากขึ้น วิจัย: AI สามารถช่วยให้นักวิจัยพัฒนาวิธีการสอนและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่สมองทำ งานและวิธีที่นักเรียน เรียนรู้ 30
การใช้ AI ในการศึกษาไว้เสมอว่าใช้สำ หรับเสริมศักยภาพผู้เรียนแบบองค์ รวมตามแนวคิด CASE เพื่อให้คนได้เติบโตทั้งในด้านความคิด (cognitive) วิชาการ (academic) สังคม (social) และอารมณ์ (emotion) โดยการใช้ AI เพื่อการศึกษา มีขั้นตอนการเตรียมความพร้อม 3 ประการ ดังนี้ 1) การเตรียมพร้อมระบบการศึกษา ได้แก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะ ต้องทำ ความเข้าใจระบบอัลกอริทึมของเครื่องมือ AI ที่จะใช้ เรียนรู้ วัตถุประสงค์ของการใช้ และผลลัพธ์ของการใช้เครื่องมือ AI รวมไปถึงจะ ต้องมีการตรวจสอบว่าเครื่องมือ AI ดังกล่าวถูกต้องตามหลักจริยธรรมหรือ ไม่ เฉกเช่นเดียวกับการตรวจสอบหนังสือเรียนจากผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะใช้ใน การเรียนการสอน 31
2) การเตรียมสมรรถนะของครู ได้แก่ การเตรียมความพร้อมผู้สอนให้ สามารถทำ ความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของ AI ติดอาวุธเรื่องจริยธรรมต่อการ ใช้เครื่องมือ AI และรู้วิธีคัดเลือกเครื่องมือ AI ที่จะใช้ในการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดทั้งกระบวนการ อีกทั้งผู้สอนต้องเตรียม ทักษะทางด้านข้อมูล (data literacy) และทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ ในการตัดสินใจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องสมรรถนะทางด้านสังคม และอารมณ์ เข้าใจอารมณ์ตัวเองและผู้อื่น สามารถควบคุมอารมณ์ให้ แสดงออกได้อย่างเหมาะสม 3) การเตรียมสมรรถนะของผู้เรียน ได้แก่ การเตรียมความพร้อมการ เป็นผู้เรียนที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เข้าใจจริยธรรมและรู้เท่าทันการใช้ AI รวมไปถึงมีทักษะและความคล่องแคล่วในการใช้งานด้านคอมพิวเตอร์ 32
จัดทำ โดย 1.นางสาวปรียาภรณ์ ทองชุมนุม รหัสนักศึกษา 6511200138 2.นางสาววรารัตน์ พันธ์แก่น รหัสนักศึกษา 6511200377 3.นางสาวนัชชา มีเดช รหัสนักศึกษา 6511200500 4.นางสาวแพรทอง เจริญพล รหัสนักศึกษา 6511200559 5.นางสาวสิริลักษณ์ ไชยสินธุ์ รหัสนักศึกษา 6511200583 6.นางสาววราภรณ์ สุขประเสริฐ รหัสนักศึกษา 6511204486 7.นางสาวจุฑามาศ ดงบัง รหัสนักศึกษา 6511204510 8.นางสาวสุฐิตา เเสนคำ รหัสนักศึกษา 6511219757