The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

01ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ-แหนบรถยนต์-และ-งานช่วงล่างรถยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yosapon.sawang, 2021-07-12 04:12:10

01ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ-แหนบรถยนต์-และ-งานช่วงล่างรถยนต์

01ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ-แหนบรถยนต์-และ-งานช่วงล่างรถยนต์

Keywords: 045322180

ความรู้ทว่ั ไปเกย่ี วกบั แหนบรถยนต์ และ งานช่วงล่างรถยนต์

หลายคนคงเคยไดย้ นิ คาน้ีกนั มาอยแู่ ลว้ และก็คงพอจะรู้จกั กนั อยบู่ า้ ง แต่กอ็ าจจะมีอีกหลายคนท่ีเคยไดย้ นิ แต่
ไมร่ ู้วา่ ระบบช่วงล่างจริง ๆ แลว้ น้นั คืออะไร ซ่ึงในที่น้ีถา้ หากจะใหพ้ ดู กนั ใหเ้ ขา้ ใจไดโ้ ดยง่ายเลยก็คือ ระบบ
ช่วงล่างของรถยนตก์ เ็ ป็ นระบบที่เกี่ยวกบั ส่วนประกอบบริเวณดา้ นล่างของรถยนตท์ ้งั หมด โดยที่ไมน่ บั รวม
ในส่วนของตวั ถงั รถยนตน์ น่ั เอง ซ่ึงระบบช่วงล่างน้ีกจ็ ะเป็ นส่วนท่ีรองรับน้าหนกั ท้งั หมดของรถยนต์ อีกท้งั
ยงั เป็นส่วนสาคญั ท่ีมีผลต่อประสิทธิภาพการขบั ข่ีรถยนตอ์ ีกดว้ ย

หน้าท่ขี องระบบช่วงล่างรถยนต์

สาหรับหนา้ ท่ีของระบบช่วงล่างรถยนตน์ น่ั ก็คือ การลดแรงกระทารวมไปถึงแปลงแรงกระทาต่าง ๆ ท่ี
เกิดข้ึนในระหวา่ งการขบั ข่ีใหก้ ลายเป็นแรงท่ีรถกระทากบั พ้ืนถนน ท้งั น้ีก็เพื่อทาใหย้ างรถท้งั 4 เส้นน้นั
สามารถที่จะยงั คงยดึ เกาะติดถนนเพอ่ื ทาใหม้ ีพ้ืนที่ผวิ สมั ผสั ต่อพ้นื ผวิ ถนนใหไ้ ดม้ ากที่สุด ซ่ึงกจ็ ะส่งผลใน
เร่ืองของการทรงตวั ของรถในขณะเขา้ โคง้ และในขณะท่ีกาลงั ขบั ข่ีใหม้ ีการยดึ เกาะถนนดีข้ึน ไมห่ ลุดโคง้ ได้
โดยง่ายนนั่ เอง
และนอกจากจะทาหนา้ ที่ในส่วนของการช่วยให้รถสามารถยดึ เกาะถนนไดด้ ีแลว้ ระบบช่วงล่างน้นั กย็ งั ทา
หนา้ ที่ในการคอยช่วยซบั แรงกระแทกที่เกิดข้ึนจากพ้ืนผวิ ถนนเขา้ มาสู่ตวั โครงสร้างหลกั ของรถ ทาให้
ภายในตวั รถน้นั เกิดการสั่นสะเทือนมีการสะทา้ นนอ้ ยท่ีสุด จึงทาใหก้ ารขบั ขี่ในแต่ละเส้นทางน้นั เป็นไปได้
อยา่ งนุ่มนวลทาใหเ้ กิดความสบายในขณะท่ีกาลงั โดยสารอยบู่ นรถนน่ั เอง

ชิ้นส่ วนของระบบช่ วงล่างรถยนต์

อยา่ งที่ไดก้ ล่าวไปแลว้ วา่ ระบบช่วงล่างของรถยนตก์ ็คือชิ้นส่วนตา่ ง ๆ ท่ีอยภู่ ายใตร้ ถยนตย์ กเวน้ ตวั ถงั รถ
ซ่ึงกจ็ ะประกอบดว้ ยส่วนสาคญั หลกั ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.สปริง

ทาหนา้ ที่ในการซบั แรงกระแทกจากถนนท่ีเขา้ สู่โครงสร้างรถ ซ่ึงการกระเดง้ ของสปริงน้นั กจ็ ะข้ึนอยกู่ บั
น้าหนกั ของตวั รถ โดยสปริงจะเดง้ มากนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั น้าหนกั ของตวั รถดว้ ย ในปัจจุบนั กจ็ ะมีการใชส้ ปริง
สาหรับระบบช่วงล่างของรถยนตอ์ ยดู่ ว้ ยกนั ท้งั หมด 4 แบบก็คือ

1. คอยลส์ ปริง มีลกั ษณะคลา้ ยกบั ที่พบเห็นกนั ไดบ้ ่อยตามอุปกรณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งเช่นสปริงในดา้ ม
ปากกา โดยสปริงชนิดน้ีกจ็ ะถูกติดต้งั เอาไวก้ บั โชค้ อพั เพ่ือควบคุมการเคล่ือนไหวของลอ้

2. แหนบสปริง สปริงชนิดน้ีมกั จะใชใ้ นรถกระบะ ซ่ึงกไ็ มไ่ ดม้ ีลกั ษณะมว้ นแบบสปริงอยา่ งที่เรา
คุน้ เคยกนั แต่จะเป็นการออกแบบแผน่ เหล็กที่ความยดื หยนุ่ ต่างกนั แลว้ นามามดั รวมกนั จน
กลายเป็นสปริงที่สามารถควบคุมแรงกระแทกไดน้ น่ั เอง

3. ทอร์ชนั่ บาร์ สปริงชนิดน้ีกจ็ ะเป็นการใชช้ ิ้นส่วนท่ีสามารถหมุนไดเ้ ชื่อมต่อในระบบช่วงล่าง ซ่ึง
ก็จะใหผ้ ลแบบเดียวกบั Coil Spring แตจ่ ะมีขอ้ ดีก็คือสปริงชนิดน้ีสามารถปรับความแขง็
ไดต้ ามความตอ้ งการ แต่ปัจจุบนั กไ็ ม่ค่อยเป็นที่นิยมใชก้ นั เท่าไหร่เพราะวา่ มีระบบสปริงท่ีดีและ
ราคาถูกกวา่ มาทดแทน

4. ถุงลม ทาหนา้ ที่ควบคุมการซบั แรงกระแทกที่เกิดข้ึนไดค้ ลา้ ยกบั การทางานของสปริง ซ่ึงการ
ทางานของถุงลมกค็ ือจะอาศยั แรงดนั อากาศเขา้ มาควบคุมการซบั แรงกระแทกที่เกิดข้ึน ขอ้ ดีก็คือ
สามารถตอบสนองไดด้ ีกวา่ เน่ืองจากสามารถปรับไดห้ ลายรูปแบบตามตอ้ งการ แตข่ อ้ เสียก็คือมี
ราคาแพงมากนนั่ เอง ดงั น้นั จึงมกั จะพบอยใู่ นกลุ่มของรถหรูราคาแพงเป็นส่วนใหญ่

2.โช้คอพั

มีหนา้ ท่ีในการจากดั การข้ึนลงหรือการกระเดง้ ของสปริง ในทางวศิ วกรรมอาจเรียกวา่ Damping โดย
โชค้ อพั จะช่วยรองรับ ดูดซบั แรงกระแทก รวมไปถึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของตวั รถในการขบั ขี่บนทอ้ ง
ถนน ซ่ึงโชค้ อพั กม็ ีอยดู่ ว้ ยกนั หลายประเภทไดแ้ ก่

โชค้ อพั ระบบน้ามนั จะทางานดว้ ยระบบไฮดรอลิค โดยขณะท่ีโชค้ อพั ทางานน้ามนั ไฮดรอลิคก็จะไหลผา่ น
วาลว์ ภายในลูกสูบ จึงทาใหเ้ กิดฟองอากาศข้ึนภายในน้ามนั แตใ่ นกรณีท่ีฟองอากาศเกิดแตกข้ึน กจ็ ะทาให้
โชค้ อพั เกิดการขาดช่วงการทางานในระยะเวลาส้ัน ๆ ซ่ึงกอ็ าจเป็ นเหตุใหร้ ถยนตเ์ สียอาการไดถ้ า้ หากมีการ
ขบั ข่ีอยใู่ นยา่ นความเร็วสูง

โชค้ อพั ระบบแก๊ส เป็นการทางานร่วมกนั ระหวา่ งแก๊สไนโตรเจนและน้ามนั ไฮดรอลิค โดยในขณะท่ีโชค้ อพั
ทางาน ลูกสูบของโชค้ อพั กจ็ ะทาการเล่ือนตวั ลงมาดา้ นล่างของกระบอกลูกสูบ ทาใหน้ ้ามนั ไฮดรอลิคท่ีอยู่
ในกระบอกสูบน้นั ไหลผา่ นวาลว์ ข้ึนไปยงั หอ้ งน้ามนั ดา้ นบน ในขณะที่น้ามนั อีกจานวนหน่ึงก็จะไหลผา่ น
วาลวด์ า้ นล่างเขา้ ไปในห้องน้ามนั สารอง หลงั จากน้นั จะทาการอดั แกส๊ ไนโตรเจนใหเ้ กิดแรงดนั เพ่ือดนั
น้ามนั ไฮโดรลิคกลบั เขา้ สู่กระบอกลูกสูบ ซ่ึงโชค้ อพั ระบบแก๊สกย็ งั สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คือ
LOW-PRESSURE GAS SHOCK ABSORBER หรือโชค้ อพั แกส๊ แรงดนั ต่า โดยจะ
มีการอดั แรงดนั ไวป้ ระมาณ 10 - 15 กก./ตาราง ซม. หรือ 142 - 213 ปอนด/์ ตารางนิ้ว และ HI-
PRESSURE GAS SHOCK ABSORBER หรือโชค้ อพั แก๊สแรงดนั สูง โชค้ อพั ประเภท

น้ีจะไม่มีหอ้ งน้ามนั สารอง แต่จะเก็บน้ามนั ไฮดรอลิคไวท้ ่ีดา้ นบนของกระบอกสูบ และทาการอดั แกส๊
ไนโตรเจนที่ดา้ นล่างของกระบอกสูบ โดยจะมีแรงดนั อยทู่ ี่ 20-30 กก./ตาราง ซม. หรือประมาณ 284-
427 ปอนด/์ ตารางนิ้ว
3.เหลก็ กนั โคลง

เหลก็ กนั โคลงมีหนา้ ที่ในการลดการสนั่ สะเทือนและการรักษาสมดุลที่ดีข้ึนของรถขณะเบรกอยา่ งกะทนั หนั
หรือการเล้ียวโคง้ อยา่ งมีประสิทธิภาพและทาใหร้ ถยดึ เกาะถนนไดเ้ ป็นอยา่ งดี

4.ลกู หมาก

เป็นช่ือที่เราคงคุน้ หูกนั อยไู่ มน่ อ้ ย สาหรับในส่วนของลูกหมากน้นั กถ็ ือเป็นชิ้นส่วนสาคญั ของช่วงล่าง
รถยนตเ์ ลยทีเดียว โดยจะเป็ นปัจจยั ที่ทาใหร้ ถยนตส์ ามารถขบั เคลื่อนไปไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพโดยจะส่งผล
ตอ่ ระบบบงั คบั เล้ียวของรถยนต์ สาหรับลูกหมากท่ีนิยมใชก้ นั ในรถยนตก์ จ็ ะแบง่ ออกเป็น 5 ประเภท
ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่

1. ลูกหมากคนั ชกั เป็นลูกหมากที่ใชย้ ดึ ติดกบั ดุมลอ้ ในส่วนของระบบบงั คบั เล้ียว ทาหนา้ ที่ในการ
ปรับสมดุลของทิศทางลอ้ เมื่อเขา้ โคง้

2. ลูกหมากแร็คช์ เป็นลูกหมากท่ีช่วยในการถ่ายทอดแรงจากการหมุนเล้ียว มาเป็ นการเคลื่อนท่ีใน
แนวตรง

3. ลูกหมากปี กนกบนและลูกหมากปี กนกล่าง มีความสาคญั ในการทาใหล้ อ้ เคล่ือนท่ีไปตามทิศทาง
ไดอ้ ยา่ งอิสระท้งั พ้นื ผิวปกติหรือทางตา่ งระดบั

4. ลูกหมากกนั โคลง เป็นลูกหมากที่ทาหนา้ ที่ช่วยรับแรงกระแทกเพอื่ ใหเ้ กิดความนุ่มนวลของตวั
รถ

5. ลูกหมากคนั ส่งกลาง เป็นลูกหมากท่ีมีหนา้ ที่ถ่ายทอดแรงจากการเล้ียวมาเป็นแนวตรง
เช่นเดียวกบั ลูกหมากแร็คช์

5.ชุ ดคันส่ ง

เป็นชุดอุปกรณ์ท่ีช่วยเพิม่ ความปลอดภยั ใหก้ บั รถยนต์ ทาใหร้ ถมีความเสถียรในการขบั เคล่ือน เกิดการ
ควบคุมไดง้ ่ายหากรถเสียหลกั และยงั ช่วยเพ่มิ สมรรถนะท่ีมีประสิทธิภาพใหก้ บั ยางรถยนต์ นอกจากน้ียงั มี
หนา้ ที่ในการลดแรงสะเทือนไดเ้ ป็นอยา่ งดีดว้ ย

ความหมายและหน้าทขี่ องแหนบ

แหนบ(leaf spring) คือ สปริงประเภทหน่ึง เป็นส่วนประกอบของรถ ติดต้งั อยชู่ ่วงล่างรับภาระบรรทุกจาก
โครงรถแลว้ ถ่ายทอดลงสู่เพลาลอ้ มีหนา้ ที่ในการลดการส่นั สะเทือนใหก้ บั โครงรถโดยการรับและเกบ็
พลงั งานที่เกิดข้ึนจากการสั่นสะเทือนเมื่อรถวงิ่ แลว้ จึงคายออกในเวลาต่อมาจึงเป็นการหน่วงแรงสน่ั สะเทือน
ทาใหโ้ ครงรถเคลื่อนทีไดน้ ุ่มนวลข้ึน ผใู้ ชร้ ถจึงรู้สึกสบายไมเ่ กิดอาการส่ันไหวตามไปกบั ความขรุขระของ
ผวิ ถนน

การตดิ ต้งั และการทางานของแหนบ

การติดต้งั แหนบแบง่ ออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทท่ีมีแหนบอยเู่ หนือเพลา (overslung) และ
ประเภทแหนบที่อยใู่ ตเ้ พลา (underslung) ซ่ึงทางบริษทั ผลิตรถยนตไ์ ดอ้ อกแบบการติดต้งั และการรับ
น้าหนกั ใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านอยแู่ ลว้ แหนบโดยทว่ั ไป ช้นั ที่ 1 จะมว้ นเป็ นวงกลมท่ีปลายแผน่ แหนบ
ท้งั สองขา้ ง ซ่ึงเรียกวา่ หูแหนบ (spring eye) โดยหูแหนบท้งั สองขา้ ง จะยดึ ติดกบั โครงรถดว้ ยเตา้ หูแหนบ
และโตงเตง ดา้ นเตา้ หูแหนบจะยดึ ติดแหนบใหค้ งท่ี (fixed end) ส่วนดา้ นโตงเตงจะสามารถโยกแกวง่ ไปมา
ได้ (shackled end) เพ่ือใหแ้ หนบสามารถเหยยี ดตวั ออกขณะรับน้าหนกั ส่วนบริเวณกลางแหนบจะยดึ ติดกบั
เพลาลอ้ ดว้ ยสาแหรก (u-bolt) สาหรับแหนบรุ่นที่ไม่มีหูแหนบ ก็จะมีตุก๊ ตารับปลายแหนบแทน เม่ือแหนบ
รับน้าหนกั ก็จะสามารถเหยยี ดตวั เลื่อนออกไปได้ (sliding end)

ลกั ษณะของแหนบ

ลกั ษณะของแหนบโดยทว่ั ไปจะประกอบดว้ ยแผน่ แหนบหลายแผน่ ที่มีความยาวแต่ละแผน่ แตกต่างลดหลน่ั
กนั ตามลาดบั วางซอ้ นกนั โดยมีสลกั เกลียวสอดผา่ นรูกลางแหนบที่เรียกวา่ รูสะดือ (center hole) เพื่อยดึ แผน่
แหนบแต่ละแผน่ ใหร้ วมกนั เป็นแหนบตบั สลกั เกลียวน้ีเรียกวา่ สะดือแหนบ (center bolt) แผน่ แหนบแต่ละ
แผน่ จะมีความโคง้ ก่อนประกอบแตกตา่ งกนั เลก็ นอ้ ยเพื่อใหเ้ กิดค่า NIP ตามที่กาหนดไว้ เมื่อประกอบกนั เขา้
เป็นตบั แลว้ จึงมีความโคง้ เดียวกนั แหนบส่วนใหญจ่ ะมีความโคง้ แบบก่ึงวงรี (semi-elliptic spring)

ข้อแนะนาเพอื่ ยดื อายุการใช้งานของแหนบ

1. เลือกใชแ้ หนบที่ผลิตจากโรงงานที่ไดม้ าตรฐาน
2. ควรขนั สะดือ และยดึ สาแหรกใหแ้ น่นทุกคร้ัง และควรมีการกวดใหแ้ น่นเป็นระยะๆ
3. เม่ือติดต้งั แหนบเขา้ กบั โครงรถแลว้ ใหส้ งั เกตวา่ แหนบมีการบิดตวั หรือไม่ ถา้ บิดตวั ใหห้ าสาเหตุแลว้
แกไ้ ข
4. หลีกเล่ียงการบรรทุกน้าหนกั เกินมาตรฐาน
5. หลีกเลี่ยงเส้นทางท่ีเป็นหลุมบ่อหรือขรุขระ หรือถา้ หลีกเล่ียงไม่ไดค้ วรลดความเร็วลงใหร้ ถวง่ิ ชา้ ๆ
6. ควรตรวจสอบบริเวณหูแหนบอยเู่ สมอวา่ ยงั คงมีจาระบีอยหู่ รือไม่ หรือสลกั หูแหนบยงั คงหมุนได้ หู
แหนบไม่ตาย
7. หลีกเล่ียงหรือป้ องกนั มิให้แหนบเปี ยกช้ืน
8. หา้ มเขี่ยลวดเช่ือมเพอื่ ทดลองไฟ และหลีกเล่ียงมิใหส้ ะเกด็ ลวดเช่ือมตกลงบนตวั แหนบ

คาถามท้ายบท

รายวชิ า : งานช่วงล่างรถยนตแ์ ละความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั แหนบรถยนต์
จานวน : 5 ขอ้
จดั ทาโดย : นายยศพร บุญโสภา

1.แหนบทยี่ าวทสี่ ุดคอื แผ่นใด

1.1 แผน่ อนั บน
1.2 แผน่ อนั แผน่ อนั บนล่าง
1.3 แหนบท้งั บนและล่าง
1.4 แหนบแผน่ อนั กลาง

2. ด้านหน้าของหูแหนบยดึ อยู่กบั อะไร

2.1โครงรถดว้ ยสลกั
2.2โครงรถดว้ ยโตงเตง
2.3โครงรถดว้ ยสลกั ยู
2.4โครงรถดว้ ยสาแหรกแหนบ

3. แหนบแผ่นในรถจะโค้งมากทส่ี ุดเมอ่ื ใด

3.1มีนา้ หนกั บรรทุกมาก
3.2มีนา้ หนกั บรรทุกปานกลาง
3.3มีนา้ หนกั บรรทุกเพียงคร่ึงเดียว
3.4ไมม่ ีนา้ หนกั บรรทุก

4. ถ้าตดิ ต้ังสปริงขดไว้บนปี กนกอนั บน ปลายอกี ด้านหน่ึงของสปริงขดจะยดึ อยู่กบั อะไร

4.1ใตโ้ ครงรถ
4.2เบา้ รองรับตอ่ จากโครงรถ
4.3ใตต้ วั รถ
4.4เบา้ ปี กนก

5. ปลายด้านในของทอร์ชันบาร์ยดึ อยู่กบั อะไร

5.1ปี กนกอนั บน
5.2ปี กนกอนั ล่าง
5.3แกนลอ้
5.4โครงรถ

เฉลยคาตอบ คาถามท้ายบท

1. 1.1
2. 2.3
3. 3.4
4. 4.2
5. 5.4


Click to View FlipBook Version