The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E8D8295317AE004B577C6D1E5B082C69ABE26B59_Proposal Final 11.มรภ.ลำปาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sirikorn Kingjak, 2024-06-18 05:25:44

E8D8295317AE004B577C6D1E5B082C69ABE26B59_Proposal Final 11.มรภ.ลำปาง

E8D8295317AE004B577C6D1E5B082C69ABE26B59_Proposal Final 11.มรภ.ลำปาง

1 / 98 แบบฟอร์มข้อเสนอโครงการวิจัยย่อย เพื่อของบประมาณ ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปีงบประมาณ 2566 ยุทธศาสตร์ ที่ 2 การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไข ปัญหาท้าทายและปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้ วิทยาศาสตร์ การวิจัย และนวัตกรรม แผนงาน P11 (S2) ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเพิ่มโอกาส และยกระดับ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที แผนงานย่อย F9 (S2P11) ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเพิ่มโอกาสและลด ช่องว่างของการเข้าถึงการพัฒนาอาชีพ การศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป้าหมาย (Objective) O3 P11: ส่งเสริมการใช้องค์ความรู้ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้าง สภาพแวดล้อมและกลไกที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชน (Local Economy) ยกระดับการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้เป็นห่วงโซ่คุณค่าที่มีการใช้ ทรัพยากร วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดการสร้างอาชีพและกระจายรายได้ สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง ผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ-หลัก (Key Result) KR2 F9: จำนวนองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ ในการยกระดับศักยภาพ ทักษะ โอกาส และรายได้ของกลุ่มเป้าหมายที่ยากจน ด้อยโอกาส และเปราะบาง (เพิ่มขึ้นจำนวน 500 ชิ้น) ผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ-รอง (Key Result) KR10 F10: จำนวนบุคลากรในภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน และประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน ที่พัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้และถ่ายทอด องค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานราก (เพิ่มขึ้นจำนวน 10,000 คน) ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป 1. ชื่อชุดโครงการวิจัย/โครงการวิจัยเดี่ยว (ภาษาไทย) การฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง สู่การยกระดับ เศรษฐกิจฐานรากจากทุนทางวัฒนธรรม (ภาษาอังกฤษ) Reviving the Poi Tang Khao Som Tor Festival of the Burmese art temple in Lampang to elevate grassroot economy from the cultural capital


2 / 98 2. โครงการวิจัยย่อยภายใต้ชุดโครงการวิจัย ชื่อโครงการ พื้นที่วิจัย - - 3. ลักษณะโครงการวิจัย ดำเนินงานจำนวน 17 เดือน โครงการต่อเนื่องจำนวน ...................ปี โดยเริ่มรับงบประมาณในปี............. จำนวน........บาท ดำเนินงานเป็นปีที่ ............................... 4. คำสำคัญ (Keywords) (ภาษาไทย) การฟื้นฟูเทศกาล, วัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง, ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ,ศิลปวัฒนธรรมพม่าใน ลำปาง, จังหวัดลำปาง (ภาษาอังกฤษ) festival revival, Burmese Temple’s in Lampang, Burmese Art and Culture Festival in Lampang , 5. สาขาการวิจัย (เลือกจากฐานข้อมูลในระบบ) สาขาการวิจัยหลัก OECD สังคมศาสตร์ 6. รายละเอียดของคณะผู้วิจัย (ใช้ฐานข้อมูลจากระบบสารสนเทศกลางเพื่อบริหารงานวิจัยของประเทศ) ที่ ชื่อ-สกุล ตำแหน่งในโครงการ สัดส่วนการมีส่วนร่วม 1 รศ.ดร.กิตติศักดิ์ สมุทธารักษ์ ตำแหน่ง อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์095-145-1656 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 หัวหน้าโครงการ 10 2 อาจารย์ธวัชชัย ทำทอง ตำแหน่ง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์095-242-2625 ผู้ร่วมวิจัย 20


3 / 98 ที่ ชื่อ-สกุล ตำแหน่งในโครงการ สัดส่วนการมีส่วนร่วม ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชาการท่องเที่ยวและ ธุรกิจบริการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 3 อาจารย์กมลวรรณ ทาวัน ตำแหน่ง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์081-025-8929 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชาการท่องเที่ยวและ ธุรกิจบริการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 10 4 รศ.ธิติมา คุณยศยิ่ง ตำแหน่ง ผู้อำนวยสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected], [email protected] โทรศัพท์080-502-8598, 085-525-1919 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 10 5 ผศ.ดร.สรวิศ มูลอินต๊ะ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์095-242-2625 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชานวัตกรรมการผลิต และการออกแบบเซรามิกส์ ผู้ร่วมวิจัย 10


4 / 98 ที่ ชื่อ-สกุล ตำแหน่งในโครงการ สัดส่วนการมีส่วนร่วม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 6 ผศ.ดร.ณรงค์ คชภักดี ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์086-897-7624 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 5 7 ผศ.เจษฎา ทองสุข ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและ วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์083-016-6613 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชาศิลปะและการ ออกแบบ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 10 8 อาจารย์ ดร.นุสรา แสงอร่าม ตำแหน่ง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์089-755-2343 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 10


5 / 98 ที่ ชื่อ-สกุล ตำแหน่งในโครงการ สัดส่วนการมีส่วนร่วม 9 อาจารย์ ดร.เสาวรีย์ บุญสา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์ 095-682-9889 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 10 10 อาจารย์ ดร.นิภา จันทร์อ่อน ตำแหน่ง รองผู้อำนวยสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง อีเมล. [email protected] โทรศัพท์ 080-502-8598 ที่อยู่สำหรับติดต่อ. สาขาวิชาคณิตศาสตร์คณะ วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เลขที่ 119 ม. 9 ถ.ลำปาง –แม่ทะ ต.ชมพู อ. เมือง จ. ลำปาง 52100 ผู้ร่วมวิจัย 5 11 เจ้าคณะจังหวัดลำปาง ที่ปรึกษาโครงการวิจัย ส่วนที่ 2 ข้อมูลโครงการวิจัย 1. บทสรุปผู้บริหาร (สรุปเป้าหมายและวัตถุประสงค์ วิธีดำเนินงานวิจัยและการขับเคลื่อนผลงานวิจัยไปสู่ การใช้ประโยชน์โดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) โครงการการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ วัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง สู่การยกระดับ เศรษฐกิจฐานรากจากทุนทางวัฒนธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของชุมชนชาวพม่าไทใหญ่ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่จังหวัดลำปางมากว่า 150 ปี ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานส่งผลให้อิทธิพลทางด้านศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวพม่าไทใหญ่นั้นได้ถ่ายทอดสู่ ชาวพื้นเมืองลำปางในหลายมิติและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยปัจจัยความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและพลวัต ทางวัฒนธรรมส่งผลทำให้ประเพณีดังกล่าวสูญหายไป กอปรกับการรับรู้ถึงอัตลักษณ์ตัวตนของชาวชุมชน วัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง ที่สืบเชื้อสายมาจากชาวพม่าไทใหญ่ในอดีตถูกกลืนภายใต้กระแสสังคมสมัยใหม่ การฟื้นฟูงานเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูจารีตประเพณีดั้งเดิมที่เคย


6 / 98 มีมาก่อนให้กลับฟื้นคืนมายังเป็นการกระตุ้น และเปิดโอกาสให้ชุมชนวัดศิลปะพม่าในพื้นที่อำเภอเมืองลำปาง ได้นำเอาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและองค์ความรู้ในมิติต่าง ๆ ทั้งความเชื่อพิธีกรรม วัฒนธรรมอาหาร ศิลปะหัตถรรม ฯลฯ กลับคืนมาสู่สังคมอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมศักยภาพ ของพื้นที่ด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนวัดศิลปะพม่าและชุมชนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อำเภอเมืองลำปาง สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งจากการฟื้นฟูงานเทศกาลปอยต่างข้าวซ่อมต่อ คือการสร้างกระบวนการ จัดการและแนวทางการพัฒนาเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเนื่องจากปัจจุบัน ระบบอุปถัมภ์วัดหรือระบบวัด ประจำตระกูลแบบดั้งเดิมใกล้สูญหายไปแล้ว ดังนั้นวัดศิลปะพม่าในเมืองลำปางส่วนใหญ่จึงเริ่มกลายสภาพ มาเป็นวัดของชุมชนแทน กอปรกับวัดศิลปะพม่าส่วนใหญ่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน และได้รับ การประชาสัมพันธ์ในระดับจังหวัดรวมถึงระดับประเทศในฐานะแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ดังนั้นการฟื้นฟูงานเทศกาลดังกล่าว จึงจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการจัดการจากความร่วมมือ ในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันจัดการหาแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป การฟื้นฟูประเพณีดังกล่าวนอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจฐานราก จากทุนทางวัฒนธรรม สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของผลกระทบจากโครงการวิจัยคือ การเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วย ขับเคลื่อนเมืองให้ก้าวไปสู่การเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เกิดจากทุนทางวัฒนธรรม อีกทั้งเกิดการสร้าง การรับรู้ให้กับสังคมในมิติด้านการศึกษาและวิชาการ การสร้างจุดขายใหม่การท่องเที่ยว และการรู้จักตัวตน ของความเป็นพหุสังคมของชาวลำปางสู่คนรุ่นใหม่ 2. หลักการและเหตุผล (ที่มาและความสำคัญของโครงการ) จากพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำปาง นับตั้งแต่ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 เป็นต้นมา ชาวพม่าไทใหญ่คนในบังคับอังกฤษเป็นกลุ่มที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและส่งผล ต่อความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในพื้นที่จังหวัดลำปางเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นผลสืบเนื่องจากสนธิสัญญา เบาว์ริงที่ทำให้อังกฤษได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าของสยามประเทศ และพื้นที่หัวเมือง ประเทศราชของสยามประเทศมากขึ้น โดยหนึ่งในเป้าหมายของอังกฤษคือทรัพยากรป่าไม้สักคุณภาพสูง ซึ่งมีความ อุดมสมบูรณ์มากในเขตพื้นที่หัวเมืองล้านนาหรือภาคเหนือตอนบน ภายหลังจากการได้รับอนุมัติ สัมปทานป่าไม้จากรัฐบาลสยาม อังกฤษได้เข้ามาตั้งสำนักงานบริษัททำไม้ซึ่งมีบทบาทเป็นตัวแทนการค้า เข้ามาทำการสัมปทานป่าไม้ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีหัวหน้าแรงงานชาวพม่าไทใหญ่ที่เรียกว่าเฮดแมน เป็นผู้ดูแลควบคุมกิจการ โดยเฮดแมนแต่ละคนจะนำบริวารลูกน้องอพยพโยกย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นฐาน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดลำปางพบว่า มีชุมชนชาวพม่าไทยใหญ่หรือกลุ่มชาติพันธ์อื่น ๆ ที่มาจากจากพื้นที่ประเทศพม่าในอดีต เช่น ชาวมอญ ชาวปะโอตองสู้ ชาวกะเหรี่ยง ฯ เข้ามาตั้งถิ่นฐานในช่วง ของการสัมปทานป่าไม้เป็นจำนวนมาก (มรดกวัฒนธรรม 8 วิถี: 16) จากการสัมปทานป่าไม้ดังกล่าวส่งผลให้


7 / 98 เกิดการรวมกลุ่มชุมชนชาวพม่าไทใหญ่รวมถึงการสร้างวัดวาอารามขึ้น เพื่อประกอบศาสนกิจตามวิถีความเชื่อ ทางพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังพบว่ามีกลุ่มชาวพม่าไทใหญ่ที่เข้ามาประกอบอาชีพช่างฝีมือ แพทย์แผนโบราณ และทำการค้ากองคาราวาน เพื่อนำสินค้าจากพม่าและอินเดียรวมถึงสินค้าจากตะวันตกเข้ามาค้าขายในพื้นที่ จังหวัดลำปาง และมักมีครอบครัวพร้อมกับตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในจังหวัดลำปางเป็นการถาวร สืบเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน จึงมีคำกล่าวที่ว่า ชาวลำปางในเขตอำเภอเมืองส่วนหนึ่งคือ “ลูกม่านหลานเงี้ยว” (ศรี วรรณศรี, การสื่อสารส่วนบุคคล, 20 มีนาคม 2566) วัดศิลปะพม่าในเมืองลำปาง ถือเป็นภาพสะท้อนประวัติศาสตร์ของชุมชนชาวพม่าไทใหญ่ในอดีต ที่มีความเชื่อและศรัทธาต่อพุทธศาสนา และการอุทิศบุญกุศลให้กับเหล่ารุกขเทวดาผู้รักษาป่าไม้ ด้วยเหตุนี้ คหบดีและแรงงานชาวพม่าไทใหญ่ จึงได้นำช่างฝีมือจากพม่าเพื่อเข้ามารังสรรสร้างวัดด้วยรูปแบบศิลปกรรม พม่าไทใหญ่ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง ส่งผลให้วัดดังกล่าวกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวจังหวัดลำปาง มาจนถึงปัจจุบัน โดยวัดที่ผู้อุปถัมภ์และคณะศรัทธาเป็นชาวพม่าไทใหญ่ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ภายใน ตัวอำเภอเมืองจังหวัดลำปางมากถึง 9 วัด อันได้แก่ วัดศรีชุม วัดท่ามะโอ วัดป่าฝาง วัดจองคา วันม่อนปู่ยักษ์ วัดศรีรองเมือง วัดป่ารวก วัดพระเจดีย์ซาวหลัง และวัดม่อนจำศีล นอกจากนี้ยังมีวัดของชาวพม่าไทใหญ่ บางส่วนกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่อำเภอรอบนอก นอกจากนี้อิทธิพลทางด้านศิลปกรรมงานพุทธศิลป์แบบพม่า รวมถึงงานสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่ส่งผ่านรสนิยมของชาวพม่าไทใหญ่ในอดีตยังส่งอิทธิพลต่อวิถีชีวิต ชาวลำปาง ก่อให้เกิดการผสมผสานรูปแบบระหว่างศิลปะแบบพื้นเมืองกับงานศิลปะแบบพม่า ดังจะพบวัดวา อารามที่สร้างด้วยงานศิลปกรรมแบบลูกผสมในพื้นที่จังหวัดลำปางจำนวนมากอาทิ จองปราสาทวัดพระแก้ว ดอนเต้าสุชาดาราม รอยพระพุทธบาทวัดเกาะวาลุการาม ซุ้มประตูโขงวัดบุญวาทย์วิหาร เจดีย์วัดพระเจ้าทันใจ และวัดท่าคราวน้อย เป็นต้น นอกจากนี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมพม่าไทใหญ่ยังส่งผลต่อวิถีชีวิตวัฒนธรรม ของชาวลำปางในมิติอื่น ๆ อีกมากมายและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น วัฒนธรรมค่านิยมอาหารพม่า ของชาวลำปางในปัจจุบัน ศิลปหัตถกรรมหลายหลายแขนงที่มีที่มาจากศิลปะแบบพม่าไทใหญ่ วัฒนธรรมที่ใช้ คำในภาษาพม่าในวิถีชีวิตประจำวัน อิทธิพลด้านดนตรีแบบมอญพม่า หรือประเพณีพิธีกรรมการฟ้อนผีเม็ง ที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มชาวมอญพม่า เป็นต้น งานปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ถือเป็นงานบุญสำคัญที่ในอดีตของชุมชนชาวพม่าไทใหญ่ในเมืองลำปาง โดยจะมีการรวมกลุ่มหมุนเวียนไปตามวัดศิลปะพม่า คำว่า ปอย เป็นภาษาล้านนาและไทใหญ่ที่มีรากศัพท์ มาจากคำว่า แปวว์ในภาษาพม่าที่แปลว่า งานบุญ ส่วนคำว่า ต่างข้าวซ่อมต่อ มีที่มาจากเจตนาของงานบุญ ดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อซ่อมบำรุงข้าวของเครื่องใช้โดยเฉพาะหมวดเครื่องครัวที่ชำรุดเสียหาย โดยนำภาชนะใหม่ ที่จะถวายนั้น มาใส่ข้าวสาร ตกแต่งประดับให้สวยงามถือเป็นกุสโลบายในการดูแลข้าวของเครื่องใช้ของวัด ซึ่งข้าวของเหล่านี้นอกจากจะใช้ภายในวัดแล้ว ชุมชนโดยรอบก็จะต้องมาหยิบยืมไปใช้เมื่อมีงานบุญในชุมชน เสมอนอกจากนี้ บุญกุศลดังกล่าวยังถือเป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนาอีกด้วย โดยประเพณีดังกล่าว ส่วนใหญ่จะนิยมจัดขึ้นในช่วงออกพรรษา บางวัดอาจเลื่อนมาจัดได้ถึงช่วงเดือน มกราคมหรือกุมภาพันธ์ ในอดีตนั้นถือเป็นงานสำคัญของวัดศิลปะพม่า กล่าวคือ เมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาชาวพุทธจะเชื่อว่าสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จกลับลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จึงได้มีการจัดงานบุญต่าง ๆ ขึ้นเพื่อต้อนรับ


8 / 98 การกลับมาขององค์พระพุทธเจ้า เช่น การถวายข้าวมธุปายาส การทำปราสาทจองพารา หรืองานบุญต่างข้าว ซ่อมต่อ โดยก่อนออกพรรษา 1 วัน คณะศรัทธาวัดต่าง ๆ จะช่วยกันตกแต่งสถานที่และ “ฮอมครัว” คือไปร่วม ทำบุญ ณ วัดศิลปะพม่า โดยมีเครื่องไทยทานประกอบด้วย ข้าวสาร, ผลไม้, ถ้วยชามหรือแก้วน้ำ ในขณะเดียวกันวัดศิลปะพม่าต่าง ๆ จะตั้งโต๊ะรับเครื่องไทยทานเหล่านี้และมีการเลี้ยงอาหารแก่คณะศรัทธา ที่มาร่วมงานอย่างยิ่งใหญ่ ในวันรุ่งขึ้นคณะศรัทธาแต่ละวัด จะทำการนึ่งข้าวเหนียวและกวนข้าวมธุปายาส จากนั้นคณะศรัทธาและพระภิกษุสงฆ์จะร่วมกันทำพิธีถวายข้าวมธุปายาสแด่พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ธนดล สายวงศ์ปัญญา. 2565) นอกจากการเป็นพิธีกรรมงานบุญแล้ว ยังถือเป็นงานรื่นเริงที่เครือข่ายลูกหลานชาวพม่าไทใหญ่ ซึ่งปัจจุบันคือประชาชนในชุมชนวัดศิลปะพม่าในจังหวัดลำปาง จะได้พบปะกันและมักจัดให้มีมโหรสพดนตรี หรือการฟ้อนรำแบบพม่าไทใหญ่ มาประโคมหรือแสดงกันอย่างครึกครื้น นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสดี ที่ชาวพื้นเมืองจะได้ลิ้มลองอาหารแบบพม่าที่ทำขึ้นเพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายในงานบุญนี้ เนื่องด้วยความ ศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวพม่าไทใหญ่ การจัดงานบุญของชาวพม่าไทใหญ่จึงมักจะใส่ใจในรายละเอียด ในทุกขั้นตอนทั้งของถวายและการประดับประดาหรือขบวนแห่ที่สวยงามตระการตา จนทำให้ชาวพื้นเมือง มักเปรียบงานบุญที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการว่า “กินอย่างม่านตานอย่างไต” (อนุกูล ศิริพันธ์, การสื่อสาร ส่วนบุคคล, 23 มีนาคม 2566) พระจินดารัตนาภรณ์เจ้าคณะจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ด้วยเป็นจารีตประเพณี ที่ดีงาม จึงส่งผลให้ชาวพื้นเมืองลำปางได้หยิบยืมรูปแบบพิธีกรรมดังกล่าวไปใช้ปัจจุบันประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ ที่จัดขึ้นจากเครือข่ายชุมชนวัด เหลือเพียงความทรงจำจากอดีตเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยทางสังคม และระบบผู้อุปถัมภ์วัดเปลี่ยนแปลงรวมถึงคณะสงฆ์วัดศิลปะพม่าที่ถูกปฏิรูปใหม่ ส่งผลให้ประเพณีพิธีกรรม ดังกล่าวสูญหายไป (พระจินดารัตนาภรณ์, การสื่อสารส่วนบุคคล, 24 มีนาคม 2566) ปัจจุบันจากภาคนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดหมวดหมู่ให้จังหวัดลำปางเป็นเมือง รองสำหรับการท่องเที่ยวในภาพรวม แต่ในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดลำปางถือเป็นจังหวัด ที่มีศักยภาพสูงโดยเฉพาะทรัพยากรการท่องเที่ยว ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือกลุ่มวัดศิลปะพม่า ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดลำปาง ซึ่งมีความสมบูรณ์และงดงามวิจิตรที่ถูกรังสรรค์สร้างด้วยความศรัทธา ของผู้อุปถัมภ์และช่างฝีมือชาวพม่าในอดีต ถือเป็นกลุ่มวัดศิลปะพม่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้โครงการฟื้นฟูประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อนี้นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา ยังเป็นการส่งเสริมฟื้นฟูศักยภาพของเมืองโดยเฉพาะมิติของการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นช่องทางให้กลุ่มชุมชน ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิงวัฒนธรรม ในท้องถิ่นได้มีช่องทางและโอกาสในการสร้าง รายได้จากทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของตนเอง รวมถึงการสร้างบรรยากาศ ใหม่ให้กับวัดศิลปะพม่าไทใหญ่และชุมชนโดยรอบให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง การฟื้นฟูคุณค่าทางวัฒนธรรมประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบเชิงระบบ ในหลายมิติ เช่น มิติด้านนโยบาย มิติด้านวิชาการ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคม หรือมิติด้านอื่น ๆ ที่สามารถ ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมด้วยความร่วมมือ และการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างคุณค่าแก่ทุนทางวัฒนธรรม สร้างการเรียนรู้ร่วมกัน การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และรูปแบบกิจกรรม


9 / 98 การท่องเที่ยวใหม่ ที่นำไปสู่การเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เกิดจากฟื้นฟูประเพณีจากทุนทางวัฒนธรรม วัดศรีชุม วัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสร้างขึ้นโดยกลุ่มคหบดีชาวพม่าที่เข้ามาสัมปทานป่าไม้เมื่อราว 150 ปีที่ผ่านมา อดีตวัดแห่งนี้เป็นสำนักเรียนภาษาบาลี(บาลีใหญ่) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยความร่วมมือของรัฐบาลพม่า และกรมศาสนาของไทยได้มีความร่วมมือในการของพระอาจารย์ผู้ทรง พระไตรปิฏกและภาษาบาลีมาตั้งสำนักสอนในจังหวัดลำปาง ภาพที่ 1 วัดศรีชุม หลวงพ่อพระภัททันตธัมมานันทมหาเถระ ดร.สาสนธชสิริปวรธัมมาจริยะ อัคคมหาบัณฑิตหรือหลวงพ่อใหญ่ วัดท่ามะโอ พระมหาเถระผู้แตกฉานในพระไตรปิฏกและภาษาบาลีรูปสุดท้าย ที่เข้ามาเผยแพร่สอนภาษาบาลี ที่สำนักวัดท่ามะโอและเป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะโอ เมืองลำปาง รูปที่ 4 ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2502 จนกระทั่ง ท่านมรณภาพในปี 2555


10 / 98 ภาพที่ 2 หลวงพ่อพระภัททันตธัมมานันทมหาเถระ ดร.สาสนธชสิริปวรธัมมาจริยะ วัดม่อนปู่ยักษ์ หนึ่งในวัดศิลปะพม่าไทใหญ่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง อุปภัมถ์สร้างโดยชาวไทใหญ่ ผู้เป็นนายฮ้อยกองคาราวานวัวต่าง จากเมืองโหปง เขตพื้นที่รัฐฉาน ประเทศพม่า ซึ่งภายหลังมีคหบดีชาวพม่า ไทใหญ่จำนวนหลายท่านได้เข้ามาร่วมสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้สวยงามและทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบัน ภาพที่ 3 วัดม่อนปู่ยักษ์ วัดจองคา วัดศิลปะพม่าที่สร้างขึ้นโดยนายฮ้อยหม่องหง่วยสิ่น การสร้างวัดแห่งนี้ได้นำช่างฝีมือ จากเมืองมัณฑเลย์เป็นจำนวนมาก เพื่อเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานอันวิจิตร และช่างส่วนใหญ่ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน เมืองลำปางเป็นการถาวร ภาพที่ 4 วัดจองคา


11 / 98 นายฮ้อยหม่องหง่วยสิ่น บุตรชายอูเชวอัตถ์ เฮดแมนคนแรกของเมืองลำปาง ผู้สืบเชื้อสายเจ้านาย จากเมืองมะละแหม่ง ผู้อุปถัมภ์สร้างวัดจองคา จองปราสาทวัดพระแก้วดอนเต้า และเจ้าของเรือนขนมปังขิง ที่สวยที่สุดในประเทศไทยภายหลังท่านได้แปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และได้สร้างคุณูปการณ์ไว้กับเมือง ลำปางเป็นจำนวนมาก ภาพที่ 5 นายฮ้อยหม่องหง่วยสิ่น


12 / 98 ภาพที่ 6 การระดมความคิดเห็นโจทย์วิจัยและข้อเสนอแนะจากภาคีเครือข่าย 3. วัตถุประสงค์ 3.1 เพื่อฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริม ศักยภาพของพื้นที่ ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนวัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง 3.2 เพื่อสร้างรูปแบบกระบวนการจัดการ และแนวทางการพัฒนาเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะพม่าเมืองลำปาง และแนวทางการพัฒนาที่ยังยืน 3.3 เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 4. สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา (กรณีเป็นโครงการต่อเนื่อง หรือโครงการที่มีผลก่อนหน้านี้)


13 / 98 -ไม่มี- 5. กรอบการวิจัย 5.1 ทุนวัฒนธรรมและเทศกาลวัฒนธรรมที่เลือกศึกษา ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะพม่าในเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง 5.2 ภาคีความร่วมมือ 1. ภาครัฐ เช่น วัฒนธรรมจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง เทศบาลเมืองเขลางค์นคร การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด จังหวัดลำปาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจังหวัดลำปาง สถาบันการศึกษา ประชาสัมพันธ์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดลำปาง (อบจ.) 2. ภาคเอกชน เช่น สภาวัฒนธรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หอการค้า ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิงวัฒนธรรม 3. ภาคศาสนา เช่น คณะสงฆ์วัดศิลปะพม่า จังหวัดลำปาง, วัดศิลปะพม่า 1) วัดศรีชุม 2) วัดป่าฝาง 3) วัดจองคา (ไชยมงคล) 4) วัดม่อนปู่ยักษ์5) วัดม่อนจำศีล 6) วัดจองคำ 7) วัดท่ามะโอ 8) วัดป่ารวก 9) วัดศรีรองเมือง 4. ภาคประชาสังคม เช่น ชุมชนวัดศิลปะพม่า จังหวัดลำปาง เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่าย ผู้อุปถัมภ์วัดศิลปะพม่า กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน


14 /ภาพที่7 Framew


/ 98 work โครงการวิจัย


15 / 98 ภาพที่8 กรอบการวิจัย


16 / 98 รายละเอียดกรอบการวิจัย เป้าหมาย ผลผลิต ตัวชี้วัด 1. เพื่อฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อเพื่อนำไปสู่การ พัฒนาเศรษฐกิจและ ส่งเสริมศักยภาพของ พื้นที่ด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจฐานราก ของชุมชนวัดศิลปะ พม่าเมืองลำปาง 1. รูปแบบเทศกาล ประเพณีปอย ต่างข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 รูปแบบ 2. ชุดข้อมูล ประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 ชุด ข้อมูล 3. เครือข่ายเทศกาลประเพณี วัฒนธรรม ประกอบด้วย เครือข่าย ภาครัฐ เครือข่ายภาคเอกชน เครือข่าย ภาคศาสนา เครือข่ายภาคประชาคม ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจ ชุมชนเชิงวัฒนธรรม อย่างน้อย 4 เครือข่าย 4. บุคลากรในภาครัฐ สถาบัน อุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน เยาวชน และประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน สามารถพัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้และ ถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่ม ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก อย่างน้อย 300 คน 5. ผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์ จากกระบวนการวิจัย อย่างน้อย 10 ราย 6. ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ประเภท อุปโภค บริโภค ได้รับการยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ 1. รูปแบบเทศกาล ประเพณีปอย ต ่ า ง ข ้ า ว ซ่อ ม ต ่อว ัด ศ ิล ปะ พม่า 1 รูปแบบ 2. ฐานข้อมูล ประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า 1 ฐานข้อมูล 3. เครือข่ายเทศกาลประเพณี วัฒนธรรม อย่างน้อย 4 เครือข่าย (MOU) 4. จำนวนบุคลากรในภ าครัฐ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน และประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน ที่พัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้และ ถ่ายทอดองค์ความรู้ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่ม ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก อย่างน้อย 300 คน 5. จำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับ ประโยชน์จากกระบวนการวิจัย อย่าง น้อย 10 ราย 6. จำนวนผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ ประเภท อุปโภค บริโภค ที่ได้รับการ ยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ 2. เพื่อสร้างรูปแบบ กระบวนการจัดการ และแนวทางการพัฒนา 1. เกิดนักจัดการทุนวัฒนธรรม อย่างน้อย 3 คน 1. รูปแบบกระบวนการสร้าง เทศกาลวัฒนธรรมของเมือง 1รูปแบบ


17 / 98 เป้าหมาย ผลผลิต ตัวชี้วัด เทศกาลประเพณีปอย ต่างข้าวซ่อมต่อ ของ ชุมชนวัดศิลปะพม่า เมืองลำปางและแนว ทางการพัฒนาที่ยังยืน 2. ได้รูปแบบกระบวนการบริหาร จัดการเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ 1 รูปแบบ 3. เกิดพื้นที่การแลกเปลี่ยน เรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนขบวนและ เครือข่ายที่ ทำงานด้านการจัดการทุน ทางวัฒนธรรมจากการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ในการ สร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ อย่าง น้อย 1 พื้นที่ 4. เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ ท่องเที่ยววัดศิลปะพม่า 1 ผลิตภัณฑ์ 2. รูปแบบกระบวนการบริหาร จัดการ 1 รูปแบบ 3. จำนวนนักจัดการทุนวัฒนธรรม อย่างน้อย 3 คน 4. จำนว นพื้นที่ ที่เกิ ด ก า ร แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนขบวน และเครือข่ายที่ ทำงานด้านการจัดการ ทุนทางวัฒนธรรมจากการฟื้นฟู เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ อย่างน้อย 1 พื้นที่ 5. จำนวนผลิตภัณฑ์และบริการ ท่องเที่ยววัดศิลปะพม่า 1 ผลิตภัณฑ์ 3. เพื่อประเมินมูลค่า ทางเศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ 1. ผลประเมินผลกระทบทาง เศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 1 ชุด ข้อมูล 2. การเพิ่มขึ้นของรายได้ของ ชุมชน ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิงวัฒนธรรม จาก เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ อย่างน้อยร้อยละ 15 (ของรายได้เดิม) 1. รายได้ของชุมชน ผู้ประกอบการ ทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิง วัฒนธรรม จากเทศกาลประเพณีปอย ต่างข้าวซ่อมต่อ อย่างน้อยร้อยละ 15 (ของรายได้เดิม) 2. เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การมีส่วนร่วมของชุมชน ความรู้ การเผยแพร่องค์ความรู้ 6. ทบทวนวรรณกรรม ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ธนดล สายวงศ์ปัญญา. (2565). ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง พลวัตของประเพณีต่างข้าวซ่อมต่อ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ได้กล่าวถึงที่มาและความสำคัญของประเพณีต่างข้าวซ่อมต่อไว้ว่า เป็นประเพณีหนึ่งที่วัดศิลปะพม่าในอำเภอเมืองลำปางเคยจัดขึ้น โดยในอดีตนั้นถือเป็นงานสำคัญของวัดศิลปะ พม่า กล่าวคือ เมื่อถึงเทศกาลออกพรรษา พุทธศาสนิกชนจะพากันรับเสด็จ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยจะมีการถวายข้าวมธุปายาส แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งชาวพม่าเชื่อว่าการที่ได้ถวายข้าวมธุปายาสแด่สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า จะได้อานิสงส์อย่างมาก


18 / 98 โดยก่อนออกพรรษา 1 วัน ช่วงเวลากลางวันคณะศรัทธาวัดต่าง ๆ จะช่วยกันตกแต่งสถานที่เมื่อถึงเวลาเย็น คณะศรัทธาจะทำการ “ฮอมครัว” คือไปร่วมทำบุญ ณ วัดศิลปะพม่าต่าง ๆ โดยมีเครื่องไทยทาน ประกอบด้วย ข้าวสาร, ผลไม้, ถ้วยชามหรือแก้วน้ำ ในขณะเดียวกันวัดศิลปะพม่าต่าง ๆ จะตั้งโต๊ะรับเครื่องไทยทานเหล่านี้ และมีการเลี้ยงอาหารแก่คณะศรัทธาที่มาร่วมงานอย่าง ยิ่งใหญ่ ในวันรุ่งขึ้นคณะศรัทธาแต่ละวัด จะทำการ นึ่งข้าวเหนียว และกวนข้าวมธุปายาส จากนั้นคณะศรัทธาและพระภิกษุสงฆ์จะร่วมกันทำพิธีถวายข้าว มธุปายาสแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทำการถวายแด่พระประธาน ซึ่งถือเป็นองค์แทนสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ในการรับเสด็จสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และการถวาย ข้าวมธุปายาส ในวันออกพรรษาในสมัยพุทธกาล ด้วยลักษณะของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมวิถีชีวิต หลาย ๆ อย่างของผู้คนในอำเภอเมืองลำปาง จึงเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ประเพณีต่างข้าวซ่อมต่อ ที่พบในอำเภอเมืองลำปาง มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายวัดมีจำนวนผู้คนไปร่วมงานน้อยลงกว่าเดิม การไปมาหาสู่กันของคณะศรัทธาแต่ละวัดก็เริ่มห่างหายไป ผู้คนในท้องถิ่นส่วนมากไม่รู้จัก ประเพณีต่างข้าว ซ่อมต่อหรือบางคนอาจจะเคยได้ยิน แต่ไม่ทราบว่าประเพณีนี้มีความสำคัญตามความเชื่อของชาวพม่าอย่างไร


19 / 98 ภาพที่ 9 ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ที่มา: วัดนาก่วมเหนือ. (2558, 25 พฤศจิกายน). ตานข้าวซ่อมต่อ เดือนยี่เป็ง. วัดนาก่วมเหนือ. (2563, 19 พฤศจิกายน). ตานข้าวซ่อมต่อ เดือนยี่เป็ง. แนวคิดทุนทางวัฒนธรรม (Cultural Capital) แนวคิดทุนทางวัฒนธรรมของ Throsby (2010) หมายถึง สินทรัพย์ที่มีการฝังตัว สะสม และให้คุณค่า ทางวัฒนธรรมนอกเหนือจากมูลค่าทาง เศรษฐกิจของสินทรัพย์นั้นโดยแบ่งทุนวัฒนธรรมเป็น 2 ประเภท คือ 1. ทุนวัฒนธรรมที่จับต้องได้ 2. ทุนวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จําแนกคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรม ไว้เป็นหมวดหมู่คือ คุณค่าเชิงสุนทรียศาสตร์คุณค่าเชิงจิตวิญญาณ คุณค่าเชิงสังคม คุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ คุณค่าในฐานะที่เป็น สัญลักษณ์ของสังคมและคุณค่าในฐานะที่เป็นของแท้ ดังนั้นทุนทางวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งที่ ฝังอยู่ในตัวคนและกลุ่มคนมาอย่างยาวนาน ความคิด จินตนาการ ความคิดริเริ่มและความเชื่อ สิ่งที่เป็น รูปธรรมในรูปแบบของสินค้าวัฒนธรรม เช่น รูปภาพ หนังสือ สิ่งก่อสร้างสถานที่ที่เป็นมรดกโลก


20 / 98 ตลอดจนความเป็นสถาบัน ซึ่งสามารถทำให้เกิดความเป็น รูปธรรม เช่น กติกา การยอมรับที่หลาย ๆ คน เห็นร่วมกัน นอกจากนี้ทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนเป็นประเพณี ดั้งเดิม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านหัตถกรรม การจักสานไม้ไผ่ การจักสานผักตบชวา การทำนาแบบดั้งเดิมและการทำนา อินทรีย์ ทุนบุคคลมีปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชนที่มีบทบาทในการรวมกลุ่มการสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนา ชุมชน สำหรับทุนเครือญาตินั้น ในชุมชน มีความสัมพันธ์แบบเคารพผู้อาวุโส เคารพกฎระเบียบ กติกาของหมู่บ้าน โครงสร้างทางเศรษฐกิจ ยังเป็นรูปแบบการผลิตในขั้นพื้นฐานและการแปรรูปผลผลิตที่ได้เป็นผลิตภัณฑ์อย่างง่าย เพื่อใช้ในการดำรงชีพ และจัดจำหน่าย ทั้งภายในและภายนอกชุมชนรวมไปถึงระบบการจ้างงาน การใช้ระบบการลงแขก เกี่ยวข้าว ภายในเครือญาติและภายในชุมชน (Mankong, 2017) ปิแอร์ บูร์ดิเยอร์ (1986, อ้างถึงใน ดาวิน วรุณทรัพย์, 2561) ได้ให้ความหมายของทุนทางวัฒนธรรมไว้ว่า เป็นทุนที่สะสมอยู่ในตัวตนของแต่ละบุคคล วัตถุสิ่งของ และที่อยู่ในรูปแบบสถาบัน ซึ่งแต่ละบุคคลได้รับการ หล่อหลอมและผลิตซ้ำ เพื่อสืบทอดผ่านทางระบบการศึกษา ผลผลิตที่ได้จากการสะสมทุนทางวัฒนธรรม คือ รสนิยม ซึ่งจะสร้างความแตกต่างและเป็นเครื่องมือที่ใช้ธำรงรักษาชนชั้นในสังคมให้ดำรงอยู่ต่อไป Storey (1999) นักวิชาการด้านวัฒนธรรมศึกษา เห็นว่า ทุนทางวัฒนธรรมเป็นการสะสมของความรู้ ความคุ้นเคย และความรู้สึกของแต่ละบุคคลในเรื่องภูมิหลังครอบครัว การลงทุนทางด้านการศึกษา และวิชาการ และสถานภาพทางสังคม ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตที่แตกต่างกันทุนทางวัฒนธรรมที่แต่ละ บุคคลสะสมมาจะมีอิทธิพลต่อพื้นฐานการรับรู้วัฒนธรรมที่ครอบงำหรืออำนาจที่มีอิทธิพลในสังคม Throsby (2001) ได้ให้ไว้ สิ่งที่เป็นทุนทางวัฒนธรรม ได้แก่ ทรัพย์สินที่มีมูลค่าในทางวัฒนธรรม (an asset embodying cultural value) ซึ่งทรัพย์สินที่กล่าวนี้อาจจับต้องได้หรือไม่ได้สามารถจับต้องได้ ทุนวัฒนธรรมที่จับต้องได้อาจอยู่ในรูปแบบของสิ่งก่อสร้าง สถานที่ ประติมากรรมเป็นต้น ส่วนทุนทาง วัฒนธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ อาจอยู่ในรูปแบบของแนวคิดความเชื่อประเพณี การปฏิบัติ เป็นต้น รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ (2545) นิยามความหมายทุนทางวัฒนธรรม โดยเน้นความหมายในเชิง เศรษฐศาสตร์ไว้ว่า ทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีนัยทางวัฒนธรรม ที่เรียกว่าอุตสาหกรรมสินค้า วัฒนธรรมซึ่งผลิตสินค้าวัฒนธรรมและบริการที่มีวัฒนธรรมฟังตัวอยู่ในสินค้าและบริการนั้น สุนิสา ฉันท์รัตนโยธิน (2546) กล่าวว่า ทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีนัยทางวัฒนธรรม เรียกว่า ทุนวัฒนธรรม (Cultural Capital) องค์ประกอบของทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางวัฒนธรรม (2555) วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดีงามที่คนในอดีตคิด ทำขึ้น แสดงออกและสืบทอด ด้วยการปฏิบัติ ซึ่งมีสิ่งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ จำแนกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ประกอบด้วย 1. เป็นมรดกตกทอด เกิดจากภูมิปัญญาของมนุษย์ ประกอบด้วยสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ อาทิ โบราณสถาน ขนาดใหญ่ กับสิ่งที่สามารถเคลื่อนที่ได้จำพวกวัตถุ บันทึกเล่าเรื่อง เป็นเอกสาร ตำนานบันทึก เช่น ภาษามาลายู ซึ่งเป็นภาษาของชาวใต้ บันทึกในศิลาจารึกฯ


21 / 98 2. เป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์พิเศษหรือเนื้อในของวัฒนธรรม เป็นการกระทำของมนุษย์ประกอบด้วย เอกลักษณ์พิเศษในการทำมาหากิน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ภาษา กิริยา สำเนียงพูด ความเชื่อ ศาสนา ขนมธรรมเนียม จารีตประเพณี และพิธีกรรมสุนทรียศาสตร์-สุนทรียภาพ ซึ่งเป็นความ สวยงามตามอารยธรรม ซึ่งควรมีการสืบสานทำนุบำรุงให้คงอยู่ ระบบเครือญาติและระบบสังคม 3. ภูมิปัญญาดังเดิมและภูมิปัญญาสมัยใหม่ ได้แก่ 3.1) ศาสตร์หรือความรู้ของบรรพชน อาทิ ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 3.2) ภาษาศาสตร์ และการคำนวณ เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร้อยแก้ว ร้อยกรอง ฯลฯ 3.3) อาชีวศาสตร์ เป็นความรู้เกี่ยวกับการยังชีพ เช่น เครื่องมือดักจับสัตว์ เครื่องการเกษตร เครื่องมือจับปลา เป็นต้น 3.4) ยุทธศาสตร์ในการป้องกันตนเองและการรักษาชีวิต เช่น มวยไทย ฟันดาบ กระบี่ กระบอง การเขียนตำราพิชัยสงคราม ฯลฯ 3.5) การเยียวยาชีวิตหรือแพทยศาสตร์ เช่น การรักษาโรคภัย ไข้เจ็บ การทำและใช้สมุนไพร การนวดแผนโบราณ ฯลฯ 3.6) การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ โดยใช้ความรู้ในเชิงรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์และธรรมศาสตร์ เช่น ระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ฯลฯ 3.7) ศิลปะศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์รวมทางศิลปะที่สำคัญ แนวคิดการบริหารจัดการทุนทางวัฒนธรรม การบริหารจัดการทุนทางวัฒนธรรมเป็นการจัดการโดยประชาชนในพื้นที่ โดยนำแนวคิดการมีส่วนร่วม คือ ร่วมทำร่วมคิด ร่วมกันบริหารจัดการทุนวัฒนธรรมที่มีอยู่ นำภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ส่วนราชการ เอกชน เข้ามาช่วยกันบูรณาการ กันทางความคิด ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ทั้งภาคประชาชนและประโยชน์ต่อภาครัฐ โดยรัฐมีหน้าที่สนับสนุน (Kosol, 2018) รูปแบบการจัดการทุนทางวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ในประเทศไทย คือ รูปแบบการจัดการ เชิงสร้างสรรค์ 5 ประการ (5CM-MODEL) ได้แก่ 1) การจัดการชุมชนเชิงสร้างสรรค์ 2) การจัดการเรื่องราวเชิง สร้างสรรค์ 3) การจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ 4) การจัดการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ และ 5) การจัดการผลกระทบเชิง สร้างสรรค์ เป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่มาผ่านกระบวนการผสาน การจัดการ (Warunasap et al., 2018) การนำเสนอทุนทางวัฒนธรรม เป็นการเล่าเรื่องราว การใช้ชีวิต ของผู้ประกอบการแสดงถึงสัมพันธ์กับวัฒนธรรมท้องถิ่น ผูกพันกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องราวขององค์ ความรู้ ค่านิยม แนวคิด ความเชื่อ จารีต ประเพณีผ่านคำสอน บทกลอน บทสุภาษิต ถูกนำมาหลอมรวมกับการ ประกอบของสินค้าชุมชน แนะนำสินค้าจะมีการเสนอแนวคิดความเชื่อของชุมชน (Sanpa, 2020) ทั้งนี้การใช้ ทุนทางวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกโดยใช้ทุนทางวัฒนธรรม คือมีการศึกษาเรียนรู้จากชุมชน เพื่อนำเอกลักษณ์ เรื่องราวมาวิเคราะห์และสร้างสรรค์ผลงานเพื่อตอบโจทย์ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Tuekkhaow, Jamjuree & Poonsuwan, 2021)


22 / 98 แนวคิดว่าด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมมาประยุกต์ใช้ ในการจัดการอุตสาหกรรม ธุรกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ องค์การความร่วมมือเพื่อการค้าและพัฒนา (UNCTAD) อ้างใน พวงแก้ว พรพิพัฒน์ (2553) ให้ความหมายว่า เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง แนวความคิดในการพัฒนาและสร้างความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจโดยใช้สินทรัพย์ที่เกิดจากการใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์ แนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์(Creative Economy) ได้รับความนิยมและมีการนำไปใช้อย่างจริงจัง ในหลายประเทศทั่วโลก ประเทศอังกฤษถือได้ว่าเป็นผู้นําของแนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในปีพ.ศ. 2548 ได้จัดตั้งโครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่นํารายได้เข้าสู่ประเทศสูงถึงร้อยละ 7.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ มีอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 5 ต่อปีและมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ประมาณ 1.8 ล้านคน (ภัทรพงศ์อินทรกำเนิด และคณะ, 2553, อ้างถึงใน เทิดชาย ช่วยบำรุง, 2554) สุพาดา สิริกุตตา (2556) กล่าวว่า เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนำมาใช้ในการผลิตสินค้าและในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ สินค้าซึ่งจะส่งผลให้องค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 1. การสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ (Product Differentiation) 2. การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเกิดความร่วมมือระหว่างองค์กร (Alliances) 3. การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ECO-Product) 4. การสร้างนวัตกรรม (Innovation) 5. พนักงาน (Employee) 6. การตลาด (Marketing) เป็นการนําเสนอการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าเพื่อให้ลูกค้า ได้รับผลิตภัณฑ์จากการสร้างสรรค์และต้องมุ่งเน้นความสำคัญที่ลูกค้า แนวคิดว่าด้วยการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากผลการประชุม Earth Summit เพื่อกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวยั่งยืน ที่กรุงรีโอเดจา เนโร ประเทศบราซิล เมื่อปีพ.ศ. 2535 ได้ให้ความหมายของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนว่า หมายถึง การท่องเที่ยว ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจุดประสงค์ปลายทางจะเป็นที่ใด หรือจะเป็นกลุ่มใหญ่ หรือกลุ่มเล็ก ทั้งในเมืองและชนบท (บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา, 2548 หน้า 6) องค์การท่องเที่ยวโลก (WTO) ได้กำหนดหลักการของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2531 ว่าลักษณะของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนนั้น “ได้รับการคาดหมายให้นำไปสู่การจัดการทรัพยากรทั้งมวล ด้วยวิถีทางที่ตอบสนองต่อความต้องการ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสุนทรียะในขณะเดียวกันก็คงไว้ซึ่งบูรณภาพทางวัฒนธรรม กระบวนการ ทางนิเวศวิทยาที่จำเป็นความหลากหลายทางชีวภาพและระบบต่าง ๆ ที่เอื้อต่อชีวิต” เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1) ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ 2) ความยั่งยืนทางด้านสังคม 3) ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมหลัก ของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เป็นการมุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีขอบเขตของการพัฒนาในลักษณะ ดังนี้1) การท่องเที่ยวจะต้องสามารถดำรงอยู่ได้2) มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอย่างสม่ำเสมอ 3) ทรัพยากร


23 / 98 การท่องเที่ยวยังคงรักษาความดึงดูดใจไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย 4) กิจกรรมการบริการมีกำไร แม้ต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงการให้บริการอยู่เสมอ 5) ผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติสังคม และวัฒนธรรม จะต้องไม่มีหรือมีน้อยที่สุด ในการประชุม Globe'90 ณ ประเทศแคนาดา ได้ให้คำจำกัดความของการพัฒนาการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนว่าหมายถึง “การพัฒนาที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้เป็นเจ้าของ ท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีการปกป้องและสงวนรักษาโอกาสต่าง ๆ ของอนุชนรุ่นหลัง การท่องเที่ยวนี้ มีความหมายถึงการจัดการทรัพยากรเพื่อตอบสนองความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความงาม ทางสุนทรียภาพ ในขณะที่สามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศด้วย” เช่นเดียวกับองค์การ การท่องเที่ยวของแคนาดา (Tourism Canada, 1990, p. 3) ที่ได้กล่าวถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ว่าเป็นการจัดการทรัพยากรในลักษณะที่สามารถใช้ตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคม และสุนทรียภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาความสมบูรณ์ของวัฒนธรรม กระบวนการที่จำเป็น ทางนิเวศวิทยา ความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบสนับสนุนชีวิต แนวคิดว่าด้วยการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism: CBT) เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีลักษณะ เฉพาะตัว แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งผู้ที่จะนําแนวคิดนี้ไปปฏิบัติควรต้องทำความ เข้าใจถึงเบื้องหลัง ความหมาย ความคิด หลักการ และองค์ประกอบที่สำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชน โครงการท่องเที่ยวเพื่อชีวิตและธรรมชาติ(2540, อ้างถึงใน พจนา สวนศรี, 2546) ได้กล่าวถึง การท่องเที่ยวชุมชนว่า หมายถึง การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรม กำหนดทิศทางโดยชุมชน จัดการโดยชุมชนเพื่อชุมชน และชุมชนมีบทบาท เป็นเจ้าของมีสิทธิในการจัดการ ดูแลเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน การท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้รับความนิยมมากในระดับสากล ในขณะที่ การมีส่วนร่วมของชุมชนก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในปี2545 องค์การสหประชาชาติประกาศ ให้เป็นปีสากลว่าด้วย การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (International Year of Ecotourism : IYE) จึงเกิดคําว่า Community Based Ecotourism : CBET การกำหนดหลักการหรือจุดยืนของการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน ได้แก่ 1) ชุมชนเป็นเจ้าของ 2) ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และกำหนดทิศทาง 3) ส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง 4) ยกระดับคุณภาพชีวิต 5) มีความยั่งยืน ด้านสิ่งแวดล้อม 6) คงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น 7) ก่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างคนต่างวัฒนธรรม 8) เคารพในวัฒนธรรมที่แตกต่างและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์9) เกิดผลตอบแทนที่เป็นธรรมแก่คนท้องถิ่น 10) มีการกระจายรายได้สู่สาธารณะประโยชน์ของชุมชน แผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ของประเทศ จัดทำขึ้นปีพ.ศ. 2559-2563 (CBT Thailand) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในระดับชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการกระจายประโยชน์จากการท่องเที่ยวไปสู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “การท่องเที่ยวโดยชุมชนของไทย พัฒนาสู่สากลอย่างมีเอกภาพบนฐานการรักษา และจัดการทรัพยากรชุมชน อย่างยั่งยืนสู่ชุมชนแห่งความสุข”


24 / 98 แนวคิดเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วม สำนักงานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ, (2003) ได้ระบุว่าการมีส่วนร่วม คือ การที่ประชาชนหรือชุมชนสามารถเข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจ หรือร่วมกำหนดนโยบายในการพัฒนาท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในการรับประโยชน์จากบริการ รวมทั้งมีส่วนในการควบคุมประเมินผลโครงการต่าง ๆ ของท้องถิ่นนอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้นำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ในการสังเคราะห์ข้อมูล โดยให้ความหมายของ การมีส่วนร่วมว่ามี 2 ลักษณะ คือ 1. การมีส่วนร่วมในลักษณะที่เป็นกระบวนการของการพัฒนา โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ พัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการ อาทิ การร่วมกันค้นหาปัญหา การวางแผน การตัดสินใจ การระดม ทรัพยากร และเทคโนโลยีท้องถิ่น การบริหารจัดการ การติดตามประเมินผล รวมทั้งรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น จากโครงการ 2. การมีส่วนร่วมทางการเมือง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การส่งเสริมสิทธิ และพลังอำนาจ ของพลเมืองโดยประชาชน หรือเปิดโอกาสให้ชุมชนสามารถพัฒนาขีดความสามารถของตนในการจัดการ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม รวมถึงควบคุมการใช้และการกระจายทรัพยากรของชุมชนอันจะก่อให้เกิด กระบวนการ นอกจากนั้น ควรส่งเสริมโครงสร้างที่ประชาชนในชนบทสามารถแสดงออกซึ่งความสามารถ ของตนและได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงกลไกการพัฒนา โดยรัฐมาเป็นการพัฒนา ที่ประชาชนมีบทบาทหลัก โดยการกระจายอำนาจในการวางแผนจากส่วนกลางมาเป็นส่วนภูมิภาค เป็นการคืน อำนาจในการพัฒนาให้แก่ประชาชนให้มีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของตนเอง ซึ่งสามารถนำไปสู่ ความยั่งยืนในระยะยาว แนวคิดด้านการบูรณาการ การบูรณาการ หมายถึง การทำให้หน่วยย่อย ๆ ทั้งหลายที่สัมพันธ์ซึ่งกันและกันเข้ามาร่วมทำหน้าที่ ประสานกลมกลืนเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวการบูรณาการนั้น การที่นำหน่วยย่อย หน่วยหนึ่งมารวมเข้าในองค์รวมที่มีหน่วยย่อยอื่นอยู่ แล้วก็สามารถเป็นได้หรือจะนำหน่วยย่อยทั้งหลาย ที่ต่างแยกกันอยู่มารวมเข้าด้วยกันเป็นองค์รวมก็ได้ ซึ่งเรียกว่า บูรณาการทั้งสิ้น (Wilber, 2000) แต่ข้อสำคัญ จะต้องมีตัวยืนที่เป็นหลักอยู่ 3 อย่าง ซึ่งผู้วิจัยนำมาใช้ในการสังเคราะห์ด้านการบูรณาการ คือ 1. การที่มีหน่วยย่อยองค์ประกอบ ขั้นหรือระดับที่นำเอามาประมวลเข้าด้วยกัน อันนี้เป็นสิ่งที่จะเอา มาประมวลเข้าด้วยกัน คือ ส่วนย่อย 2. หน่วยย่อยนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอิงอาศัยซึ่งกันและกัน อันนี้อาจจะเลยไปถึงลักษณะที่ว่า ยืดหยุ่นปรับตัวได้ รวมถึงมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลาด้วย 3. เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วก็จะเกิดความครบถ้วนบริบูรณ์โดยมีความกลมกลืน เกิดภาวะได้ที่พอดี หรือสมดุลพอได้ที่หรือพอดีแล้วองค์รวมนั้นก็มีชีวิตชีวา สามารถดำรงอยู่และดำเนินไปด้วยดีอันเป็นภาวะ ของการบูรณาการทั้งสามอย่างนี้ จึงเป็นตัวยืนที่จำเป็นตามสภาวะส่วนในทางปฏิบัติจะมีหลักและกระบวนวิธี


25 / 98 อย่างไร ก็ต้องพิจารณาว่ากันอีกส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่จะต้องเน้นก็คือว่า ความพอดีหรือสมดุล ซึ่งเป็นภาวะ ที่ต้องการของการบูรณาการนั้น จะแสดงลักษณะออกมาให้เห็นเป็นข้อสำคัญ คือ เมื่อเป็นองค์รวมแล้ว สิ่งเหล่านั้นมีชีวิตชีวาหรือดำเนินไปด้วยดีโดยเกิดจากคุณสมบัติของมันเอง เอกสารอ้างอิง กิตติศักดิ์ ปรกติ. (2555). สิทธิของบุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ. ดาริน วรุณทรัพย์. (2561). “รูปแบบการจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในประเทศ ไทย.” วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์. เทิดชาย ช่วยบำรุง. (2554). ภูมิปัญญาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเชิงสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: บริษัท เอ.พี. กราฟิค ดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด. ธนดล สายวงศ์ปัญญา. (2565). พลวัตของประเพณีต่างข้าวซ่อมต่อ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง. วารสารบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ ราชมงคลล้านนา ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2565 บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2548). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (พิมพ์ครั้งที่ 1), กรุงเทพมหานคร :เพรส แอนด์ ดีไซน์. นาก่วมเหนือ,วัด. (2558, 25 พฤศจิกายน). ตานข้าวซ่อมต่อ เดือนยี่เป็ง. https://www.facebook.com/media/set/?set=a.898542866890548&type=3 นาก่วมเหนือ,วัด. (2563, 19 พฤศจิกายน). ตานข้าวซ่อมต่อ เดือนยี่เป็ง. https://www.facebook.com/profile/100064672842180/search/?q=ตานข้าวซ่อมต่อ พจนา สวนศรี. (2546). คู่มือการจัดการท่องเที่ยวชุมชน. กรุงเทพฯ: โครงการท่องเที่ยวเพื่อชีวิตและธรรมชาติ รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์. (2546). ทุนวัฒนธรรม : วัฒนธรรมในระบบทุนนิยมโลก. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: มติชน. สำนักงานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ. (2545). เอกสารสรุปผลการจัดตั้งและผลการ ดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง. มปท. สุนิสา ฉันท์รัตนโยธิน. (2546). “ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชุมชน : กรณีศึกษาหมู่บ้านดอยปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่.” รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สุพาดา สิริกุตตา. (2556). “กลยุทธ์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีผลต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ: กรณีศึกษา ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาคกลางตอนบน”. วารสารเกษตรศาสตร์ (สังคม) ปีที่ 34. Kosol, C. (2018). Cultural Capital Management of Ethnic Groups in the Northern Region of Thailand. Journal of Administrative and Management. Sanpa, P. (2020). Ethnic coffee: Ethnic Entrepreneurization with Cultural Capital. PSDS Journal of Development Studies.


26 / 98 Storey, D. J. (1999). Understanding the Small business Sector. New York: Routledge. Throsby, C. D. (2001). Economics and culture. Cambridge: Cambridge University Press. Tourism Canada. (1990). An Action Strategy for Sustainable Tourism Development: Globe’90. Ottawa: Tourism Canada. Tuekkhaow, P., Jamjuree, D., & Poonsuwan, S. (2021). Development of Community-Based Learning Model for Promoting Secondary School Students’ Capability of Creative Use of Cultural Capital. Journal of Arts Management. Warunasap, D., Wongprasit, N., Chiradetpraphai, S., & Tekhanmak, K. (2018). A Cultural Capital Management Model for Creative Tourism in Thailand. ARU Research Journal. Wilber, K. (2000). A Theory of everything. Boston, MA: Shambhala Publications.


27 /7. ระเบียบวิธีวิจัยและวิธีการดำเนินการวิจัยโดยละเอียด เป้าหมาย วิธีการดำเนินการวิจั1. เพื่อฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และส่งเสริมศักยภาพของพื้นที่ ด ้ า น ก า ร ท ่ อ ง เ ท ี ่ ย ว แ ล ะ เศรษฐกิจฐานรากของชุมชนวัด ศิลปะพม่าเมืองลำปาง 1.การจัดเวทีสังเคราะห์องค์ความรู้จารีตป2.การจัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อหาแนคุณค่าทุนศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตวัฒนธรรมขเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 3.การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory 4.การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกิดจากกระด้วยกระบวนการผสมผสาน เช่น การจัดเวทีความรู้ผ่าน storytelling การสื่อสารผ่านมัคคุ5.การบ่มเพาะเยาวชนเพื่อต่อยอดทุนวัฒเรียนรู้จากประสบการณ์จริง (experiential le5.1 กระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้วัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความตระหนักและเห็นคประเพณีทางวัฒนธรรม 5.2 กระบวนการสร้างทักษะด้วยการึผลิตภัณฑ์อุปโภค บริโภค ที่เกิดจากทุนทางวัฒท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความตระหนักและเห็นคุณประเพณีทางวัฒนธรรม


/ 98 จัย ผลผลิต ประเพณี จากข้อมูลทุติยภูมิ นวทางการฟื้นฟูและส่งเสริม ของท้องถิ่น นำไปสู่การฟื้น ด้วยกระบวนการ การวิจัย Action Research : PAR) ะบวนการสังเคราะห์ข้อมูล ทีเสวนา การทำสื่อสารองค์ คุเทศก์ท้องถิ่น ฯลฯ ฒนธรรม ด้วยกระบวนการ earning) โดย รู้และภูมิปัญญา จากทุนทาง คุณค่าของการฟื้นฟูเทศกาล ฝึกปฏิบัติในการสร้างสรรค์ ฒนธรรม จากปราชญ์ ค่าของการฟื้นฟูเทศกาล 1. รูปแบบเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อม ต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 รูปแบบ 2. ชุดข้อมูล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อวัด ศิลปะพม่า จำนวน 1 ชุดข้อมูล 3. เครือข่ายเทศกาลประเพณีวัฒนธรรม ประกอบด้วย เครือข่ายภาครัฐ เครือข่าย ภาคเอกชน เครือข่ายภาคศาสนา เครือข่ายภาค ประชาคม ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจ ชุมชนเชิงวัฒนธรรม อย่างน้อย 4 เครือข่าย 4. บุคลากรในภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน เยาวชนและประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน สามารถพัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้และถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานราก อย่างน้อย 300 คน 5. จำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์ จากกระบวนการวิจัย อย่างน้อย 10 ราย 6. จำนวนผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ประเภท อุปโภค บริโภค ที่ได้รับการยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์


28 /เป้าหมาย วิธีการดำเนินการวิจั5.3 พัฒนาเครือข่ายเด็กและเยาวชน การบริหารจัดการทุนทางวัฒนธรรมกับภาครัฐรวมถึงกิจกรรมทำประวัติศาสตร์ท้องถิ่นว่าด้วยใหญ่ในลำปาง กลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียนมัธ5.4 ขยายช่องทางการจำหน่ายและสื่ผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรม 6.ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ปรด้วยกระบวนการสื่อสารการตลาด 2. เ พ ื ่ อ ส ร ้ า ง ร ู ป แ บ บ กระบวนการจัดการและแนว ท า ง ก า ร พ ั ฒ น า เ ท ศ ก า ล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะพม่าเมือง ลำปางและแนวทางการพัฒนา ที่ยังยืน 1.จัดเวทีการพัฒนานักจัดการทุนวัฒนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2.จัดเวทีเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขับเคทำงานด้านการจัดการทุนทางวัฒนธรรมจากปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ในการสร้างการเปลี่ยนแป3.การสร้างรูปแบบกิจกรรมและกระบวนกปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ด้วยกระบวนการ 3.1 การสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยต่างข้าวซ่อมต่อผ่านการเล่าเรื่อง (Story tellin3.2 การสร้างมูลค่าเพื่อยกระดับผลิตภัณ3.3 การออกแบบกิจกรรมพิเศษ (Eveและส่งเสริมการท่องเที่ยว


/ 98 จัย ผลผลิต เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมใน ฐ หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ ยการตั้งถิ่นฐานของชาวไท ธยมในพื้นที่เป้าหมาย อสารทางการตลาดของ ระเภท อุปโภค บริโภค นธรรม ด้วยกระบวนการ คลื่อนขบวนและเครือข่ายที่ กการฟื้นฟูเทศกาลประเพณี ปลงในพื้นที่ การจัดการเทศกาลประเพณี วกับเทศกาลประเพณีปอย ng) ณฑ์อัตลักษณ์ท้องถิ่น nt) เพื่อสร้างประสบการณ์ 1. เกิดนักจัดการทุนวัฒนธรรม อย่างน้อย 3 คน 2. ได้รูปแบบกระบวนการบริหารจัดการ เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 1 รูปแบบ 3. เกิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อ ขับเคลื่อนขบวนและเครือข่ายที่ ทำงานด้านการ จัดการทุนทางวัฒนธรรมจากการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ในการสร้างการ เปลี่ยนแปลงในพื้นที่ อย่างน้อย 1 พื้นที่ 4. เกิดผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยววัด ศิลปะพม่า 1 ผลิตภัณฑ์


29 /เป้าหมาย วิธีการดำเนินการวิจั3.เพื่อประเมินผลกระทบทาง เศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟู เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจชุมชน มีก1. กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประเมิน2. การออกแบบและสร้างเครื่องมือในกเศรษฐกิจ 3. ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการดำเนินการวิจั4. เก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจจากผู้ประกอบกดำเนินงาน ระหว่างดำเนินงานและหลังดำเนิน5. วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดซ่อมต่อ


/ 98 จัย ผลผลิต 5. ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ประเภท อุปโภค บริโภค ได้รับการยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ กระบวนการดังนี้ นผลกระทบทางเศรษฐกิจ ารประเมินผลกระทบทาง จัย ต่อกลุ่มเป้าหมาย การทางวัฒนธรรม ก่อนเริ่ม นงาน ดจากเทศกาลปอยต่างข้าว 1. ผลประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 1 ชุดข้อมูล 2. การเพิ่มขึ้นของรายได้ของชุมชน ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิง วัฒนธรรม จากเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อม ต่อ อย่างน้อยร้อยละ 15 (ของรายได้เดิม)


30 /8. แผนการดำเนินงานวิจัย กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 กระบวนการฟื้นฟูเทศกาลประเพณี ปอยต่างข้าวซ่อมต่อเพื่อนำไปสู่การ พัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมศักยภาพ ของพื้นที่ด้านการท่องเที่ยวและ เศรษฐกิจฐานรากของชุมชนวัดศิลปะ พม่าเมืองลำปาง 1. การจัดเวทีสังเคราะห์องค์ความรู้ จารีตประเพณี จากข้อมูลทุติยภูมิ 2. การจัดเวทีระดมความคิดเห็น เพื่อหาแนวทางการฟื้นฟูและส่งเสริม คุณค่าทุนศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต วัฒนธรรมของท้องถิ่น นำไปสู่การฟื้น เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 3. การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคี ต่าง ๆ ด้วยกระบวนการ การวิจัยเชิง ป ฏ ิ บ ั ต ิ ก า ร แ บ บ ม ี ส ่ ว น ร ่ ว ม ( Participatory Action Research : PAR)


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม 1. รูปแบบเทศกาล ประเพณีปอย ต่างข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 รูปแบบ 2. ชุดข้อมูล ประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 ชุดข้อมูล 3. เครือข่ายเทศกาลประเพณี ว ั ฒ น ธ ร ร ม ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย เครือข่ายภาครัฐ เครือข่าย ภาคเอกชน เครือข่ายภาคศาสนา เ ค ร ื อ ข ่ า ย ภ า ค ป ร ะ ช า ค ม ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิงวัฒนธรรม อย่างน้อย 4 เครือข่าย 15


31 /กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 4. ก า ร ถ ่ า ย ทอ ด อ งค ์ ค ว า ม รู้ ที่เกิดจากกระบวนการสังเคราะห์ข้อมูล ด้วยกระบวนการผสมผสาน เช่น การจัด เวทีเสวนา การทำสื่อสารองค์ความรู้ ผ่าน storytelling การสื่อสารผ่าน มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ฯลฯ 1. การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกิด จากกระบวนการสังเคราะห์ข้อมูล ด้วย กระบวนการผสมผสาน เช่น การจัดเวที เสวนา การทำสื่อสารองค์ความรู้ผ่าน storytelling การสื่อสารผ่านมัคคุเทศก์ ท้องถิ่น ฯลฯ2. การบ่มเพาะเยาวชนเพื่อต่อยอด ทุนวัฒนธรรม ด้วยกระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง (experiential learning) 2.1กระบวนการถ่ายทอดองค์ ความรู้และภูมิปัญญา จากทุนทาง วัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความตระหนัก


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม 1 . บ ุ ค ล า ก ร ใ น ภ า ค รั ฐ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน เยาวชนและประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน สามารถ พัฒนาต่อยอด ประยุกต์ใช้และ ถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการ เพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ ฐานราก อย่างน้อย 300 คน 2. จำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับ ประโยชน์จากกระบวนการวิจัย อย่างน้อย 10 ราย3 . จ ำ น ว น ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ์ อัตลักษณ์ประเภท อุปโภค 15


32 /กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 และเห็นคุณค่าของการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีทางวัฒนธรรม 2.2 กระบวนการสร้างทักษะ ด้วยการฝึกปฏิบัติในการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์อุปโภค บริโภค ที่เกิดจากทุน ทางวัฒนธรรม จากปราชญ์ท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่า ของการฟื้นฟูเทศกาลประเพณีทาง วัฒนธรรม 2.3 พัฒนาเครือข่ายเด็กและ เยาวชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการทุนทางวัฒนธรรมกับ ภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่รวมถึง กิจกรรมทำประวัติศาสตร์ท้องถิ่นว่าด้วย การตั้งถิ่นฐานของชาวไทใหญ่ในลำปาง กลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียนมัธยมใน พื้นที่เป้าหมาย 2.4ขยายช่องทางการจำหน่าย และสื่อสารทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ เชิงวัฒนธรรม


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม บริโภค ที่ได้รับการยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์


33 /กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 3. ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ ป ร ะ เ ภ ท อ ุ ป โ ภ ค บ ร ิ โ ภ ค ด ้ ว ย กระบวนการสื่อสารการตลาด ก ร ะ บ ว น ก า ร ส ร ้ า ง ร ู ป แ บ บ กระบวนการจัดการและแนวทางการ พัฒนาเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะพม่าเมือง ลำปางและแนวทางการพัฒนาที่ยังยืน 1.จัดเวทีการพัฒนานักจัดการทุน วัฒนธรรม ด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ 2.จัดเวทีเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขับเคลื่อนขบวนและเครือข่ายที่ทำงาน ด้านการจัดการทุนทางวัฒนธรรมจาก การฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงใน พื้นที่3.การสร้างรูปแบบกิจกรรมและ กระบวนการจัดการเทศกาลประเพณี ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ ด้วยกระบวนการ


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม 1. เกิดนักจัดการทุนวัฒนธรรม และรูปแบบกระบวนการมีส่วน ร่วมของภาคี เครือข่าย อย่าง น้อย 3 คน 2. ได้รูปแบบกระบวนการ บริหารจัดการเทศกาลประเพณี ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 1 รูปแบบ 3. เกิดพื้นที่การแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เพื่อขับเคลื่อนขบวนและ เครือข่ายที่ ทำงานด้านการ จัดการทุนทางวัฒนธรรมจากการ ฟื้นฟูเทศกาลประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อ ในการสร้างการ เปลี่ยนแปลงในพื้นที่ อย่างน้อย 1 พื้นที่ 60


34 /กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 3.1 การสื่อสารเพื่อสร้างการ รับรู้เกี่ยวกับเทศกาลประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อผ่านการเล่าเรื่อง (Story telling) 3.2 ก า ร ส ร ้ า ง ม ู ล ค ่ า เ พื่ อ ยกระดับผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ท้องถิ่น 3.3 การออกแบบกิจกรรม พิเศษ (Event) เพื่อสร้างประสบการณ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยว กระบวนการประเมินผลกระทบทาง เศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีปอยต่างข้าวซ่อมต่อ 1.กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการ ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ 2.การออกแบบและสร้างเครื่องมือ ในการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ 3.ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการ ดำเนินการวิจัย ต่อกลุ่มเป้าหมาย 4. เก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจจาก ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม ก่อนเริ่ม


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม 4. เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ ท่องเที่ยววัดศิลปะพม่า 1 ผลิตภัณฑ์ 5. ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ ประเภท อุปโภค บริโภค ได้รับ การยกระดับ 1.ผลประเมินผลกระทบทาง เศรษฐกิจชุมชน จากการฟื้นฟู เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ 1 ชุดข้อมูล 2. การเพิ่มขึ้นของรายได้ของ ชุมชน ผู้ประกอบการทาง วัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิง วัฒนธรรม จากเทศกาลประเพณี ปอยต่างข้าวซ่อมต่อ อย่างน้อย ร้อยละ 15 (ของรายได้เดิม) 10


35 /กิจกรรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ดำเนินงาน ระหว่างดำเนินงานและหลัง ดำเนินงาน 5.วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดจากเทศกาลปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อ


/ 98 10 11 12 13 14 15 16 17 ผลผลิตที่จะส่งมอบ ร้อยละ ของ กิจกรรม


36 / 98 9. สถานที่ทำวิจัย ในประเทศ/ต่างประเทศ ชื่อประเทศ/จังหวัด พื้นที่ที่ทำวิจัย ชื่อสถานที่ ในประเทศ จังหวัดลำปาง อ.เมืองลำปาง วัดศิลปะพม่า ในอำเภอ เมือง จังหวัดลำปาง ในประเทศ จังหวัดลำปาง อ.เมืองลำปาง มหาวิทยาลัยราชภัฏ ลำปาง 10. พื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการวิจัย ในประเทศ/ ต่างประเทศ ชื่อประเทศ/จังหวัด ชื่อสถานที่ ในประเทศ ลำปาง 1. วัดศิลปะพม่า ในอ.เมือง จังหวัดลำปาง 2. ชุมชน วัดศิลปะพม่า ใน อ.เมือง จังหวัดลำปาง 3. อ.เมือง จังหวัดลำปาง 11. หน่วยงานร่วมดำเนินการ/ภาคเอกชนหรือชุมชนที่ร่วมลงทุนหรือดำเนินการ ลำดับ ที่ ปีงบประมาณ ชื่อหน่วยงาน/ บริษัท แนวทางร่วม ดำเนินการ การร่วม ลงทุนใน รูปแบบตัว เงิน (in-cash) (บาท) การร่วม ลงทุนใน รูปแบบอื่น (in-kind) รวม 1 2566 วัดศิลปะพม่า สถานที่จัด กิจกรรม 30,000 30,000 2 2566 อุปัฏฐาก ประจำวัด/ ชุมชน/ ประชาคม ร่วมขับเคลื่อน กิจกรรม 20,000 20,000 3 2566 วัฒนธรรม จังหวัด - การสืบค้น 30,000 30,000


37 / 98 ลำดับ ที่ ปีงบประมาณ ชื่อหน่วยงาน/ บริษัท แนวทางร่วม ดำเนินการ การร่วม ลงทุนใน รูปแบบตัว เงิน (in-cash) (บาท) การร่วม ลงทุนใน รูปแบบอื่น (in-kind) รวม - การจัดเวที เสวนาทาง วิชาการ - เวทีเสวนา - วัดศิลปะพม่า เพื่อสังเคราะห์ ข้อมูล 4 2566 สภาวัฒนธรรม - การสืบค้น - การจัดเวที เสวนาทาง วิชาการ - เวทีเสวนา วัด ศิลปะพม่า เพื่อสังเคราะห์ ข้อมูล 30,000 30,000 5 2566 การท่องเที่ยว แห่งประเทศ ไทย (ททท.) สำนักงาน จังหวัดลำปาง - การ ประชาสัมพันธ์ กิจกรรม - กิจกรรม ส่งเสริมการ ท่องเที่ยวด้วย ศิลปวัฒนธรรม 100,000 100,000 6 2566 องค์การ บริหารส่วน จังหวัดลำปาง - การ ประชาสัมพันธ์ กิจกรรม 50,000 50,000


38 / 98 ลำดับ ที่ ปีงบประมาณ ชื่อหน่วยงาน/ บริษัท แนวทางร่วม ดำเนินการ การร่วม ลงทุนใน รูปแบบตัว เงิน (in-cash) (บาท) การร่วม ลงทุนใน รูปแบบอื่น (in-kind) รวม - การสนับสนุน จัดกิจกรรม ฟื้นฟูประเพณี 7 2566 เทศบาลเมือง เขลางค์นคร - การ ประชาสัมพันธ์ กิจกรรม - การสนับสนุน จัดกิจกรรม ฟื้นฟูประเพณี - การชี้แจง ข้อมูล ประชาคม ชุมชน 30,000 30,000 12. การวิเคราะห์ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบจากงานวิจัยที่สอดคล้องกับ OKR (Output /Outcome /Impact) 12.1 ผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบที่สำคัญของงานวิจัย และนวัตกรรมของโครงการวิจัยที่สอดคล้องกับ OKR ของแผนงานสำคัญ ตามช่วงระยะเวลา (กรุณากรอกทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ) ระยะเวลา กิจกรรม Output Outcome Impact เดือนที่ 1-4 (4 เดือน) ก ร ะ บ ว น ก า ร ฟ ื ้ น ฟู เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อเพื่อนำไปสู่การพัฒนา เ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ แ ล ะ ส ่ ง เ ส ริ ม ศักยภาพของพื้นที่ด้านการ ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐาน 1. รูปแบบเทศกาล ประเพณี ปอยต่างข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 รูปแบบ 2. ชุดข้อมูล ประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า จำนวน 1 ชุดข้อมูล 1. เกิดการฟื้นคุณค่า ทุนศิลปวัฒนธรรมและ วิถีชีวิตวัฒนธรรมของ ท้องถิ่น 1 ประเพณี 2. ฐ า น ข ้ อ มู ล ประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อวัดศิลปะพม่า 1. เกิดความ ตระหนักรู้ ใน คุณค่าของการ ฟ ื ้ น ฟ ู เ ทศ กาล ประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อและ ทุนวัฒนธรรม


39 / 98 ระยะเวลา กิจกรรม Output Outcome Impact รากของชุมชนวัดศิลปะพม่า เมืองลำปาง 1. การจัดเวทีสังเคราะห์ องค์ความรู้ จารีตประเพณี จากข้อมูลทุติยภูมิ 2. การจัดเวทีระดมความ คิดเห็นเพื่อหาแนวทางการ ฟื้นฟูและส่งเสริมคุณค่าทุน ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต วัฒนธรรมของท้องถิ่น นำไปสู่ การฟื้นเทศกาลประเพณีปอย ต่างข้าวซ่อมต่อ 3. การสร้างการมีส่วน ร่วมของภาคีต่าง ๆ ด้วย กระบวนการ การวิจัยเชิง ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ( Participatory Action Research : PAR) 3. เครือข่ายเทศกาลประเพณี วัฒนธรรม ประกอบด้วย เครือข่าย ภาครัฐ เครือข่ายภาคเอกชน เครือข่ายภาคศาสนา เครือข่ายภาค ประชาคม ผู้ประกอบการทาง วัฒนธรรม วิสาหกิจชุมชนเชิง วัฒนธรรม อย่างน้อย 4 เครือข่าย 1 ฐาน 3. เกิดนวัตกรรมที่ เป็นกลไกหรือระบบ ไม่ น้อยกว่า 1 นวัตกรรม 2. เกิด เครือข่ายเทศกาล ประเพณี วัฒนธรรม เพื่อ การขับเคลื่อนใน มิติต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม เดือนที่ 5-8 (4 เดือน) 1. ก า ร ถ ่ า ย ทอ ด อ งค์ ความรู้ที่เกิดจากกระบวนการ ส ั งเ ค ร า ะ ห์ ข ้ อ มู ล ด ้ ว ย กระบวนการผสมผสาน เช่น การจัดเวทีเสวนา การทำ สื่อสารองค์ความรู้ผ่าน storytelling การสื่อสารผ่าน มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ฯลฯ 2. การบ่มเพาะเยาวชน เพื่อต่อยอดทุนวัฒนธรรม ด้วยกระบวนการเรียนรู้จาก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ์ จ ริง (experiential learning) 2.1 ก ร ะ บ ว น ก า ร ถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิ ปัญญา จากทุนทางวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความตระหนักและ เห็นคุณค่าของการฟื้นฟู 1. บ ุ ค ล า ก ร ใ น ภ า ค รั ฐ สถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน เยาวชนและประชาสังคม รวมทั้งนักวิจัยชุมชน สามารถพัฒนา ต่อยอด ประยุกต์ใช้และถ่ายทอด องค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการเพิ่มความ เข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก อย่างน้อย 300 คน 2. จำนวนผู้ประกอบการที่ ไ ด ้ ร ั บ ป ร ะ โ ย ช น์ จาก กระบวนการวิจัย อย่างน้อย 10 ราย 3. ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ประเภท อุปโภค บริโภค ที่ได้รับการยกระดับ อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ 1. มีบุคลากรใน ภ า ค ร ั ฐ ส ถ า บั น อุดมศึกษา สถาบันวิจัย เอกชน และประชา สังคม รวมทั้งนักวิจัย ชุมชน ที่พัฒนาต่อยอด ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช ้ แ ล ะ ถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการ เพิ่มความเข้มแข็งของ เศรษฐกิจฐานรากไม่ น้อยกว่า 300 คน 2. ผู้ประกอบการที่ ได้รับประโยชน์จาก กระบวนการวิจัย อย่าง น้อย 10 ราย 1. เกิดความ ตระหนักรู้ ใน คุณค่าของการ ฟ ื ้ น ฟ ู เ ทศ กาล ประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อและ ทุนวัฒนธรรม 2. เกิด เครือข่ายเทศกาล ประเพณี วัฒนธรรม เพื่อ การขับเคลื่อนใน มิติต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม


40 / 98 ระยะเวลา กิจกรรม Output Outcome Impact เ ท ศ ก า ล ป ร ะ เ พ ณ ี ท า ง วัฒนธรรม 2.2 กระบวนการสร้าง ทักษะด้วยการฝึกปฏิบัติใน การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ อุปโภค บริโภค ที่เกิดจากทุน ทางวัฒนธรรม จากปราชญ์ ท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความ ตระหนักและเห็นคุณค่าของ การฟื้นฟูเทศกาลประเพณี ทางวัฒนธรรม 2.3 พัฒนาเครือข่ายเด็ก และเยาวชน เพื่อสร้างการมี ส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ทุนทางวัฒนธรรมกับภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ ร ว ม ถ ึ ง ก ิ จ ก ร ร ม ท ำ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นว่าด้วย การตั้งถิ่นฐานของชาวไทใหญ่ ในลำปาง กลุ่มเป้าหมาย เช่น น ั ก เ ร ี ยน มัธ ยม ใน พื้นที่ เป้าหมาย 2.4 ขยายช่องทางการ จำหน่ายและสื่อสารทางการ ตลาดของผลิตภัณฑ์เชิง วัฒนธรรม 3. ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ อัตลักษณ์ ประเภท อุปโภค บริโภค ด้วยกระบวนการ สื่อสารการตลาด เดือนที่ 9-13 (5 เดือน) ก ร ะ บ ว น ก า ร ส ร ้ า ง รูปแบบกระบวนการจัดการ แ ล ะ แ น ว ทา งกา รพัฒนา เทศกาลประเพณีปอยต่างข้าว ซ่อมต่อ ของชุมชนวัดศิลปะ 1. เกิดนักจัดการทุนวัฒนธรรม และรูปแบบกระบวนการมีส่วนร่วม ของภาคี เครือข่าย อย่างน้อย 3 คน 2. ได้รูปแบบกระบวนการบริหาร จัดการเทศกาลประเพณีปอยต่าง ข้าวซ่อมต่อ 1 รูปแบบ 1. เกิดการขยายผลการ ฟื้นฟูประเพณีทาง วัฒนธรรม 2. เส้นทางท่องเที่ยววัด ศิลปะพม่าเมืองลำปาง เกิดความยั่งยืน ในมิติต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม ด้วย เทศกาล ประเพณี


Click to View FlipBook Version