The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ja_fang, 2022-03-12 14:07:33

ปก

ปก

1

คานา

ครอบครวั ท่ีมผี ู้ปุวยจติ เภทเป็นครอบครัวท่ตี ้องอดทน ทกุ ข์ใจและมีความเสียสละเป็นอย่าง
มากในการดูแลให้ผปู้ ุวยสามารถอยใู่ นครอบครัวได้อย่างปกติสุข ดงั น้ัน ญาติ ผู้ดูแล ควรมีบทบาท
สาคญั เปน็ อยา่ งย่งิ ในการฟ้ืนฟสู มรรถภาพผปู้ วุ ยจติ เภท การทีญ่ าติ ผดู้ ูแลมีความเขา้ ใจเกีย่ วกับการ
ดแู ลผปู้ วุ ยจติ เภททาใหก้ ารดูแลผปู้ วุ ยมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งข้นึ ทางผจู้ ดั ทาตระหนักและเข้าใจดีถึง
บทบาทสาคัญของญาตจิ งึ ได้จัดทา "คมู่ ือการดแู ลผูป้ ุวยโรคจติ เภทสาหรับครอบครวั " เพ่ือเปน็ แนวทาง
ในการใช้ชีวติ รว่ มกนั ของผปู้ วุ ย และญาตใิ ห้ดาเนินไปดว้ ยความเข้าใจ เห็นใจ ยอมรบั ซึง่ กันและกัน
ทัง้ นเ้ี พื่อความสุขของผู้ปวุ ยและครอบครัวที่ยั่งยนื

พ.ต.ท.หญงิ ปภสั ราภร พลสวุ รรณ
ผ้จู ัดทา

2

สารบญั

หน้า
โรคจิตเภทคืออะไร....... ..................................................................................... 3
ผ้ปู ุวยจติ เภทเกิดจากอะไร................................................................................. 4
ผปู้ ุวยจติ เภทรกั ษาอยา่ งไร................................................................................ 5
ทาอย่างเมื่อผ้ปู ุวยแพ้ยา.................................................................................... 6
รไู้ ดอ้ ย่างไรวา่ ผูป้ วุ ยมีอาการกาเริบ…………………………………………………………. 7
โรคจิตเภทรักษาหายหรือไม่…………………………………………………………………… 8
ความรสู้ ึกของญาติต่อผูป้ วุ ย…………………………………………………………………. 9
ญาตดิ แู ลผปู้ วุ ยได้อย่างไร……………………………………………………………………… 10
ญาติควรคาดหวงั กับผูป้ ุวยอย่างไร.................................................................. 11
พูดอย่างไรจะเป็นประโยชนต์ ่อผปู้ วุ ย………………………………………………………. 12
บทบาทของญาตใิ นการดแู ลผู้ปวุ ยจิตเภท....................................................... 14
การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมผู้ปุวย……………………………………………………………… 15

- ผูป้ ุวยนอนไม่หลบั …………………………………………………………………. 16
- ผปู้ ุวยหงดุ หงิด โมโหง่าย ก้าวรา้ ว…………………………………………….. 16
- ผู้ปุวยเกียจครา้ น ไม่สนใจทางาน……………………………………………… 17
- ผู้ปุวยนอนตลอด หรอื ดูโทรทศั น์เกือบทง้ั วัน……………………………. 17
- ผู้ปวุ ยกบั การสูบบหุ ร่ี – ดื่มเหล้า……………………………………………. 17
ผู้ปุวยกับการประกอบอาชพี ………………………………………………………………… 18
วธิ คี ลายเครียดสาหรบั ญาติ…………………………………………………………………... 19
สิทธิและค่าใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาล.......................................................... 21
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………………………. 24

3

โรคจติ เภท คอื อะไร

โรคจิตเภทเป็นโรคทางจิตใจชนิดหนึ่งซึ่งมีความผิดปกติของความคิดเป็นลักษณะเด่น การ
แสดงออกของพฤติกรรม การรบั รู้ และอารมณผ์ ดิ ปกตจิ ากคนท่ัวไป

รู้ได้อยา่ งไรวา่ เป็นโรคจติ เภท
โรคจติ เภทเปน็ โรคทางจิตเวชทีม่ ีลักษณะสาคัญดงั น้ี
1. ความผดิ ปกตทิ างดา้ นพฤตกิ รรม เช่น แต่งกายสกปรก พดู คนเดยี ว ย้ิมคนเดียว ปฏิบัติงาน

บกพรอ่ ง ความสัมพันธ์กบั ผู้อ่นื แย่ลง
2. ความคิดผิดปกติ เช่น มีความคิดว่ามีคนปองร้าย คิดว่าถูกควบคุมบังคับ คิดว่าตนเป็น

บคุ คลสาคญั ผดิ ธรรมดา
3. ผิดปกติด้านอารมณ์ มีอารมณ์ไม่เหมาะสม เช่นพูดเร่ืองเศร้าแล้วย้ิม มีอารมณ์เฉยชาไม่

สนใจสิง่ แวดลอ้ ม
4. การรับรู้ผิดปกติ เช่น หูแว่ว คือผู้ปุวยบอกว่าได้ยินเสียงคนมาพูดโดยที่ไม่มีคนมาพูดเลย

ไมร่ ับรู้ว่าตนเองปุวย

4

โรคจิตเภทเกิดจากอะไร

1. ด้านรา่ งกาย
1.1 ทางพนั ธกุ รรม ครอบครัวท่เี คยมีญาติพน่ี อ้ งปวุ ยทางจิต จะมีโอกาสปุวยทางจติ มากกวา่

ผอู้ นื่
1.2 จากความผดิ ปกติของสมอง โดยสารเคมใี นสมองมีความผดิ ปกติและจากโครงสรา้ ง ของ

สมองบางส่วนท่ีมคี วามผิดปกตเิ ล็กนอ้ ย
1.3 การไดร้ ับสารกระตนุ้ ทางสมอง เชน่ สารเสพติดตา่ งๆ เช่น สรุ า ยาบา้ สารระเหย เปน็ ต้น
1.4 การกระทบกระเทือนทางสมอง อุบัตเิ หตุ สลบ
1.5 การตดิ เช้ือในสมอง เชน่ เยอื่ หุ้มสมองอักเสบ มาเลเรยี

2. ด้านจิตใจ
2.1 จากความเครยี ดในชวี ติ ประจาวัน เป็นตวั กระตุ้นใหเ้ กดิ ความเจบ็ ปุวย การใช้อารมณ์กบั

ผูป้ ุวย การตาหนิ มีท่าทที ่ีไม่เปน็ มิตรหรอื จ้จู ี้ยงุ่ เก่ียวกบั ผปู้ ุวยมากไปก็มผี ลตอ่ การกาเรบิ ของโรคได้
2.2 จิตใจท่ีผิดปกติมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นเผชิญกับความเครียดไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

และใช้วิธีการจัดการกับความเครียดในทางที่ไม่เมาะสมบ่อยๆ จนเป็นพฤติกรรมถาวร และกลายเป็น
ความผิดปกติ

3. ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม
ผูป้ ุวยจิตเภทมกั พบมากในประชากรท่ีมีฐานะยากจน ครอบครัวที่มีความเครียดสูง แหล่งท่ีอยู่

อาศยั อยูใ่ นแหล่งสารเสพติด

5

ผ้ปู ุวยจิตเภทรกั ษาได้อย่างไร

โรคจิตเภทมสี าเหตจุ ากปัจจยั หลายอย่าง การรักษา จึงใช้วิธีหลายอย่างร่วมกัน อาจแบ่งเป็น
การรกั ษาทางกายด้วยการใช้ยา การรักษาด้วยไฟฟูา และการรกั ษาทางใจ

การรกั ษาทางกาย การรักษาดว้ ยไฟฟาู การรกั ษาทางใจ

ยา จะใช้ได้ผลกับผู้ปุวยท่ีมี คือการยอมรับฟังเร่ืองราว

- มที ง้ั ชนดิ รับประทานและชนดิ ฉีด อาการรุนแรง จะทาร้าย ต่างๆที่ผู้ปุวยพูด ไม่โต้แยง พูด

- ยาจะแก้ไขอาการต่างๆ เช่น พูด ตวั เอง จะทาร้ายผู้อื่น กับผปู้ วุ ยโดยไมใ่ ชอ้ ารมณ์

คนเดียว หวาดระแวง แระสารท

หลอน อารมณ์ไม่เหมาะสม ก้าวร้าว

และพฤติกรรมที่รบกวนสังคม ทาให้

หลับได้ดีข้ึน และปูองกันการกลับ

เปน็ ซา้

(บางรายอาจมีอาการแพ้ยา ควร

สังเกตอาการแพย้ า)

6

ทาอย่างไรเม่อื ผปู้ วุ ยแพ้ยา

ยารักษาโรคจิตเภทอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงท่ีเรียกกันว่า “แพ้ยา” อาการเหล่าน้ีไม่เป็น
อนั ตราย และควรปฏิบัติ ดังนี้

อาการแพย้ า ข้อควรปฏิบตั ิ

1.ปากแหง้ คอแหง้ พบในคร้ังแรกๆของการกินยา ให้ผู้ปุวยจิบน้า

บ่อยๆ

2.ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก ความดันโลหิตต่า พบในคร้ังแรกของการกินยา และร่างกาย

(หนา้ มดื บ่อยๆ) ตาพรา่ มวั สามารถปรับตัวเป็นปกติได้เม่ือรับยานานๆ

ปรึกษาแพทย์หากมีอาการมากขึ้น

3.แขนขาสั่น ตัวแข็ง น้าลายไหล เคลื่อนไหวช้า เกิดข้ึนในผู้ปุวยบางรายเท่านั้น มักพบใน

หนา้ ตาเฉยเมย คอแขง็ ตาเหลอื ก หลังแอน่ ระยะแรกของการกินยา อาการเหลาน้ีจะมียาแก้

อาการ ควรปรกึ ษาแพทย์

4.ง่วงซึม พบในระยะแรกที่กินยา และมักดีข้ึนเม่ือร่างกาย

ปรบั ตัวได้

5.น้าหนกั ขน้ึ ควบคุมอาหารและออกกาลงั กาย

6.ประจาเดือนขาด พบในผู้หญิงบางราย ซ่ึงเป็นอาการชั่วคราวและ

ไม่เป็นอนั ตราย

อาการข้างเคียงของยาทตี่ อ้ งดูแลพเิ ศษ

ยาทางจิตเวชท่ีต้องเฝูาระวังเป็นพิเศษ อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ปุวย ต้องไปพบแพทย์ทันที

โดยไมต่ ้องรอวนั นัด

ยา/อาการขา้ งเคียงของยา ข้อควรปฏบิ ัติ

1. Carbamazepine (คารบ์ ามาซปี นี ) - หยุดยาและไปพบแพทยท์ ันที

- ผิวหนังมีผื่นแดง คันตามตัว ตาเหลือง มีไข้

เจ็บคอ มีแผลในช่องปาก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

หน้ามืด เป็นลม ปวดข้อขาข้อเท้าบวม สับสน

กระสบั กระสา่ ย ชกั

2. Lithium (ลิเทย่ี ม) - หยุดยาและไปพบแพทยท์ ันที

- ง่วงซึม มือส่ันมาก คล่ืนไส้อาเจียน พูดไม่

ชดั เดนิ เซ ท้องเสีย ความคดิ สบั สน ชกั

3. Clozapine (โคลซาปนี ) - หยดุ ยาและไปพบแพทย์ทันที

- ชกั อ่อนเพลีย มไี ข้ เจบ็ คอ หน้ามืด เป็นลม

ตา-ตัวเหลอื ง

7

รไู้ ด้อย่างไรว่าผู้ปวุ ยมอี าการกาเริบ

1. ผู้ปุวยจะมีอาการเล็กๆน้อยๆค่อยๆเป็นมากขึ้นเร่ือยๆจนกระท่ังมีอาการทางจิตอย่าง
รุนแรง

2. อาการท่ีพบได้บ่อย เช่น กระสับกระส่าย เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ นอนมาก เบื่อ
อาหาร หรอื รับประทานอาหารมากเกนิ ไป ซมึ เศรา้ เบอ่ื หนา่ ย แยกตัวเอง
ดแู ลอย่างไรไม่ใหอ้ าการกาเริบ

1. การรบั ประทานยาให้สมา่ เสมอ
2. นอนพกั ผอ่ นให้เพียงพอ
3. หลกี เลีย่ งความเครียด คดิ มาก ตกกงั วล
4. หลกี เล่ียงสารเสพตดิ ท่ีมีผลตอ่ จิตประสาท เชน่ สุรา ยาบา้ กญั ชา เปน็ ตน้
5. ญาติไมค่ วรพดู จ้จู ี้ หรือกระตุ้นผปู้ ุวยมากเกินไป ไมก่ ระตุ้นอารมณ์ผู้ปวุ ย
6. ควรปรึกษากันในครอบครัว พร้อมทั้งตัวผู้ปุวยเพื่อหาสาเหตุท่ีเป็นตัวกระตุ้นหรือสาเหตุที่
ทาใหผ้ ู้ปุวยเรมิ่ มอี าการและหาแนวทางแกไ้ ข
7. ปรึกษาแพทย์ หากสงสัยวา่ ผปู้ วุ ยเริม่ มอี าการรนุ แรงขึน้
อาการสาคญั ทญี่ าตติ อ้ งพาผู้ปุวยไปพบแพทย์ทันที
1. เริม่ ไมน่ อนเวลากลางคืน
2. เอะอะโวยวาย อาละวาด ทารา้ ยตนเองหรือผอู้ ่ืน ทาลายขา้ วของ
3. กระสบั กระสา่ ย กระวนกระวาย นอนไม่ได้ ผลดุ ลกผลดุ นัง่ ควบคมุ ตนเองไม่ได้
4. ซมึ ลง ไมร่ บั ประทานอาหาร มีไข้

8

โรคจติ เภทรักษาหายไดห้ รอื ไม่

โรคจิตเภท เป็นโรคท่ีต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การรับประทานยาจะช่วยควบคุม
อาการของผู้ปุวยได้ การขาดยาจะทาให้เกิดโรคเรือ้ รัง เมอื่ ผ้ปู ุวยไดร้ บั การรกั ษาพบว่า

- ผปู้ วุ ยบางรายหายสนิท สามารถทางานไต้ตามปกติ
- ผ้ปู ุวยบางรายมีอาการหลงเหลอื อยเู่ ล็กนอ้ ย ต้องรบั ประทานยาอย่างสม่าเสมอ
- ผู้ปุวยบางรายมีอาการทางจิตเกือบตลอดต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิต ต้องรับประทานยา
อย่างสมา่ เสมอ
- ถ้าผู้ปุวยได้รับการฟ้ืนฟูที่เหมาะสม ก็สามารถดูแลกิจวัตรส่วนตัวได้ และอยู่ร่วมกับ
ครอบครวั ได้
- หากมีปญั หาใหป้ รกึ ษาเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสุข
- ไม่ควรหยุดรับประทานยา ปรับหรือลดยาเอง

9

ความรู้สกึ ของญาตติ ่อผู้ปุวย

การดแู ลผู้ปุวยจิตเภท ผดู้ แู สยางเกดิ ความรูส้ กึ ได้หลายอย่าง เชน่
- วิตกกงั วล หงดุ หงดิ เสียใจ
- เกิดความรสู้ กึ หนักใจ เบื่อหนา่ ย ทอ้ แท้ ขาดทป่ี รึกษา
- ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกและแสดงต่อผู้ปุวย เช่น ตาหนิติเตียน พูดประชด เหน็บแนม

ด่าวา่ พูดแช่ง
- เกิดความรู้สึกท่ดี ีต่อผปู้ ุวย แต่ไม่แสดงให้ผปู้ ุวยไดร้ ับรู้
- เมอื่ ผปู้ วุ ยอาการไม่ดขี ้ึนตามคาดหวงั ในระยะยาวญาติทีเ่ กิดความรสู้ ึกท้อแท้สน้ิ หวงั
- ญาติคาดหวังผู้ปุวยมากเกินไป อาจมีผลกระทบทาให้ญาติเกิดความท้อแท้เบื่อหน่าย และ

ทาให้สัมพนั ธภาพเสยี ขาดความร่วมมือ ตรงกันข้าม การส่งเสริมให้กาลังใจในการดูแลจะทาให้ผู้ปุวย
ดีขน้ึ เชน่ ดีใจเม่อื ผปู้ ุวยรับประทานยา หรือภูมิใจเมื่อเห็นว่าผู้ปุวยดแู ลตนเองได้

10

ญาตดิ แู ลผปู้ ุวยได้อย่างไร

- เม่ือผู้ปุวยระแวงว่ามีคนจะมาทาร้าย ญาติไม่ควรอธิบายหรือขัดแย้งกับผู้ปุวย แต่ต้อง
พยายามรบั ฟังและแสดงความเหน็ ใจ ผ้ปู ุวยจะสงบลง

- ผปู้ ุวยทเี่ ฉอื่ ย ซมึ แยกตัวเอง ญาตติ อ้ งกระตนุ้ ผู้ปุวย ไดม้ กี ิจกรรมรว่ มกบั ครอบครัวบอ่ ยๆ
- ผู้ปุวยที่มีผลข้างเคียงของยา เช่น เดินตัวแข็ง พูดไม่ชัด ต้องปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าท่ี
สาธารณสุขใกลบ้ า้ น
- ทาความเข้าใจกับผู้ปุวย ก่อนที่ผู้ปุวยจะมีอาการทางจิต มักมีความเครียดเป็นตัวกระตุ้น
ญาติควรเข้าใจและหลีกเลี่ยงที่จะกระตุ้นอาการทางจิตของผู้ปุวย การที่ญาติบอกว่าอย่าคิดมาก อย่า
เครยี ดเป็นส่งิ ที่ผปู้ ุวยไมส่ ามารถทาได้
- การแสดงออกของอารมณ์ ญาติตอ้ งรู้ความรู้สึก อารมณ์ของตนเองว่าเป็นอย่างไร พร้อมท้ัง
ควบคมุ และแสดงออกอย่างเหมาะสมเพราะจะชว่ ยลดความเครยี ดหรือผ่อนคลายความรู้สึกที่ไม่ดีได้

11

ญาตคิ วรคาดหวงั กบั ผูป้ ุวยอย่างไร

คนเราทุกคนย่อมมีความคาดหวัง ไม่ว่าคาดหวังต่อตนเองต่อผู้อ่ืน และทุกคนเคยมี
ประสบการณ์สมหวังและผิดหวัง ความสามารถในการจัดการกับความผิดหวัง เป็นส่ิงสาคัญต่อการ
ดาเนนิ ชีวติ

ทุกคนในครอบครัวย่อมมีความหวังที่จะให้ผู้ปุวยหายเป็นเหมือนปกติมากท่ีสุด ซึ่งสามารถ
ทราบได้จากพฤติกรรมการดูแลรักษาผู้ปุวยจากสมาชิกในครอบครัว ได้พยายามหาวิธีการที่คิดว่าจะ
ทาให้ผู้ปุวยดีข้ึนแต่เน่ืองจากผู้ปุวยแต่ละรายมีความรุนแรงและลักษณะการดาเนินโรคต่างกัน ใน
บางคร้งั สมาชิกอาจใชว้ ธิ ีการรักษาผปู้ วุ ยอยา่ งไม่เหมาะสม เช่น การพาผู้ปุวยไปรักษาทางไสยศาสตร์
การหา้ มผูป้ ุวยรบั ประทานยาต้านโรคจติ ซ่ึงเป็นการเข้าใจผิด ดังนั้นสมาชิกในครอบครัวควรพาผู้ปุวย
ไปรักษากับแพทย์ผ้เู ช่ยี วชาญ

อย่างไรก็ตาม สมาชิกในครอบครัวน่าจะได้หันหน้ามาร่วมปรึกษาหารือกัน ร่วมกันแก้ไข
ปัญหา เป็นการสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีข้ึนในครอบครัว ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ปุวยไต้รับการดูแสรักษาที่ดีขึ้น
เมือ่ ผปู้ ุวยมอี าการดขี ึน้ จะเปน็ การลดภาระ โตยเฉพาะภาระทางจิตใจของครอบครัวโดยรวมดว้ ย

12

พูดอยา่ งไรจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปวุ ย

การติดต่อหรือพูดคุยกันจะทาให้อีกฝุายหนึ่งรับรู้ถึงความรู้สึกท่ีมีต่อกันซ่ึงจะแสดงออกทั้ง
ทางคาพูดและท่าทาง ญาติควรปฏบิ ัติ ดังน้ี

- ควรพูดส้ันๆได้ใจความไมเ่ น้นรายละเอียด
- อย่าโต้แยง้ กับความคดิ ทีห่ ลงผติ ของผู้ปวุ ย
- การใชค้ าพดู กิริยา ทา่ ทาง ทช่ี ว่ ยสนับสนนุ ประคับประคอง ใหก้ าลงั ใจผปู้ วุ ย
การพดู ทีอ่ าจจะเกิดผลเสียตอ่ ผปู้ ุวย
การติดต่อหรือพูดคุยกันโดยทาให้อีกฝุายหนึ่งรู้สึกน้อยใจ เสียใจโกรธ ไร้ค่า ซึ่งจะแสดงออก
ทัง้ ทางคาพดู และทา่ ทาง เชน่
- ไม่พูด แต่แสดงออกทางตา้ นสีหน้าไม่พอใจ พูดครุมเครือ พูดไม่ชัดเจน เข้าใจได้หลายอย่าง
ทาให้ผ้ฟู งั หงุดหงดิ ไมช่ อบใจ
- เจา้ กีเ้ จา้ การ เช้าไปเปน็ ธรุ ะให้ผปู้ ุวยเกินความจาเปน็ โดยทผี่ ปู้ ุวยไม่ต้องการหรือร้องขอ จะ
ทาให้ผู้ปุวยรู้สึกราคาญ พูดประชดประชัน พูดตาหนิติเตียน ทาให้ผู้ปุวยรู้สึกโกรธ เสียใจ พูด
เปรยี บเทยี บ โดยการพดู เปรียบเทยี บกับคนอ่ืน ทาใหผ้ ู้ปวุ ยรสู้ กึ เสียใจ ลดคุณค่าในตนเอง
- การกล่าวหา พูดถึงพฤติกรรม โตยท่ีไม่มีข้อมูลเพียงพอ ทาให้ผู้ปุวยรู้สึกโกรธ ผลท่ีเกิดข้ึน
จากการส่ือสารทางลบจะทาให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ร่วมมือในการดูแลตนเอง ทาให้อาการทางจิตท่ี
ผปู้ วุ ยเป็นอยู่กาเรบิ ข้นึ

13

ทาอย่างไรเม่ือผู้ปุวยอารมณ์ไมด่ ี
- ตอ้ งเป็นผฟู้ งั ทีด่ ี ไมร่ ีบโตแ้ ยง้ ตอ่ ว่า
- ตอ้ งรู้จกั สงั เกตอารมณ์ คาพดู และทา่ ทางของผูป้ วุ ยท่แี สดงออกมา
- ตอ้ งระวังเรือ่ งการใช้แววตา สหี นา้ น้าเสียงของตนเองทีท่ าให้ผ้ปู ุวยรสู้ ึกโกรธ เสียใจ
- การพูดอย่างสร้างสรรค์ โดยการพูดสะทอ้ นความรู้สกึ ของผ้ปู วุ ยที่เราสงั เกตไต้

ทาอยา่ งไรญาติกับผ้ปู ุวยจะเข้าใจกนั มากข้นึ
- บอกความรู้สึกของตนเอง เชน่ แม่เสียใจ แม่รักลูก
- บอกพฤติกรรมหรือสิง่ ทต่ี นไม่ชอบ เชน่ การทลี่ ูกเปดิ วิทยเุ สียงดงั
- ลกู ตะคอกแม่ ลูกไปด่ืมเหล้า ลูกเท่ียวกลางคนื พอเปน็ ห่วงไม่อยากใหไ้ ป
- บอกความต้องการอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา เช่น แม่อยากให้ลูกกินยา แม่อยากให้ลูก

ชว่ ยงานบา้ น
- ถามความร้สู กึ นึกคดิ ของผู้ปวุ ย เชน่ ลูกคิดอย่างไร ลกู พอจะชว่ ยงานบ้านแมใ่ ตบ้ ้างไหม
- แสดงความชื่นชมหรือขอบคุณเม่ือเขาตอบสนอง เช่น แม่รู้สึกสบายใจ และขอบใจท่ีลูก

ชว่ ยงานแม่

14

บทบาทของญาติในการดแู ลผู้ปุวยจิตเภท

ครอบครวั มสี ่วนสาคัญมากในการช่วยเหลือแพทย์ดูแลผู้ปุวยส่ิงแรกและสาคัญที่สุดคือ ความ
เข้าใจในโรคจิตเภท ทุกคนในครอบครัวจะเป็นส่วนสาคัญในการช่วยเหลือรักษาผู้ปุวยและบทบาทท่ี
สาคัญ ได้แก่ การช่วยปูองกันการกาเริบของโรค ซึ่งอาจเกิดจากการขาดยา ผู้ปุวยมีความเครียดหรือ
ขาดการดแู ลเอาใจใสจ่ ากญาติ ญาตคิ วรปฏิบตั ิ ดังน้ี

- ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ปุวยดูแลตนเอง ญาติต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าพฤติกรรมท่ี
ผู้ปุวยแสดงออกนัน้ เป็นอาการของโรค เช่น ผปู้ วุ ยไม่ดูแลตนเองหรือเกียจคร้าน ญาติต้องช่วยเหลือให้
ผปู้ วุ ยไดท้ ากจิ กรรมต่างๆ ในบ้าน เชน่ มอบหมายใหล้ า้ งถ้วยชาม กวาดบ้าน ถบู ้าน

- คอยสังเกตอาการการกาเริบ ญาติอาจสังเกตได้ว่าผู้ปุวยเร่ิมสับสน เร่ิมระแวง ไม่ยอมนอน
พูดมากขึน้ แยกตัว เก็บตวั เงียบ

- ช่วยลดความเครียดให้ผู้ปุวย ความเครียดอาจเกิดจากภายในหรือภายนอกครอบครัวก็ได้
ซง่ึ ญาตจิ ะชว่ ยลดความเครยี ดของผปู้ ุวย

- ปรับเปล่ยี นความคาดหวังในตัวผู้ปุวยให้เหมาะสม โดยพยายามค้นหาส่ิงท่ีผู้ปุวยสามารถทา
ได้ และช่วยให้ผู้ปุวยค่อย ๆ ปรับตัวตาม พูดกับผู้ปุวยสั้น ๆ ให้ได้ใจความ ควรรักษาสัญญาที่ให้กับ
ผู้ปวุ ย

- หลกี เล่ียงการทะเลาะกบั ผูป้ วุ ย
- ลดความตึงเครียดของตัวญาตเิ อง โดยหาเวลาสว่ นตัว หรอื พกั ผอ่ น
- คน้ หาจุดดีและสนบั สนุนแมจ้ ะเปน็ จดุ เล็ก ๆ ที่ผปู้ วุ ยจะดขี ึ้น ญาตอิ าจชมเชยและให้กาลังใจ
เช่น ผปู้ วุ ยอาบนา้ เอง ทกั ทายสวสั ดีกบั คนอื่น ๆ จดุ เลก็ ๆ เหลา่ น้ีจะรวมเป็นจุดใหญ่ให้ผู้ปุวยมีอาการ
ดีข้นึ
- อย่าลืมนัดและดูแลผู้ปุวยเรื่องการรับยา โรคจิตเภทต้องการการรักษาอย่างสม่าเสมอและ
การกาเรบิ ของโรคเกิดได้มาก ดังนนั้ การรับยาจึงเป็นสงิ่ สาคญั ถ้าญาติรสู้ กึ ว่าผู้ปุวยอาการดีข้ึน หรือมี
ผลข้างเคียงของการใช้ยาแล้วไม่อยากไปรับยาตามนัด จะทาให้ผู้ปุวยขาดยาและเกิดปัญหาข้ึน ควร
ปรกึ ษาแพทย์ก่อนทีจ่ ะหยดุ ยา และดแู ลผปู้ ุวยให้รบั ประทานยาอย่างสม่าเสมอ

15

การปรับเปลยี่ นพฤติกรรมผปู้ วุ ย

พฤติกรรมท่ีเป็นปัญหาของผู้ปุวยจิตเภท ท่ีมีผลทาให้ผู้ปุวยไม่สนใจดูแลตนเอง ทางานไม่ได้
ไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองรวมท้ังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของญาติและเพ่ิมภาระ
ให้แกญ่ าติในการดแู ลผปู้ ุวยมากขน้ึ
พฤตกิ รรมอะไรบ้างทีเ่ ป็นปญั หา

- ผ้ปู ุวยไม่รบั ประทานยา
- นอนไมห่ ลับ
- หงดุ หงดิ โมโหงา่ ย และก้าวรา้ ว
- อยูใ่ นโลกของตัวเอง ไม่เข้าใจในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อ่ืน เช่น เปิดวิทยุเสียงตังโดยไม่เกรงใจ
ผู้อน่ื ในเวลากลางคนื
- ไมส่ นใจทากจิ วัตรประจาวันของตนเองเกยี จครา้ น ไมย่ อมช่วยเหลือตนเอง
- ออกเท่ียวนอกบ้าน เดนิ เรือ่ ยเป่อื ย
- นอนหลบั เกือบทงั้ วัน
- ตะโกนส่งเสยี งตงั และพดู คาหยาบ
- ดูโทรทัศน์เกอื บทงั้ วัน
- รบั ประทานอาหารมมู มาม ฯลฯ
วธิ จี ดั การกบั พฤติกรรมทเ่ี ป็นปัญหาของผู้ปวุ ย
การใช้ชีวิตร่วมกับผู้ปุวยก่อให้เกิดความเครียดกับทุกคนในบ้านเนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่
แน่นอนของผูป้ ุวยและผูป้ วุ ยไม่สนใจความรูส้ กึ ของผู้อืน่ ตงั น้ันญาติต้องรู้วิธีจัดการกับพฤติกรรมท่ีเป็น
ปญั หาเหลา่ น้ัน
ขั้นเริม่ ต้นในการจัดการกบั พฤตกิ รรมทีเ่ ป็นปญั หา
- ญาติทาความเช้าใจและขอมรับพฤติกรรมของผู้ปุวยและควรหลีกเส่ียงการคัดค้าน หรือ
ยนื ยันเมือ่ เห็นว่าเป็นไปไม่ได้
- รับพังความคิดเห็นและความรู้สึกของผู้ปุวยด้วยความเช้าใจและเห็นใจให้ความรักความ
อบอุ่นแก่ผู้ปวุ ยตามสมควร
- หลีกเลียงการแสดงความโกรธ ความเกลียด ความราคาญการรังเกียจผู้ปุวย ให้ความสนใจ
พดู คุยกับผ้ปู วุ ย ไม่ควรจับผิดหรอื ตาหนิตเิ ตียนผปู้ ุวยโดยไมม่ ีเหตผุ ล
- หลีกเส่ยี งการแสดงอารมณโ์ กรธในครอบครัว หรอื ทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว เพราะเป็น
การกระต้นุ พฤติกรรมกา้ วรา้ วของผูป้ วุ ย
- ญาติควรจะแสดงความหว่ งใย ให้การดแู ลและประคับประคองอย่างสม่าเสมอ
- ดแู ลใหผ้ ้ปู ุวยรับประทานยาตามคาแนะนาของแพทย์อย่างสมา่ เสมอ

16

- พูดคุยกับผู้ปุวยให้ชัดและใช้คาพูดท่ีเข้าใจง่ายท่ีสุดเท่าท่ีจะทาได้ ไม่พูดข่มขู่ให้ผู้ปุวยกลัว
หรอื แสดงอาการวติ กกงั วล

- ไม่ควรปฏิบัติต่อผปู้ ุวย เหมือนกับผปู้ ุวยชว่ ยตัวเองไม่ได้ ควรเนน้ ใหผ้ ูป้ ุวยช่วยเหลอื ตวั เอง
- กลา่ วชมผ้ปู วุ ย เมอ่ื ผ้ปู ุวยพยายามปรบั ปรุงตนเองให้ดีขน้ึ
ผปู้ วุ ยนอนไม่หลับญาติจะทาอยา่ งไร
ผู้ปุวยจะนอนไม่หลับ ผลุดลุก ผลุดนั่ง ลุกเดินไปมาในห้อง หรือนอนหลับน้อยกว่า 2-3
ชั่วโมง ตอ่ คนื ทาให้ผู้ปวุ ยอ่อนเพลียในตอนกลางวนั ดูแลดังน้ี
- ใหผ้ ปู้ วุ ยด่มื นา้ อุ่น ๆ หรอื นมอนุ่ ๆ กอ่ นนอน งดชาหรอื กาแฟ
- ให้ผูป้ ุวยงบี ในเวลากลางวนั ได้หลงั อาหารกลางวันแตไ่ ม่ควรเกิน 1 ชัว่ โมง
- ก่อนเข้านอนพาผู้ปุวยสวดมนต์ ไหว้พระถ้าผู้ปุวยอ่านหนังสือให้อ่านหนังสือธรรมะจนเบื่อ
แลว้ ให้นอน
- นาผู้ปุวยทางานหรอื ทากจิ กรรมท่ีใช้กาลงั ในตอนกลางวนั เช่น ชุดดิน รดน้าต้นไม้ ถางหญ้า
เพือ่ ให้เหนอ่ื ยจะไดห้ ลบั ได้
- กาหนดให้ผู้ปุวยเข้านอนตามเวลาท่ีเหมาะสมกับสภาพผู้ปุวยหรือถูกกับนิสัยการนอนของ
ผปู้ วุ ย เม่อื เข้านอนแล้ว 30 นาทียังไมห่ ลบั ญาติควรให้ผูป้ วุ ยรับประทานยานอนหลับตามแพทย์สัง่
- ถ้าผู้ปุวยนอนไม่หลับติดต่อกัน 3 วัน ญาติควรพาผู้ปุวยไปปรึกษาแพทย์ท่ีโรงพยาบาลใกล้
บ้าน หรือสถานีอนามัยใกล้บ้านหรือนาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจิตเวช เพราะอาจเป็นอาการเดือน
ก่อนมกี ารกาเรบิ ของโรคได้
หงุดหงดิ โมโหง่าย ก้าวรา้ ว ญาติจะทาอยา่ งไร
- ญาตติ ้องหลกี เลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเล่ียงการโตแ้ ยง้
- พูดกับผู้ปุวยด้วยน้าเสียงและท่าทีท่ีมั่นคงและนุ่มนวลไม่แสดงอารมณ์โกรธให้ผู้ปุวยเห็น
เพราะเปน็ การกระตุน้ ใหผ้ ปู้ วุ ยโกรธมากขนึ้
- เกบ็ ของใช้ทีแ่ หลมคม หรือของท่จี ะเป็นอาวธุ ใหม้ ดิ ชดิ
- ถา้ ผู้ปุวยตะโกนด่าส่งเสยี งตงั ควรปลอ่ ยใหผ้ ู้ปวุ ยได้ระบายความก้าวร้าวทางคาพูดไปสักพัก
แล้วจะสงบเอง อย่าไปห้ามเพราะจะย่ิงกระตุ้นให้ผู้ปุวยโกรธมากข้ึน แต่ควรสอบถามความต้องการ
ของผู้ปุวยแทน เช่น " ต้องการอะไรหรือ " " ไม่สบายใจเร่ืองอะไร " " มีอะไรท่ีญาติจะช่วยได้บ้าง "
แล้วญาติสนองตอบความต้องการที่สามารถทาได้ถ้าทาไมได้ให้ยืนฟังส่ิงท่ีผู้ปุวยพูดอย่างสงบสักระยะ
หนึง่ ผู้ปุวยจะลดความหงุดหงิด ก้าวร้าวลง
- ถ้าผู้ปุวยอาการรุนแรงมากข้ึน มีพฤติกรรมท่ีเป็นอันตรายต่อผู้อ่ืน ต่อส่ิงของหรือเป็น
อันตรายตอ่ ตวั ผู้ปวุ ยเองควรนาผปู้ ุวยสง่ โรงพยาบาล

17

ผปู้ วุ ยเกียจคร้าน ไมส่ นใจทางาน หรือออกเท่ยี วนอกบา้ น ญาติจะทาอยา่ งไร
- พดู คุยกบั ผปู้ ุวยถึงการชว่ ยทางานบ้านเพอื่ ดวู ่าผปู้ ุวยทาอะไรไดบ้ ้าง
- แจ้งกับผู้ปวุ ยเก่ียวกับงานบ้านท่ีจะมอบหมายให้ผู้ปุวยทา เช่น การกวาดบ้าน การเก็บถ้วย

ชามไปล้าง การชักผา้ การทากบั ข้าว ฯสฯ
- บอกช้นั ตอนการทางานแตล่ ะอย่างใหผ้ ูป้ ุวยทราบ และลงมอื ทางานน้ันเปน็ เพ่อื นกับผปู้ ุวย
- ขณะทางานหม่นั พูดคยุ ชมเชยและใหก้ าลังใจผปู้ ุวย
- เม่อื ผู้ปวุ ยทาคล่องขน้ึ ปลอ่ ยใหผ้ ปู้ วุ ยทา ญาติคอยดหู า่ งๆจนสามารถปลอ่ ยให้ทาเองได้
- เร่อื งความสะอาดสว่ นตวั หรือกิจวตั รประจาวนั ของผู้ปุวยก็เชน่ กัน กระตุ้นให้ทาเป็นระยะๆ

จนผ้ปู ุวยทาเองได้
- ญาติควรสอนให้ผูป้ วุ ยทางานและมอบหมายงานให้หรอื หางานอดิเรกใหท้ า

ปวุ ยนอนหลบั ตลอดวัน ดูโทรทัศน์เกือบท้ังวนั ญาตจิ ะทาอยา่ งไร
- สอนงานใหผ้ ้ปู วุ ยและมอบหมายงานใหท้ า พดู คุยชมเชยให้กาลงั ใจ
-ทาความตกลงร่วมกันระหว่างญาติและผู้ปุวยในการออกกฎระเบียบของบ้าน และทุกคน

ปฏิบัติตามน้ัน แต่ต้องเป็นกฎระเบียบท่ีผู้ปุวยสามารถปฏิบัติได้ด้วย และมีรางวัลเม่ือผู้ปุวยปฏิบัติ
รวมถึงมีข้อกาหนดเมื่อผูป้ ุวยไมป่ ฏบิ ัติ
ผู้ปุวยมพี ฤตกิ รรมแปลก ๆ พูดแปลก ๆ ญาตจิ ะทาอย่างไร

ผูป้ วุ ยบางคนพูดหรือหัวเราะคนเดยี ว พูดซา้ ซาก ญาติควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่แสดงความโกรธ ตาหนิ หรือดูดา่ วา่ ผปู้ ุวย
- หากมอี าการไม่บ่อย หรอื ไมม่ าก อาจเพิกเฉยไม่โตต้ อบ
- อาจแนะนาให้ผู้ปุวยแสดงพฤติกรรมดังกล่าวขณะอยู่ตามลาพัง เช่น ในห้องนอน โดย
อธิบายวา่ การแสดงพฤติกรรมนน้ั ไมเ่ ป็นผลดี
ผู้ปุวยกบั การสูบบหุ รีห่ รือดืม่ สรุ า
การสบู บุหรี่ ดม่ื สุรา และยาเสพตดิ ทุกชนดิ ล้วนมีผลต่อการรักษานอกจากทาให้อาการกาเริบ
ทาลายฤทธข์ิ องยารกั ษา และทาใหโ้ รคหายช้าแล้วอาจเกิดอาการข้างเคียงจากสารเหล่านี้ เช่น อาการ
สั่น เป็นการเพิ่มความไม่สบายเข้าไปอีก ญาติควรแนะนาให้ผู้ปุวยงดเว้นบุหร่ี เหล้า และยาเสพติด
อนื่ ๆ โดย
- เปน็ กาลังใจในการเลกิ
- ซักชวนใหผ้ ้ปู ุวยทากิจกรรมอืน่ ใหด้ ม่ื นา้ มาก ๆ และหาของขบเคี้ยวเมือ่ ต้องการสูบบุหรี่
- พยายามให้ผู้ปวุ ยออกกาลังกาย

18

ผูป้ วุ ยกบั การประกอบอาชีพ

1. ผู้ปุวยมอี าชีพทาอยแู่ ล้ว
- ผู้ปวุ ยอาจประกอบอาชีพเตม็ ตามความเหมาะสม
- ญาตคิ วรเปน็ ทีป่ รกึ ษาแก่ผูป้ ุวย เช่น กรณีผ้ปู วุ ยประสบปญั หาในการเรยี น หรือการทางาน

บางรายอาจปรบั เปล่ยี นงานตามความถนดั และความเหมาะสม

2. ผ้ปู วุ ยที่ยงั ไม่มีอาชพี แนน่ อน หรือตอ้ งการเปลี่ยนอาชีพ
- พิจารณางานทผี่ ูป้ ุวยชอบหรือถนดั
- หลีกเลย่ี งงานท่ีกอ่ ให้เกดิ ความเครยี ดรุนแรงเพราะอาจก่อให้ผ้ปู ุวยกลับเปน็ ซ้า
- หลกี เล่ียงงานท่ีเสย่ี งอันตราย เช่น งานเคร่อื งจักรกล การปืนปาุ ยทสี่ งู
- งานทผ่ี ปู้ วุ ยสามารถทาด้วยตนเองหรือใชค้ วามรบั ผิดชอบไมม่ าก เช่น การทาสวน เลี้ยงสัตว์

คา้ ขาย งานอตุ สาหกรรมในครอบครวั (ทาไมก้ วาด เยบ็ ผ้า หรอื งานฝมี ือ)

19

วธิ คี ลายเครยี ดสาหรบั ญาติ

การดแู ลสมาชกิ ในครอบครัวซ่งึ ปวุ ยเป็นโรคจิตเภทนับเป็นการเพิ่มความเครียดให้แก่ญาติ ซึ่ง
ความเครยี ดที่มมี ากและคงอยู่เปน็ เวลานาน จะส่งผลเสยี ตอ่ รา่ งกายและจิตใจ

ผลเสียที่เกิดด้านร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องเสีย หรือท้องผูกบ่อย ๆ ปวด
เมื่อยตามกล้ามเนื้อ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ เบ่ืออาหาร อ่อนเพลีย หายใจไม่อ่ิม ต้องถอนหายใจบ่อย
ๆ มอื เท้าเยน็ เหงอื่ ออกตามมอื ตามเท้า

ผลเสียที่เกิดด้านจิตใจ เช่น รู้สึกวิตกกังวลมากข้ึน ไม่มีสมาธิในการทางาน ฝันร้าย เบื่อ
หนา่ ยอย่างบอกไมถ่ กู หงุดหงดิ โกรธง่าย ลมื ง่าย

ผลเสียท่ีเกิดด้านพฤติกรรม เช่น สูบบุหร่ีจัด ด่ืมสุรามากข้ึน ต้องให้ยานอนหลับ ใช้ยาเสพ
ตดิ ชนดิ ต่าง ๆ ชอบปลกี ตวั อยู่คนเดยี ว ทางานหรือเรยี นแยล่ ง มปี ญั หาชัดแย้งกบั ผอู้ ่ืนบอ่ ย ๆ

การจดั การกบั ความเครยี ด

1. การเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แขง็ แรง
- การรับประทานอาหารท่ีมปี ระโยชน์
- ออกกาลงั กายเปน็ ประจา
- นอนหลบั ให้เพียงพอ นอนให้เป็นเวลา
- หลีกเล่ยี งสิ่งท่จี ะเป็นอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ เช่น งดสบู บุหรี่ ของมนึ เมา สารเสพติด

2. เปลี่ยนแปลงสถานการณท์ ท่ี าใหเ้ ครียด
- หาเวลาพักผ่อนบา้ ง หรือหนีจากสถานการณ์ท่ีทาใหเ้ ครยี ดชว่ั คราว

3. การเปล่ียนแปลงตา้ นจติ ใจ
- มองโลกในแง่ดี มองความทุกข์เป็นการท้าทายความสามารถ ไม่หมกมุ่นกับเร่องที่ทาให้เรา

เศร้าหมอง มอี ารมณช์ ัน ไม่ทอ้ ถอย
4. การผอ่ นคลายความเครยี ด

- วิธีการผอ่ นคลายความเครียดมหี ลายวิธี ได้แก่ การออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา การไปเสริม
สวย หรือไปเดินซื้อของตามศูนย์การค้าต่างๆ(Shopping) การไปพบปะสังสรรค์ รับประทานอาหาร
กับเพ่ือนฝูง การดูละครโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง การเลี้ยงสัตว์ / การเล่นกับสัตว์เลี้ยง การรด
น้าต้นไม้ ดูแลดอกไม้ประดับที่บ้าน การทาการฝีมือ เย็บปักถักร้อย การซ่อมแซมของใช้ในบ้าน
ตกแตง่ บา้ น การอ่านหนังสืออ่านเล่น หนังสือธรรมะการสวดมนต์ไหว้พระ การทาสมาธิ โดยการทาใจ
ใหส้ งบหายใจเขา้ - ออก เป็นจังหวะชา้ ๆ และนบั สมหายใจไปเรื่อยๆการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฝึกเกร็ง
และคลายกลา้ มเนอื้ การใช้จนิ ตนาการ โดย นัง่ ในท่าที่สบาย หลับตา เปิดเพลง บรรเลงเบาๆ หายใจ

20

เข้าออกลึกๆ 4-5 ครงั้ ผอ่ นคลายกลา้ มเน้ือจนรูส้ กึ สบายทง้ั ตวั ให้จินตนาการถึงเรื่องท่ีทาให้จิตใจสงบ
สขุ เช่น การเดนิ เลน่ รมิ ชายหาด การเดินชมสวนตอกไม้ การเลน่ นา้ ตก
ผลที่ไดร้ บั จากการฝกึ คลายเครียด

- ใจเย็นลงกวา่ เดมิ
- มคี วามสบายใจมากขึน้
- วติ กกังวลลดลง
- สมาธิดขี ึน้
- สมองแจม่ ใส คดิ แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดกี ว่าเดิม

21

สิทธแิ ละค่าใชจ้ า่ ยในการรักษาพยาบาล

สิทธปิ ระโยชน์สาหรับคนพิการ
คนพกิ าร ตาม พ.ร.บ.การฟน้ื ฟสู มรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2354 หมายความวา่ คนที่มีความ

ผิดปกตหิ รือบกพร่องทางร่างกาย ทางสตปิ ญั ญาหรือจิตใจตามประเภทและหลกั เกณฑ์ท่ีกาหนดใน
กฎกระทรวง

คนพิการท่มี ีสทิ ธใิ นระบบหลกั ประกันสุขภาพถ้วนหนา้ หมายถงึ คนพิการที่กาหนดดาม
พ.ร.บ.การฟน้ื ฟสู มรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2334 หรอื คนพิการทมี่ ีความจาเป็นต้องไดร้ บั การฟ้นื ฟู
สมรรถภาพท่ีมรี ะดบั ความพิการอย่ใู นเกณฑ์ท่สี านกั งานหลักประกันสขุ ภาพแห่งชาตกิ าหนด และ
ไดร้ ับการลงทะเบียนโดยระบุสิทธิย่อยคนพิการ (ท.74) ในระบบหลักประกันสุขภาพถว้ นหน้า

หลักฐานในการเปลย่ี นสิทธิย่อยคนพกิ าร(ท.74)

1. สาเนาบตั รประจาตวั ประชาชน หรือบตั รประจาตวั ท่ีมรี ูปถา่ ยซง่ึ ทางราชการออกให้
สาหรับเด็กตา่ กว่า เ5 ปี ใหใ้ ชส้ าเนาใบสตู ิบตั ร หรือใบเกิดเป็นหลกั ฐานการลงทะเบยี นราชการออกให้
สาหรบั เดก็ ต่ากว่า 15 ปี ให้ใชส้ านาใบสูตบิ ตั ร หรือใบเกิดเปน็ หลักฐานการลงทะเบียน

2. สมดุ ประจาตัวคนพิการ หรือเอกสารรับรองการตรวจประเมินความพิการจากแพทย์ ซ่ึง
ระบุระดับความพิการอยูใ่ นเกณฑท์ ส่ี านักงานหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติกาหนด (สามารถใชส้ มุด
ประจาตัวคนพิการแทนบัตรประชาชนได้)

3. สาเนาทะเบยี นบ้านที่คนพิการมีช่ืออยู่
4. กรณีคนพิการพักอาศัยอยู่จริงไมต่ รงตามทะเบียนบ้านให้เพ่มิ เตมิ สาเนาทะเบยี นบา้ นท่ไี ป
พกั อาศัย ซงึ่ มีลายมือชอื่ เจ้าของบา้ น หรอื หนงั สือรบั รองของผนู้ าชุมชนวา่ ไดพ้ กั อาศัยอยู่จรงิ หรอื
รบั รองตนเองพร้อมแสดงหลักฐานอนื่ ประกอบ เชน่ ใบเสรจ็ ค่าน้า ค่าไฟ คา่ โทรศพั ท์ ท่มี ีชื่อตนเอง
เปน็ ต้น

สทิ ธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ

1. สิทธิการบรกิ ารขน้ั พื้นฐานทางการแพทย์ การสาธารณสุขและการอนามัยท่ีจาเปน็ ต่อ
สุขภาพและการดารงชีวิต ซง่ึ ให้โดยตรงแกบ่ คุ คล เพื่อการส่งเสรมิ สขุ ภาพ การควบคมุ โรค การปูองกัน
การตรวจ การวนิ จิ ฉัย การรกั ษาพยาบาล การปูองกันความพิการ และการฟนื้ ฟสู มรรถภาพ และการ
อื่นใดเพ่ือสรา้ งเสริมสขุ ภาพที่หน่วยบริการจดั ขึ้นโดยไปรบั บริการได้ที่สถานีอนามัย ศูนย์บริการ
สาธารณสุข โรงพาบาลของรฐั ทุกแห่ง

2. สิทธิการไดร้ บั การฟืน้ ฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ท้ังในและนอกหนว่ ยบริการ ได้แก่ การ
ไดร้ ับบริการกายภาพบาบัด กิจกรรมบาบัด การประเมินแก้ไขการพูด จติ บาบัด พฤติกรรมบาบัด การ

22

ฟื้นฟูการไดย้ นิ การฟ้ืนฟูการเห็น การได้รบั อปุ กรณ์เครือ่ งช่วยตามประเภทความพิการ และการฟนื้ ฟู
การเหน็ การได้รบั อปุ กรณ์เครอ่ื งช่วยตามประเภทความพิการ และการพฒั นาศักยภาพด้านการฟ้นื ฟู
สมรรถภาพ

สทิ ธิประโยชนค์ นพิการตาม พ.ร.บ.การฟน้ื ฟสู มรรถภาพคนพกิ าร พ.ศ. 2534
การจดทะเบียนคนพกิ าร เป็นการให้บรกิ ารของรฐั ในเบื้องต้นแกค่ นพิการท่ีทาให้คนพิการได้

มีหลกั ฐานเพื่อแสดงตนว่าเปน็ คนพกิ ารที่ประสงค์จะไดร้ ับสิทธใิ บการสงเคราะห์ การพัฒนาและการ
ฟน้ื ฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 โดยคนพกิ ารทป่ี ระสงค์จะ ได้รบั สทิ ธิสามารถจดทะเบยี นได้ท่ี

ตา่ งจังหวัด สานกั งานพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์จงั หวดั ทีต่ นอาศัยอยู่ หรอื
โรงพยาบาลประจาจงั หวัดอาเภอท่มี ศี ูนยบ์ ริการจดทะเบียนคนพิการแบบเบด็ เสรจ็ ในโรงพยาบาล

กรุงเทพมหานคร กรมพฒั นาสังคมและสวัสดิการ หรือที่ศูนยบ์ ริการร่วมกระทรวงพัฒนา
สังคมและความม่ันคงของมนุษย์ 1-8 หรือ ฝุายสังคมสงเคราะห์ งานเวชศาสตรฟ์ ้นื ฟู โรงพยาบาลศริ ิ
ราช
หลกั ฐานทใ่ี ชใ้ นการจดทะเบียน
1. เอกสารรบั รองความพกิ าร โดยแพทย์จากสถานพยาบาลของทางราชการ
2. บตั รประจาตัวประชาชน กรณีผ้เู ยาวใ์ ช้สตู ิบตั ร พร้อมถ่ายสาเนาเอกสาร 1 ชุด
3. ทะเบยี นบา้ นฉบับจริง พร้อมสาเนาเอกสาร 1 ชุด
4. รปู ถา่ ยขนาด 1 น้วิ จานวน 2 รปู
สทิ ธิประโยชน์ท่ีไดร้ ับ

คนพกิ ารทจ่ี ดทะเบียนแลว้ จะได้รับสมุดประจาตวั คนพิการเพอื่ นาไปแสดงตัวในการขอรบั
บริการฟนื้ ฟสู มรรถภาพคนพิการดา้ นต่าง ๆ รวมถึงการรับคาปรกึ ษา แนะนาและชว่ ยเหลือด้านตา่ ง ๆ

1. บรกิ ารทางการแพทย์ เพ่ือแก้ไขความพิการ หรือปรับภาพความพิการ อุปกรณ์ เครอื่ งชว่ ย
ต่าง ๆ และคาแนะนาปรึกษาทางการแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จา่ ย ตดิ ต่อขอรับบริการ ได้ท่ี
สถานพยาบาลของรัฐทว่ั ประเทศ

2. บรกิ ารทางการศกึ ษา การเขา้ เรียนในสถานศกึ ษาต่าง ๆ คาปรึกษาแนะนาเกยี่ วกบั
การศึกษา ตดิ ต่อขอรบั บริการไดท้ ่ีสานักบรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวัด

3. บริการทางอาชีพ จัดฝกึ อาชพี และแนะนาการประกอบอาชพี และให้กยู้ มื เงนิ ทนุ ประกอบ
อาชพี

4. บริการทางสงั คม ใหค้ าแนะนาปรกึ ยา บริการช่วยเหลือเด็กพิการและครอบครัวคนพิการที่
ฐานะยากจนและประสบปญั หาทางเศรษฐกจิ รวมถงึ เบยี้ ยังชีพคนพิการ ที่มสี ภาพความพิการมาก ไม่
สามารถประกอบอาชีพได้และมีฐานะยากจน

23

สิทธิตามพระราชบญั ญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551
ญาตคิ วรทราบวา่ กรณีบุคคลที่มคี วามผิดปกติทางจติ ทม่ี ีภาวะอนั ตรายมีความจาเปน็ ต้อง

ไดร้ ับการบาบัดรักษาญาตสิ ามารถนาผู้ปุวยมารกั ษาท่ีโรงพยาบาลได้
กรณีผูป้ ุวยทีอ่ ายุไม่ถึง 18 ปบี รบิ รู ณ์ หรือขาดอานาจในการตดั สินใจลิทธิตามพระราชบัญญตั ิ

สุขภาพจิต พ.ศ. 2551ญาตคิ วรทราบว่า กรณบี คุ คลที่มีความผิดปกตทิ างจติ ท่ีมภี าวะอันตรายมคี วาม
จาเปน็ ต้องไดร้ ับการบาบัดรกั ษา ญาตสิ ามารถนาผู้ปวุ ยมารักษาท่โี รงพยาบาลได้ ใหค้ วามยนิ ยอมรับ
การบาบดั รักมา ใหค้ สู่ มรส พ่อแม่ ผู้ปกครองท่ีใกล้ชิดเปน็ ผู้ใหค้ วามยนิ ยอมรกั ษา

24

เอกสารอา้ งอิง

1. กรมสุขภาพจิต (2560). รายงานประจาป.ี กรมสขุ ภาพจิตปงี บประมาณ 2559. เข้าถงึ เม่ือ 2
เมษายน 2561, จาก https://www. dmh.go.th/report/dmh/rpt_year/view.
2.นทั ธมนต์ ฉิมสุข, เพญ็ นภา แดงด้อมยทุ ธ์. ปจั จยั คัดสรรท่ีมีความสัมพันธ์ต่อภาวะความกดดนั ด้าน
จิตใจของผู้ดูแลผู้ปุวยจิตเภท. วารสารการพยาบาลจติ เวชและสุขภาพจติ . 2014 Nov 1;28(3):49–
62.
3.Butthayothi, Natthaphon. "กระบวนการ ปูองกัน การ กลบั เปน็ ซ้า ของ ผู้ ปุวย จิต เภท โดย
ชมุ ชน มี สว่ น รว่ ม กบั ทมี สห วชิ าชีพ โรง พยาบาล โกสมุ พิสัย อาเภอ โกสมุ พิสัย จังหวัด
มหาสารคาม." Academic Journal of Mahasarakham Provincial Public Health Office 5.9
(2020): 77-88.
4.ทน ง ศักด์ิ ราช เจริญ. "ความ รู้ และ ปัจจัย ท่ี เกี่ยวข้อง กบั ความ รู้ เก่ยี ว กบั โรคจิตเภท ของ ผู้
ดแู ล ผู้ ปุวย จิต เภท ใน เขต คลนิ ิก หมอ ครอบครัว แกว้ โนน คา นา สขุ จังหวัด กาฬสินธ์ุ."
วารสาร วิจัย และ พัฒนา ระบบ สขุ ภาพ 14.2 (2021): 247-255.
5.ขุนศรี ป., & แสวงเจริญ ก. (2016). การปรับเปลย่ี นความคดิ และพฤติกรรมในผปู้ ุวยจิตเภททต่ี ดิ
บหุ ร่ี. Thai Journal of Nursing, 62(1), 55–64. Retrieved from https://he02.tci-
thaijo.org/index.php/TJN/article/view/47447
6.https://thaidj.org/index.php/AJMP/article/view/9964
7.https://www.moph.go.th/index.php/news/read/1300
8.http://mhtech.dmh.moph.go.th/fileupload/2020022638675188.pdf
9.https://www.suanprung.go.th/nurse_book/guide_ill.pdf


Click to View FlipBook Version