The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chalor Sangngam, 2021-09-13 00:30:33

คุณภาพชีวิตเพื่อการทำงาน หน่วยที่ 4-9

(สมทบ) คุณภาพชีวิตบทที่ 4-9

คุณภาพชีวติ เพอื่ การทางาน

รหสั วชิ า 30000-1604
ระดบั ชั้น ปวส.
ผู้สอน ชะลอ สังขง์ าม
ตาแหน่ง ครู ชานาญการ

สัปดาหท์ ่ี 2

หน่วยที่ 4 แรงจูงใจในการทางาน
หน่วยที่ 5 ความต้องการพนื้ ฐานของมนุษย์

หน่วยที่ 6 ทกั ษะการเป็ นผู้นา
หน่วยท่ี 7 การจดั การกับปัญหาความขัดแย้ง

หน่วยท่ี 8 การอยู่ร่วมในสังคมอยา่ งมีความสุขตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
หน่วยที่ 9 การหลกี เลีย่ งความรุนแรงและสง่ิ เสพตดิ

หน่วยที่ 4 แรงจูงใจในการทางาน

แรงจงู ใจ

แรงจงู ใจ เป็นส่งิ สำคญั ท่ีจะผลกั ดนั ใหค้ ณุ ประสบควำมสำเรจ็
ในดำ้ นต่ำงๆ เช่น กำรเรยี น กำรทำงำน เป็นตน้

แรงจงู ใจคือสง่ิ กระตนุ้ เพ่ือใหค้ ณุ ลงมือทำอะไรบำงอย่ำงหรอื
หลำยอย่ำงเพ่ือใหบ้ รรจคุ วำมตอ้ งกำรหรอื ทำควำมฝันใหเ้ ป็นจรงิ

หน่วยท่ี 4 แรงจูงใจในการทางาน (ตอ่ )

ลักษณะของแรงจงู ใจ

แรงจูงใจมี 2 ลักษณะ ดงั นี้
1 แรงจูงใจภายใน (intrinsic motives)

แรงจงู ใจภำยในเป็นส่งิ ผลกั ดนั จำกภำยในตวั บคุ คล ซ่งึ อำจจะเป็นเจตคติ ความคดิ เห็น ความ
สนใจ ความตัง้ ใจ การมองเหน็ คุณค่า ความพอใจ ความตอ้ งการสงิ่ ตา่ ง ๆ ฯลฯ

2 แรงจูงใจภายนอก (extrinsic motives)
แรงจูงใจภำยนอกเป็นส่ิงผลักดันภำยนอกตัวบุคคลท่ีมำกระตุน้ ใหเ้ กิดพฤติกรรม อำจจะเป็น

การไดร้ ับรางวลั เกียรตยิ ศชอ่ื เสยี ง คาชม การไดร้ ับการยอมรับยกย่อง ฯลฯ

หน่วยท่ี 5 ความตอ้ งการพนื้ ฐานของมนุษย์

5.1 ความตอ้ งการตามหลักแนวคดิ ของมาสโลว์
5.2 ความต้องการตามหลักของพทุ ธศาสนา
5.3 องคป์ ระกอบจูงใจ

5.1 ความตอ้ งการตามหลักแนวคดิ ของมาสโลว์

ตอ้ งการ
ความสาเร็จ
ตอ้ งการการ
ยอมรับ
ตอ้ งการสังคม
ตอ้ งการอิสระ

ปัจจยั 4

หน่วยท่ี 5 ความต้องการพนื้ ฐานของมนุษย์ (ต่อ)

5.2 ความตอ้ งการตามหลักของพทุ ธศาสนา

ในทางพุทธศาสนา กล่าวถึง ความต้องการของมนุษย์ หรือความอยากซึ่งเรียกว่า กิเลส มีอยู่ 3 อย่าง
คอื (พระธรรมปิ ฎก ป.อ. ปยุตโต , 2538: 67–70)

1. กำมตณั หำ คือ ควำมอยำกในกำมคณุ ทง้ั 5 คือ ควำมอยำกหรือปรำรถนำในส่งิ น่ำรกั ใครพ่ อใจ ซ่งึ อำจเป็น
รูป รส กลน่ิ เสยี ง สมั ผสั มใิ ช่หมำยถงึ ควำมตอ้ งกำรทำงเพศเพียงอยำ่ งเดียวอย่ำงเชน่ ท่ีคนสว่ นใหญ่เขำ้ ใจกนั

2. ภวตณั หาคือ ควำมอยำกมี อยำกเป็น อยำกได้
3. วภิ วตัณหาคือ ควำมไมอ่ ยำกมี ไมอ่ ยำกเป็น ไมอ่ ยำกได้

หน่วยที่ 5 ความต้องการพนื้ ฐานของมนุษย์ (ตอ่ )

5.3 องคป์ ระกอบจูงใจ

เป็นองคป์ ระกอบท่ีเก่ียวขอ้ งกบั งำนท่ีปฏบิ ตั ิโดยตรง และ เป็นสง่ิ จงู ใจใหเ้ กิดควำมพงึ พอใจในกำรทำงำน
1. ความสาเร็จในการทางาน (Achievement) หมำยถึง กำรท่ีบุคคลสำมำรถทำงำนไดเ้ สร็จสิน้ ประสบ
ผลสำเรจ็ อยำ่ งดี สำมำรถแกป้ ัญหำตำ่ ง ๆ
2. การได้รับการยอมรับนับถอื (Recognition) หมำยถึง กำรไดร้ บั กำรยอมรบั นับถือจำกบุคคลในหน่วย
งำนหรอื บคุ คลอ่ืนๆท่ีมำขอคำปรกึ ษำ ในรูปกำรยกยอ่ งชมเชย กำรใหก้ ำลงั ใจ กำรแสดงควำมยินดี
3. ลักษณะของงาน (Work itself) หมำยถงึ งำนนนั้ น่ำสนใจ อำศยั ควำมคิดรเิ รม่ิ สรำ้ งสรรค์ ทำ้ ทำย
4. ความรับผิดชอบ (Responsibility) หมำยถงึ กำรไดร้ บั มอบหมำยใหด้ แู ลงำนใหม่ ๆ
5. ความก้าวหน้า (Advancement) หมำยถึง กำรไดร้ บั เล่ือนข้ัน กำรเล่ือนตำแหน่งใหส้ ูงขึน้ มีโอกำส ได้
ศกึ ษำตอ่ เพ่ือหำควำมรูเ้ พ่มิ เตมิ ไดร้ บั กำรฝึกอบรมดงู ำน

หน่วยที่ 6 ทักษะการเป็ นผู้นา

ภาวะผู้นา (Leadership) หรือความเป็ นผู้นา หมำยถึง
ควำมสำมำรถในกำรนำ ซ่ึงเป็นควำมสำเร็จอย่ำงย่ิงสำหรบั
ควำมสำเรจ็ ของผนู้ ำภำวะผนู้ ำไดร้ บั ควำมสนใจและ ศึกษำมำ
นำนแลว้ เพ่ือใหร้ ูว้ ่ำอะไรเป็นองคป์ ระกอบท่ีจะช่วยใหผ้ นู้ ำ มี
ควำมสำมำรถในกำรนำหรอื เป็นผนู้ ำท่ีมี ประสิทธิภำพ

ความแตกต่างระหว่างบคุ คล เกดิ ขึน้ ได้ 2 ลักษณะคอื
1. มมี าแตก่ าเนิด
2. เกดิ ขึน้ ทหี ลัง

หน่วยที่ 6 ทกั ษะการเป็ นผู้นา (ต่อ)

ผู้นาแหง่ ความสาเร็จ

1. ตัดสินใจเดด็ ขาด รู้จักตัดสินใจอย่างเดด็ ขาด ตัดสินใจเร็ว ถูกต้องและมีเหตุผล
2. มีเป้าหมายชัดเจน ต้องมีจุดยนื
3. รู้จักใช้คน Put he right man in the right job. ต้องรู้จักลูกน้องของตนว่าใครเหมาะทจี่ ะทาอะไร
4. ซือ่ สัตย์ มีความซื่อสัตยต์ ่อองค์กร
5. สนับสนุนลูกน้อง
6. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
7. รู้จักรับฟังความคดิ เหน็ ของลูกน้อง
8. บุคลิกภาพต้องดเี ยยี่ ม ควรเป็ นผู้มีบุคลิกดี
9. มีศิลปะในการเจรจา ต้องมีน้าเสียงนุ่มนวล
10. มีความเป็ นผู้นา

หน่วยท่ี 6 ทกั ษะการเป็ นผู้นา (ตอ่ )

ประเภทของผู้นา
(1) ผนู้ ำแบบเผด็จกำร
(2) ผนู้ ำแบบประชำธิปไตย
(3) ผนู้ ำแบบตำมสบำย เป็นผนู้ ำท่ีไปเร่อื ย ๆ

มีควำมออ่ นไหวไปตำมสถำนกำรณท์ ่ีเกิดขนึ้

หน่วยที่ 7 การจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง

ลักษณะขององคก์ าร

1. มีบคุ คลอยำ่ งนอ้ ย 2 คนขนึ้ ไป
2. มโี ครงสรำ้ งควำมสมั พนั ธท์ ่ีกำหนดขอบข่ำยกิจกรรมต่ำง ๆ ขององคก์ รในรูปโครงสรำ้ งองคก์ ร
3. องคก์ รเป็นหนำ้ ท่ีสว่ นหน่ึงของกำรจดั กำรโดยมององคก์ รในรูปของกำรจดั กิจกรรม
4. องคก์ รคือกระบวนกำรเป็นกำรลำดบั กำรทำงำนว่ำ ภำรกิจใดควรเร่มิ ก่อนหลงั ซ่งึ กำรทำงำนใด ๆ
หำกเป็นไปดว้ ยควำมตอ่ เน่ืองจะก่อใหเ้ กิดควำมรวดเรว็
5. สมำชิกของกลมุ่ จะเต็มใจเขำ้ มำรว่ มกนั

หน่วยที่ 7 การจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง (ต่อ)

เม่ือกล่ำวถึงคำว่ำ “ความขัดแย้ง”คนส่วนใหญ่มกั มองควำมขดั แยง้ ไปในดำ้ นลบ ทั้งท่ีควำม
จริงแลว้ ควำม ขดั แยง้ นั้นถือเป็นเร่ืองปกติท่ีเกิดขึน้ ในสงั คม เน่ืองจำกมนุษยย์ ังคงตอ้ งรวมตวั กันและ
พ่ึงพำอำศัยกันและกันเพ่ือ ควำมอยู่รอด กำรท่ีบุคคลจะมีควำมคิดเห็น ทัศนคติ ควำมเช่ือ หรือ
ผลประโยชนท์ ่ีไมต่ รงกนั ย่อมเกิดมีขนึ้ ไดเ้ ป็นธรรมดำในสงั คมหน่งึ ๆ

หน่วยท่ี 7 การจัดการกับปัญหาความขัดแยง้ (ตอ่ )

7.1 ความขัดแย้งภายในบคุ คล (Intrapersonal conflict)
7.2 ความขดั แย้งระหว่างบุคคล (Interpersonal conflict)
7.3 ความขัดแย้งภายในกลุ่ม (Intra–group conflict)
7.4 ความขัดแยง้ ระหว่างกลุ่ม (Inter–group conflict)
7.5 ความขัดแยง้ ภายในองคก์ าร (Intra–organization conflict)
7.6 ความขัดแยง้ ระหวา่ งองคก์ าร (Inter–organization conflict)

หน่วยท่ี 7 การจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง (ตอ่ )

ขอโทษให้ เจรจาด้วย หนั หน้าคุย
เป็ น เหตุผล กัน

หาคนกลาง การจดั การ เล่ยี งคาพูด
กบั ความ รุนแรง
ขัดแยง้

หาข้อตกลง

หน่วยที่ 8 การอยู่ร่วมในสังคมอยา่ งมคี วามสุขตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

หน่วยที่ 8 การอยู่ร่วมในสังคมอยา่ งมคี วามสุขตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

หน่วยท่ี 9 การหลีกเล่ียงความรุนแรงและสิ่งเสพตดิ

ยาเสพติดใหโ้ ทษเป็นปัญหำใหญ่ท่ีท่วั โลกให้ควำมสำคญั ในกำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมเพ่ือ
ขจัดให้หมด สิน้ ไป ปัจจุบันรัฐบำลได้ดำเนินกำรแก้ไขปัญหำยำเสพติดอย่ำงจริงจัง โดยกำรเร่ง
ปรำบปรำมผผู้ ลิต ผนู้ ำเขำ้ และ ผจู้ ำหน่ำยยำเสพตดิ อยำ่ งตอ่ เน่ือง

ปัจจยั ทท่ี าใหเ้ กดิ การตดิ ยาเสพตดิ
ปัจจยั ท่ีทำใหเ้ กิดกำรตดิ ยำเสพติด มี 3 ประกำร คอื
1. ตัวสารและฤทธิข์ องสำร
2. ตวั ผู้เสพ
3. สงิ่ แวดล้อม


Click to View FlipBook Version