นาฏศิลป์ไทย สมัย มั ร.5
คำ นำ หนังนัสือ สื "นาฎศิลศิป์ไป์ ทยในสมัยมัร.5" เล่มนี้ ผู้จัผู้ จัดทำ มีวั มีวัตถุปถุระสงค์หลักเพื่อ พื่ ใช้ใช้ น การจัดการเรีย รี นการสอน หรือ รื ผู้ที่ผู้ที่สนใจเรีย รี นรู้เ รู้ รื่อ รื่ งนาฎศิลศิป์ไป์ ทยในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ช่วช่ยให้ผู้ ห้ อ่ผู้ อ่านได้มีค มี วามรู้แ รู้ ละความเข้า ข้ใจมากยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ โดยได้รวบรวมและสรุป เนื้อ นื้ หาสาระสำ คัญเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณีย ณี กิจ เเละวิวัฒนาการ นาฏศิลศิป์ส ป์ มัยมัรัชรักาลที่ ๕ ผู้จัผู้ จัดทำ คาดหวังเป็น ป็ อย่าย่งยิ่งยิ่ว่าการจัดทำ หนังนัสือ สื เล่มนี้จ นี้ ะมีข้ มี อ ข้ มูลมูที่เป็น ป็ ประโยชน์ ต่อผู้ที่ผู้ที่สนใจศึก ศึ ษานาฎศิลศิป์ไป์ ทยในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ไม่มม่ากก็น้อ น้ ย คณะผู้จัผู้ จัดทำ
พระราชชายา เจ้าดารารัศรัมี นาฏศิลศิป์ล้ ป์ ล้านนา ๕ หม่อม่มหลวงต่วนศรี วรวรรณ ตั้งคณะละครนฤมิตมิรขึ้น ขึ้ ๖ เจ้าพระยามหินหิทรศักศัดิ์ธำ รง ผู้เผู้ริ่มริ่ละครพันพัทาง ๖ เจ้าพระยาเทเวศร์ว ร์ งศ์วิ ศ์ วิวัฒน์ ผู้เผู้ริ่มริ่ละครดึกดําบรรพ์ ๗ พระเจ้าบรมวงศ์เ ศ์ ธอ กรมพระนราธิปธิ ประพันพัธ์พ ธ์ งศ์ ๗ เรื่อ รื่ ง หน้าน้ พระราชประวัติรัชรักาลที่ ๕ ๑ - ๒ วิวัฒนาการนาฎศิลศิป์ไป์ ทยในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ๓ บุคคลสำ คัญของวงการนาฏศิลศิป์ไป์ ทยในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ๔ เหตุการณ์สำ คัญของวงการนาฏศิลป์ไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ๘ ผลงานด้านนาฏศิลป์ที่สำ คัญในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๙ ผู้จัดทำ ๑๐ สารบัญ บั
พ ร ะ ร า ช ป ร ะ วั ติ รั ชรั ก า ล ที่ ๕ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ จุ ล จ อ ม เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั วหั ท ร ง เ ป็ น ป็ พ ร ะ ร า ช โ อ ร ส พ ร ะ อ ง ค์ ใ ห ญ่ ใ น พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ จ อ ม เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั วหั รั ชรั ก า ล ที่ ๔ แ ล ะ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ ศิ ริ ศิ น ริ ท ร า บ ร ม ร า ชิ นี ชิ นี ป ร ะสู ติ เ มื่ อ มื่ วั น อั ง ค า ร ที่ ๒ ๐ กั น ย า ย น พ.ศ. ๒ ๓ ๙ ๖ ท ร ง พ ร ะ น า ม ต า ม จ า รึ ก รึ ใ น พ ร ะสุ พ ร ร ณ บั ฎบั ว่ า ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ าลู ก ย า เ ธ อ เ จ้ า ฟ้ า ฟ้ จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ บ ณ์ ดิ น ท ร เ ท พ ย ม ห า ม กุ ฎ กุ บุ รุ ษ รั ตรั น ร า ช ร วิ ว ง ศ์ ว ศ์ รุ ต ม พ ง ศ์ บ ริ พั ริ ตพั ร ศิ ริ ศิ วั ริ วัฒ น ร า ช กุ ม กุ า ร ท ร ง ไ ด้ รั บรั ก า ร ส ถ า ป น า เ ป็ น ป็ เ จ้ า ฟ้ า ฟ้ ต่ า ง ก ร ม มี พ ร ะ น า ม ก ร ม ว่ า ก ร ม ห มื่ น มื่ พิ ฆ พิ เ ณ ศ ว ร สุ ร สุ สั งสั ก า ศ ห ลั ง จ า ก ท ร ง ผ น ว ช เ ป็ น ป็ ส า ม เ ณ ร ท ร ง ไ ด้ รั บรั ก า ร เ ฉ ลิ ม พ ร ะ น า ม า ภิ ไ ธ ย ขึ้ น ขึ้ เ ป็ น ป็ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ าลู ก ย า เ ธ อ เ จ้ า ฟ้ า ฟ้ จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ฯ ณ์ ก ร ม ขุ น พิ นิ พิ จ นิ ป ร ะ ช า น า ถ ท ร ง เ ป็ น ป็ พ ร ะ ร า ช ปิ โ ปิ ย ร ส ที่ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม ช น ก น า ถ โ ป ร ด ใ ห้ เ ห้ ส ด็ จ อ ยู่ ใยู่ก ล้ ชิ ด ชิ ติ ด พ ร ะ อ ง ค์ เ ส ม อ เ พื่ อ พื่ ใ ห้ มี ห้ โ มี อ ก า ส แ น ะ นำ สั่ง ส อ น วิ ช า ก า ร ต่ า ง ๆ โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ าย่ง ยิ่ ง ยิ่ วิ ช า รั ฏรั ฐ า ภิ บ า ล ร า ช ป ร ะ เ พ ณี แ ณี ล ะ โ บ ร า ณ ค ดี น อ ก จ า ก นั้ นนั้ ยั งยั ท ร ง ศึ ก ศึ ษ า ภ า ษ า ม ค ธ ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ก า ร ยิ ง ยิ ปื น ปื ไ ฟ ก ร ะ บี่ ก ร ะ บ อ ง ม ว ย ป ล้ำ ร ว ม ทั้ ง ก า ร บั งบั คั บ ช้ าช้ ง อี ก ด้ ว ย ห น้ า น้ ๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อ จากสมเด็จพระบรมราชชนกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ด้วยพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๑๑ โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒ เมื่อพระ ชนมายุ ๒๐ พรรษา ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ จึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยพระองค์เองอย่าง สมบูรณ์ ทรงครองราชย์อยู่เป็นเวลายาวนานถึง ๔๒ ปี และได้ทรงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียม อารยประเทศทุกวิถีทาง ครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรอบรู้และเอาพระทัยใส่ในศิลปะวิทยาการต่าง ๆ และ ทรงฝากฝีพระหัตถ์ไว้หลายด้าน ที่เด่นชัด คือการถ่ายภาพและวรรณกรรม พระปรีช รี าสามารถ หน้าน้๒
สมัยมัรัชรักาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่วหัการละครในยุค นี้เ นี้ ริ่มริ่มีก มี ารเปลี่ยนแปลง เนื่อ นื่ งจากการละครแบบตะวันตกหลั่งไหลเข้าข้สู้วสู้ งการนาฏ ศิลศิปะ ทำ ให้เห้กิดบทละครประเภทต่างๆขึ้นขึ้มากมาย เช่นช่ละครพันพัทาง ละคร ดึกดำ บรรพ์ ละครร้อร้ง ละครพูดพูและลิเก ทรงส่งส่เสริมริการละครโดยเลิกกฏหมายการ เก็บอากรมหรสพเมื่อ มื่ พ.ศ. ๒๔๕๐ ทำ ให้กิห้ กิจการละครเฟื่อ ฟื่ งฟูขึ้ฟูขึ้นขึ้กลายเป็น ป็ อาชีพ ชี ได้ เจ้าของโรงละครทางฝ่าฝ่ยเอกชนมีห มี ลายราย นับนัตั้งแต่เจ้านายมาถึงคนธรรมดา ในสมัยนั้นสถาพบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า และขยายตัวอย่าย่งรวดเร็ว เพราะได้รับรัวัฒนธรรมจากตะวันตก ทำ ให้ศิลปะการแสดงละครได้มีวิวัฒนาการขึ้น อีกรูปแบบหนึ่งนึ่นอกจากนี้ ยังกำ เนิดละครดึกดำ บรรพ์ และละครพันทางอีกด้วย นอกจากพระองค์ทรงส่งส่เสริมให้เอกชนตั้งคณะละครอย่าย่งแพร่หร่ลายแล้ว ละคร คณะใดที่มีชื่ มีชื่อเสียงแสดงได้ดี พระองค์ทรงเสด็จมาทอดพระเนตร และโปรดเกล้าฯ ให้แห้สดงในพระราชฐานเพื่อเป็น ป็ การต้อนรับรัแขกบ้านแขกเมืองอีกด้วย วิวัฒนาการนาฎศิลป์ไทยในสมัย รัชกาลที่ ๕ หน้าน้๓
บุคคลสำ คัญของ วงการนาฏศิลป์ไป์ ทย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เนื่อ นื่ งจากในยุคยุสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ได้เด้กิดกิการพัฒพันารูปรู แบบการแสดงนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยให้มีห้คมีวามทันทัสมัยมัมากขึ้น ขึ้ โดยเริ่มริ่รับรัวัฒวันธรรมจากชาติตติะวันวัตกมาพัฒพันารูปรู แบบการแสดงละครของไทย เช่นช่ละครพันพัทางละคร ดึกดึดำ บรรพ์ ละครรร้อร้ง ละครเสภา เกิดกิการประดิษดิฐ์ ท่าท่ร่าร่ยรำ ประกอบการแสดงละครต่าต่งๆ บุคบุคลสำ คัญคัของวงการนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย เป็นป็บุคบุคลสำ คัญคั ที่เ ที่ป็นป็ ศิลศิ ปินปิผู้แผู้สดง ผู้สืผู้ บสืทอด สร้าร้งสรรค์ พัฒพันาและ เผยแพร่นร่าฏศิลศิ ป์ไป์ทยจากรุ่นรุ่ สู่รุ่สู่นรุ่ ต่อต่ๆ กันกัมา เช่นช่ระบำ ไก่ ประกอบการแสดงละครพันพัทาง เรื่อ รื่ งพระลอ รูปรูแบบการแสดงมีคมีวามสมจริงริมีกมีารนำ ฉาก แสง สี เสียสีงมาประยุกยุต์ใต์ช้ นอกจากนี้ยั นี้ งยั ได้มีด้บุมีคบุคลสำ คัญคัที่มี ที่ มี บทบาทในการพัฒพันานาฏศิลศิ ป์ไป์ทยให้เห้จริญริก้าก้วหน้าน้เกิดกิ ขึ้น ขึ้ มากมาย หน้าน้๔
พระราชชายา เจ้าจ้ดารารัศรัมีทมีรงเอาพระทัยทั ใส่ใส่นการฟ้อฟ้น แบบทางเหนือนืยิ่งยิ่นักนัทรงฟื้น ฟื้ ฟูและฝึกฝึหัดหัลูกลูหลานเจ้าจ้นายฝ่าฝ่ย เหนือนื โดยส่วส่นมากเป็นป็ลูกลูหลานเจ้าจ้ ในตระกูลกูณ เชียชีงใหม่ ณ ลำ ปาง ณ ลำ พูน ณ น่าน่น ที่เ ที่ ข้าข้มาถวายตัวตัอยู่ใยู่ นวังวัของพระราช ชายาฯ โดยทรงปรับรั ปรุงรุท่าท่รำ และระเบียบีบการฟ้อฟ้น และทรงให้มีห้ มี การประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่รำ ใหม่ๆม่ขึ้น ขึ้ โดยมีแมีนวทางจากนาฏศิลศิ ป์ทั้ป์งทั้ทาง เหนือนืพม่าม่และกรุงรุเทพฯ ให้มีห้คมีวามผสมผสานกันกั พระราชชายา เจ้า จ้ ดารารัศ รั มี นาฏศิลป์ล้ ป์ ล้ านนา ระบำ และฟ้อฟ้นที่มีที่มีการปรับปรุงท่ารำ อย่างเช่น ฟ้อฟ้นเล็บ ฟ้อฟ้นเทียน ระบำ และฟ้อฟ้นที่มีที่มีการประดิษฐ์ท่ารำ ขึ้นขึ้มาใหม่ ตัวอย่างเช่น ฟ้อฟ้นล่องน่าน ฟ้อฟ้นเงี้ยงี้วแบบผสม ฟ้อฟ้น กำ เบ้อ ฟ้อฟ้นมูเซอหรือระบำ ซอ ฟ้อฟ้นม่านแม่เล้ ฟ้อฟ้นมอญ ระบำ พัด ระบำ งู และฟ้อฟ้นม่านมุ้ยเชียงตา ซึ่งซึ่ได้ดัดแปลง ท่ารำ มาจากในราชสำ นักพม่า จนเป็นที่รู้ที่รู้จักกันแพร่หลาย มีความงดงาม ชดช้อยเป็นอย่างยิ่ง หม่อ ม่ มหลวงต่วนศรี วรวรรณ ตั้งคณะละครนฤมิตมิรขึ้น ขึ้ สายราชสกุลกุมนตรีกุรีลกุของหม่อม่มหลวงต่วต่นศรี เป็นป็ สายที่มี ที่ มี ความสามารถสูงสูในเชิงชิละครมาตั้งตั้แต่เต่จ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงพิทัพิกทัษ์ มนตรีผู้รีเผู้ป็นป็ต้นต้ราชสกุลกุนี้มี นี้ คมีวามรู้ครู้ วามสามารถและสนใจปลูกลู ฝังฝัวิชวิาการละครตกทอดมาตามลำ ดับดัจนถึงถึหม่อม่มหลวงต่วต่น ศรีท่รีาท่นจึงจึรอบรู้ทั้รู้ งทั้ ในกระบวนรำ และดนตรีตรีลอดจนการขับขั ร้อร้งโดยเฉพาะจะเข้นั้ข้นนั้หม่อม่มหลวงต่วต่นศรีเรีล่นล่ ได้ดีด้มดีาก ทรงตั้งตั้คณะละครนฤมิตมิรขึ้น ขึ้ และเป็นป็กำ ลังลัสำ คัญคั ในการ แต่งต่เพลงในละครร้อร้งทุกทุเรื่อ รื่ ง บทละครนั้นนั้ทรงนิพนินธ์อธ์ย่าย่ง รวดเร็วร็และท่าท่นก็บก็รรจุเจุพลงได้อด้ย่าย่งรวดเร็วร็ทันทัท่วท่งทีด้ทีวด้ย วิธีวิกธีารนั้นนั้คือคืท่าท่นจะเป็นป็ผู้ดีผู้ ดดีจะเข้แข้ละร้อร้งเพลงไปพร้อร้มกันกัรวมทั้งทั้คิดคิท่าท่รำ ตีบตีทให้เห้สร็จร็ที่ขึ้ ที่ น ขึ้ ชื่อ ชื่ มากคือคืเรื่อ รื่ งพระลอ หน้าน้๕
เจ้จ้า จ้ า จ้ พระยามหิหิ หิ น หิ นทรศัศั ศั ก ศั กดิ์ดิ์ ดิ์ ธำ ดิ์ ธำธำธำรง ผู้ผู้เผู้ผู้ริ่ริ่ม ริ่ ม ริ่ ละครพัพัน พั น พั ทาง ปรินริซ์เซ์ทียเตอร์เร์ป็นชื่อชื่ โรงละครของเจ้าจ้พระยามหิ นทรศักดิ์ธำ รง (เพ็งพ็เพ็ญพ็กุลกุ ) ซึ่งซึ่เคยรับรัใช้รัช้ชรักาล ที่ ๔ มาตั้งตั้แต่เด็ก ร.๔ ทรงรักรัใคร่จร่นนับเป็นบุตร เลี้ยง โดยเจ้าจ้พระยามหินหิทรศักดิ์ธำ รงเป็นเจ้าจ้ของ คณะละครมาตั้งตั้แต่สมัยมัรัชรักาลที่ ๔ แต่เพิ่งพิ่มาเป็น หลักฐานมั่นมั่คงในรัชรักาลที่ ๕ ซึ่งซึ่แต่เดิมก็แสดง ละครนอก ละครใน ต่อมาในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ ท่าน ได้เป็นอุปทูตทูไปอังกฤษเมื่อมื่พ.ศ. ๒๔๐๐ ขณะอายุ ๓๖ ปี (เข้าข้เฝ้า สมเด็จพระราชินีชิ นีาถวิควิตอเรียรี คราวหม่อม่มราโชทัยเป็นล่าม) ท่านจึงจึนำ แบบละคร ยุโรปมาปรับรั ปรุงละครนอกของท่าน ให้มีห้แมีนวทาง ที่แปลกออกไป ละครของท่านได้รับรัความนิยมมากในปลายรัชรักาลที่ ๕ และสิ่งสิ่ที่ท่านได้สร้าร้งให้เห้กิดในวงการละครของไทย คือ ได้ริเริริ่มริ่แสดงละครเก็บเงิน (ตีตั๋วตั๋ ) ที่โรงละครเป็นครั้งรั้ แรก เนื่องจากแต่เดิมคณะละครนี้เดิมชื่อชื่ Siamese Theatre เป็นละครที่เล่นอยู่กัยู่ กับบ้าบ้นตามความพอใจ ของเจ้าจ้ของ เวลามีแมีขกเมือมืงมาก็เล่นให้แห้ขกเมือมืงดู ชาวบ้าบ้นก็พลอยได้ดูด้ดูด้วย จนเมื่อมื่งานฉลองกรุง ๑๐๐ ปี (พ.ศ. ๒๔๒๕) เจ้าจ้พระยามหินหิทรฯ ได้เอาละครไปร่วร่ม แสดงในงานกลางท้องสนามหลวง ซึ่งซึ่มีกมีารเก็บเงินคน ที่ไปดูด้ดูด้วย จากนั้นนั้ท่านจึงจึคิดเล่นละครเก็บเงินค่าดูบ้ดูาบ้ง แล้วเปลี่ยนชื่อชื่ โรงละครเป็น "ปรินริซ์เซ์ทียเตอร์" ร์หมายถึง ละครของพระองค์เจ้าจ้ที่เป็นหลานของท่าน การแสดงของท่านก่อให้เห้กิดคำ ขึ้นขึ้คำ หนึ่ง คือ "วิกวิ " เหตุที่ตุที่เกิดคำ นี้คือ ละครของท่าน เดิมแสดงเวลาเดือน หงาย เดือนละ ๑ สัปสัดาห์ หรือรื๑ วีควีชาวบ้าบ้นเมื่อมื่ ไปดู ละครของท่าน ก็มักมัจะพูดกันว่าว่ ไปวิกวิคือ ไปสุดสุสัปสัดาห์ ด้วยการไปดูลดูะครของท่านเจ้าจ้พระยาฯ เรื่อรื่งที่แสดงมี ทั้งทั้ดาหลัง ราชาธิรธิาช และอื่นๆ การแต่งตัวก็แต่ง อย่าย่งสมจริงริเช่นช่เล่นเรื่อรื่งจีนจีก็แต่งชุดจีนจีเล่นเรื่อรื่ง พม่าม่ก็แต่งชุดพม่าม่ทำ ให้มีห้ผู้มีชื่ผู้ ชื่นชื่ชอบกันมาก จ้าจ้พระยามหินหิทรศักดิ์ธำ รง (เพ็งพ็เพ็ญพ็กุลกุ ) เป็นข้าข้ราชการ ชาวไทย ต้นสกุลกุ "เพ็ญพ็กุลกุ " เป็น ผู้ก่ผู้ ก่อตั้งตั้ โรงละครอย่าย่งตะวันวัตก โดยใช้ชื่ช้ ชื่อชื่ว่าว่ ปรินริซ์เซ์ธียธีร์เร์ตอร์ (Prince Theatre) และการริเริริ่มริ่ เ แสดงละครโดยเก็บค่าชม “เป็นคนแรกที่คิที่คิดตั้งโรงละคร เล่นละครเก็บเงิน คนดู ละครในสมัยนั้นก็คือ ละครนอก ว่ากันว่า เรื่อรื่งที่ชที่อบเล่นคือ ดาหลัง หรือ อิเหนาใหญ่ แต่ ต่อมาเล่นทั้งละครนอก ละครใน ทว่าดัดแปลงท่า รำ ให้ยักเยื้อยื้งต่างไปจากแบบหลวง” ปรินริซ์เซ์ทียเตอร์ โรงละครแห่งชีวิต หน้าน้๖
ละครดึกดึดำ บรรพ์เป็นป็ละครที่เ ที่ กิดกิขึ้น ขึ้ ในสมัยมัรัชรักาลที่ ๕ เจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์ ได้รด้วบรวมผู้มีผู้ คมีวามรู้ดีรู้ ใดีน ด้าด้นการจัดจับท คิดคิท่าท่รำ คัดคัเพลงร้อร้ง และดำ เนินนิการฝึกฝึซ้อซ้ม มาร่วร่มกันกัจัดจั โดยดัดดัแปลงมาจากการเล่นล่คอนเสิร์สิตร์ เรื่อ รื่ ง คือคืร้อร้งเพลงที่ต่ ที่ อต่กันกัเป็นป็เรื่อ รื่ ง ต่อต่มาจึงจึจัดจัผู้แผู้สดง ตามบทออกมาร่าร่ยรำ เสริมริบทเจรจา และตัดตับทอธิบธิาย กิริกิยริาท่าท่ทางออก ทำ ให้กห้ารแสดงกระชับชัรวดเร็วร็กลายเป็นป็ละคร ที่เ ที่ รียรีกว่าว่ละครดึกดึดำ บรรพ์นั้นนั้มาจากชื่อ ชื่ โรงละครของ เจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์ ทำ ให้ลห้ะครที่ทำ ที่ ทำการจัดจัการ แสดงที่โที่ รงละครดึกดึดำ บรรพ์จึงจึ ได้ชื่ด้อ ชื่ ว่าว่ละครดึกดึดำ บรรพ์ เจ้า จ้ พระยาเทเวศร์ว ร์ งศ์วิวัวิฒ วั น์ ผู้เริ่มริ่ละครดึกดําบรรพ์ พระเจ้า จ้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปธิ ประพันพัธ์พธ์งศ์ โรงมหรสพแห่งแรกในสยาม ละครดึกดำ บรรพ์ เป็นละครรำ อีกแบบหนึ่งนึ่ที่เที่จ้าพระยา เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) ได้ ดัดแปลงมาจากโอเปร่าของฝรั่ง โดยใช้เรื่อรื่งจักร ๆ วงศ์ ๆ ของไทย ทำ เป็นแบบละครรำ แต่ดำ เนินเรื่อรื่งให้ รวดเร็ว และจัดฉากประกอบเรื่อรื่งให้ดูสมจริง โรงละครปรีดรีาลัยลั ได้ถืด้อถืกำ เนิดนิขึ้น ขึ้ ในรัชรัสมัยมัพระบาท สมเด็จด็พระจุลจุจอมเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัเป็นป็ โรงละครแบบ ตะวันวัตก ที่โที่ อ่อ่อ่าอ่และทันทัสมัยมัที่สุ ที่ ดสุในยุคยุนั้นนั้ตั้งตั้ขึ้น ขึ้ ใน บริเริวณวังวัวรวรรณ อยู่ด้ยู่ าด้นทิศทิเหนือนืของสะพานช้าช้ง ข้าข้งโรงสี อันอัเป็นป็ที่ปที่ ระทับทัของ พระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอ กรม พระนราธิปธิ ประพันพัธ์พธ์งศ์ สร้าร้งตามแบบอย่าย่งโรงละคร หรือรื โอเปร่าร่ของตะวันวัตก มีกมีารแบ่งบ่ที่นั่ ที่ งนั่เป็นป็ ส่วส่น ๆ ตรงกลางเป็นป็ที่นั่ ที่ งนั่ของเจ้าจ้นาย ชนชั้นชั้สูงสูผู้มีผู้ มีบรรดาศักศัดิ์ ด้าด้นข้าข้งเป็นป็ที่นั่ ที่ งนั่สำ หรับรัผู้ติผู้ ดติตาม บุคบุคล ทั่วทั่ ไป มีบมีาร์ ขายเครื่อ รื่ งดื่ม ดื่ และอาหารว่าว่ง จัดจัแสดง เฉพาะวันวัเสาร์แร์ละวันวัอาทิตทิย์ หน้าน้๗
ในละครร้องได้มีการ ทำ เพิ่มการระบำ คั่น ฉากการแสดง เหตุการณ์สำ คัญของวงการ นาฏศิลป์ไทย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการก่อตั้งแตรวงทหารบก ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เธอ เจ้าฟ้าบริพัตร มีการอัดแผ่นเสียงขึ้น ครั้งแรก การดำ เนินการละครอิตา เลี่ยน การแสดงใช้เรื่องราว และท่าทางตามชาวตะวัน ตก แต่คำ ร้องแบบไทย หน้าน้๘
ผลงานด้านนาฏศิลป์ที่ ป์ ที่ สำ คัญในรัชรัสมัยมั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า จ้ อยู่หั ยู่ หัว การพัฒพันาละครในละครดึกดําบรรพ์ พัฒพันาละครรํารํที่มีอ มี ยู่เยู่ดิมมาเป็น ป็ ละครพันพัทางและละครเสภา กําหนดนาฏศิลป์เป็นที่บทระบําแทรกอยู่ใยู่น ละครเรื่องต่างๆ เช่นช่ระบําเทวดา- นางฟ้า ระบําตอนนางบุษบากับนางกํานันชมสารใน เรื่องอิเหนา ระบําไก่ ส่งส่เสริมริ ให้เ ห้ อกชนตั้งคณะละครอย่าย่งเเพร่ หลาย คณะละครสดที่มีชื่ มีชื่อ ชื่ เสีย สี งเเละเเสดงได้ดี พระองค์จะเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยตัวเอง อีกทั้งยังยัโปรดให้เ ห้ เสดงในพระราชฐานเพื่อ พื่ เป็น ป็ การต้อนรับรัเเขกบ้า บ้ นเเขกเมือ มื ง กําหนดนาฏศิลป์เป็นที่บทระบําแทรกอยู่ใยู่นละครเรื่องต่างๆ เช่นช่ระบําเทวดา- นางฟ้า ระบําตอนนางบุษบากับนางกํานันชมสารในเรื่องอิเหนา ระบําไก่ หน้าน้๙
ผู้จัผู้ ด จั ทำ ม.๖/๑๕ หน้าน้๑๐ นางสาวสมิตมิานันนันวลเจริญริ เลขที่ ๑๐ นางสาวศุภดา ขุนหนู เลขที่ ๑๑ นางสาวศรีสิรีตสิา ศรีใรีส เลขที่ ๓๑