เครื่องผสมอาหารสัตว์ นายเฉลิมชนม์ นาคคง นายติณณภพ ชูเลื่อน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขางานเทคนิคเครื่องกลเรือ สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช ประจำปีการศึกษา 2565
เครื่องผสมหารสัตว์ นายเฉลิมชนม์ นาคคง นายติณณภพ ชูเลื่อน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล สาขางานเทคนิคเครื่องกลเรือ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช ประจำปีการศึกษา 2565
ใบรับรองโครงการ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช เรื่อง เครื่องผสมอาหารสัตว์ โดย นายเฉลิมชนม์ นาคคง รหัส 64311020036 นายติณณภพ ชูเลื่อน รหัส 64311020021 ได้รับอนุมัติให้เป็นส่วนหนึ่งของของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขางานเทคนิคเครื่องกลเรือ สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล ......................................................หัวหน้าแผนกวิชาเทคนิคเครื่องกล ( นายธานินทร์ ภูนฤมิต ) วันที่ 26 เดือน มกราคม พ.ศ.2566 คณะกรรมการสอบโครงการ ..........................................................ประธานกรรมการ ( นายปรเมษฐ์ จิรักษา ) ..........................................................กรรมการ ( นางสาวอัจจิมา เกิดเมืองเล็ก ) ...........................................................กรรมการ ( นายวิษณุ พิชัยรัตน์)
ข ชื่อเรื่อง : เครื่องผสมอาหารสัตว์ โดย : นายเฉลิมชนม์ นาคคง รหัส 64311020036 นายติณณภพ ชูเลื่อน รหัส 64311020021 สาขาวิชา : เทคนิคเครื่องกล สาขางาน : เทคนิคเครื่องกลเรือ ครูที่ปรึกษา : นางสาวณัฐณรัชต์ อุดมไพจิตรกุล ปีการศึกษา : 2565 บทคัดย่อ เครื่องผสมอาหารสัตว์มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ และสร้างจากการทำโครงการเรื่องเครื่องผสม อาหารสัตว์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ และสร้างเพื่อสะดวกในการผสมอาหารสัตว์ และประหยัดเวลา เพื่อหาคุณภาพของชิ้นงาน เครื่องมือที่ใช้จัดการปัญหา ได้แก่เครื่องผสมอาหารสัตว์ และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ประกอบกิจการ สามารถสรุปอภิปรายผล และข้อเสนอแนะด้าน ลักษณะการใช้งานสามารถอธิบายได้ว่าสามารถดูแลรักษาได้ง่ายด้านคุณภาพของชิ้นงานสามารถอธิบาย ได้ว่า มีความรวดเร็วและเข้าใจในการเรียนรู้เข้าใจง่าย จากการที่ให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินเครื่องผสมอาหารสัตว์จำนวน 5 ท่านสามารถสรุปได้วิเคราะห์ ด้านลักษณะทางกายภาพมีคะแนนเฉลี่ย ( x ) = 4.70 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) = 0.98 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ด้านลักษณะการใช้งาน มีคะแนนเฉลี่ย ( x ) = 4.66 และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) = 0.50 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ด้านประสิทธิภาพของชิ้นงาน มีคะแนนเฉลี่ย ( x ) = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) = 0.51 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก
ค กิตติกรรมประกาศ การจัดทำโครงการนี้ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างสูงยิ่งจาก อาจารย์ ณัฐณรัชต์ อุดมไพจิตรกุล ปรึกษาโครงการ ที่ได้กรุณาให้คำปรึกษาแนะนำและตรวจสอบแก้ไข ข้อบกพร่องทุกขั้นตอนของการจัดทำโครงการขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ขอขอบคุณ บิดา มารดา เพื่อนนักเรียน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ไม่ได้กล่าวนามไว้ณ ที่นี้ ที่ได้ให้กำลังใจและมีส่วนช่วยเหลือให้โครงการฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีสุดท้ายนี้ คณะผู้จัดทำโครงการหวังว่าโครงงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้สนใจไม่มากก็น้อย คณะผู้จัดทำ
ง สารบัญ เรื่อง บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบัญ (ต่อ) สารบัญตาราง สารบัญรูปภาพ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาของโครงการ 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.3 สมมติฐาน 1.4 ขอบเขตของโครงการ 1.5 นิยามศัพท์ 1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ บทที่ 2 หลักการ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2.1 ถังพลาสติก 2.2 เหล็ก 2.3 สายไฟ 2.4 มอเตอร์ 2.5 สายพาน บทที่ 3 วิธีดำเนินโครงการ 3.1 การเตรียมการ/ศึกษาข้อมูล 3.2 การออกแบบ 3.3 การสร้าง 3.4 การทดลองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล/การทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพ บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงการ 4.1 ผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะทางกายภาพ 4.2 ผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะการใช้งาน 4.3 ผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะการทดลอง บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการดำเนินงาน 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะ หน้า ข ค จ ฉ ช 1 1 1 1 1 2 2 3 3 4 6 8 9 11 11 11 11 14 15 15 16 16 18 18 19 19
จ สารบัญ (ต่อ) บรรณานุกรม ภาคผนวก ก. ขั้นตอนการสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ ภาคผนวก ข. แบบประเมินความพึงพอใจ ประวัติผู้จัดทำโครงการ
ฉ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 4-1 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะทางกายภาพ 15 4-2 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะการใช้งาน 16 4-3 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านประสิทธิภาพของชิ้นงาน 16
ช สารบัญภาพ ภาพที่ 2-1 แสดงถังพลาสติก 2-2 แสดงเหล็กหล่อ 2-3 แสดงเหล็กกล้า 2-4 แสดงเหล็ก 2-5 แสดงสายไฟ 2-6 แสดงมอเตอร์ 2-7 แสดงสายพาน หน้า 3 4 5 6 7 9 10
บทที่1 บทนำ เครื่องผสมอาหารสัตว์เป็นเครื่องที่สามารถผสมอาหารให้สัตว์ได้จำนวนเยอะ และประหยัดเวลา 1.1 ความเป็นมาของปัญหา 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.3 สมมติฐาน 1.4 ขอบเขตของการศึกษา 1.5 นิยามศัพท์ 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.1 ความเป็นมาของปัญหา โครงการพัฒนาเครื่องผสมอาหารสัตว์กุ้งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่นิยมเลี้ยงเพราะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ประชากรสามารถประกอบอาชีพเป็นรายได้เสริมได้และเป็นธุรกิจขนาดย่อม และขนาดกลางใน ครอบครัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่การ ผสมอาหารกุ้งเพื่อเลี้ยงต้องผ่านการผสมให้ได้ปริมาณที่เท่าเทียมกัน และจึงจะเอาไปให้กุ้งกินช่วย ประหยัดเวลาและพลังงาน อย่างยิ่งเราจึงคิดค้นเครื่องผสมอาหารสัตว์ขึ้นมาเพื่อประหยัดเวลา ในการ ผสมอาหารสัตว์ดีมากกว่าเดิมเช่น ประหยัดเวลา และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการผสมอาหาร เป็นต้น การสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์เพื่อจะได้ผสมอาหารในปริมาณมากและเครื่องนั้นยังทำความ สะอาดง่ายอีกด้วย การรักษาดูแลเครื่องผสมอาหารควรเอาไว้ที่โปร่งแสงแต่ไม่ควรไว้กลางแดด ควรทำความสะอาดทุกครั้งหลัง การทำงานเพื่อลดคราบสกปรกควรตรวจสอบอยู่เป็นประจำ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นแรงจูงใจให้คิดค้น และสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ที่สามารถทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพสูง 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.2.1 เพื่อออกแบบ และสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ 1.2.2 เพื่อหาคุณภาพของเครื่องผสมอาหารสัตว์ 1.3 สมมติฐานการศึกษา เครื่องผสมอาหารสัตว์ผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญไม่ต่ำกว่า 3.50 1.4 ขอบเขตของการศึกษา เครื่องผสมอาหารสัตว์สามารถใช้งานได้เฉพาะอาหารประเภทเม็ดเท่านั้น
2 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ เครื่องผสมอาหารสัตว์ โดยมีหลักเพื่อที่จะประหยัดเวลา และประหยัดพลังงานเราได้ 1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.6.1 ได้เครื่องผสมอาหารสัตว์1 เครื่อง 1.6.2 สามารถนำไปใช้งานได้จริง 1.6.3 ได้เครื่องผสมอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับดี
บทที่ 2 หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาโครงการเรื่อง เครื่องผสมอาหารสัตว์ ได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่างๆ จากเอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไปนี้ 2.1 ถังพลาสติก 2.2 เหล็ก 2.3 สายไฟ 2.4 มอเตอร์ 2.5 สายพาน 2.1 ถังพลาสติก ถังพลาสติก คือ ภาชนะที่ใช้สำหรับบรรจุน้ำ ของเหลว สารเคมี ของหมักดอง หรือใช้เป็นถังขยะ ผลิตจากวัสดุพลาสติกโพลีเอทิลีนที่มีผิวภายในเรียบ โครงสร้างแข็งแรง น้ำหนักเบาทนทานต่อความ ร้อน และการกัดกร่อนไม่แตกหักง่าย และช่วยป้องกันสิ่งสกปรกจากภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันถังพลาสติกได้มีการผลิต และออกแบบให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบทั้ง ถังพลาสติก ทรงกลม ถังพลาสติกทรงสี่เหลี่ยม ถังพลาสติกทรงกระบอก ถังพลาสติกแบบมีฝาปิดครอบ ถังพลาสติกแบบพกพาพับได้ พร้อมกับมีหูหิ้วที่ด้านข้างเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นถังพลาสติกจึงถือเป็นภาชนะที่สามารถนำใช้งานได้อเนกประสงค์ทั้งภายในครัวเรือน งานเกษตรกรรม งานอุตสาหกรรม งานทำความสะอาด และใช้ในกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น ภาพที่ 2-1 แสดงถังพลาสติก
4 2.2 เหล็ก เหล็กเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทกับการนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด และเป็นที่รู้จักกัน อย่างแพร่หลาย โดยเหล็กจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ เหล็ก (iron) และเหล็กกล้า (steel) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีคุณสมบัติที่ต่างกันหลายประการแต่ส่วนใหญ่ก็มักจะถูกเรียกอย่างเหมารวม กันว่า “เหล็ก” นั่นเอง ลักษณะทั่วไปของเหล็กและเหล็กกล้า เหล็กจะมีสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์ คือ Fe มักพบได้มากในธรรมชาติมีลักษณะเป็นสีแดง อมน้ำตาลเมื่อนำเข้าใกล้กับแม่เหล็กจะดูดติดกันส่วนพื้นที่ที่ค้นพบเหล็กได้มากที่สุดก็คือ ตามชั้น หินใต้ดินที่อยู่บริเวณที่ราบสูง และภูเขาโดยจะอยู่ในรูปของสินแร่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ต้องใช้วิธี ถลุงออกมา เพื่อให้ได้เป็นแร่เหล็กบริสุทธิ์และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้สำหรับประเภทของเหล็ก สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ เหล็กหล่อ และเหล็กกล้า 2.2.1 เหล็กหล่อเป็นเหล็กที่ใช้วิธีการขึ้นรูปด้วยการหล่อขึ้นมา ซึ่งจะมีปริมาณของธาตุคาร์บอน ประมาณ 1.7-2% จึงทำให้เหล็กมีความแข็งแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเปราะ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เหล็กหล่อสามารถขึ้นรูปได้แค่วิธีการหล่อวิธีเดียวเท่านั้นไม่สามารถขึ้นรูปด้วยการรีดหรือวิธีการอื่นๆ นอกจากนี้เหล็กหล่อก็สามารถแบ่งย่อยๆ ได้ดังนี้ ภาพที่ 2-2 แสดงเหล็กหล่อ 2.2.1.1 เหล็กหล่อเทาเป็นเหล็กหล่อที่มีโครงสร้างคาร์บอนในรูปของกราฟไฟต์เพราะ มีคาร์บอน และซิลิคอนเป็นส่วนประกอบสูงมาก 2.2.1.2 เหล็กหล่อขาวเป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถทนต่อการเสียดสีได้ดี แต่จะเปราะจึงแตกหักได้ง่าย โดยเหล็กหล่อประเภทนี้ จะมีปริมาณของซิลิคอนต่ำกว่าเหล็กหล่อเทา ทั้งมีคาร์บอนอยู่ในรูปของคาร์ไบด์ของเหล็กหรือที่เรียกกว่า ซีเมนไตต์ 2.2.1.3 เหล็กหล่อกราฟไฟต์กลมเป็นเหล็กที่มีโครงสร้างเป็นกราฟไฟต์ ซึ่งจะมีส่วนผสมของ แมกนีเซียมหรือซีเรียมอยู่ในน้ำเหล็ก ทำให้เกิดรูปร่างกราฟไฟต์ทรงกลมขึ้นมาทั้งยังได้คุณสมบัติทาง กลในทางดีและโดดเด่นยิ่งขึ้น เหล็กหล่อกราฟไฟต์จึงได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานอย่าง แพร่หลาย และถูกนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมมากขึ้น
5 2.2.1.4 เหล็กหล่ออบเหนียวเป็นเหล็กที่ผ่านกระบวนการอบเพื่อให้ได้คาร์บอนในโครงสร้าง คาร์ไบด์แตกตัวมารวมกับกราฟไฟต์เม็ดกลม และกลายเป็นเฟอร์ไรด์หรือเพิร์ลไลต์ ซึ่งก็จะมีคุณสมบัติ ที่เหนียวแน่นกว่าเหล็กหล่อขาวเป็นอย่างมาก ทั้งได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานที่สุด 2.2.1.5 เหล็กหล่อโลหะผสมเป็นประเภทของเหล็กที่มีการเติมธาตุผสมเข้าไปหลายอย่าง ด้วยกัน ซึ่งก็จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของเหล็กให้ดีขึ้นโดยเฉพาะการทนต่อความร้อน และการ ต้านทานต่อแรงเสียดสีที่เกิดขึ้น เหล็กหล่อประเภทนี้จึงนิยมใช้ในงานที่ต้องสัมผัสกับความร้อน 2.2.2 เหล็กกล้าเป็นเหล็กที่มีความเหนียวแน่นมากกว่าเหล็กหล่อ ทั้งสามารถขึ้นรูปด้วยวิธีทางกล จึงทำให้เหล็กชนิดนี้นิยมถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และกว้างขวางมากขึ้น ตัวอย่างเหล็กกล้าที่มัก จะพบได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน คือ เหล็กแผ่น เหล็กโครงรถยนต์หรือเหล็กเส้น เป็นต้น นอกจากนี้คาร์บอนก็สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อยๆ ดังนี้ ภาพที่ 2-3 แสดงเหล็กกล้า 2.2.2.1 เหล็กกล้าคาร์บอนจะมีส่วนผสมหลักเป็นคาร์บอน และมีส่วนผสมอื่นๆ ปนอยู่บ้าง เล็กน้อยทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจะมีธาตุอะไรติดมาในขั้นตอนการถลุงบ้างดังนั้นเหล็กกล้าคาร์บอนจึงสามารถ แบ่งเป็นย่อยๆ ได้อีกตามปริมาณธาตุที่ผสม ดังนี้ 1.) เหล็กคาร์บอนต่ำมีคาร์บอนต่ำกว่า 0.2% และมีความแข็งแรงต่ำมากจึงนำมา รีดเป็นแผ่นได้ง่าย เช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เป็นต้น 2.) เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลางจะมีคาร์บอนอยู่ประมาณ 0.2-0.5% มีความ แข็งแรงสามารถนำมาใช้เป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรได้ 3.) เหล็กกล้าคาร์บอนสูงมีคาร์บอนสูงกว่า 0.5% มีความแข็งแรงสูงมากนิยม นำมาอบชุบความร้อนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถต้านทานต่อการสึกหรอได้ดี จึงนิยมนำมาทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องการผิวแข็ง 2.2.2.2 เหล็กกล้าผสมเป็นเหล็กที่มีการผสมธาตุอื่นๆ เข้าไปโดยเจาะจงเพื่อให้คุณสมบัติ ของเหล็กเป็นไปตามที่ต้องการโดยเหล็กประเภทนี้มักจะมีความสามารถในการต้านทานต่อ การกัดกร่อน และสามารถนำไฟฟ้าได้รวมถึงมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กอีกด้วย ซึ่งก็จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ เหล็กกล้าผสมต่ำ และเหล็กกล้าผสมสูงนั่นเองโดยเหล็กกล้าผสมต่ำจะเป็นเหล็กกล้าที่
6 มีการผสมด้วยธาตุอื่นๆ น้อยกว่า 10% และเหล็กกล้าผสมสูงจะเป็นเหล็กกล้าที่มีการผสมด้วยธาตุ อื่นๆ มากกว่า 10% เหล็ก เป็นแร่ธาตุที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเนื่องจาก มีคุณสมบัติที่เหมาะกับการนำมาใช้งานในหลายๆ ด้านแต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง คือ มีน้ำหนักมากทำให้ เคลื่อนย้ายได้ไม่ค่อยสะดวกมากนักอย่างไรก็ตาม เหล็ก ก็ยังคงเป็นที่นิยม และมีการนำมาใช้งาน ในอุตสาหกรรมหรือการผลิตเครื่องจักรกลต่างๆ รวมทั้งใช้ในการสร้างบ้านด้วย เพราะเป็นโลหะที่มี ความแข็งแรง และทนทานมาก ภาพที่ 2-4 แสดงเหล็ก 2.3 สายไฟ สายไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส่งพลังงานไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยกระแสไฟฟ้าจะเป็น ตัวนำพลังงานไฟฟ้าผ่านไปตามสายไฟจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟทำด้วยสารที่ยอมให้กระแสไฟฟ้า ผ่านได้ เรียกว่าตัวนำไฟฟ้า และตัวนำไฟฟ้าที่ใช้ทำสายไฟเป็นโลหะที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ดี ลวดตัวนำแต่ละชนิดยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ต่างกัน ตัวนำไฟฟ้าที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้มาก เรียกว่ามีความนำไฟฟ้ามากหรือมีความต้านทานไฟฟ้าน้อย ลวดตัวนำจะมีความต้านทานไฟฟ้าอยู่ด้วย โดยลวดตัวนำที่มีความต้านทานไฟฟ้ามากจะยอม ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้น้อย สายไฟ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งผ่านพลังานหรือสัญญา ไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะระบบส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยัง ผู้ใช้งานไฟฟ้าทั่วประเทศผ่านระบบสายส่ง และระบบจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งในระบบแรงดันสูงแรงดัน ปานกลาง และแรงดันต่ำนอกจากนี้สายไฟฟ้ายังใช้ในระบบสื่อสารและโทรคมนนาคม และระบบ ควบคุมในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย ทั้งนี้สายไฟฟ้า คือ วัสดุที่ประกอบไปด้วยธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติ ในการนำไฟฟ้า และนำความร้อนได้ดีเนื่องจากเนื้อโลหะที่มีความแข็งและเหนียว โดยเฉพาะทองแดง ที่สามารถนำมาแปรรูปได้ตามต้องการ จึงได้รับความนิยมในวงการของอุตสาหกรรมซึ่งสายไฟแต่ละ ชนิดจะได้รับการออกแบบแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างและคุณสมบัติการใช้งาน สายไฟแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
7 2.3.1. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Power cable)ลักษณะของสายไฟรับแรงดันไฟฟ้า ได้ไม่เกิน 6kV ส่วนใหญ่จะมีฉนวนเป็น (XLPE) ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานกว่าฉนวน PVC และยังทน ความร้อนได้สูงถึง 90 ํC บางชนิดอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นจาก การติดตั้งได้มากขึ้น เช่น สาย CV, CV-AWA, CV-SWA เป็นต้น 2.3.2.สายไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)รับแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 36kV ถึง 170kV ตัวนำทองแดง มีโครงสร้างหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งาน ภาพที่ 2-5 แสดงสายไฟ 2.4 มอเตอร์ มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล การทำงานปกติของ มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กในตัวมอเตอร์ และสนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสในขดลวดทำให้เกิดแรงดูด และแรงผลักของสนามแม่เหล็กทั้ง สอง ในการใช้งานตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการขนส่งใช้มอเตอร์ฉุดลาก เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถทำงานได้ถึงสองแบบ ได้แก่ การสร้างพลังงานกล และการผลิตพลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำไปใช้งานที่หลากหลายเช่น พัดลมอุตสาหกรรม เครื่องเป่า ปั๊ม เครื่องมือเครื่องใช้ ในครัวเรือน และดิสก์ไดรฟ์ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนโดยแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง (DC) เช่น จากแบตเตอรี่, ยานยนต์หรือวงจรเรียงกระแส หรือจากแหล่งจ่ายไฟกระแสสลับ (AC) เช่น จากไฟ บ้าน อินเวอร์เตอร์ หรือ เครื่องปั่นไฟ มอเตอร์ขนาดเล็กอาจจะพบในนาฬิกาไฟฟ้า มอเตอร์ทั่วไปที่มี ขนาดและคุณลักษณะมาตรฐานสูงจะให้พลังงานกลที่สะดวกสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใหญ่ที่สุดใช้สำหรับการใช้งานลากจูงเรือ และการบีบอัดท่อส่งน้ำมันและปั๊มสูบจัดเก็บน้ำมันซึ่งมี กำลังถึง 100 เมกะวัตต์ มอเตอร์ไฟฟ้าอาจจำแนกตามประเภทของแหล่งที่มาของพลังงานไฟฟ้าหรือ ตามโครงสร้างภายในหรือตามการใช้งานหรือตามการเคลื่อนไหวของเอาต์พุตและอื่น ๆ อุปกรณ์เช่นขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า และลำโพงที่แปลงกระแสไฟฟ้าให้เป็นการเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้สร้างพลังงานกลที่ใช้งานได้จะเรียกถูกว่า actuator และ transducer ตามลำดับ คำว่ามอเตอร์ไฟฟ้านั้น ต้องใช้สร้างแรงเชิงเส้น หรือ แรงบิด หรือ เรียกอีกอย่างว่าหมุนเท่านั้น
8 ประวัติมอเตอร์ในยุคสอง (Motor Two) การทดลองแม่เหล็กไฟฟ้าของฟาราเดย์ในปี 1821 หลักการที่อยู่เบื้องหลังผลิตผลของแรงทางกลของมอเตอร์ก็คือการมีปฏิสัมพันธ์กันขอกระแสไฟฟ้า และสนามแม่เหล็กที่มีอยู่ในตัวมอเตอร์ กฎของแอมแปร์ถูกค้นพบโดย อ็องเดร-มารี อ็องแปร์ ในปี 1820 การเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้าไปเป็นพลังงานกลโดยวิธีการทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ถูกแสดง ให้เห็นโดย ไมเคิล ฟาราเดย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษในปี1821ลวดแขวนอย่างอิสระถูกจุ่มลงใน แอ่งของปรอทซึ่งมีสารแม่เหล็กถาวร (PM)ได้ถูกนำมาวางไว้ เมื่อกระแสไฟฟ้าถูกส่งผ่านไปยังเส้นลวด เส้นลวดจะถูกหมุนไปรอบ ๆ แม่เหล็กแสดงให้เห็นว่า กระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กรูปวงกลมปิดรอบเส้นลวด มอเตอร์นี้มักจะถูกแสดงสาธิตให้เห็น ในการทดลองทางฟิสิกส์, โดยการใช้น้ำเกลือทดแทนปรอทที่มีความเป็นพิษ แม้ว่าวงล้อบาร์โลว์ (Barlow's wheel) คือการปรับปรุงในช่วงยุคต้นๆ ของการแสดงสาธิตของฟาราเดย์นี้, มอเตอร์แบบ ขั้วเหมือน เหล่านี้และที่คล้ายคลึงกันจะยังคงพอที่จะประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติได้จนกระทั่งถึงในช่วง ปลายศตวรรษในปี 1827 นักฟิสิกส์ชาวฮังการี อานาโยส เยดลิค (Ányos Jedlik) เริ่มการทดลอง กับขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic coil) โครงสร้างมอเตอร์ในมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนที่เคลื่อนที่คือโรเตอร์ ซึ่งจะช่วยในการหมุนเพลาเพื่อ จ่ายพลังงานกล โรเตอร์มักจะมี ขดลวดตัวนำพันอยู่โดยรอบ ซึ่งเมื่อมีกระแสไหลผ่าน จะเกิดอำนาจ แม่เหล็กที่จะไปทำปฏิกิริยากับ สนามแม่เหล็กถาวรของสเตเตอร์ ขับเพลาให้หมุนได้ อย่างไรก็ตาม โรเตอร์บางตัวจะเป็นแม่เหล็กถาวรและสเตเตอร์จะมีขดลวดตัวนำสลับที่กัน สเตเตอร์จะเป็นส่วนที่อยู่ กับที่ซึ่งจะประกอบด้วยโครงของมอเตอร์ แกนเหล็กสเตเตอร์ และขดลวด ช่องว่างอากาศระหว่างโรเตอร์และสเตเตอร์จะเป็นช่องว่างอากาศ ซึ่งจะต้องมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ ช่องว่างขนาดใหญ่จะมีผลกระทบทางลบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์ ไฟฟ้า ตัวสับเปลี่ยนเป็นกลไกที่ใช้ในการสลับอินพุทของมอเตอร์AC และ DC เพื่อให้กระแสที่ไหลใน ขดลวดในโรเตอร์ไหลทางเดียวตลอดเวลาในระหว่างการหมุน ประกอบด้วยวงแหวนลื่นชิ้นเล็กๆแยก จากกันด้วยฉนวน วงแหวนนี้ยังแยกจากเพลาของมอเตอร์ด้วยฉนวนอีกด้วย วงแหวนแต่ละคู่ที่อยู่ตรง ข้ามกันจะเป็นขดลวดหนึ่งชุด กระแสที่จ่ายให้มัดข้าวต้ม หรือที่เรียกว่า armature ของมอเตอร์จะถูก ส่งผ่านแปลงถ่านสองตัวที่แตะอยู่กับตัวสับเปลี่ยนแต่ละด้านที่กำลังหมุนอยู่ ซึ่งจะทำให้กระแสจาก แหล่งจ่ายไฟ AC ที่ไหลกลับทาง ไหลในขดลวดทิศทางเดียวในขณะที่โรเตอร์หมุนจากขั้วหนึ่งไปอีก ขั้วหนึ่ง ในกรณีที่ไม่มีกระแสแหล่งจ่ายไม่กลับทางมอเตอร์จะเบรกหยุดอยู่กับที่ในแง่ของ ความก้าวหน้าที่สำคัญในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีที่ดีขึ้นในการควบคุม อิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์เหนี่ยวนำที่ควบคุมโดยไม่ใช้เซ็นเซอร์ และมอเตอร์ที่มีสนามแม่เหล็กถาวร มอเตอร์ที่มีตัวสับเปลี่ยนแบบกลไกไฟฟ้ากำลังถูกแทนที่เพิ่มขึ้นด้วยมอเตอร์เหนี่ยวนำที่ใช้ตัว สับเปลี่ยนภายนอกและมอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวร
9 ภาพที่ 2-6 แสดงมอเตอร์ 2.5 สายพาน สายพาน คือ วัสดุที่ยืดหยุ่นที่เป็นตัวคล้องระหว่างตัวขับและตัวตามหรือที่เรียกว่ามู่เล่ย์ (pulley) ซึ่งจะเชื่อมได้ตั้งแต่ 2 มู่เล่ย์ ขึ้นไป โดยจะส่งกำลังจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเช่นเดียวกับหลักการเฟือง กับโซ่ แต่สายพานจะรับการสั่นสะเทือนได้ดี ขณะใช้งานไม่มีเสียงดัง และยังสามารถส่งกำลังเพื่อ เปลี่ยนทิศทางได้ด้วย หรือใช้เพื่อเป็นส่วนรองรับวัสดุสิ่งของต่างๆ ทำให้วัสดุขนถ่ายที่อยู่บนสายพาน นั้นเคลื่อนที่ตามสายพานไปด้วยนั่นเอง ชนิดของสายพาน สายพานถูกแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 2 ประเภท สายพานส่งลำเลียง (Conveyor belt) และสายพานส่งกำลัง (Tranmission belt) 2.5.1 สายพานลำเลียง (Conveyor belt) สายพานชนิดนี้ทำหน้าที่ขนย้ายหรือลำเลียงสิ่งของ หรือวัสดุต่างๆจากจุดๆ หนึ่งไปยังอีกจุดนึง และถูกใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ตัวสายพาน ลำเลียงมีเนื้อวัสดุ รูปทรง ค่อนข้างหลากหลายแบบมากๆ ขึ้นอยู่กับนำไปใช้ลำเลียงอะไร 2.5.2 สายพานส่งกำลัง (Transmission belt) นิยมใช้อยู่ในเครื่องจักรกล โดยทำหน้าที่หลักๆ ในการส่งกำลังระหว่าง ตัวขับ (Driver) และตัวตาม (Driven) โดยสายพานจะล้องไปที่ pulley ของทั้งตัวขับ และตัวตาม ซึ่งจะแบ่งออกได้อีก 4 ประเภทหลักๆ 2.5.2.1 สายพานกลม (Round belt) สายพานกลมใช้ในงานที่ต้องการควบคุมการ เคลื่อนที่ จำพวกระบบรางที่ใช้ลำเลียงของในไลน์การผลิต เนื่องจากตัวมันเองสายมารถรับการบิด หรือหมุนได้ดีทำให้กำหนัดทิศทางการเคลื่อนที่ได้ง่าย หรืองานที่ต้องการแรงส่งน้อยซึ่งจะมีการใช้ ส่วนมากในเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ ฯลฯ 2.5.2.2 สายพานแบน (Flat belt) สายพานแบนสามารถส่งกำลังออกไปได้ดีแม้ระยะห่าง ระหว่างตัวมู่เล่ย์ค่อนข้างไกลเหมาะกับการงานที่ต้องการพลังงานต่ำ และความเร็วรอบสูง 2.5.2.3 สายพานวี (V belt) หน้าตัดสายพานเป็นรูปตัว V เข้ากับร่องของมู่เล่ย์ทำให้ หน้าสัมผัสในการส่งกำลังเยอะกว่าแบบอื่น เหมาะสมกับเครื่องจักรที่รอบไม่สูงมากนัก จึงเป็นที่นิยม ใช้ในเครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงส่งสูง
10 2.5.2.4 สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) ตัวสายพานจะมี ลักษณะพิเศษมากกว่า 3 แบบแรกคือจะมีฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพานลักษณะพื้นที่หน้าตัด เป็นรูปสี่เหลียมคางหมู สายพานชนิดนี้สามารถงอตัวได้ดีจะขับกับ Pulley ที่มีฟันเป็นไทม์มิ่ง เหมือนกัน ทำให้เกิดการขบกันเหมือนฟันเฟือง จึงไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกำลัง สามารถใช้เป็นตัว ส่งกำลังงานในเครื่องยนต์, พัดลมอุตสาหกรรม ต่างๆ หรือในเครื่องจักรที่ต้องการการสูญเสียงในการ ส่งกำลังน้อยๆ ภาพที่ 2-7 แสดงสายพาน
บทที่ 3 วิธีการดำเนินโครงการ ในการดำเนินการศึกษา เครื่องผสมอาหารสัตว์มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ และสร้างเครื่อง ผสมอาหารสัตว์และหาคุณภาพภาพของเครื่องผสมอาหารสัตว์ให้ผู้สนใจได้รู้ถึงการทำงานของ เครื่อง ผสมอาหารสัตว์มีขั้นตอนการศึกษาดังนี้ 3.1 การเตรียมการ/ศึกษาข้อมูล 3.2 การออกแบบ 3.3 การสร้าง 3.4 การทดลองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล/การทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพ 3.1 การเตรียมการ/ศึกษาข้อมูล ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องผสมอาหารสัตว์และศึกษาเครื่องมือกับวัสดุที่ใช้ในการสร้างเครื่อง ผสมอาหารสัตว์ 3.2 การออกแบบ การออกแบบเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน สะดวกในการผสมอาหารให้สัตว์ที่เราเลี้ยงช่วย ประหยัดเวลา และสามารถทำให้นักเรียนนักศึกษาเข้าใจได้ง่าย 3.3 การสร้าง 3.3.1 ศึกษาขอมูลเบื้องต้น 3.3.2 ออกแบบโครงสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ 3.3.3 อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบ 3.3.4 เลือกวัสดุ อุปกรณ์ 3.3.5 สร้าง และประกอบเครื่องต้นแบบ 3.3.6 การทดลองใช้
12 หัวข้อขั้นตอนการออกแบบ และสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ ภาพที่ 3-1 แสดงขั้นตอนการออกแบบ และสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ ปรับปรุง ออกแบบโครงสร้าง เครื่องผสมอาหารสัตว์ เริ่ม เลือกวัสดุและอุปกรณ์ สร้างและประกอบโมเดลต้นแบบ ปรับปรุง ทดลองใช้ จริง นำไปใช้งานได้จริง ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน อาจารย์ ที่ปรึกษา ไม่ผ่าน
13 หัวข้อขั้นตอนการการทำแบบประเมิน ภาพที่ 3-2 แสดงขั้นตอนการการทำแบบประเมิน ศึกษาคุณลักษณะที่จะ ประเมิน กำหนดประเภทของข้อความ ปรับปรุง อาจารย์ที่ปรึกษา การร่างแบบสอบถาม ทดลองใช้ ปรับปรุง จัดพิมพ์แบบประเมิน ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ผ่าน
14 3.4 การทดลองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล/การทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพ 3.4.1 ติดต่อเชิญผู้เชี่ยวชาญ 3.4.2 นัดวัน และเวลาในการประเมิน 3.4.3 แจกใบประเมิน 3.4.4 ตรวจสอบความถูกต้อง 3.4.5 นำใบประเมินมาวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป 4.50-5.00 หมายถึง ดีมาก 3.50-4.49 หมายถึง ดี 2.50-3.49 หมายถึง พอใช้ 1.50-2.49 หมายถึง ควรปรับปรุง 1.00-1.49 หมายถึง ปรับปรุง
บทที่4 ผลการดำเนินโครงการ การสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ ขณะผู้ศึกษาได้ศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลผลการศึกษาค้นคว้า ดังนี้ 4.1 การหาค่าผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะทางกายภาพ ผลการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องผสมอาหารสัตว์เพื่อหาคุณภาพของเครื่องผสมอาหารสัตว์ มีผลการดำเนินโครงการดังตารางต่อไปนี้ 4.1.1 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะทางกายภาพ ตารางที่ 4-1 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะทางกายภาพ ด้านลักษณะทางกายภาพ ข้อ รายการในการประเมิน X̅ S.D. แปลผล 1. การออกแบบและสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ 5.00 0.00 ดีมาก 2. ออกแบบหลักการทำงานได้เหมาะสม และใช้งานได้ 4.20 0.44 ดี 3. ความเหมาะสมของชิ้นงาน 5.00 0.00 ดีมาก 4. การออกแบบมีความกะทัดรัด และสะดวก 4.60 0.54 ดี ค่าเฉลี่ยรวม 4.70 0.98 ดีมาก จากตารางที่ 4.1 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะทางกายภาพสามารถ อธิบายได้ว่า การออกแบบ และสร้างเครื่องผสมอาหารสัตว์ มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 5.00 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.00 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของออกแบบหลักการทำงานได้ เหมาะสมและใช้งานได้มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.20 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.44 แสดงว่า อยู่ในระดับดี ในเรื่องของความเหมาะสมของชิ้นงาน มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 5.00 และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน S.D. = 0.00 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของการออกแบบมีความกะทัดรัด มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดี จากการ วิเคราะห์ด้านลักษณะทางกายภาพ มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.70 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.98 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก
16 4.2 ผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะการใช้งาน 4.1.2 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะการใช้งาน ตารางที่ 4-2 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะการใช้งาน ด้านลักษณะการใช้งาน ข้อ รายการในการประเมิน X̅ S.D. แปลผล 1. สามารถดูแลรักษาได้ง่าย 4.80 0.44 ดีมาก 2. สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว 4.60 0.54 ดีมาก 3. สามารถประกอบการเรียนการสอนได้จริง 4.60 0.54 ดีมาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.66 0.50 ดีมาก จากตารางที่ 4-2 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะการใช้งานสามารถ อธิบายได้ว่าสามารถดูแลรักษาได้ง่ายนมีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.80 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.44 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของการ ประกอบการเรียนการสอนได้จริง มีคะแนนเฉลี่ย ̅X = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก จากการวิเคราะห์ด้านลักษณะการใช้งาน มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.66 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.50 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก 4.3 ผลประเมินความพึงพอใจด้านลักษณะการทดลอง 4.1.3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านคุณภาพของชิ้นงาน ตารางที่ 4-3 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านลักษณะการทดลอง ด้านลักษณะการทดลอง ข้อ รายการในการประเมิน X̅ S.D. แปลผล 1. มีความรวดเร็วและเข้าใจในการเรียนรู้เข้าใจง่าย 4.60 0.54 ดีมาก 2. ชิ้นงานมีความสมบูรณ์ 4.40 0.54 ดี 3. การออกแบบรูปร่างเหมาะสม 4.80 0.44 ดีมาก 4. ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก 4.60 0.54 ดีมาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.60 0.51 ดีมาก จากตารางที่ 4-3 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านคุณภาพของชิ้นงานสามารถ อธิบายได้ว่า มีความรวดเร็วและเข้าใจในการเรียนรู้เข้าใจง่าย มีคะแนนเฉลี่ย X̅= 4.60 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของชิ้นงานมีความสมบูรณ์มี
17 คะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.40 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S. D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีในเรื่องของ การออกแบบรูปร่างเหมาะสม มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.80 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานS.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมากในเรื่องของการใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากมีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.60 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก จากการวิเคราะห์ด้านลักษณะการใช้ งาน มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. = 0.51 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ จากการทำโครงการเรื่อง เครื่องผสมอาหารสัตว์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ และสร้าง เครื่องผสมอาหารสัตว์เพื่อหาคุณภาพของชิ้นงาน เครื่องมือที่ใช้จัดการปัญหา ได้แก่เครื่องผสมอาหาร สัตว์และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ประกอบกิจการสามารถสรุปอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ได้ดังนี้ 5.1 สรุปผล 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 5.1.1 ด้านลักษณะทางกายภาพสามารถอธิบายได้ว่า การออกแบบ และสร้างเครื่องผสมอาหาร สัตว์มีคะแนนเฉลี่ย = 5.00 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.00 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ใน เรื่องของออกแบบหลักการทำงานได้เหมาะสมและใช้งานได้มีคะแนนเฉลี่ย = 4.20 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.44 แสดงว่าอยู่ในระดับดี ในเรื่องของความเหมาะสมของชิ้นงานมี คะแนนเฉลี่ย = 5.00 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.00 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่อง ของการออกแบบมีความกะทัดรัด มีคะแนนเฉลี่ย = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดี จากการวิเคราะห์ด้านลักษณะทางกายภาพ มีคะแนนเฉลี่ย = 4.70 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.98 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก 5.1.2 ด้านลักษณะการใช้งานสามารถอธิบายได้ว่าสามารถดูแลรักษาได้ง่ายนมีคะแนนเฉลี่ย = 4.80 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.44 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ในเรื่องของการใช้งาได้ อย่างรวดเร็วมีคะแนนเฉลี่ย =4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดี มาก ในเรื่องของการประกอบการเรียนการสอนได้จริง มีคะแนนเฉลี่ย = 4.60 และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก จากการวิเคราะห์ด้านลักษณะการใช้งาน มีคะแนน เฉลี่ย = 4.66 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.50 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก 5.1.3 ด้านคุณภาพของชิ้นงานสามารถอธิบายได้ว่า มีความรวดเร็วและเข้าใจในการเรียนรู้เข้าใจ ง่ายมีคะแนนเฉลี่ย = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ใน เรื่องของชิ้นงานมีความสมบูรณ์มีคะแนนเฉลี่ย = 4.40 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดี ในเรื่องของการออกแบบรูปร่างเหมาะสม มีคะแนนเฉลี่ย = 4.80 และค่า เบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมากในเรื่องของการใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากมี คะแนนเฉลี่ย = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.54 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก จากการ วิเคราะห์ด้านลักษณะการใช้งาน มีคะแนนเฉลี่ย = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.51 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก
19 5.2 อภิปรายผลการจัดทำโครงการ การวิเคราะห์การเครื่องผสมอาหารสัตว์ครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้รับความร่วมมือจากผู้เชียวชาญด้าน การประดิษฐ์มาทำการประเมิน โดยการแสดงความคิดเห็นลงในแบบประเมินจากการที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินชุดฝึกเครื่องผสมอาหารสัตว์จำนวน 5 ท่านสามารถสรุปได้วิเคราะห์ ด้านลักษณะทาง กายภาพ มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.70 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S. D = 0.98 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก ด้านลักษณะการใช้งาน มีคะแนนเฉลี่ย X̅=4.66 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S. D. = 0.50 แสดงว่าอยู่ ในระดับดีมาก ด้านประสิทธิภาพของชิ้นงาน มีคะแนนเฉลี่ย X̅ = 4.60 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน S. D. = 0.55 แสดงว่าอยู่ในระดับดีมาก 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะทั่วไป 5.3.1.1 ก่อนใช้งานควรตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ให้ดีก่อนใช้งาน 5.3.1.2 หลังใช้งานควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย 5.3.1.3 ถ้าพัฒนาต่อเกี่ยวกับความเร็วของการหมุน
บรรณานุกรม ภาษาไทย กิตติพันธุ์ จิตสำรวยและดนุพล นาควิโรจน์และคณะ. 2557. เครื่องผลิตแป้งตาลโตหนด. ปริญญา นิพนธ์.สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหการ. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย. ไชยชาญ พินเกิด. 2561. มอเตอร์ไฟฟ้าและการควบคุม. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น. กรุงเทพฯ. มานพ ตันตระบัณฑิตย์. 2537. การออกแบบเครื่องจักรกล. พิมพ์ครั้งที่2. บริษัทประชาชน.กรุงเทพฯ. มงคล พรหมเทศ. 2542. งานไฟฟ้าทั่วไป. เอมพันธ์. กรุงเทพฯ. วริทธิ์ อึ้งภากรณ์และ ชาญ ถนัดงาน. 2537. การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล 1. บริษัท เอชเอ็น กรุ๊ป.กรุงเทพฯ. วิทยากร ฤทธิมนตรี. 2538. การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล. พิมพ์ครั้งที่ 1. ทริปเปิ้นกรุ๊ป จำกัด. กรุงเทพฯ. วิชิต นางแล และ นิติพงษ์ ใจสิน. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของชนิดเครื่องกวนสับปะรด. สุเทพ กสิกรรมและคณะ. 2555. วิจัยและพัฒนาเครื่องกวนเนื้อทุเรียน. กรมวิชาการเกษตร. อรรณพ เรื่องวิเศษ ดร. 2561. การออกแบบเครื่องจักรกล. พิมพ์ครั้งที่ 1. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น. กรุงเทพฯ. เว็บไซต์ https://th.misumiec.com/th/pr/recommend_category/ www.thaimetallic.com https://www.pakorn-electric.com/ https://th.wikipedia.org/wiki/ https://northpower.co.th/pages/
ภาคผนวก ก. ขั้นตอนการพัฒนาเครื่องผสมอาหารสัตว์ ขั้นตอนการพัฒนาเครื่องผสมอาหารสัตว์
ภาพที่ ก-1 แสดงออกแบบร่างแนวความคิดการออกแบบเครื่องจักร ภาพที่ก-2 แสดงเชื่อมฐานขาตั้งเครื่องผสมอาหาร
ภาพที่ ก-3 แสดงสร้างโครงสร้างตัวฐานขาตั้งตามแบบ ภาพที่ ก-4 แสดงสร้างฐานตั้งมอเตอร์ตามแบบ
ภาพที่ ก-5 แสดงการติดตั้งใบพัดช่วยผสมอาหาร ภาพที่ ก-6 แสดงการสร้างตัวถังผสมอาหารสัตว์
ภาพที่ ก-7 แสดงประกอบชิ้นงานต่างๆเข้าด้วยกัน ภาพที่ ก-8 แสดงทดลองชิ้นงาน
ภาคผนวก ข. แบบประเมินความพึงพอใจ
แบบประเมินเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องผสมอาหารสัตว์ ให้ท ำเครื่องหมำย(/)ในช่องระดับควำมคิดเห็นที่ท่ำนเห็นว่ำเหมำะสมที่สุด กำรประเมินผลโครงกำรเครื่องผสมอาหารสัตว์ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ................................ ลงชื่อ…………………………………….. (……………………………………) ผู้ประเมิน รายการ ความคิดเหน ็ ของผ้เชี่ยวชู าญ 5 4 3 2 1 ด้านลักษณะทางกายภาพ 1. การออกแบบและสร้างเครื่องผสมอาหาร สัตว์ 2.ออกแบบหลักการทำงานได้เหมาะสมและใช้ งานได้ 3.ความเหมาะสมของชิ้นงาน 4.การออกแบบมีความกะทัดรัดและสะดวก ด้านการใช้งาน 1. สามารถดูแลรักษาได้ง่าย 2. สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว 3. สามารถใช้ประกอบการเรียนการสอนได้จริง ด้านลักษณะการทดลอง 1. มีความเร็วและเข้าใจในการเรียนรู้เข้าใจง่าย 2. ชิ้นงานมีความสมบูรณ์ 3. การออกแบบรูปร่างเหมาะสมกับการใช้งาน 4.ใช้งานง่ายไม่ยุ่งอยาก
ประวัติผู้จัดทำโครงการ
ประวัติผู้จัดท ำ ชื่อ-สกุล นักศึกษา นายติณณภพ ชูเลื่อน รหัส 64311020021 เรื่อง เครื่องผสมอาหารสัตว์ สาขาวิชา เทคนิคเครื่องกล สาขางาน เทคนิคเครื่องกลเรือ ประวัติ ประวัติส่วนตัว เกิดวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 อายุ21 ปี บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เบอร์โทรติดต่อ 0937125741 ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ. 2560 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นจากสถานศึกษา ก.ส.น ป่าพะยอม ปีพ.ศ. 2563 สำเร็จการศึกษาระดับประกาศบัตรวิชาชีพจากสถานศึกษาวิทยาลัยเทคนิคป่าพะยอม ปี พ.ศ. 2565 กำลังศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจากสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช
ประวัติผู้จัดท ำ ชื่อ-สกุล นักศึกษา นายเฉลิมชนม์ นาคคง รหัส 64311020036 เรื่อง เครื่องผสมอาหารสัตว์ สาขาวิชา เทคนิคเครื่องกล สาขางาน เทคนิคเครื่องกลเรือ ประวัติ ประวัติส่วนตัว เกิดวันที่ 5 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2544 อายุ21 ปี บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านใหม่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เบอร์โทรติดต่อ 0642083518 ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ. 2560 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นจากสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม ๑ จังหวัด สุราษฎร์ธานี ปี พ.ศ. 2563 สำเร็จการศึกษาระดับประกาศบัตรวิชาชีพจากสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2565 กำลังศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจากสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช