330
7. เมื่อครูเห็นว่านักเรียนเข้าใจดีแล้ว ครูถาม Are you ready? แล้วเปิดเพลง และหยุดเพลงตามลำดับ
ขน้ั ตอน โดยไมใ่ หเ้ พลงหยุดท่ีนกั เรยี นคนเดมิ
8. นกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบประโยคบนกระดานและแก้ไขใหถ้ ูกต้อง (ครูเพ่ิมเตมิ )
9. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสรุปผลการเรยี นรูแ้ ละการต่อยอดการเรียนรู้ ในแบบบันทกึ การเรียนรู้
6. การวัดและประเมินผล
สิ่งท่ีต้องการวดั ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
- แบบสังเกต - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4
- การทำงานค/ู่ กลุ่ม - สงั เกตการณ์ทำงานคู่/กล่มุ - แบบบนั ทกึ คะแนน - ตาราง Rubric
- แบบฝึกหัด - ตาราง Rubric
- Speaking - การปฏิบัติกิจกรรมการพูด - แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ - นักเรยี นประเมนิ ตนเอง
- แบบฝกึ หดั - ตรวจความถูกต้อง
- การเรียนรู้ - บนั ทกึ การเรยี นรู้
7. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 Clip Youtube เรอ่ื ง “80 most common IRREGULAR VERBS & music”
https://www.youtube.com/watch?v=NyGAZSv9r54
7.2 Audio CD TR: 73
7.3 Student’s book หน้า 88, 148-149, 173 และ Workbook หน้า 52
7.4 Worksheet 1.5.5
7.5 บัตรคำศัพท์ fashion, heels, jeans, suit, sweatshirt, tie, uniform, fabric, tights, bride, tattoos,
accessory, bracelet, necklace, outfit, wealth
331
8. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไมผ่ า่ นเกณฑ.์ ...................คน
8.1 ด้านความรู้ รอ้ ยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
จำนวนนักเรียนท้ังหมด....................คน
คิดเป็นรอ้ ยละ......................................
8.2 ด้านทกั ษะ ผ่านเกณฑ.์ ...................คน ไมผ่ า่ นเกณฑ์....................คน
จำนวนนักเรยี นท้งั หมด....................คน รอ้ ยละ.............................. ร้อยละ..................................
คดิ เป็นร้อยละ......................................
8.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์....................คน ไมผ่ า่ นเกณฑ์....................คน
จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ร้อยละ.............................. ร้อยละ..................................
คดิ เปน็ ร้อยละ......................................
8.4 ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวสพุ ิวรรณ เนอื งสา)
332
เฉลย Worksheet 1.5.5
Workbook page 52
333
แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7-8
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 What We Wear วิชาภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน (อ31101)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ปกี ารศกึ ษา 2565 ภาคเรยี นที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา
จำนวน 2 ชว่ั โมง วนั ท่สี อน.............................................
*********************************************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด
ต 3.1 ม. 4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระ
การเรียนรอู้ น่ื จากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ และนำเสนอด้วยการพูดและการเขยี น
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเพื่อเปรียบเทียบเกี่ยวกับการแต่งกายที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วยโครงสร้าง
ภาษาองั กฤษทถี่ ูกต้องและเหมาะสมกับระดบั ชนั้ เรียน
3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)
การพูดและเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เพ่ือเปรียบเทียบเกย่ี วกับการแต่งกายท่ีเปล่ยี นไปตามยคุ สมยั ด้วย
โครงสร้างภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและเหมาะสมกับระดับชั้นเรียน ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์
โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษา ทั้งการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน พร้อมทั้งเสริมสร้างให้มีเหตุผลและ
วจิ ารณญาณ เปน็ การพัฒนาศกั ยภาพในการส่อื สารของผเู้ รียนให้บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์
4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents)
K Pronunciation: leather, stripped, button, soccer, published
Vocabulary: long loose shorts, striped formal shirt, entire uniform
Grammar: Present + Past Simple Tense
Function: Asking + Answering
Culture: Thai clothing in the past
P - ฝึกทกั ษะในการฟงั และอ่าน Clip Youtube เรือ่ ง “Fiction + Non-fiction”
- ฝึกทักษะการถาม-ตอบ เพ่อื แลกเปล่ียนความคดิ
- ฝกึ ทักษะการอ่านออกเสียง
- ฝึกทักษะการจบั ใจความและหาความหมายของคำศพั ท์จากบริบท (Context clues)
- ฝกึ ทกั ษะการพดู และเขียนบรรยายเปรียบเทียบการเปลย่ี นแปลงของเครื่องแบบ
A มเี หตุผลและวจิ ารณญาณ
334
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 Warm up
1. ครเู ปดิ Clip Youtube เรอ่ื ง “Fiction vs Non-fiction by Kathryn Foss” เป็นเวลา 2.23 นาที
https://www.youtube.com/watch?v=7RRPqkPnRl8 เม่ือจบแลว้ elicit ถามนกั เรียนว่า
What is fiction? And what is Non-fiction?
2. นกั เรยี นตอบได้หลากหลาย
3. เมื่อครูเห็นว่าคำตอบมีส่วนที่ใกล้เคียงกับความหมายของคำทั้ง 2 คำแล้ว ให้ครูเขียนคำตอบที่เป็น
คำศัพท์สำคัญข้นึ บนกระดาน เช่น
Book, Writing, History, Real etc.
4. ครู elicit อีก 1 คำถาม
- What is the different between “Fiction” and “Nonfiction”
5. ครูเขียนคำว่า Fiction และ Nonfiction ไว้คนละด้านของกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันนำคำที่เห็น
และไดย้ ินจาก Clip ไปเขียนใต้หวั ข้อแต่ละหัวข้อตามทีน่ ักเรียนเหน็ วา่ เกีย่ วข้องกบั หวั ข้อน้ัน ๆ ดงั น้ี
Fiction Nonfiction
5.2 Presentation
1. ครแู จกใบความรู้และอธบิ ายใบความรู้
2. ครูให้นักเรียนเลือกตัวอย่างบทความในใบความรู้ว่าบทความใดเป็น Fiction บทความใดเป็น
Nonfiction (ครอู ธิบายเพ่ิมเติม)
3. ครูให้นักเรียนกลับไปดูบนกระดานตามที่นักเรียนได้เขียนไว้ใตห้ ัวข้อ Fiction, Non-fiction ให้นักเรียน
พจิ ารณาคำตอบของตน หลงั จากทำความเข้าใจกบั ใบความรู้ทค่ี รอู ธบิ ายแล้ว
4. ครูถามนกั เรียนอกี ว่า
What is the different between “Fiction” and “Non-fiction”
5. ครสู มุ่ ถามปากเปลา่ นักเรยี นชว่ ยกันตอบ และช่วยกันเขียนคำตอบบนกระดานโดยครชู ่วยให้คำแนะนำ
6. ครตู รวจความถกู ต้องอกี ครงั้
7. ครเู ขียนคำศัพท์ต่อไปน้บี นกระดาน และใหน้ ักเรยี นออกเสียงอ่านตามครู
335
Soccer Uniform
- long loose shorts
- stripped formal shirts
- collar and button
- leather soccer boots
8. ครูให้นักเรียนเปิด Student’s book หน้า 89 และ ให้นักเรียนนำคำที่ครูเขียนบนกระดานไปช้ีลงในรปู
หมขู่ าว-ดำ
9. ครูขออาสาสมัครมาวาดรูปนักกีฬา 1 คน ตามภาพขาว-ดำ แล้วให้นักเรียนมาเขียนคำศัพท์ชี้เครื่อง
แตง่ กายในภาพ (หรือทำใบความร้นู ำภาพขาว-ดำ นนั้ มาขยายใหญ่ แล้วแจกให้นักเรียนทำ)
10. ครูให้นักเรียนอ่านหัวข้อ WRITING ใน Workbook หน้า 54 แล้วให้นักเรียนย้อนไปดูในแผนภูมิของใบ
ความรู้ที่แยกให้เพื่อ elicit คำถาม According to the paragraph you’ve just read, what should writers do
before publishing their works? นักเรียนตอบได้หลากหลาย
11. ครูเขียนสรุปคำตอบบนกระดาน “proofread” = read again and again to make sure that the
writing is as good as it should be.
12. ครอู ธบิ ายคำว่า Essay, Topic, Topic sentence
- An essay is a piece of writing.
- A topic is a subject matter that is written or talked about.
- A topic sentence is the most important sentence in an essay.
13. ครเู ขียนสรปุ ขน้ึ บนกระดานทง้ั หมด
หมายเหตุ: ครอู าจทำเปน็ ใบความรแู้ จกนกั เรยี นแทนการเขียนขึ้นบนกระดานก็ได้ แลว้ แต่สะดวก
5.3 Practice
1. ครูใหน้ ักเรียนดแู บบฝึกหัดท่ี 30 หนา้ 89 ใน Student’s book พร้อมอธบิ ายคำสัง่
2. ใหน้ กั เรยี นจับคกู่ ันอ่านบทความแบบฝกึ หัดท่ี 30
3. ครเู ขียนคำถามบนกระดาน
1. Do you think this essay is ready to be published?
2. Why or Why not?
3. Who do you think would find this essay interesting?
4. Where should the auther publish this essay?
4. เมือ่ นักเรยี นอา่ น essay จบ แตล่ ะคูช่ ่วยกันระดมความคิด Brain storm เขยี นตอบคำถามทั้ง 4 ข้อที่ครู
เขยี นบนกระดาน
5. ครเู ดินดูการทำงานของนักเรยี นแต่ละคู่ เพื่อใหค้ วามช่วยเหลือ
6. นกั เรียนสง่ คำตอบใหค้ รู ครเู ลอื กงานสัก 2-3 ชนิ้ ให้นกั เรียนเขยี นคำตอบของตนบนกระดาน
336
7. เพอ่ื น ๆ ช่วยกันแสดงความคิดเหน็ กับชนิ้ งานน้ัน ๆ และแกไ้ ขใหถ้ กู ต้อง
8. ครูคดั เลือกงานท่สี ง่ กอ่ นและถูกต้องท้ังหมดเป็น The Winner ให้เกรด A, B, C
9. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมโดยให้นักเรียนชว่ ยกนั หา Topic Sentence ของเรอ่ื งทีอ่ า่ น และหรือเขยี น Topic ให้
Reading เรือ่ งน้ี
5.4 Production
1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 5 คน ช่วยกันระดมความคิด Brain storm เพื่อทำแบบฝึกหัดที่ 32 ใน
Student’s book หน้า 89 โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดถึงเครื่องแบบอื่น ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลุ่ม
ละ 1 หัวข้อ ห้ามซ้ำกัน (กลุ่มใดส่งกอ่ นจะไดท้ ำเร่ืองน้ัน กลุ่มที่สง่ ทหี ลังต้องคิดใหม่) ครูอธิบายต่อไปวา่ สิ่งที่นักเรียน
ส่งมาคือ Topic ของ Essay ที่นักเรียนจะต้องช่วยกันเขียน โดยอาศัยข้อมูลที่นักเรียนมีอยู่หรือแบ่งงานให้เพื่อนไป
คน้ คว้าและมาช่วยกันเขยี น
2. ก่อนที่นักเรียนจะเริ่มเขียน Essay ของกลุ่มตน ครูขอให้นักเรียนดู Workbook หน้า 54 หัวข้อ
Organize
3. ครูอธิบายหัวขอ้ ที่ 1 ของ Organize แลว้ เปดิ โอกาสให้นักเรยี นถามคำถามเกี่ยวกับสง่ิ ทย่ี ังสงสยั
4. ครูอธิบายหัวข้อที่ 2 ของ Organize ให้นักเรียนคำนึงถึงว่าเป้าหมายผู้ที่จะสนใจอ่านงานนี้คือใคร และ
ควรจะตพี มิ พ์ท่ใี ด เพื่อนักเรียนจะไดก้ ำหนดกรอบของงานเขียนได้ถูกต้อง
5. ครูใหน้ ักเรยี นเขียนโครงร่างลงในแบบฝกึ หดั ที่ 17 หน้า 54 ของ Workbook แล้วนำส่งครูกอ่ นที่จะเขียน
เป็น paragraph
6. นักเรียนเขียน paragraph ของกลุ่มตน แสดงวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบต่าง ๆ ในอดีตจน
ปัจจุบัน แล้วนำเสนอด้วยการอ่านงานเขียนบนกระดาษขาว-เทา โปสเตอร์แผ่นใหญ่ก่อนนำไปติดไว้ที่ห้อง เพื่อให้
เพอื่ นได้ดู (มภี าพประกอบดว้ ยจะดมี าก) หลังจากนำเสนออกี คร้ัง
7. ครตู รวจดว้ ยการเขียนประโยคเลยี นแบบประโยคทีผ่ ิดให้ถูกในสำนวนของครูเอง (เพ่ือนักเรียนจะไม่อาย
ในความผิดของตน) แล้วใหค้ ะแนน A, B, C
5.5 Wrap Up
ใหน้ กั เรียนแต่ละคนสรุปผลการเรยี นรูแ้ ละการต่อยอดการเรยี นรู้ ในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้
6. การวัดและประเมินผล
ส่ิงทตี่ ้องการวัดผล วิธีการวดั ผล เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
- การทำงานค/ู่ กลุม่ - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4
- Writing - สงั เกตการณ์ทำงานคู่/กลมุ่ - แบบสงั เกต - Writing Rubric
- แบบฝกึ หดั - ตาราง Rubric
- การเรยี นรู้ - การปฏบิ ัติกิจกรรมการเขียน - งานเขยี นของนักเรียน - นกั เรียนประเมินตนเอง
- ตรวจความถกู ต้อง - แบบฝึกหดั
- บันทึกการเรยี นรู้ - แบบบันทึกการเรยี นรู้
337
7. สอ่ื การเรยี นรู้
7.1 คลิป Youtube เรือ่ ง “Fiction vs Non-fiction by Kathryn Foss”
https://www.youtube.com/watch?v=7RRPqkPnRl8
7.2 ใบความรู้
7.3 Student’s book หน้า 89 และ Workbook หนา้ 54
8. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไมผ่ ่านเกณฑ.์ ...................คน
8.1 ดา้ นความรู้ ร้อยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด....................คน
คดิ เปน็ รอ้ ยละ......................................
8.2 ดา้ นทักษะ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน
จำนวนนกั เรียนท้งั หมด....................คน ร้อยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
คิดเป็นรอ้ ยละ......................................
8.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์....................คน ไม่ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน
จำนวนนักเรียนทง้ั หมด....................คน รอ้ ยละ.............................. ร้อยละ..................................
คิดเป็นรอ้ ยละ......................................
8.4 ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข
............................................................................................................................. ............................................................
.......................................................................................................................................................................... ...............
................................................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
ลงช่อื ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุพวิ รรณ เนอื งสา)
338
ใบความรู้
Pieces of writing Fictions Published Books
Non-fictions
Fiction can be shown in types of formals, including writing, live performance, films, television
programs, animation, video games and role-playing games.
Non-fiction or nonfiction can be shown in types of biography, business, cooking, health and fitness,
pets, crafts, home decorating, languages, travel, religion, art and music, history and science.
339
Workbook page 54
340
แผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 9
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 What We Wear วชิ าภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน (อ31101)
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ปกี ารศึกษา 2565 ภาคเรียนท่ี 1
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ผูส้ อน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา
จำนวน 1 ชั่วโมง วันทีส่ อน.............................................
*********************************************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด
ต 1.3 ม. 4-6/3 พดู และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั กจิ กรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์ ทัง้ ในท้องถ่ิน
สังคม และโลก พรอ้ มท้งั เหตุผลและยกตวั อย่างประกอบ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
พูดและเขียนแสดงวิสัยทัศน์ในการให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนาการการแต่งกายที่ถู กต้องตามวาระโอกาสได้
อย่างปลอดภัยตอ่ การดำรงชีวติ ของมนุษย์ โดยใช้โครงสร้างภาษาองั กฤษไดถ้ ูกต้องเหมาะสมกับระดับช้นั
3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)
การพดู และเขียนแสดงวสิ ัยทัศน์ในการใหเ้ หตผุ ลเก่ียวกับเรื่องววิ ัฒนาการการแต่งกายท่ีถูกต้องตามวาระโอกาส
ได้อย่างปลอดภัยต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยใช้โครงสร้างภาษาอังกฤษได้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับชั้น ทำให้
ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกทกั ษะนั้นต้ังแต่การฟัง การฝึกออกเสียง การอ่าน การเขยี น และการพูด พร้อมทัง้ เสรมิ สร้างใหม้ ีเหตุผล มี
วจิ ารณญาณ เป็นการพัฒนาศกั ยภาพในการส่ือสารของผู้เรยี นใหบ้ รรลุตามวตั ถปุ ระสงค์
4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents)
K Pronunciation: scavenger, thrive, challengers, adaptation
Vocabulary: clothing scavenger hunt, behavior, adaptation
Grammar: Present + Past Simple Tense
Function: Agree + Disagree
Culture: Thai clothing in the past
P - ฝึกการฟงั แล้วจบั ใจความตอบคำถามจากการดคู ลิป Youtube
- ฝึกการอ่านจบั ใจความจากใบความรู้ทงั้ ทเ่ี ปน็ ความเรียงและไม่ใช่ความเรียง
- ฝกึ การพูดแสดงความคดิ เห็น ระดมสมอง Brain Storm จากแบบฝึกหัด
- ฝึกการเขียนตอบแสดงเหตผุ ลตามแบบฝกึ หัดทีก่ ำหนดใหม้ า
- ฝกึ ทกั ษะการพดู และเขยี นบรรยายเปรยี บเทยี บการเปล่ียนแปลงของเคร่ืองแบบ
A มีเหตุผลและวิจารณญาณ
341
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 Warm up
1. ครบู อกนกั เรยี นว่า
- Today you’re going to watch a clip from Youtube named “What is adaptation?”
https://www.youtube.com/watch?v=1WoopaCZKao
- At the end I want you to answer this question “What is adaptation?” (เขียนคำถามบน
กระดาน)
- Are you ready? Watch carefully!
2. ครเู ปดิ Clip Youtube ใหน้ ักเรยี นดู
3. เมอื่ Clip จบ ครูขออาสาสมคั รตอบคำถามทคี่ รใู ห้ไว้
4. นักเรยี นตอบไดห้ ลากหลาย ครูตอบ That’s right. กบั คำตอบทถ่ี กู
5. ครสู รปุ คำตอบท่ตี อ้ งการโดยบอกวา่
There are many reasons for the adaptation of animals. However, the main point is
“Survival”
6. ครเู ขยี นคำว่า Survival บนกระดาน แล้วอธบิ ายเพิ่มเติม
7. ครูพดู ตอ่ ว่า Human is the kind of animals. We are human. Think, what do we do to adapt
ourselves for survival?
8. นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบไดห้ ลากหลาย
9. ครูดึงคำตอบจากนักเรียนตามที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อบทเรียน เช่น คำว่า dress up, clothing, saving
energy, etc. แล้วเขียนคำเหล่านีบ้ นกระดาน
10. ครูสรุปว่าส่งิ เหล่านจ้ี ะช่วยชวี ิตเราได้ ช่วยให้เราเจริญเตบิ โตในโลกใบน้ีอยา่ งมีความสขุ แลว้ อ่านย้ำวรรค
สุดท้ายในคำกล่าวของ Andres Ruzo
5.2 Presentation
1. ครูแจกใบความรู้เพอื่ ทบทวนศัพทเ์ ก่าและสอนศัพท์ใหม่
2. ครอู ธิบายใบความรู้สว่ นแรก
3. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดตามใบความรู้
4. ครูขออาสาสมัครเขยี นคำตอบบนกระดาน
5. เพอื่ น ๆ ชว่ ยกันตรวจความถกู ต้อง (ครูเพ่ิมเตมิ )
6. ครอู ธบิ ายใบความรู้สว่ นล่าง สมมุติวา่ นกั เรยี นต้องเลอื ก จะเลือกอะไร และทำไม
7. นักเรียนทำแบบฝึกหัด (ครูเดินสังเกตเพอ่ื อธิบายเพ่ิมเตมิ )
8. ครขู ออาสาสมคั รมาทำแบบฝึกหัดบนกระดาน พรอ้ มให้เหตผุ ล
9. เพื่อน ๆ แสดงความคิดเหน็
342
10. ครูสรุปว่าการที่เราเลือกเครื่องแต่งกายมาสวมให้เหมาะกับวาระและโอกาส โดยการออกล่า+มองหา
เช่นนเ้ี ราเรียกว่า “a clothing scarvenger hunt”
5.3 Practice
1. ครูให้นักเรียนเปิดหน้า 90 ใน Student’s book แล้วอ่านข้อความที่ Andres Ruzo เขียนไว้ แล้วถาม
นักเรียนวา่
- Do you agree with his words?
- How do you adapt our life’s challengers to thrive? Give me some examples.
2. ครสู ่มุ นักเรยี นตอบคำถามปากเปล่า 2-3 คน
3. ครสู รปุ ยำ้ คำตอบทต่ี อบถกู เขียนขนึ้ กระดาน
4. ครแู จกใบงาน อธิบายคำสัง่ ในใบงาน หลังจากท่ีนักเรยี นอ่านจบแลว้
5. นกั เรยี นทำใบงานให้แสดงความคดิ เห็นว่าเหน็ ดว้ ยหรือไม่ตามแนวที่ A.R. (A.R = Andres Ruzo) กล่าว
6. ครูสมุ่ เรยี กนกั เรียนเขียนคำตอบบนกระดาน พร้อมใหเ้ หตผุ ลวา่
Why do you agree?
Why don’t you agree?
7. เพ่อื น ๆ ชว่ ยกนั แสดงความคิดเหน็ (ครูเพม่ิ เตมิ )
5.4 Production
1. ครอู ธิบายแบบฝกึ หดั ที่ 2, 3 ใน Student’s book หนา้ 90
2. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ 2 กลุ่มใหญ่ กลมุ่ แรกทำแบบฝึกหดั ที่ 2 กลุ่มหลงั ทำแบบฝกึ หดั ที่ 3
3. นักเรียนต่างคนต่างตอบคำถามแบบฝึกหัดของตน เมื่อตอบเสร็จแล้วให้แลกเปลี่ยนกันกับอีกกลุ่มหนึ่ง
อา่ นทำความเข้าใจ แสดงความคิดเห็นแลกเปลย่ี นกนั (ครเู ดินใหค้ ำแนะนำ)
4. ครคู ดั เลอื กงานของนักเรียนทท่ี ำแลว้ มาใช้เขียนขนึ้ กระดานคำตอบละ 2 ตัวอย่าง เพื่ออธิบายเพิ่มเตมิ
5. นกั เรยี นแกไ้ ขงานของตนแลว้ นำส่ง ครูให้คะแนน A, B, C (งานนท้ี ำใน Worksheet 1.5.6)
5.5 Wrap Up
ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสรปุ ผลการเรยี นรู้และการต่อยอดการเรยี นรู้ ในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้
6. การวัดและประเมนิ ผล
สงิ่ ทต่ี ้องการวดั ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- การทำงานค/ู่ กลุม่ - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4
- Writing - สังเกตการณ์ทำงานค/ู่ กลมุ่ - แบบสังเกต - Writing Rubric
- แบบฝึกหัด - ตาราง Rubric
- การเรยี นรู้ - การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเขียน - งานเขยี นของนกั เรยี น - นักเรียนประเมินตนเอง
- ตรวจความถกู ตอ้ ง - แบบฝกึ หัด
- บนั ทึกการเรียนรู้ - แบบบันทึกการเรียนรู้
343
7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 คลปิ Youtube เร่ือง “What is adaptation?”
https://www.youtube.com/watch?v=1WoopaCZKao
7.2 ใบงาน
7.3 Student’s book หน้า 90
7.4 Video scene 5.2 (อาจเปดิ ซ้ำใหม่ได้ เคยให้ดูแล้วคาบทแ่ี ล้ว)
7.5 Worksheet 1.5.6
8. บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไมผ่ ่านเกณฑ์....................คน
8.1 ดา้ นความรู้ ร้อยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด....................คน
คิดเปน็ ร้อยละ......................................
8.2 ด้านทักษะ ผา่ นเกณฑ์....................คน ไมผ่ ่านเกณฑ.์ ...................คน
จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด....................คน รอ้ ยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
คิดเป็นร้อยละ......................................
8.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน
จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด....................คน ร้อยละ.............................. ร้อยละ..................................
คิดเป็นรอ้ ยละ......................................
8.4 ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. ............................................................
....................................................................................................................................... ..................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
ลงชอื่ ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)
344
ใบงาน
Match the given words (1-5) with the pictures below (a-e) 5. thrive
1. behavior 2. challengers 3. accessory 4. respond
a bc
de
345
Worksheet 1.5.6
346
แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 What We Wear วชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน (อ31101)
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศกึ ษา 2565 ภาคเรียนที่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพวิ รรณ เนืองสา
จำนวน 1 ชวั่ โมง วันทสี่ อน.............................................
*********************************************************************************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด
ต 1.3 ม. 4-6/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง กิจกรรม ข่าว
เหตกุ ารณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนาการของการแต่งกายตั้งแต่ยุคอดีตถึงปัจจุบัน โดยใช้
โครงสร้างภาษาองั กฤษได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกบั ระดับชน้ั
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept)
การพูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนาการของการแต่งกายตั้งแต่ยุคอดีตถึงปัจจุบัน โดยใช้
โครงสร้างภาษาอังกฤษได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับระดบั ชัน้ ทำใหผ้ ู้เรียนได้ฝกึ ทักษะการฟัง การฝึกออกเสยี ง การอา่ น การ
เขียน และการพูด พร้อมทั้งเสริมสรา้ งให้มีเหตผุ ล มีวิจารณญาณ เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียนให้
บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์
4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents)
K Pronunciation: presentation, casual, practically
Vocabulary: headdress, head covering, head gear, jewelry
Grammar: Past + Present Simple Tense
Function: Asking + Answering, Description
Culture: -
P - ฝึกทะกษะการฟงั จาก Clip Youtube และคำถามจากครแู ละเพ่อื น
- ฝกึ ทกั ษะการเขยี นจากแบบฝึกหัดท่ีกำหนด
- ฝกึ ทกั ษะการอ่านจากแบบฝกึ หดั ใน Workbook และ Student’s book
- ฝกึ ทกั ษะการพดู จากการตอบ Question และการระดมสมอง (Brain storm)
A มเี หตุผลและวิจารณญาณ
347
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 Warm up
1. ครูเปิด Clip Youtube เรื่อง Why do Muslim Women Cover Their Head? – Amainab Assilmi
(5.11 นาที) https://www.youtube.com/watch?v=O7MyxpmMfHc โดยไม่บอกชื่อเรื่องให้นักเรียนทราบ และ
ไม่เปิดเสยี งใหน้ ักเรียนฟงั
2. ครปู ิด Clip ท่เี วลา 1.31 นาที แล้ว elicit คำถาม
Can you guess what she is?
3. นกั เรียนตอบได้หลากหลาย
4. ครู elicit ตอ่ How do you call the cloth on her head?
5. นกั เรียนตอบไดห้ ลากหลาย (ครรู บั คำท่ีถูกโดยย้ำคำนน้ั ๆ)
6. ครบู อกนักเรียนว่า
Listen carefully. You’re going to watch the clip again. This time you’ll get the answer
what she is?
7. นกั เรยี นตอบคำถาม
8. ครูให้นกั เรยี นช่วยกันสะกดคำ She’s a M _ _ _ _ . (Muslim)
9. และครขู อคำตอบท่ี 2 อีกครัง้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันสะกด เช่น
H _ _ _ _ _ _ _ s หรอื H _ _ _ C _ _ _ _ _ _ g หรอื W _ _ _ _ _ หรอื H _ _ _ w _ _ r
หรอื H _ _ _ s _ _ _ f (ทีค่ รคู ิดว่าเป็นคำท่ใี ห้ความหมายเดยี วกัน)
5.2 Presentation
1. ครูแจกใบความรู้และอธบิ ายใบความร้ตู ามภาพใหน้ กั เรยี นเหน็ ความเปลีย่ นแปลง (ววิ ัฒนาการของเครอื่ ง
แต่งกาย) และปัจจบุ ันเราไมเ่ ห็นผู้ทีใ่ ช้ wimple แล้ว
2. ครู elicit คำถาม
- You’ve already seen the original headdress in the past.
- Do you think they were changed much? Why?
- Why do people use headdresses for?
- Where can you see people wear headdresses?
3. นักเรียนตอบไดห้ ลากหลาย
4. ครสู รุปคำตอบเขียนขึ้นบนกระดาน
- In my opinion I think the original headdresses were changed a little bit because some
of them can be seen in nowadays.
- We use headdresses for protect ourselves from sunshine or dressing practically.
- Headdresses can be seen in Muslim countries, in a church or in the street of some
countries also.
348
5. ครูเรียกนักเรียนที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว 10 คน เพื่อทำหน้าที่เป็น Questioner มานั่งหน้าห้อง (นักเรียน
กลุ่มนี้จะทำ Questionaire กับครูก่อนหน้านี้แล้ว จาก Workbook หน้า 94 ข้อ 1-4 โดยดัดแปลงให้เป็นลักษณะ
Qiuz)
6. ครูแนะนำ Questioners ให้เพื่อน ๆ ทราบว่าเพื่อนกลุ่มนี้จะมาตั้งคำถามนักเรียนคนละ 1 คำถาม ถ้า
นกั เรียนตอบถูก Questioners จะมีรางวัลให้ รางวัลนจี้ ะเปลี่ยนเป็นคะแนนอีกคร้ัง โดยนักเรยี นท่ไี ด้คะแนนมากท่ีสุด
จะได้ A, B, C ลดหลน่ั กันไป
7. Quizs ท่ี Questioners จะนำมาใชถ้ ามเพ่ือนเปน็ ต้นวา่
- Which fabric is strong, practical and blue?
- What do we call a jacket and pants which made from the same fabric?
- What do we call the clothing we wear in school or some part time jobs?
- What can people wear to make them look taller?
- Can you use the simple-past verbs to describe fashion in history? Please write down
a sentence.
- Guess, what is this piece of clothing?
It’s casual. We wear it on our heads. It’s good for playing sports. It’s colourful. It might
have the name of a sports team on it.
8. นักเรียนทเ่ี ปน็ Questioner ขอ้ ท่ีมี ต้องมีทั้งหมดรวม 6 คน
9. Questioners ขอ้ สุดท้ายตอ้ งไปช่วยกนั คิดคำบรรยายเพ่ิมอีก 3-4 อยา่ ง เพือ่ นำมาใชเ้ ป็น Quiz ใหเ้ พ่ือน
ตอบ
5.3 Practice
1. ครูอธิบายคำสั่งแบบฝึกหัดที่ 2 ใน Workbook หน้า 55 แล้วให้เวลานักเรียนอ่านและจับใจความ
ประโยคก่อนจะเปดิ TR: 30 ให้นกั เรียนฟัง
2. นักเรยี นทำ TR: 30 แลว้ อาสาเขียนคำตอบบนกระดาน
3. ครเู ปิด TR: 30 อกี ครัง้ เพอ่ื ให้นักเรียนช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง
4. ครอู ธบิ ายคำสั่งแบบฝึกหดั ท่ี 1 ใน Workbook หนา้ 66
5. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั
6. ครูสุ่มนกั เรยี นเขียนคำตอบบนกระดาน
7. เพ่อื น ๆ ช่วยกันตรวจคำตอบและแสดงความคดิ เหน็ (ครเู พม่ิ เติม)
8. ครูอธบิ ายแบบฝึกหดั Now I can ……. ใน Workbook หนา้ 55
9. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั ในชั่วโมงโดยกำหนดเวลา
10. แล้วแลกเปล่ยี นกนั ตรวจ โดยครูเปน็ ผสู้ บั เปลี่ยนงานตรวจใหน้ กั เรยี น
11. ผู้ตรวจมีสิทธิใ์ ห้คะแนน A, B, C เพอื่ นได้ แลว้ นำส่งครอู กี ครงั้
12. ครูสุ่มเลือกงานมานำเสนอบนกระดาน
349
13. เพอ่ื น ๆ ชว่ ยกนั ตรวจความถูกตอ้ งและแสดงความคิดเห็น
5.4 Production
1. ครอู ธิบาย Make an Impact ใน Student’s book หนา้ 91 ทั้งขอ้ A, B, C
2. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เลือกทำข้อ A, B หรือ C แล้วนำเสนองานลงในกระดาษขาว-เทา
นำข้ึนจดั บนบอรด์ ให้เพอื่ น ๆ แลกเปล่ยี นกนั ชมงานของกันและกัน
3. ครตู รวจและ comment ในหน้างานของนกั เรียน
5.4 Wrap Up
ให้นักเรยี นแต่ละคนสรปุ ผลการเรยี นรู้และการต่อยอดการเรยี นรู้ ในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้
6. การวัดและประเมนิ ผล
ส่ิงทตี่ ้องการวัดผล วธิ ีการวัดผล เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4
- การทำงานคู่/กลมุ่ - สงั เกตการณ์ทำงานคู/่ กลมุ่ - แบบสงั เกต - Writing Rubric
- ตาราง Rubric
- Writing - การปฏิบตั ิกิจกรรมการเขยี น - งานเขยี นของนกั เรียน - นกั เรยี นประเมินตนเอง
- แบบฝกึ หดั - ตรวจความถกู ตอ้ ง - แบบฝึกหัด
- การเรียนรู้ - บนั ทกึ การเรยี นรู้ - แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้
7. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 Clip Youtube เรอ่ื ง “Why Do Muslim Women Cover Their Head?”
https://www.youtube.com/watch?v=O7MyxpmMfHc
7.2 ใบความรู้
7.3 แบบฝึกหัดจาก Workbook หนา้ 55, 94 และ Student’s book หนา้ 91
7.4 Worksheet 1.5.7
350
8. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ.์ ...................คน
8.1 ด้านความรู้ รอ้ ยละ.............................. ร้อยละ..................................
จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด....................คน
คิดเป็นรอ้ ยละ......................................
8.2 ด้านทักษะ ผา่ นเกณฑ.์ ...................คน ไมผ่ ่านเกณฑ.์ ...................คน
จำนวนนกั เรียนท้ังหมด....................คน ร้อยละ.............................. รอ้ ยละ..................................
คดิ เป็นรอ้ ยละ......................................
8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ.์ ...................คน
จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ร้อยละ.............................. ร้อยละ..................................
คิดเปน็ ร้อยละ......................................
8.4 ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. ............................................................
.......................................................................................................................................... ...............................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
ลงชอ่ื ...............................................ครูผสู้ อน
(นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)
351
ใบความรู้
Veils, Wimples = Headgears, Hraddresses, Headscarves
A veil is an article of clothing or hanging cloth that is intended to cover some part of the head or
face, or an object of some significance. Veiling has a long history in European, Asia and African
socities.
A wimple (whimple) is an ancient form of female headdress (headscearf) or head covering. Formimg
of a large piece of cloth worn around the neck and chin and covering the top of the head. It is light
veil, usually made of linin or silk.
352
Workbook page 55
353
Worksheet 1.5.7
354