The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน2-2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิจัยในชั้นเรียน2/2563

วิจัยในชั้นเรียน2-2563

วิจยั ในชัน้ เรียน

เรอ่ื ง ศึกษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นดว้ ยรูปแบบการสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง
รายวิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ เรอ่ื ง การประยุกต์ใช้
โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ ของนกั เรียนระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี
ชน้ั ปที ่ี 1 แผนกวชิ าชา่ งเชอื่ มโลหะ ผลติ ภัณฑ์ วิทยาลัยเทคนคิ สวา่ งแดนดนิ

นางสกุ ญั ญา ดนยั สวัสด์ิ
ครู คศ.1

วิทยาลยั เทคนคิ สวา่ งแดนดนิ อาชีวศกึ ษา จังหวดั สกลนคร
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

รายงานการสังเคราะห์ผลการแก้ปัญหาและพัฒนาผูเ้ รียน

เรื่อง ศกึ ษาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นด้วยรูปแบบการสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเองรายวิชา คอมพวิ เตอร์
และสารสนเทศเพื่องานอาชพี เร่อื ง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ ของ
นักเรียนระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ ชัน้ ปที ่ี 1 แผนกวชิ าชา่ งเชื่อมโลหะ ผลติ ภณั ฑ์
วทิ ยาลยั เทคนิคสวา่ งแดนดนิ

1. ปญั หาและขอบเขตการศกึ ษา
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเน่ือง ส่งผลต่อ

การใช้ชีวิตในสังคม การประกอบธุรกิจ การแพทย์ การศึกษา ทาให้ต้องมีการปรับตัว เปล่ียนแปลง
วิธีการบริหารจัดการการทางาน โดยเฉพาะภาคการศึกษาจะเห็นได้จากแผนแม่บทเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษา พ.ศ. 2554 - 2556 มีเป้าหมายสาคัญอยู่ที่
การบูรณาการข้อมูลสารสนเทศ เพื่อให้ผู้มีส่วนเก่ียวข้องใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างมีเอกภาพตาม
บริบทและตามสิทธิ์ที่เหมาะสมต่อการใช้งานของแต่ละฝ่ายด้วยความน่าเช่ือถือและมีความมั่นคง
ปลอดภัยในการใช้งาน

การศึกษาไทยในปัจจุบัน เป็นยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ท่ีเปิดกว้าง มีหลากหลายรูปแบบให้
มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยการนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบ
การจัดการศึกษาในสถานศึกษาของไทย เพ่ือให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ทไี่ รข้ อบเขตภายใต้จินตนาการของ
มนุษย์ท่ีสร้างขึ้น การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ทุกท่ีทุกเวลา จะเห็นได้ว่าสถานศึกษา
ต่าง ๆ สถานศึกษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ส่ิงที่จาเป็น
และหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ คอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ต สถานศึกษาทุกแห่งมีความต้องการใช้
เท่า ๆ กัน ความรู้ความเข้าใจท่ีทุกคนต้องเข้าไปให้ถึงโลกแห่งสังคมการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีเป็น
จะทาใหเ้ กิดคณุ คา่ และประโยชนส์ งู สดุ ต่อตวั เอง

วทิ ยาลยั เทคนิคสว่างแดนดนิ มีการจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นการเรียนทางทฤษฎแี ละปฏิบัติ
ให้เกิดความชานาญก่อนมีการฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการ ซึ่งในรายวิชาคอมพิวเตอร์และ
สารสนเทศเพ่ืองานอาชีพเป็นรายวิชาพ้ืนฐานท่ีนักเรียน นักศึกษาจาเป็นต้องเรียนเพื่อนาความรู้ท่ีได้
ไปใช้ประโยชน์ในอนาคต และเป็นรายวิชาของหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) ซ่ึงได้มกี ารนา
รูปแบบการสอนแบบบรรยายมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและในบางหัวข้อจะใช้การสอนแบบ
สาธิตร่วมด้วย ทาให้นักเรียนได้รับความจากที่ครูสอนภายในห้องเรียนเท่านั้นไม่ได้ศึกษาค้นคว้า
เพิ่มเติม เมื่อถามตอบเก่ียวกับเนอ้ื หาท่เี รียนผ่านมาแล้วนักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถจดจาเนื้อหาส่วน
นน้ั ได้ เมอ่ื มกี ารสอบเกบ็ คะแนนนักเรยี นส่วนใหญจ่ ึงมคี ะแนนผลสมั ฤทธต์ิ า่ กวา่ เกณฑ์ทต่ี ั้งไว้

จ า ก ก า ร ศึก ษา งา น วิ จั ยโ ด ยใ ช้ วิ ธี ก า ร ส อ นแ บบ สร้ า งอ งค์ ค ว า มรู้ ด้ ว ย ต น เอ ง
(Constructionism) ของ สายใจ คุณบัวลา (2558) เร่ือง ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคอมพิวเตอร์แอนิ
เมช่ันเบ้ืองต้นและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีท่ี 3 โดยใช้ทฤษฎี
การสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน จากการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นเบื้องต้นของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ทฤษฎีการ
สร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงานสูงกว่าท่ีได้รับการสอนแบบสาธิตอย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถิติทีร่ ะดบั .05

ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้นาแนวทางดังท่ีกล่าวมาข้างต้น นามาใช้เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
รายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ เร่ือง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟ
เฟกต์โดยใช้รูปแบบการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน
เรยี นและหลังเรียนของผเู้ รียน

1.1 วัตถุประสงค์การศึกษา
เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นก่อนเรียนและหลังเรียน รายวิชาคอมพิวเตอร์

และสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ เรอื่ ง การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟกต์โดยใช้รูปแบบการ
สรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง

1.2 สมมตฐิ าน
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนในรายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองาน

อาชีพ เรื่อง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟกต์โดยใช้รูปแบบการสร้างองค์ความรู้ด้วย
ตนเอง ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 60 จานวนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง

1.3 ขอบเขตของการศึกษา
1.3.1 ประชากร
นักเรียนแผนกวิชาช่างเชื่อมโลหะ ผลิตภัณฑ์วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดินท่ี

ลงทะเบียนเรียนรายวชิ าคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี ปกี ารศกึ ษา 2/2563
1.3.2 กล่มุ ตวั อย่าง
นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีท่ี 1 แผนกช่างเชื่อมโลหะ

ผลติ ภัณฑ์ วิทยาลยั เทคนิคสวา่ งแดนดนิ จานวน 18 คน
1.3.3 ตวั แปรท่ีใช้ในการศึกษา
1.3.3.1 ตัวแปรต้น คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสร้างองค์

ความรดู้ ว้ ยตนเอง

1.3.3.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 แผนกวิชาช่างเช่ือมโลหะ ผลิตภัณฑ์วิทยาลัยเทคนิคสว่าง
แดนดิน

1.3.4 สถานทีว่ ิจัย / ระยะเวลา
วิทยาลัยเทคนิคสวา่ งแดนดนิ อาเภอสว่างแดนดนิ จังหวดั สกลนคร ปีการศกึ ษา

1/2563
1.3.5 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศกึ ษา
1.3.5.1 แผนการจัดการเรียนร้โู ดยใชร้ ปู แบบการสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง
1.3.5.1 เครื่องมือทใ่ี ชเ้ กบ็ ข้อมูล คือ แบบวดั ประเมนิ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน

1.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา

ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม

การสอนรูปแบบสรา้ งองค์ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรียน
ความรดู้ ้วยตนเอง ผา่ นรอ้ ยละ 60 จานวนไม่นอ้ ยกว่า

ร้อยละ 60 ของจานวนผเู้ รยี น

1. แผนการจดั การเรียนรโู้ ดยใช้รปู แบบการสรา้ งองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง
2. เคร่อื งมือท่ีใชเ้ ก็บข้อมูล คือ แบบวดั ประเมินผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน

รูปที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการศึกษา

1.5 คานิยามศพั ท์
วธิ ีสอนโดยใช้รปู แบบการสร้างองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง หมายถึง การจดั การเรียนการ

สอนโดยใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รียนรู้ หาความรู้เพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั การสร้างงานนาเสนอ จากรปู แบบงานนาเสนอ
ท่ีเกิดจากการใช้เครอื่ งมอื ต่าง ๆ ในโปรแกรม Microsoft Office Power point แลว้ สร้างเปน็ องค์
ความรใู้ หม่ของตนเอง

2. รูปแบบ เทคนิค วธิ ีการแก้ปญั หาหรือพฒั นา
ข้าพเจา้ ได้แก้ปัญหาและพฒั นาผูเ้ รียน โดยใช้รูปแบบการศึกษาจากแนวคิดพ้นื ฐานของทฤษฎี

การสร้างความรู้ด้วยตนเองท่ีเป็นรากฐานสาคัญในการเน้นไปท่ีผู้เรียนจะต้องเป็นผู้ลงมือกระทา
(Active) และสามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งมาจากแนวทางการศึกษาของนักจิตวิทยา และ
นักการศึกษา คือ พีอาเจต์ (Jean Piaget) ชาวสวิส และ วิก็อทสก้ี (Lev Vygotsky) ชาวรัสเซีย
แนวคิดทฤษฎกี ารสร้างความร้ดู ้วยตนเองเชิงปญั ญา เปน็ ทฤษฎีการเรียนรู้พทุ ธปิ ัญญานิยม ทีสามารถ
แบ่งไดเ้ ป็น 2 สว่ น คือ ช่วงอายุ (Ages) และ ลาดดบั ช้ัน (Stages) ซง่ึ ท้ังสององค์ประกอบนีจ้ ะทานาย
ว่าผู้เรียนจะสามารถ หรือไม่สามารถเข้าใจส่ิงหนึ่งสิ่งใดเมื่อมีอายุแตกต่างกัน และพัฒนาการของ
ผู้เรียนว่าจะเกิดการพัฒนาความสามารถทางการรู้คิด (Cognitive Abilities) ผ่านการสร้าง
(Construct) ความรู้ด้วยตนเองจากประสบการณ์เดิมในส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ โดยผู้เรียนเป็น
ผสู้ ร้างความร้จู ากการลงมอื ปฏบิ ตั ิ (Active) และสรา้ งความรไู้ ดด้ ้วยตนเอง

ดังน้ัน หากผู้เรียนได้ถูกกระตุ้นด้วยปัญหาท่ีก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญา (Cognitive
conflict) หรือเรียกว่า “เกิดการเสียสมดุลทางงปัญญา” (Disequilibrium) ผู้เรียนจะพยายามปรับ
โครงสร้างทางปญั ญาให้เข้าสูภ่ าวะสมดุลท่เี รียกวา่ “สกมี า” (Schemas) รปู แบบการทาความเขา้ ใจใน
สมอง ซง่ึ สกีมาเหลา่ นจี้ ะสามารถเปลย่ี นแปลงได้ ขยายได้ และซับซอ้ นข้ึนได้

ทม่ี าจาก : http://krukob.com/web/1-121/
รูปท่ี 2 กรอบแนวคดิ การสรา้ งความรดู้ ้วยตนเองเชิงปัญญา

3. การนารูปแบบเทคนิควธิ กี ารแกป้ ัญหาหรือพฒั นาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนาและผลที่
เกดิ ขนึ้
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ เร่ือง

การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟก็ ต์ ของนกั เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.) ช้ัน
ปที ่ี 1 แผนกวิชาการบญั ชี วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน โดยใช้วธิ ีการสอนแบบสร้างองค์ความรดู้ ้วย
ตนเองเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรยี นและหลังเรยี น ผู้วิจยั ได้ดาเนนิ การศึกษาโดย
มีรายละเอียดดงั น้ี

3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง
3.1.1 ประชากร ได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีท่ี 1 แผนก

ช่างเชื่อมโลหะ ผลติ ภัณฑ์ วทิ ยาลยั เทคนิคสว่างแดนดิน
3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นกั เรยี นระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ชน้ั ปีท่ี 1แผนก

วิชาช่างเชื่อมโลหะ ผลิตภัณฑ์ วิทยาลัยเทคนคิ สว่างแดนดิน ท่ีลงทะเบียนเรยี นรายวิชา คอมพวิ เตอร์
และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 จานวน 18 คน

3.2 เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษา
3.2.1 เคร่ืองมือท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธี

สอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เร่ือง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์
ประกอบด้วย

3.2.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วย
เอฟเฟ็กต์

3.2.1.2 ใบมอบหมายงาน เร่ือง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟ
เฟ็กต์

3.2.1.3 แบบทดสอบ เรื่อง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์
3.2.2 เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการเกบ็ ขอ้ มลู

การเก็บรวบรวมข้อมูลและการจัดทาข้อมูลในการศึกษาครั้งน้ี ผู้วิจัยได้
ดาเนินการตามข้นั ตอนดงั นี้

3.2.2.1 ขั้นเตรียม ผู้สอนชี้แจงจุดประสงค์ในรายวิชา และแจ้งการวัดและการ
ประเมนิ ผล

3.2.2.2 ข้ันทดลอง ในการศึกษาคร้ังน้ีดาเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปี
การศกึ ษา 2563 ผู้สอนดาเนินการสอนตามแผนการสอน ภายในเวลา 3 ชว่ั โม

3.2.2.3 ขั้นหลังการสอน เมื่อทาการสอนแบบศึกษาด้วยตนเองเสร็จแล้ว ให้

นกั เรยี นทาการทดสอบเพ่ือวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น

3.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
เร่ือง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) ช้ันปีที่ 1 แผนกวิชาช่างเชื่อมโลหะ ผลิตภัณฑ์วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน โดยใช้การสอน
แบบศกึ ษาด้วยตนเอง มีขั้นตอนการเก็บข้อมูล ดังน้ี

3.3.1 เตรียมสื่อการเรียนรู้ท่ีจะให้ผู้เรียนได้ศึกษา สถานที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือ ห้อง
222 อาคาร 2 แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน อาเภอสว่างแดนดิน จังหวัด
สกลนคร

3.3.2 ก่อนเรียน ให้นกั เรียนทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการ
เรียนจานวน 50 ขอ้ เพอ่ื วัดความรู้พื้นฐานของนักเรียนและเก็บบันทึกรวบรวมคะแนนเพ่ือคิดคานวณ
ค่าทางสถติ ิ

3.3.3 ดาเนินการสอนนักเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์และ
สารสนเทศเพื่องานอาชีพโดยใช้กระบวนการ 5s ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองของ
นักเรยี นระดบั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ชน้ั ปที ่ี 1 แผนกวิชาชา่ งเช่ือมโลหะ ผลติ ภณั ฑ์

3.3.4 วัดทกั ษะการประยกุ ต์ใช้โปรแกรมนาเสนอ วิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื
งานอาชพี จากใบมอบหมายงาน

3.3.5 ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อประเมินระดับความรู้ความเข้าใจของ
นักศกึ ษา จานวน 50 ข้อ

3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล
3.4.1 ใชผ้ ลคะแนนทีไ่ ดจ้ ากการประเมนิ ผลหลงั เรียน
3.4.2 นาผลคะแนนที่ได้จากการประเมินหลังเรียนมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติทาง

คณติ ศาสตร์
3.4.3 สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู
3.4.3.1 การหาค่ารอ้ ยละ

ร้อยละ = (NX) ×100
เมอ่ื X แทน จานวนท่ีต้องการหา

N แทน จานวนทัง้ หมด

3.4.3.2 การหาค่าเฉล่ยี

X̅= ∑x
N
เม่อื X̅ แทน คา่ เฉลีย่ ของคะแนนรวม

∑ X แทน ผลรวมท้งั หมด

N แทน จานวนขอ้ มลู ทง้ั หมด

3.4.3.3 การหาค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน

S.D. = √∑( − ̅)2

−1

เม่อื ∑(x - x)̅ แทน ผลรวมของข้อมูลแตล่ ะชุดลบดว้ ย

ค่าเฉลี่ย

N แทน จานวนท้ังหมด

x̅ แทน คา่ เฉลีย่ ของคะแนนรวม

S.D. แทน สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน

X แทน ข้อมลู ท่ี (1,2,3,...,n)

3.4.3.4 สถิติทดสอบค่าทีแบบ Dependent (เปรียบเทียบผลการเรียนรู้

ก่อนและหลังเรียน) ทดสอบวามแตกต่างของคะแนนวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนที่ทา

แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การทดสอบที่กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว (One Group

pretest posttest design) โดยใช้สถติ แิ บบ t-test แบบ Dependent Group คือ มีการทดลองกลุ่ม

ตัวอย่างกลุ่มเดียว ท่ีมีการทดสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลอง (ยุทธพิชัย เขาแก้ว,2550,

หน้า 78) ∑D
t = √nΣD2n--(1∑D)2

เม่อื t = ค่าที
D = ผลตา่ งของคะแนน
N = จานวนคน

3.5 ผลการดาเนินการ
การศึกษาครั้งนเ้ี ป็นการศกึ ษาเพื่อศกึ ษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนโดยใช้การสอนแบบ

สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองในรายวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ เรื่อง การ
ประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) ชั้นปีที่ 1
แผนกวิชาช่างเช่ือมโลหะ ผลิตภัณฑ์วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน จานวน 18 คน มีผลการศึกษา
ข้อมูลดังน้ี

3.5.1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากการทาแบบทดสอบก่อนการใช้งานโปรแกรม
Microsoft Office PowerPoint โดยใชก้ ารสอนรูปแบบสรา้ งองคค์ วามรู้ด้วยตนเอง

จากการจัดการเรียนการสอนการประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟ
เฟ็กต์ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) ช้ันปีท่ี 1 แผนกวิชาช่างเช่ือมโลหะ ผลิตภัณฑ์
วิทยาลยั เทคนิคสว่างแดนดิน จานวน 18 คน ได้ทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิก์ ่อนการใช้งานโปรแกรม
Microsoft Office PowerPoint โดยใช้การสอนรูปแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งนักเรียน
จะต้องมีคะแนนผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60 จานวนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ของจานวนผเู้ รยี น มรี ายละเอียด
แสดงดังตารางที่ 1

ตารางที่ 1 แสดงผลสัมฤทธิ์จากการทาแบบทดสอบก่อนการใช้โปรแกรม Microsoft Office
PowerPoint โดยใช้การสอนรูปแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ในรายวิชา
คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี รหัสวิชา 20001-2001 ของนักเรียนระดับ
ประกาศนยี บัตร (ปวช.) ช้นั ปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563

ปีการศึกษา คะแนนเฉล่ีย คะแนนทเี ฉลี่ย
2/2563 (Average Score) (Average T Score)

20.07 44.72

จากตารางท่ี 1 พบว่าคะแนนจากการทาแบบทดสอบก่อนการใช้งานโปรแกรม Microsoft
Office PowerPoint ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) ชั้นปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 มี
ค่าเฉลย่ี ของคะแนนอยทู่ ่ี 20.07 คะแนน มีคะแนนทเี ฉล่ยี 44.72 คะแนน

3.5.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทาแบบทดสอบหลังการใช้งานโปรแกรม
Microsoft Office PowerPoint โดยใชก้ ารสอนรปู แบบสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเองด้วยตนเอง

หลังจากการจัดการเรียนการสอนการประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟ
เฟ็กต์ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) ช้ันปีท่ี 1แผนกช่างเช่ือมโลหะ ผลิตภัณฑ์
วทิ ยาลยั เทคนิคสว่างแดนดิน จานวน 18 คน ได้ทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธห์ิ ลงั การใช้งานโปรแกรม
Microsoft Office PowerPoint โดยใช้การสอนรูปแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงนักเรียน
จะตอ้ งมีคะแนนผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60 จานวนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 ของจานวนผเู้ รียน มีรายละเอียด
แสดงดงั ตารางท่ี 2

ตารางที่ 2 แสดงผลสัมฤทธิ์จากการทาแบบทดสอบหลังการใช้โปรแกรม Microsoft Office
PowerPoint โดยใช้การสอนรูปแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ในรายวิชา
คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ รหสั วิชา 20001-2001 ของนักเรียนระดับ
ประกาศนยี บตั ร (ปวช.) ช้นั ปีท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563

ปกี ารศึกษา คะแนนเฉลย่ี คะแนนทีเฉลี่ย
2/2563 (Average Score) (Average T Score)

43.62 67.59

จากตารางท่ี 2 พบว่าคะแนนจากการทาแบบทดสอบหลังการใช้งานโปรแกรม Microsoft
Office PowerPoint ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร (ปวช.) ช้ันปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 มี
คา่ เฉลีย่ ของคะแนนอยู่ท่ี 43.62 คะแนน มคี ะแนนทเี ฉลี่ย 67.59 คะแนน

แผนภูมิที่ 1 แผนภูมิแสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิจากการทาแบบทดสอบก่อนและหลังการใช้
โปรแกรม Microsoft Office PowerPoint โดยใช้การสอนรปู แบบสร้างองค์ความรดู้ ว้ ย
ตนเอง ในรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ รหัสวิชา 20001-2001
ของนักเรียนระดบั ประกาศนียบตั ร (ปวช.) ช้นั ปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2563

แผนภูมิแสดงการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธ์จิ ากการทาแบบทดสอบก่อนและหลัง
การใชโ้ ปรแกรม Microsoft Office PowerPoint โดยใชก้ ารสอนรปู แบบสรา้ ง
องคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง ในรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

รหัสวิชา 20001-2001 ของนกั เรียนระดบั ประกาศนียบตั ร (ปวช.) ชนั้

80 2
70
60
50
40
30
20
10

0
1

สรปุ ผลการศึกษา
จากการศึกษา เรื่อง การประยุกต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟ็กต์ รายวิชาคอมพิวเตอร์และ

สารสนเทศเพ่ืองานอาชีพของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ช้ันปีที่ 1แผนกวิชาช่าง
เช่ือมโลหะ ผลิตภณั ฑ์วิทยาลยั เทคนิคสวา่ งแดนดิน ในสัปดาหท์ ี่ 13 ผ้สู อนไดใ้ ช้การสอนรูปแบบสร้าง
องค์ความรู้ด้วยตนเอง นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน มีคะแนนทีเฉล่ีย สูงสุดคือ 45.22 คะแนน
และหลังจากที่จัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง นักเรียนทาแบบทดสอบหลัง
เรียน มคี ะแนนทีเฉลยี่ สงู สดุ คอื 67.59 คะแนน

4. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแกป้ ญั หาและพัฒนาในอนาคต
4.1 รูปแบบการสอนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เหมาะกับการสอนท่ีต้องการให้ผู้เรียนค้นคว้า

หาความรู้หรอื คาตอบของขอ้ สงสยั และสร้างเป็นความรู้ใหม่ด้วยตนเอง
4.2 ผู้สอนควรเดินตรวจและสังเกตขณะท่ีนักศึกษากาลังทากิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือให้นักเรียน

เกิดความตนื่ ตวั และถา้ เห็นข้อผดิ พลาดจะไดใ้ ห้คาแนะนาในทนั ที
4.3 รปู แบบการสอนนี้อาจจะไม่เหมาะกับการสอนบางรายวิชาและอาจไมเ่ หมาะสมกับนักเรียน

บางราย

เอกสารอ้างอิง

PPATCHARAPHAPHIN. 2558. การศกึ ษาในปจั จุบัน. [ออนไลน]์ . แหล่งที่มา
https://shorturl.asia/QWTvm (3 กรกฏาคม 2563)

ชนปฏิวัติ น้อยนาง. 2561. รูปแบบการเรยี นการสอน. [ออนไลน]์ . แหลง่ ที่มา
http://kanjadkan69.blogspot.com/2018/02/blog-post.html (3 กนั ยายน 2563)

PORNTHIP SAOWAKHO. ความหมายของรูปแบบการสอน. [ออนไลน]์ . แหล่งทมี่ า
http://sci-teachingmodel-tishafan.blogspot.com/p/blog-page_18.html
(4 กันยายน 2563)

MAYMYMAY. วิธกี ารสอน. [ออนไลน]์ . แหลง่ ที่มา https://shorturl.asia/0vNUZ (5 กันยายน 63)
ภทั ราทพิ ย์ ทรงบญุ ญา. 2556. หลกั การสอน. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า https://shorturl.asia/WJ4qf

(5 กันยายน 2563)
มนตรา ชมภโู กฐ. หลกั การสอน. [ออนไลน]์ . แหล่งท่ีมา

https://sites.google.com/site/pattyka034/hlak-kar/hlak-kar (6 กนั ยายน 2563)
วิทยา โนนกระโทก. 2561. การสอนแบบสร้างองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง. [ออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า

http://065wittaya.blogspot.com/2018/08/self-study-method.html(6 กนั ยายน63)
Audchariya Iewtrakun. 2558. สือ่ การสอน. [ออนไลน]์ . แหล่งที่มา

https://www.slideshare.net/AudchariyaIewtrakun/ss-67053986 (10 กนั ยายน 63)
ปรชั ญา. 2558. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการศกึ ษา. [ออนไลน]์ . แหล่งทม่ี า

http://www.pratya.nuankaew.com/wp-content/uploads/2017/01/Academic-
Achievement-20160109.pdf (10 กันยายน 2563)

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก
เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา

แผนการสอนรูปแบบสรา้ งองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วชิ า 20001-2001 ช่อื วิชา คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

ช่ือหน่วย การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ จานวน 3 ชม.
รายการหวั ขอ้ การเรียนรู้

1. รูปแบบของการใส่เอฟเฟ็กต์ในงานนาเสนอ
2. เอฟเฟก็ ต์เคลอื่ นท่ีภาพไปตามเส้นไกด์

หัวขอ้ การเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารสอนหรอื จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. ใสร่ ปู แบบเอฟเฟก็ ตใ์ นงานนาเสนอได้
1. รปู แบบของการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ นงาน
นาเสนอ 2. ใส่เอฟเฟก็ ต์ใหภ้ าพเคลื่อนทีไ่ ปตามเส้นไกด์ได้

2. เอฟเฟ็กตเ์ คล่ือนทภ่ี าพไปตามเส้นไกด์

วิธีการสอน : การสร้างองคค์ วามรู้ด้วยตนเอง (Constructionism)

สือ่ การสอน :
1. หนงั สือเรยี นวชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ (20001-2001) ของบริษัท ซคั

เซส มีเดีย จากัด
2. แอปพลเิ คชนั PowerPoint
3. ใบมอบหมายงาน
4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กอ่ นเรยี น / หลงั เรยี น พรอ้ มเฉลย

การประเมิน :
1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี ่องปรับปรงุ
2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นร้กู อ่ นเรยี นไมม่ เี กณฑ์ผ่าน เกบ็ คะแนนไวเ้ ปรียบเทียบกบั คะแนนท่ี

ได้จากการทดสอบหลังเรยี น
3. แบบสังเกตคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขนึ้ อยกู่ ับ

การประเมนิ ตามสภาพจริง

แผนการจัดการเรยี นรู้

ชื่อวชิ า คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี รหสั วชิ า 20001-2001 สอนครง้ั ท่ี 12

หนว่ ยที่ 7 ชื่อหนว่ ย การประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟก็ ต์ จานวน 3 ชม.

1. หัวข้อการเรียนรู้
1. รปู แบบของการใสเ่ อฟเฟ็กต์ในงานนาเสนอ
2. เอฟเฟ็กต์เคล่อื นท่ีภาพไปตามเสน้ ไกด์

2. สาระสาคญั
การใส่เอฟเฟก็ ตจ์ ะชว่ ยเพ่มิ ลูกเล่นในการแสดงวตั ถตุ ่าง ๆ ท่ีนาเสนอออกมาใหเ้ คลือ่ นไหว

หรอื มีเสยี งประกอบซึ่งทาให้ดตู น่ื เตน้ และชวนตดิ ตามมากยงิ่ ขึ้น นอกจากนย้ี งั สามารถควบคมุ การ
แสดงข้อความตามลาดับหวั ขอ้ และแสดงกราฟตามชดุ ของข้อมูลซ่ึงช่วยให้ผู้ชมดเู นื้อหาแลว้ เขา้ ใจเปน็
อย่างดี
3. สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความร้เู กีย่ วกับรปู แบบการใสเ่ อฟเฟ็กต์ในงานนาเสนอรปู แบบต่าง ๆ และเอฟเฟก็ ต์ที่
เคล่อื นท่ีไปตามเสน้ ไกดไ์ ด้
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

4.1 จุดประสงคท์ ัว่ ไป
1. ปฏิบัติการใส่เอฟเฟ็กต์ให้กบั งานนาเสนอ
2. ปฏบิ ตั ิการใสเ่ อฟเฟ็กต์ใหภ้ าพเคลอื่ นท่ีไปตามเสน้ ไกด์

4.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. ปฏบิ ัตใิ ส่เอฟเฟก็ ต์ใหก้ ับงานนาเสนอได้
2. ปฏบิ ตั ใิ ส่เอฟเฟ็กต์ใหภ้ าพเคลือ่ นท่ีไปตามเสน้ ไกด์ได้

5. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้
ในการเรยี นการสอนของหนว่ ยท่ี 7 ครั้งที่ 1 (จานวน 3 ช่วั โมง)

5. กิจกรรมการเรยี นการสอนโดยใชว้ ิธกี ารสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง

กระบวนการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้

ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวน 50 ขอ้

1. ข้ันจดุ ประกายความคดิ 1. ครูและนักเรยี นกล่าวทกั ทาย จากนนั้ ครชู แ้ี จงเงอ่ื นไขใน

(Sparkling) การเรยี นการสอนวชิ าคอมพิวเตอรส์ ารสนเทศ

2. ครูสนทนาเก่ียวกบั การใช้งานโปรแกรมนาเสนอ

2. สะกิดใหค้ ้นคว้า (Searching) 2. ครูผู้สอนสอบถามวิธกี ารใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ นงานนาเสนอโดย

ใหน้ ักเรียนอธิบายตามความเขา้ ใจของตนเอง

3. นาพาสกู่ ารปฏิบัติ (Studying) 3. ให้นักเรยี นค้นหาวธิ ีการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ นงานนาเสนอและ

การใสเ่ อฟฟเฟ็กต์ใหภ้ าพเคล่อื นทีไ่ ปตามเสน้ ไกดจ์ าก

อนิ เตอรเ์ น็ต มากกว่า 2 แหลง่ ทีม่ า หนงั สอื เรียน

4. จัดองค์ความรู้ (Summarizing) 4. ครูผู้สอนให้นักเรียนจบั กลมุ่ 4-5 คน แลกเปลี่ยนขอ้ มูลที่

ได้และรว่ มกันทาการสรปุ วธิ ีการใสเ่ อฟเฟก็ ต์ในงานนาเสนอ

และการใส่เอฟฟเฟก็ ตใ์ ห้ภาพเคลอ่ื นท่ีไปตามเสน้ ไกด์ลงบน

กระดาษ A4

5. นาเสนอควบคู่การประเมิน(Show 5. ครูใหน้ ักเรียนนาเสนอความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการค้นควา้ โดย

and sharing) สมุ่ ตัวอยา่ งนกั เรยี นจานวน 3-4 กลมุ่ นาเสนอหน้าชนั้ เรียน

พร้อมเปิดโอกาสให้นักเรยี นภายในห้องซักถามข้อมลู ได้

6. ครอู ธบิ ายเกยี่ วการใชง้ านโปรแกรม การใสเ่ อฟเฟ็กตใ์ น

งานนาเสนอและการใส่เอฟฟเฟ็กต์ใหภ้ าพเคลือ่ นที่ไปตาม

เส้นไกด์

7. ครูมอบหมายใบงาน

8. เม่อื ครบกาหนด ครใู ห้นักเรียนส่งงานเพอ่ื ตรวจสอบ

คะแนน

9. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั เนอ้ื หาทเ่ี รยี น

10. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นสอบถามปัญหาท่ีเกิดจากการ

เรยี นรใู้ นสว่ นท่นี ักเรยี นยงั ไม่เขา้ ใจ

6. ส่อื การจัดการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวชิ า คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (20001-2001) ของบริษทั

ซัคเซส มเี ดีย จากัด
2. แอฟพลิเคชัน PowerPoint
3. ใบมอบหมายงาน
4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กอ่ นเรยี น / หลังเรยี น พร้อมเฉลย

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 แผนการจดั การเรยี นรู้
7.2 แบบประเมินหลงั เรยี นเรือ่ งการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟก็ ต์

8. การวัดและประเมนิ ผล
8.1 แบบประเมนิ หลังเรยี นเร่อื งการการประยกุ ต์ใช้โปรแกรมนาเสนอด้วยเอฟเฟก็ ต์

9. กจิ กรรมเสนอแนะ (ถา้ ม)ี
1. นกั เรยี นเข้าไปคน้ คว้าข้อมูลเพ่ิมเติมจากหอ้ งสมุด
2. ทาแบบฝกึ ปฏิบัติและแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
รหัส 20001-2001 วิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
เรอื่ ง การประยกุ ต์ใชโ้ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ จานวน 50 ข้อ
ช่ือ...............................................................................ช้นั ................แผนก....................................

คาสง่ั / คาชีแ้ จง ให้เลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ งท่สี ุดเพยี งข้อเดียว

1. ข้อใดคอื คุณสมบตั ิเดน่ ของมุมมอง Slide Sorter View?

ก. มมุ มองแสดงจานวนสไลดท์ ัง้ หมดในงานนาเสนอได้

ข. มุมมองทใ่ี ชใ้ นการปรบั แตง่ องค์ประกอบตา่ งๆ

ค. มุมมองทแ่ี สดงขอ้ ความเพยี งอยา่ งเดยี ว

ง. มมุ มองที่ใชแ้ สดงงานนาเสนอให้กบั ผชู้ ม

2.หากตอ้ งการเพิ่มเติม แก้ไขในสว่ นเน้ือหา และหัวขอ้ ของสไลด์ ควรกาหนดในส่วนใด?

ก. Slide Show ข. Normal View แบบ Outline

ค. Normal View แบบ Slides ง. Slide Sorter View

3. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง?

ก. ช่อื เรอื่ งของสไลด์ใช้ได้เฉพาะภาษาองั กฤษเท่าน้นั

ข. การกาหนดช่ือเร่อื งของสไลด์ ต้องมคี วามยาวไม่เกิน 16 อักษร

ค. ชอื่ เรื่องของสไลด์ ตอ้ งไม่มอี กั ขระพเิ ศษหรือสัญลักษณ์

ง. หากตอ้ งการใส่ช่ือเรือ่ งสไลดใ์ นแผน่ สไลด์ใหม่ทาไดโ้ ดยกดคีย์ <Enter>

4. การจัดเรียงสไลดใ์ นงานนาเสนอ ควรกาหนดมมุ มองเป็นแบบใด?

ก. Slide Sorter View ข. Normal View แบบ Outline

ค. Slide Show ง. Normal View แบบ Slides

5. มมุ มองใดเป็นขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยของการแสดงนาเสนอ

ก. Slide Show ข Slide Sorter View

ค. Normal view (Slide Show) ง. Normal view (Outline)

6. หากต้องการให้พ้นื หลงั มีลักษณะเปน็ ลาย “หินออ่ น” ตอ้ งเลือกรปู แบบใด?

ก. Texture ข. Picture ค. Pattern ง. Gradient

7. ชดุ รูปแบบสาเรจ็ รปู (Theme) อยใู่ นแท็บใด กลุ่มใด?

ก. แทบ็ Design กลุม่ Theme ข. แท็บ Home กลุ่ม Theme

ค. แท็บ Theme กลุ่ม Select ง. แท็บ Theme กลมุ่ Design

8. ข้อใดเป็นองค์ประกอบในการตกแต่งใน Theme ทม่ี อี ยูใ่ น PowerPoint?

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ข้อ

9. ประโยชน์ของการสร้าง Slide Master คือข้อใด?

ก. ไดร้ ูปแบบของสไลดท์ ่ีมีความหลากหลาย

ข. การแกไ้ ขขอ้ มลู ในสไลด์ไม่ข้นึ อยกู่ บั สไลด์อน่ื

ค. ได้สไลดท์ ่ตี รงกบั ความตอ้ งการใช้งานมากทีส่ ดุ

ง. อานวยความสะดวกตอ่ การทาสไลดท์ มี่ ีลกั ษณะเหมอื นๆ กัน

10. การเปลยี่ นขนาดตัวอักษร โดยการกดปมุ่ ผลลพั ธจ์ ะเป็นอย่างไร?

ก. ตวั อักษรจะมีขนาดใหญก่ วา่ ขนาดเดมิ

ข. ตัวอกั ษรจะมีขนาดเลก็ ลงกวา่ ขนาดเดิม

ค. ตวั อกั ษรจะมตี าแหน่งตัวยกข้ึนจากตาแหน่งเดิม

ง. ตวั อกั ษรจะมตี าแหน่งตวั หอ้ ยจากตาแหนง่ เดิม

12. การเลือก More Font Colors จะใชใ้ นกรณใี ด?

ก. สีทแ่ี สดงในรายการเลอื กไมต่ รงกบั ความตอ้ งการ

ข. ผสมสีทม่ี ากกวา่ 2 สี ให้มีความหลากหลาย

ค. กรณตี อ้ งการใช้สีท่มี าจากไฟลอ์ นื่

ง. สามารถกาหนดเปน็ ช่อื สีท่ตี อ้ งการไดเ้ ลย

13. ข้อใดคอื การกาหนดตวั อักษรรปู แบบพิเศษทเี่ ป็นแบบตัวยก?

ก. Shadow ข. Emboss ค. Superscript ง. Subscript

14. ถ้าตอ้ งการปรับโทนสีของรปู ภาพ ใหใ้ ช้เครอ่ื งิมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

15. ถา้ ต้องการปรับภาพท่ดี มู ดื ใหส้ วา่ งขึ้น ให้ใชเ้ ครื่องมือใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

16. ถา้ ตอ้ งการปรับความคมชัดของรูปภาพ ให้ใชเ้ ครอ่ื งมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

17. หากตอ้ งการนาสไลดไ์ ปขึ้นเวบ็ ควรเลอื กลดขนาดไฟล์แบบใด

ก. Print (200 ppi) ข. Web (170 ppi) ค. Screen (150 ppi) ง. E-mail (96 ppi)

18. เราตอ้ งกดคยี ใ์ ด เพอื่ ช่วยในการวาดรูปหลายเหล่ยี มให้มีดา้ นแต่ละดา้ นเท่ากนั

ก. <Alt> ข. <Ctrl> ค. <Shift> ง. <Ctrl>+<Shift>

19. Shading เปน็ รปู แบบการตกแตง่ ตารางอยา่ งไร

ก. ใชส้ พี น้ื แบบคอลัมนส์ ลับคอลัมน์ ข. ใสส่ ีพนื้ แบบโปร่งใส

ค. ใส่สพี ื้นแบบกาหนดสที ีต่ อ้ งการ ง. สรา้ งสีหวั คอลัมน์ให้เดน่ ขน้ึ

20. ข้อใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลกั ของการแสดงกราฟใน Power Point ?

ก. แกน x และแกน y ข. Legend หรอื คาอธิบาย

ค. Data Series หรอื ชุดของขอ้ มลู ง. รปู แสดงกราฟแทง่

21. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของการสรา้ งเทคนิคใหก้ บั สไลดม์ ากทส่ี ดุ
ก. เพอื่ ให้งานนาเสนอดนู ่าสนใจมากขึ้น
ข. เพ่ือให้งานนาเสนอมีความเล็กกะทดั รดั
ค. เพือ่ สรา้ งงานนาเสนอใหด้ แี ละประหยดั พ้ืนท่ี
ง. เพอื่ สรา้ งงานนาเสนอใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการใช้สอย

22. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ ูกตอ้ ง

ก. สามารถกาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กต์

ข. สามารถใส่เสยี งประกอบการแสดงเอฟเฟ็กตไ์ ด้

ค. PowerPoint ใส่เอฟเฟ็กต์การเคลื่อนไหวไดเ้ ฉพาะกบั ขอ้ ความและภาพเท่านัน้

ง. PowerPoint สามารถกาหนดการเคลอ่ื นไหวให้กับวตั ถดุ ว้ ยเทคนคิ ทีม่ อี ยู่แล้วในโปรแกรม

23. การใสเ่ อฟเฟก็ ต์เปลี่ยนหน้าสไลดค์ วรทางานในมมุ มองใด

ก. Slide view ข. Slide show ค. Slide sorter view ง. Normal view

24. ขอ้ ใดคอื ความสามารถของคาสง่ั Animation Schemes

ก. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ในการเปล่ยี นหน้าสไลด์

ข. กาหนดเอฟเฟ็กตส์ รา้ งการเคลอื่ นไหวใหก้ บั กราฟ

ค. กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ ห้กบั แตล่ ะวัตถใุ นสไลดด์ ้วยตัวเอง

ง. กาหนดเอฟเฟ็กตใ์ ห้กบั แต่ละวัตถใุ สไลด์ดว้ ยรปู แบบสาเรจ็ รูป

25. ในการกาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ ห้กบั ขอ้ ความโดยใช้คาสง่ั Hide After Animation หมายถึงอะไร

ก. เมือ่ มีการแสดงใหท้ าการซ่อนขอ้ ความน้ัน

ข. เมื่อมกี ารแสดงครั้งตอ่ ไปใหซ้ ่อนขอ้ ความน้ัน

ค. เมอ่ื มกี ารแสดงไมต่ อ้ งทาอะไรกบั ขอ้ ความน้นั

ง. เม่อื มีการแสดงการเคลอื่ นไหวคร้ังต่อไปให้แสดงข้อความนน้ั

26. ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาสงั่ By Word หมายถึงขอ้ ใด

ก. แสดงขอ้ ความทีละคา ข. แสดงขอ้ ความทลี ะตวั อกั ษร

ค. แสดงข้อความออกมาแบบบางมาเข้ม ง. แสดงข้อความในแตล่ ะหัวขอ้ ทงั้ หมดพร้อมกัน

27. หากตอ้ งการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกลมุ่ ก่อนแลว้ จึงแสดงกราฟของกลมุ่ ต่อไป

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in category

28. ข้อใดคอื การเช่ือมโยงไปยังสไลด์ก่อนหนา้

ก. Next slide ข. Last slide ค. First slide ง. Previous slide

29. ในการกาหนดเอฟเฟก็ ตเ์ องจะต้องกาหนดการเริ่มต้นให้เอฟเฟ็กตข์ องวัตถุทางานไดท้ ่ีใด

ก. Direction ข. Start ค. Add effect ง. Speed

30. ข้อใดตอ่ ไปนเี้ ป็นคาสงั่ เก่ยี วกบั เทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไลด์

ก. Slide show ข. Slide transition

ค. Transition schemes ง. Custom animation

31. หากต้องการใหพ้ นื้ หลังมลี ักษณะเปน็ ลาย “หินออ่ น” ต้องเลือกรูปแบบใด

ก. texture ข. picture ค. pattern ง. gradient

32. ชดุ รูปแบบสาเรจ็ รปู (Theme) อยใู่ นแทบ็ ใด กลุม่ ใด

ก. แทบ็ Design กลมุ่ Theme ข. แทบ็ Home กลมุ่ Theme

ค. แท็บ Theme กลุม่ Select ง. แท็บ Theme กลุ่ม Design

33. ขอ้ ใดเป็นองค์ประกอบในการตกแต่งใน Theme ทม่ี อี ยใู่ น PowerPoint

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ขอ้

34. Shading เปน็ รปู แบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใสส่ พี ้ืนแบบโปร่งใส ข. สร้างสีคอลมั น์ให้เดน่ ข้ึน

ค. ใส่สพี ื้นแบบกาหนดสที ่ตี ้องการ ง. ใชส้ พี ้นื แบบคอลมั น์สลบั คอลัมน์

35. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลกั ของการแสดงกราฟในโปรแกรม PowerPoint

ก. แกน x และแกน y ข. รปู แสดงกราฟแท่ง

ค. Data series หรือชุดของขอ้ มลู ง. Legend หรือคาอธิบาย

36. ข้อใดตอ่ ไปกล่าวถูกต้อง

ก. การจดั ทาข้อมลู ท่เี ป็นกราฟสถติ ิตา่ ง ๆ ไมจ่ าเปน็ ทีจ่ ะต้องแกไ้ ขข้อมูลใหม่

ข. เมื่อทาการแกไ้ ขขอ้ มูลกราฟกจ็ ะยังคงรปู แบบเดมิ ไมเ่ ปลีย่ นแปลงรปู แบบตามข้อมูลใหม่

ค. เมือ่ ทาการแก้ไขข้อมลู กราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดิมไมเ่ ปลี่ยนแปลง นอกเสยี จากสรา้ งใหม่

ง. ถูกทง้ั ขอ้ ก. และ ข.

37. รูปแบบชนิดของกราฟแบบ Column มีลกั ษณะคลา้ ยขอ้ ใดมากทีส่ ดุ

ก. แบบ Area ข. แบบ Pie ค. แบบ Line ง. แบบ Bar

38. ในการเพม่ิ สสี นั ใหก้ บั กราฟทั้งลกั ษณะเส้น ความกวา้ งของเสน้ และสขี องรูปกราฟสามารถเลือก

ไดท้ ใี่ ด

ก. Option ข. Edit ค. Patterns ง. Data Labels

39. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของกราฟทจ่ี ะเหน็ ไดเ้ ฉพาะในกราฟ 3 มติ เิ ทา่ น้ัน

ก. Walls ข. Legend ค. Gridline ง. Guideline

40. Legend คอื อะไร

ก. พืน้ ที่ผวิ ดา้ นขา้ ง ข. เส้นกรดิ

ค. คาอธบิ ายกราฟ ง. คาอธิบายแกนกราฟ

41.ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาสงั่ By Word หมายถึง?

ก. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหวั ข้อทั้งหมดพรอ้ มกัน ข. แสดงขอ้ ความทีละคา

ค. แสดงข้อความทลี ะตวั อักษร ง. แสดงข้อความออกมาแบบบางมาเข้ม

42. หากตอ้ งการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแตล่ ะกลุม่ กอ่ นแล้วจึงแสดงกราฟของกลุ่มต่อไปต้องใช้

คาสงั่ ใด?

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in Category

43.ข้อใดคอื การเช่อื มโยงไปยงั สไลดก์ ่อนหน้า?

ก. Next Slide ข. Previous Slide ค. First Slide ง. Last Slide

44. ในการกาหนดเอฟเฟคเอง จะต้องกาหนดการเร่ิมต้นใหเ้ อฟเฟคของวตั ถุทางานได้ทใ่ี ด?

ก. Add Effect ข. Start ค. Direction ง. Speed

45. ข้อใดต่อไปน้ีเปน็ คาสั่งเกย่ี วกับเทคนคิ ในการเปล่ียนแผ่นสไสด์?

ก. Transition Schemes ข. Custom Animation

ค. Slide Show ง. Slide Transition

46. กรณีท่เี ราใชโ้ น้ตบุ๊ค หรือต่อกับเคร่ืองโปรเจคเตอร์ เราใช้ปมุ่ ใดเพอ่ื แสดงออก 2 จอภาพ

ก. <F5> ข. <Shift>+<F5> ค. <F4> ง. <Fn>+<F4>

47. การกดคีย์ 4+<Enter> จะเกดิ ผลลัพธใ์ ดข้ึนระหวา่ งการแสดงสไลด์

ก. แสดงออกเปน็ 4 ช่อง ข. ขา้ มไปแสดงอกี 4 สไลด์นับจากสไลดป์ ัจจบุ ัน

ค. คา้ งหน้าสไลด์ไว้ 4 วินาที ง. ไปยังสไลด์ที่ 4

48. ในการพกั หน้าจอ ขอ้ ใดไม่ใชต่ ัวเลอื กของโปรแกรมทจี่ ะแสดงได้

ก. หนา้ จอสขี าว ข. หน้าจอภาพเคลื่อนไหว

ค. หน้าจอสีดา ง. สลบั ไปยังโปรแกรมอนื่

49. ข้อใดตอ่ ไปนก้ี ลา่ วถกู ต้อง ?

ก. การต้งั คา่ เวลาในการบรรยายสไลดเ์ พื่อช่วยนบั เวลาในการนาเสนอของสไลดใ์ นแตล่ ะ

แผ่น

ข. การตง้ั คา่ เวลาในการบรรยายสไลดเ์ พือ่ ช่วยนบั เวลาที่วตั ถุในไสดใ์ นขณะทป่ี รากฏที่

จอภาพ

ค. การตง้ั ค่าเวลาในการบรรยายสไลด์เพื่อช่วยลดขนาดของไฟล์งานนาเสนอให้มขี นาดเลก็

ง. ถกู ทั้งขอ้ ก และ ค

50.การอดั เสยี งประกอบคาบรรยาย ถ้ากาหนดใหค้ ณุ ภาพของเสยี งใกลเ้ คียงกบั ต้นฉบบั

ผลลัพธ์คือ ?

ก. เสยี งท่ีได้ออกมาหลังจากการอดั มีคณุ ภาพเสียงที่ดีกวา่ เดิมเนอื่ งจากคอมพวิ เตอรช์ ว่ ย

ข. เสยี งทไ่ี ดอ้ อกมาหลังจากการอดั ไมเ่ ปล่ียนแปลงแตม่ ีขนาดการเก็บไฟล์ทเี่ ล็กกวา่

ค. เสยี งท่ไี ด้ออกมาหลงั จากการอดั เปลยี่ นแปลงเล็กน้อยและมขี นาดการเกบ็ ไฟล์ทใี่ หญ่กว่า

ง. ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคณุ ภาพเสยี งทีไ่ ดเ้ ท่าเดมิ และไม่มผี ลต่อการเกบ็ ข้อมลู

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
รหัส 20001-2001 วชิ าคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ
เรอ่ื ง การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ จานวน 50 ข้อ
ชื่อ...................................................................................ช้นั ................แผนก................................

คาส่งั / คาชแี้ จง ใหเ้ ลือกคาตอบทีถ่ กู ต้องท่ีสุดเพียงขอ้ เดยี ว

1. ขอ้ ใดคอื คณุ สมบัติเด่นของมุมมอง Slide Sorter View?

ก. มุมมองแสดงจานวนสไลด์ทงั้ หมดในงานนาเสนอได้

ข. มุมมองท่ีใชใ้ นการปรบั แต่งองคป์ ระกอบตา่ งๆ

ค. มมุ มองทแี่ สดงขอ้ ความเพียงอย่างเดยี ว

ง. มมุ มองทใ่ี ชแ้ สดงงานนาเสนอให้กับผ้ชู ม

2.หากตอ้ งการเพิ่มเติม แกไ้ ขในส่วนเน้อื หา และหัวข้อของสไลด์ ควรกาหนดในส่วนใด?

ก. Slide Show ข. Normal View แบบ Outline

ค. Normal View แบบ Slides ง. Slide Sorter View

3. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง?

ก. ชอ่ื เร่ืองของสไลดใ์ ชไ้ ด้เฉพาะภาษาอังกฤษเทา่ น้ัน

ข. การกาหนดชอ่ื เรอ่ื งของสไลด์ ต้องมคี วามยาวไมเ่ กิน 16 อักษร

ค. ช่อื เร่ืองของสไลด์ ตอ้ งไม่มอี ักขระพเิ ศษหรือสัญลกั ษณ์

ง. หากต้องการใสช่ ื่อเรอ่ื งสไลด์ในแผน่ สไลดใ์ หม่ทาได้โดยกดคยี ์ <Enter>

4. การจัดเรยี งสไลด์ในงานนาเสนอ ควรกาหนดมมุ มองเป็นแบบใด?

ก. Slide Sorter View ข. Normal View แบบ Outline

ค. Slide Show ง. Normal View แบบ Slides

5. มมุ มองใดเป็นขั้นตอนสุดทา้ ยของการแสดงนาเสนอ

ก. Slide Show ข Slide Sorter View

ค. Normal view (Slide Show) ง. Normal view (Outline)

6. หากตอ้ งการใหพ้ ืน้ หลงั มลี กั ษณะเปน็ ลาย “หินอ่อน” ต้องเลือกรูปแบบใด?

ก. Texture ข. Picture ค. Pattern ง. Gradient

7. ชดุ รปู แบบสาเร็จรปู (Theme) อยูใ่ นแท็บใด กล่มุ ใด?

ก. แทบ็ Design กลุ่ม Theme ข. แท็บ Home กลุม่ Theme

ค. แทบ็ Theme กลุ่ม Select ง. แท็บ Theme กล่มุ Design

8. ขอ้ ใดเป็นองค์ประกอบในการตกแตง่ ใน Theme ที่มอี ยู่ใน PowerPoint?

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถูกทกุ ขอ้

9. ประโยชน์ของการสร้าง Slide Master คือข้อใด?

ก. ไดร้ ูปแบบของสไลดท์ ่ีมคี วามหลากหลาย

ข. การแกไ้ ขขอ้ มลู ในสไลด์ไม่ข้นึ อย่กู บั สไลด์อน่ื

ค. ได้สไลดท์ ่ตี รงกบั ความตอ้ งการใช้งานมากทีส่ ดุ

ง. อานวยความสะดวกตอ่ การทาสไลดท์ มี่ ีลกั ษณะเหมอื นๆ กัน

10. การเปล่ียนขนาดตัวอักษร โดยการกดปมุ่ ผลลพั ธจ์ ะเป็นอย่างไร?

ก. ตวั อักษรจะมีขนาดใหญก่ วา่ ขนาดเดมิ

ข. ตัวอกั ษรจะมีขนาดเลก็ ลงกวา่ ขนาดเดิม

ค. ตวั อกั ษรจะมตี าแหน่งตัวยกข้ึนจากตาแหน่งเดิม

ง. ตวั อกั ษรจะมตี าแหน่งตัวหอ้ ยจากตาแหนง่ เดิม

12. การเลือก More Font Colors จะใชใ้ นกรณใี ด?

ก. สีทแ่ี สดงในรายการเลอื กไมต่ รงกบั ความตอ้ งการ

ข. ผสมสีท่ีมากกวา่ 2 สี ให้มคี วามหลากหลาย

ค. กรณตี อ้ งการใช้สีท่มี าจากไฟลอ์ นื่

ง. สามารถกาหนดเปน็ ช่อื สที ่ตี อ้ งการไดเ้ ลย

13. ข้อใดคอื การกาหนดตวั อักษรรูปแบบพิเศษทเี่ ป็นแบบตัวยก?

ก. Shadow ข. Emboss ค. Superscript ง. Subscript

14. ถ้าตอ้ งการปรับโทนสีของรปู ภาพ ให้ใช้เครอ่ื งิมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

15. ถา้ ต้องการปรับภาพท่ดี มู ดื ใหส้ ว่างขึน้ ให้ใชเ้ ครื่องมือใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

16. ถา้ ตอ้ งการปรับความคมชัดของรูปภาพ ให้ใชเ้ ครอ่ื งมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

17. หากตอ้ งการนาสไลดไ์ ปขึ้นเวบ็ ควรเลอื กลดขนาดไฟล์แบบใด

ก. Print (200 ppi) ข. Web (170 ppi) ค. Screen (150 ppi) ง. E-mail (96 ppi)

18. เราตอ้ งกดคยี ใ์ ด เพอ่ื ช่วยในการวาดรูปหลายเหล่ยี มให้มีดา้ นแต่ละด้านเทา่ กัน

ก. <Alt> ข. <Ctrl> ค. <Shift> ง. <Ctrl>+<Shift>

19. Shading เปน็ รปู แบบการตกแตง่ ตารางอยา่ งไร

ก. ใชส้ พี น้ื แบบคอลัมนส์ ลบั คอลมั น์ ข. ใสส่ ีพนื้ แบบโปร่งใส

ค. ใส่สพี ื้นแบบกาหนดสที ี่ตอ้ งการ ง. สรา้ งสีหวั คอลัมน์ให้เดน่ ข้ึน

20. ข้อใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลกั ของการแสดงกราฟใน Power Point ?

ก. แกน x และแกน y ข. Legend หรอื คาอธิบาย

ค. Data Series หรอื ชุดของขอ้ มลู ง. รปู แสดงกราฟแทง่

21. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของการสรา้ งเทคนิคให้กับสไลด์มากทีส่ ดุ
ก. เพอ่ื ใหง้ านนาเสนอดนู า่ สนใจมากข้นึ
ข. เพอื่ ให้งานนาเสนอมคี วามเล็กกะทดั รัด
ค. เพอ่ื สรา้ งงานนาเสนอใหด้ ีและประหยดั พ้ืนที่
ง. เพือ่ สรา้ งงานนาเสนอให้เกดิ ประโยชนใ์ นการใช้สอย

22. ข้อใดกลา่ วไมถ่ กู ต้อง

ก. สามารถกาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กต์

ข. สามารถใส่เสยี งประกอบการแสดงเอฟเฟ็กตไ์ ด้

ค. PowerPoint ใส่เอฟเฟก็ ตก์ ารเคล่อื นไหวได้เฉพาะกับขอ้ ความและภาพเท่าน้ัน

ง. PowerPoint สามารถกาหนดการเคล่อื นไหวให้กบั วัตถดุ ้วยเทคนิคท่ีมอี ยแู่ ลว้ ในโปรแกรม

23. การใสเ่ อฟเฟก็ ตเ์ ปลี่ยนหนา้ สไลดค์ วรทางานในมมุ มองใด

ก. Slide view ข. Slide show ค. Slide sorter view ง. Normal view

24. ข้อใดคอื ความสามารถของคาสง่ั Animation Schemes

ก. กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ นการเปลยี่ นหน้าสไลด์

ข. กาหนดเอฟเฟ็กต์สร้างการเคลอ่ื นไหวใหก้ ับกราฟ

ค. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แตล่ ะวัตถุในสไลดด์ ว้ ยตวั เอง

ง. กาหนดเอฟเฟ็กต์ใหก้ บั แต่ละวตั ถใุ สไลดด์ ว้ ยรปู แบบสาเร็จรูป

25. ในการกาหนดเอฟเฟ็กต์ให้กับขอ้ ความโดยใช้คาสงั่ Hide After Animation หมายถึงอะไร

ก. เมอื่ มีการแสดงใหท้ าการซอ่ นขอ้ ความน้นั

ข. เมอื่ มีการแสดงคร้งั ตอ่ ไปให้ซอ่ นขอ้ ความนน้ั

ค. เมอื่ มกี ารแสดงไม่ตอ้ งทาอะไรกบั ขอ้ ความน้ัน

ง. เม่ือมกี ารแสดงการเคลอื่ นไหวคร้ังต่อไปให้แสดงข้อความนั้น

26. ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาสงั่ By Word หมายถึงขอ้ ใด

ก. แสดงขอ้ ความทลี ะคา ข. แสดงข้อความทีละตวั อกั ษร

ค. แสดงข้อความออกมาแบบบางมาเขม้ ง. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหัวข้อทง้ั หมดพรอ้ มกัน

27. หากตอ้ งการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกลมุ่ ก่อนแล้วจึงแสดงกราฟของกลุ่มตอ่ ไป

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in category

28. ข้อใดคอื การเชอ่ื มโยงไปยงั สไลด์ก่อนหน้า

ก. Next slide ข. Last slide ค. First slide ง. Previous slide

29. ในการกาหนดเอฟเฟ็กต์เองจะต้องกาหนดการเรม่ิ ต้นใหเ้ อฟเฟก็ ต์ของวตั ถุทางานได้ท่ใี ด

ก. Direction ข. Start ค. Add effect ง. Speed

30. ขอ้ ใดต่อไปนเี้ ป็นคาสั่งเกยี่ วกับเทคนคิ ในการเปลย่ี นแผ่นสไลด์

ก. Slide show ข. Slide transition

ค. Transition schemes ง. Custom animation

31. หากตอ้ งการใหพ้ นื้ หลังมลี กั ษณะเปน็ ลาย “หินอ่อน” ตอ้ งเลอื กรูปแบบใด

ก. texture ข. picture ค. pattern ง. gradient

32. ชดุ รปู แบบสาเรจ็ รปู (Theme) อยใู่ นแท็บใด กลมุ่ ใด

ก. แท็บ Design กลุ่ม Theme ข. แทบ็ Home กลุ่ม Theme

ค. แทบ็ Theme กลุ่ม Select ง. แทบ็ Theme กลุ่ม Design

33. ขอ้ ใดเปน็ องคป์ ระกอบในการตกแต่งใน Theme ที่มอี ยใู่ น PowerPoint

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ขอ้

34. Shading เปน็ รปู แบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใส่สพี ้ืนแบบโปรง่ ใส ข. สรา้ งสีคอลมั น์ใหเ้ ดน่ ขึน้

ค. ใสส่ ีพ้ืนแบบกาหนดสที ่ตี ้องการ ง. ใชส้ พี ืน้ แบบคอลมั นส์ ลบั คอลมั น์

35. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลักของการแสดงกราฟในโปรแกรม PowerPoint

ก. แกน x และแกน y ข. รปู แสดงกราฟแท่ง

ค. Data series หรอื ชดุ ของข้อมลู ง. Legend หรอื คาอธบิ าย

36. ขอ้ ใดตอ่ ไปกลา่ วถูกตอ้ ง

ก. การจดั ทาข้อมลู ทเ่ี ป็นกราฟสถติ ิตา่ ง ๆ ไม่จาเป็นทจ่ี ะตอ้ งแก้ไขข้อมูลใหม่

ข. เม่ือทาการแกไ้ ขขอ้ มูลกราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดิมไมเ่ ปลีย่ นแปลงรปู แบบตามข้อมลู ใหม่

ค. เมื่อทาการแกไ้ ขข้อมลู กราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดมิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลง นอกเสยี จากสรา้ งใหม่

ง. ถกู ทั้งข้อ ก. และ ข.

37. รปู แบบชนิดของกราฟแบบ Column มีลักษณะคลา้ ยขอ้ ใดมากทส่ี ดุ

ก. แบบ Area ข. แบบ Pie ค. แบบ Line ง. แบบ Bar

38. ในการเพ่ิมสีสนั ให้กบั กราฟท้ังลกั ษณะเส้น ความกวา้ งของเส้น และสขี องรปู กราฟสามารถเลอื ก

ได้ท่ใี ด

ก. Option ข. Edit ค. Patterns ง. Data Labels

39. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของกราฟทจ่ี ะเหน็ ได้เฉพาะในกราฟ 3 มติ ิเทา่ นั้น

ก. Walls ข. Legend ค. Gridline ง. Guideline

40. Legend คืออะไร

ก. พน้ื ทผ่ี วิ ดา้ นข้าง ข. เสน้ กรดิ

ค. คาอธบิ ายกราฟ ง. คาอธบิ ายแกนกราฟ

41.ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาส่ัง By Word หมายถึง?

ก. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหวั ข้อทัง้ หมดพรอ้ มกนั ข. แสดงขอ้ ความทลี ะคา

ค. แสดงขอ้ ความทลี ะตัวอักษร ง. แสดงขอ้ ความออกมาแบบบางมาเขม้

42. หากต้องการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกล่มุ กอ่ นแลว้ จึงแสดงกราฟของกลุม่ ต่อไปตอ้ งใช้

คาสั่งใด?

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in Category

43.ขอ้ ใดคอื การเช่ือมโยงไปยังสไลดก์ ่อนหนา้ ?

ก. Next Slide ข. Previous Slide ค. First Slide ง. Last Slide

44. ในการกาหนดเอฟเฟคเอง จะตอ้ งกาหนดการเริ่มตน้ ใหเ้ อฟเฟคของวตั ถทุ างานไดท้ ใี่ ด?

ก. Add Effect ข. Start ค. Direction ง. Speed

45. ขอ้ ใดต่อไปนีเ้ ปน็ คาสงั่ เกยี่ วกับเทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไสด์?

ก. Transition Schemes ข. Custom Animation

ค. Slide Show ง. Slide Transition

46. กรณที ี่เราใช้โน้ตบุ๊ค หรอื ต่อกับเครื่องโปรเจคเตอร์ เราใชป้ มุ่ ใดเพื่อแสดงออก 2 จอภาพ

ก. <F5> ข. <Shift>+<F5> ค. <F4> ง. <Fn>+<F4>

47. การกดคยี ์ 4+<Enter> จะเกดิ ผลลพั ธใ์ ดขน้ึ ระหว่างการแสดงสไลด์

ก. แสดงออกเป็น 4 ชอ่ ง ข. ขา้ มไปแสดงอีก 4 สไลด์นบั จากสไลดป์ ัจจุบนั

ค. ค้างหน้าสไลด์ไว้ 4 วนิ าที ง. ไปยงั สไลด์ที่ 4

48. ในการพกั หนา้ จอ ขอ้ ใดไมใ่ ชต่ ัวเลือกของโปรแกรมทจ่ี ะแสดงได้

ก. หน้าจอสขี าว ข. หนา้ จอภาพเคลอ่ื นไหว

ค. หน้าจอสดี า ง. สลบั ไปยังโปรแกรมอ่นื

49. ข้อใดต่อไปนีก้ ล่าวถกู ต้อง ?

ก. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลดเ์ พอ่ื ช่วยนบั เวลาในการนาเสนอของสไลด์ในแตล่ ะ

แผน่

ข. การตงั้ คา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพื่อชว่ ยนบั เวลาที่วตั ถุในไสดใ์ นขณะทีป่ รากฏที่

จอภาพ

ค. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพือ่ ช่วยลดขนาดของไฟลง์ านนาเสนอให้มขี นาดเลก็

ง. ถกู ทัง้ ขอ้ ก และ ค

50.การอดั เสยี งประกอบคาบรรยาย ถ้ากาหนดใหค้ ุณภาพของเสยี งใกลเ้ คียงกบั ตน้ ฉบับ

ผลลัพธ์คอื ?

ก. เสยี งทไี่ ด้ออกมาหลังจากการอดั มีคณุ ภาพเสยี งทีด่ ีกวา่ เดมิ เนอื่ งจากคอมพิวเตอรช์ ่วย

ข. เสียงที่ได้ออกมาหลงั จากการอดั ไม่เปลีย่ นแปลงแต่มีขนาดการเกบ็ ไฟล์ท่เี ลก็ กวา่

ค. เสียงท่ไี ด้ออกมาหลังจากการอดั เปลยี่ นแปลงเล็กน้อยและมขี นาดการเก็บไฟล์ทใ่ี หญก่ วา่

ง. ไมม่ ีอะไรเปลยี่ นแปลงคณุ ภาพเสยี งที่ได้เท่าเดมิ และไม่มีผลตอ่ การเกบ็ ขอ้ มูล

ใบความรู้ / ใบเน้อื หา
เรื่อง การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟก็ ต์
การนาเสนอ หรือเรียกตามศัพท์ภาษาอังกฤษว่า การพรีเซนเทชัน (Presentation) มักเรียก
ติดปากสั้น ๆ การพรีเซนท์ ซึ่งก็คือการบรรยายเพ่ือนาเสอนหรือโน้มน้าวผู้ฟังด้วยข้อมูลต่าง ๆ โดย
การนาเสนอท่ดี ตี ้องมีขอ้ มลู ที่ถูกต้อง กระชับ และเขา้ ใจงา่ ย
หลักการของโปรแกรม PowerPoint คือ การจาลองการทางานของเครื่องฉายสไลด์ โดย
ข้อมูลท่ีใช้ในการนาเสนอจะถูกเก็บอยู่ในสไลด์ (Slide) แต่ละสไลด์จะประกอบด้วยข้อความ กราฟ
ตาราง รปู ภาพ ไดอะแกรม หรอื ภาพเคลือ่ นไหวตา่ ง ๆ
1. รูปแบบของการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ นงานนาเสนอ
การใส่เอฟเฟก็ ต์ในงานนาเสนอมี 2 รูปแบบ คือ การใส่เอฟเฟก็ ต์เปลี่ยนหนา้ สไลด์และการใส่
เอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แตล่ ะวตั ถบุ นหน้าสไลด์
การใสเ่ อฟเฟก็ ต์เปลย่ี นหน้าสไลด์ (Slide transition)
รูปแบบนี้เป็นการใส่เอฟเฟ็กต์สร้างการเคล่ือนไหวให้กับสไลด์ท่ีกาลังจบลงเปล่ียนไปเป็น
สไลด์หนา้ ใหม่ เรียกวา่ ทรานซิช่นั

ข้ันตอนที่ 1 เลอื กสไลด์และกาหนดเอฟเฟ็กต์การเปลีย่ นสไลด์
1. เลอื กสไลดท์ จ่ี ะใสเ่ อฟเฟ็กต์หรือเลือกสไตลท์ ่กี าหนด

2. เลือกแท็บ Transitions

3. เลอื กเอฟเฟก็ ตใ์ นสไลด์

ขนั้ ตอนที่ 2 กาหนดความเร็วและวธิ ีการส่ังงานใหเ้ กดิ การเปลี่ยนสไลด์

1. เลอื กเสียงประกอบการเปลย่ี นสไลด์ 2. เลอื กความเร็วในการเปลี่ยนหนา้ สไลด์

3. กาหนดการสงั่ งานให้สไลดเ์ ปล่ยี นหน้า

4. แสดงสญั ลักษณ์ว่าไดก้ าหนดให้มีการเคล่อื นไหว

5. คลกิ ดูผลลัพธก์ ารเคล่ือนไหวในสไลด์หนา้ นี้

รปู แบบของเอฟเฟก็ ต์ Transition
 กลุ่ม Subtle เปน็ กลุม่ ของเอฟเฟก็ ตท์ เี่ นน้ การแสดงผลแบบละเอยี ด เชน่ ค่อย ๆเล่ือน

เขา้ มาหรือเล่ือนออกไป
 กลุ่ม Exciting เนน้ การแสดงผลแบบต่นื เตน้ นา่ สนใจ เช่น การเหวี่ยง หมนุ แบบเลื่อน

เข้ามาเหมือนแสดงแบบแกลอรภี าพ เปน็ ต้น
 กลุม่ Dynamic content เปน็ กลมุ่ ของเอฟเฟ็กตล์ กั ษณะแบบ 3-D motion จะแสดง

แบบเคลอ่ื นทีเ่ นอื้ หาเข้ามาในสไลด์ โดยจะเคลื่อนไหวแตเ่ นือ้ หาระหว่างสไลดท์ ง้ั สอง
อย่างเดียว พืน้ ที่ของสไลด์จะอยู่กบั ท่ี ต่างกบั เอฟเฟ็กตก์ ลมุ่ อืน่ ซ่ึงจะเคลื่อนไหวทัง้ แผน่
สไลด์

การใสเ่ สยี งเอฟเฟ็กต์ประกอบ
นอกจากการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ หภ้ าพเคล่ือนไหวได้แลว้ ยงั สามารถเลือกใส่เสยี งประกอบลงไปใน

การนาเสนอสไลดเ์ พ่ือให้ผ้ชู มทราบวา่ กาลังจะเปล่ียนสไลดแ์ ผน่ ใหม่ จะชว่ ยกระตุ้นความสนใจจาก
ผ้ชู มได้เพมิ่ มากข้ึนด้วยวธิ กี ารดังตอ่ ไปน้ี

1. คลกิ ที่ Transitions > Sounds

2. คลิกเลือกไฟลเ์ สียงมาตรฐานที่
ตอ้ งการหรอื เลือกไฟลเ์ สียงอ่ืน ๆ

ใสเ่ อฟเฟ็กต์ใหก้ ับแตล่ ะวตั ถทุ อี่ ยบู่ นหนา้ สไลด์
การแสดงสไลด์ทป่ี ระกอบด้วยขอ้ ความ / รูปภาพในครัง้ เดียว แลว้ ผูบ้ รรยายเน้อื หาไปเร่ือยๆ
อาจทาให้ผ้ฟู ังสนใจแตจ่ ะจดเน้ือหาทงั้ หมดแทนทจี่ ะฟงั บรรยาย เราสามารถกาหนดใหแ้ สดงข้อความ
ครัง้ ละบรรทดั หรอื ครง้ั ละภาพได้ ด้วยการใส่เอฟเฟก็ ต์เคลือ่ นไหวใหก้ บั แตล่ ะวตั ถุทอ่ี ยู่บนสไลด์มี 2
รูปแบบ คือ การใส่เอฟเฟ็กตส์ าเรจ็ รปู และการกาหนดการเคลอื่ นไหวเอง

 การใสเ่ อฟเฟ็กตส์ าเรจ็ รปู

1. คลิกเลือกข้อความหรอื ภาพทตี่ อ้ งการใสเ่ อฟเฟ็กตก์ ารเคลอ่ื นไหว

2. เลือกแทบ็ Animations จากนัน้ เลือกรปู แบบการเคลื่อนไหว

โปรแกรม PowerPoint มีเอฟเฟ็กต์การเคลอื่ นไหวให้เราเลือกใช้ โดยแบง่ เปน็ หมวดหมูไ่ ด้ดังนี้

Entrance กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ หว้ ัตถเุ คลือ่ นไหวเขา้ มาปรากฏใน

สไลด์

Emphasis เนน้ วัตถใุ ห้โดดเดน่ ขนึ้

Exist ทาให้วัตถุเคลื่อนไหวแลว้ หายไป

Motion paths กาหนดให้วตั ถเุ คลื่อนไหวตามเส้นไกด์

More effects เป็นการเลอื กใช้เอฟเฟ็กต์เพ่ิมเตมิ ท่ีมีอย่ภู ายในเมนู

 การกาหนดหลายเอฟเฟก็ ตใ์ ห้วัตถุเดียวกัน
1. คลกิ เลือกวตั ถทุ จี่ ะใสก่ ารเคลือ่ นไหว
2. คลิกที่ Add Animation และเลือกเอฟเฟก็ ต์การเคลือ่ นไหวให้กบั วัตถเุ พ่มิ จากเดมิ กาหนด
รายละเอียดการแสดงเอฟเฟก็ ต์
- กาหนดรายละเอียดการแสดงเอฟเฟก็ ต์

เราสามารถปรับแตง่ เอฟเฟก็ ตใ์ ห้ดเู หมาะสมกบั วตั ถุท่ีเราเลือกแสดงเอฟเฟก็ ตด์ ว้ ย เช่น กาหนด
ความเรว็ ของเอฟเฟ็กต์ เปน็ ตน้

 กาหนดลาดับการแสดงเอฟเฟก็ ตข์ องวตั ถุ
1. คลิกท่ี Animation pane
2. คลิกเมาสเ์ ลอื กเอฟเฟ็กต์ทต่ี อ้ งการเปลี่ยนลาดับ
3. คลกิ เมาส์ขึ้นหรือลงเพ่อื สลับลาดับการแสดงเอฟเฟ็กต์

ตงั้ คา่ แสดงภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเน่อื ง
เราสามารถกาหมดใหเ้ อฟเฟก็ ต์แสดงขึ้นมาเองตามลาดบั โดยทีเ่ ราไมต่ ้องควบคุมด้วยการ
คลกิ เมาส์

1. คลิกเมาสเ์ ลือกเอฟเฟก็ ตท์ ่ตี ้องการแสดงต่อ
2. เลอื ก After Previous เพ่อื ใหแ้ สดงหลงั วตั ถุท่ี 1 ทนั ทีโดยไมต่ อ้ งคลกิ เมาส์

3. คลิกวัตถทุ ่ี 3 เพอื่ ใหแ้ สดงพร้อมกับวัตถุท่ี 2
4. เลือก With previous เพือ่ ให้แสดงพรอ้ มกบั วตั ถุที่ 2 ทันทโี ดยไมต่ อ้ งคลกิ เมาส์

กาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กตด์ ว้ ยเส้นนอกเวลา Timeline
1. คลกิ เลอื กเอฟเฟ็กต์ทตี่ ้องการกาหนดเวลา
2. เลือก Show advanced timeline เพ่อื ปรับเวลาการแสดงเอฟเฟก็ ต์ในเสน้

timeline
3. ลากเมาสก์ าหนดชว่ งเวลาในแต่ละเอฟเฟ็กตใ์ หเ้ ล่นตอ่ เนอ่ื งกันอย่างลงตวั
4. เลือก Hide advanced timeline เพ่อื ปดิ หน้าตา่ งการกาหนดเวลา

ปรับแต่งลกู เล่นการแสดงเอฟเฟก็ ต์
 กาหนดการเคล่ือนไหวแลใส่เสยี งประกอบ
1. คลกิ เอฟเฟก็ ตท์ ี่ตอ้ งการปรบั แตง่
2. เลือกคาสัง่ effect options…
3. เลอื กรูปแบบการเคล่ือนไหวของเอฟเฟ็กต์
4. เลือกเสียงประกอบเอฟเฟ็กตแ์ ละปรับระดับความดงั ของเสียง
5. กาหนดวา่ หลังจากแสดงเอฟเฟ็กต์ใหว้ ัตถเุ ปน็ เหมือนเดมิ
 กาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟก็ ต์
1. กาหนดเหตกุ ารณ์ท่สี ั่งใหเ้ ลน่ เอฟเฟก็ ต์
2. หน่วงเวลาไว้กอ่ นที่จะเลน่ เอฟเฟก็ ต์
3. กาหนดเวลาทีใ่ ชใ้ นการเล่นเอฟเฟ็กต์
4. กาหนดจานวนการเลน่ ซ้า
5. กาหนดให้กรอกลับเมือ่ เล่นเสรจ็
6. คลกิ เมาส์ใชค้ า่ ทก่ี าหนด
ทริกเกอรต์ วั จุดชนวนการแสดงเอฟเฟ็กต์
ทริกเกอร์ คอื การกาหนดให้วตั ถชุ ้นิ หนง่ึ เป็นตัวจดุ ชนวนการแสดงเอฟเฟก็ ตใ์ หก้ บั วตั ถุช้นิ อื่น
ตวั อยา่ งเช่น เราจะกาหนดให้แสดงข้อความได้ กต็ อ่ เมอ่ื ผบู้ รรยายคลิกเมาส์ลงบนภาพเสยี กอ่ น
หมายความวา่ เราจะกาหนดให้ภาพเป็นทริกเกอร์ มวี ธิ ีการดังน้ี

1. คลกิ เมาส์บนภาพเพือ่ สงั่ ให้แสดงขอ้ ความ

2. คลิกบนรายการของขอ้ ความและเลอื ก Effect options…
3. คลกิ แท็บ Timing
4. คลิกเมาสป์ ุ่ม Triggers
5. เลือกวตั ถทุ จี่ ะใชเ้ ป็นตัวทรกิ เกอร์
6. คลิกเมาสใ์ ชค้ ่าทก่ี าหนด
กาหนดให้แสดงข้อความตามลาดับหวั ข้อ
1. เลือกข้อความทต่ี ้องการใส่เอฟเฟก็ ต์
2. เลือกแทบ็ Animation จากนั้นคลิกปุ่ม Animation Pane
3. คลกิ และเลอื กเอฟเฟก็ ต์การเคล่ือนใหก้ ับขอ้ ความ
4. คลิกและเลือก Effect options…
5. คลกิ เมาสแ์ ท็บ Text Animation
6. กาหนดรูปแบบการเรยี งลาดบั หวั ขอ้
7. กดตกลง
ในชอ่ ง Group text ให้กาหนดรปู แบบการแสดงสามารถเลือกใหแ้ สดงข้อความทั้งหมด
พร้อมกันทเี ดยี วหรือแยกแยะทีละระดับ ดงั น้ี

 As one object (เป็นวัตถเุ ดียว) แสดงตละหัวขอ้ เรยี งลงมาจนหมดขอ้ ความ

 All paragraphs at once (ยอ่ หนท้ัหมดในครัง้ เดยี ว) จะแสดงหวั ข้อ และหวั ข้อยอ่ ย
ทั้งหมดในครงั้ เดียว

 By 1st level paragraphs (ตามระดับที่ 1 ของยอ่ หน) จะแสดงหัวขอ้ และหวั ข้อบ่อยท่ี
อย่ใู นลาดับท่ี 1 ข้นึ ก่อน และจะแสดงหวั ขอ้ ลาดับท่ี 1 ตวั ถัดไป

 By 2nd level paragraphs (ตามระดบั ที่ 2 ของย่อหน) จะแสดงหัวข้อลาดับหนึง่ ก่อน
และจะแสดงหัวข้อ และหวั ข้อย่อยท่อี ย่ใู นลาดบั ท่ี 2

 By 3rd level paragraphs (ตามระดบั ที่ 3 ของย่อหน) จะแสดงหัวขอ้ ลาดับหนึ่งก่อน
ตามดว้ ยหวั ข้อท่ี 2 และแสดงหวั ขอ้ และหวั ข้อยอ่ ยท่ีอยูใ่ นลาดับท่ี 3

 By 4th level paragraphs (ตามระดับท่ี 4 ของย่อหน้า) จะแสดงหัวข้อลาดับท่ีหนง่ึ
กอ่ นตามดว้ ยหัวขอ้ ท่ี 2 ตามดว้ ยหัวข้อท่ี 3 และแสดงหัวขอ้ และหวั ข้อยอ่ ยท่ีอยใู่ นลาดับ
ที่ 4

 By 5th level paragraphs (ตามระดับที่ 5 ของย่อหนา้ ) จะแสดงหวั ข้อสาคบั ทหี่ น่ึง
กอ่ นตามดว้ ยหวั ขอ้ ที่ 2 ตามดว้ ยหวั ข้อที่ 3 ตามด้วยหัวข้อที่ 4 และแสดงหัวข้อและ
หัวข้อย่อยทอี่ ยูใ่ นลาดับท่ี 5

2. เอฟเฟก็ ต์เคล่อื นทีภ่ าพไปตามสไลด์
1. คลกิ รปู ที่จะใส่เอฟเฟก็ ตใ์ หเ้ คลอ่ื นทไ่ี ปด้านบน
2. เลอื ก Add Effect > Move motion paths…
3. เลอื กเสน้ ตามต้องการ แลว้ คลกิ ตกลง

ในการใสเ่ อฟเฟก็ ตใ์ หก้ บั วัตถุใหเ้ คลอ่ื นไหวในบางครัง้ อาจไมต่ รงกับความตอ้ งการ ซ่ึงสามารถ
ทาใหภ้ าพเคลือ่ นไหวได้ไปตามทศิ ทางตา่ ง ๆ ทตี่ อ้ งการได้ เชน่ เลือ่ นจากบนลงล่างเคลอ่ื นทีเ่ ป็น
วงกลม เปน็ ตน้ โดยทาตามขัน้ ตอนดังนี้

1. คลิกทวี่ ตั ถทุ ต่ี อ้ งใสเ่ สน้ พาธ
2. คลิกที่ Animations > เลอื กเสน้ พาธ
3. คลกิ เมาสเ์ พอื่ ขยายเสน้ ทางการเคล่อื นที่
4. จากน้ันคลกิ เพ่อื แสดงการเคลอ่ื นท่ี
กาหนดเอฟเฟก็ ต์ในการนาเสนอกราฟ
1. คลิกเมาสท์ ีก่ ราฟ
2. คลิกแทบ็ Animations
3. คลิกและเลือกเอฟเฟกตก์ ารเคลือ่ นไหวให้กับกราฟ
4. คลิกและเลือก Effect options
5. คลกิ เมาส์แทบ็ chart animation
6. กาหนดเอฟเฟก็ ตก์ ารแสดงกราฟ
7. คลิกเมาส์ใชเ้ อฟเฟก็ ตก์ ารเคลอื่ นไหวทีไ่ ดก้ าหนดไว้
กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ นการนาเสนอ SmartArt
เราสามารถกาหนดเอฟเฟ็กตเ์ พ่ือใหแ้ สดง SmartArt ข้ึนมาทีละสว่ น โดยสามารถทาไดดังนี้
1. คลกิ เมาสท์ ่ี SmartArt
2. คลกิ แท็บ Animations
3. คลกิ และเลอื กเอฟเฟ็กต์การเคลือ่ นไหว
4. คลิกและเลอื ก Effect options
5. คลกิ เมาส์แทบ็ SmartArt Animation เพอ่ื สรา้ งการเคล่ือนไหวใหก้ ับ SmartArt
6. กาหนดเอฟเฟก็ ต์การแสดง SmartArt
7. คลิกเมาส์ใช้เอฟเฟก็ ตก์ ารเคลื่อนไหวทไ่ี ดก้ าหนดไว้

แบบทดสอบหลังเรยี น
รหัส 20001-2001 วิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ
เรือ่ ง การประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ จานวน 50 ข้อ
ช่อื ...................................................................................ชัน้ ................แผนก................................

คาส่ัง / คาช้แี จง ให้เลือกคาตอบที่ถูกต้องทีส่ ุดเพียงขอ้ เดยี ว

1. ขอ้ ใดคือคณุ สมบตั เิ ดน่ ของมุมมอง Slide Sorter View?

ก. มุมมองแสดงจานวนสไลดท์ งั้ หมดในงานนาเสนอได้

ข. มมุ มองท่ใี ช้ในการปรบั แตง่ องค์ประกอบตา่ งๆ

ค. มุมมองทแี่ สดงข้อความเพยี งอย่างเดียว

ง. มมุ มองท่ีใช้แสดงงานนาเสนอใหก้ ับผ้ชู ม

2.หากต้องการเพมิ่ เตมิ แก้ไขในสว่ นเนอ้ื หา และหัวข้อของสไลด์ ควรกาหนดในส่วนใด?

ก. Slide Show ข. Normal View แบบ Outline

ค. Normal View แบบ Slides ง. Slide Sorter View

3. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง?

ก. ชื่อเรอ่ื งของสไลด์ใชไ้ ดเ้ ฉพาะภาษาองั กฤษเทา่ นั้น

ข. การกาหนดช่ือเรอ่ื งของสไลด์ ต้องมคี วามยาวไมเ่ กิน 16 อักษร

ค. ชือ่ เร่อื งของสไลด์ ตอ้ งไม่มอี กั ขระพเิ ศษหรอื สัญลกั ษณ์

ง. หากตอ้ งการใสช่ ่ือเรือ่ งสไลดใ์ นแผน่ สไลด์ใหม่ทาได้โดยกดคีย์ <Enter>

4. การจดั เรียงสไลดใ์ นงานนาเสนอ ควรกาหนดมมุ มองเป็นแบบใด?

ก. Slide Sorter View ข. Normal View แบบ Outline

ค. Slide Show ง. Normal View แบบ Slides

5. มมุ มองใดเป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยของการแสดงนาเสนอ

ก. Slide Show ข Slide Sorter View

ค. Normal view (Slide Show) ง. Normal view (Outline)

6. หากต้องการให้พืน้ หลงั มีลกั ษณะเป็นลาย “หินออ่ น” ต้องเลอื กรปู แบบใด?

ก. Texture ข. Picture ค. Pattern ง. Gradient

7. ชุดรูปแบบสาเรจ็ รปู (Theme) อยูใ่ นแท็บใด กลมุ่ ใด?

ก. แท็บ Design กลุ่ม Theme ข. แทบ็ Home กลมุ่ Theme

ค. แท็บ Theme กล่มุ Select ง. แทบ็ Theme กลุ่ม Design

8. ข้อใดเป็นองค์ประกอบในการตกแตง่ ใน Theme ทม่ี อี ยใู่ น PowerPoint?

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ขอ้

9. ประโยชนข์ องการสรา้ ง Slide Master คอื ขอ้ ใด?

ก. ไดร้ ปู แบบของสไลดท์ ี่มีความหลากหลาย

ข. การแก้ไขข้อมลู ในสไลดไ์ มข่ ้ึนอยู่กบั สไลดอ์ น่ื

ค. ได้สไลด์ทต่ี รงกบั ความต้องการใชง้ านมากทส่ี ดุ

ง. อานวยความสะดวกตอ่ การทาสไลดท์ ่มี ลี ักษณะเหมอื นๆ กัน

10. การเปลีย่ นขนาดตวั อักษร โดยการกดปุ่ม ผลลัพธจ์ ะเปน็ อย่างไร?

ก. ตัวอักษรจะมขี นาดใหญก่ วา่ ขนาดเดมิ

ข. ตวั อักษรจะมีขนาดเลก็ ลงกวา่ ขนาดเดิม

ค. ตัวอกั ษรจะมตี าแหนง่ ตัวยกขน้ึ จากตาแหนง่ เดมิ

ง. ตัวอกั ษรจะมตี าแหน่งตัวหอ้ ยจากตาแหน่งเดมิ

12. การเลอื ก More Font Colors จะใช้ในกรณใี ด?

ก. สีท่แี สดงในรายการเลอื กไม่ตรงกบั ความต้องการ

ข. ผสมสที มี่ ากกว่า 2 สี ให้มีความหลากหลาย

ค. กรณีต้องการใชส้ ีท่ีมาจากไฟลอ์ ่ืน

ง. สามารถกาหนดเป็นช่ือสีทตี่ ้องการได้เลย

13. ข้อใดคือการกาหนดตวั อกั ษรรปู แบบพิเศษที่เปน็ แบบตัวยก?

ก. Shadow ข. Emboss ค. Superscript ง. Subscript

14. ถ้าต้องการปรบั โทนสีของรปู ภาพ ให้ใช้เคร่ืองิมือใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

15. ถา้ ต้องการปรบั ภาพท่ีดมู ืด ให้สวา่ งขนึ้ ใหใ้ ช้เครื่องมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

16. ถา้ ตอ้ งการปรบั ความคมชดั ของรปู ภาพ ให้ใช้เคร่อื งมือใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

17. หากต้องการนาสไลดไ์ ปขึน้ เว็บ ควรเลือกลดขนาดไฟล์แบบใด

ก. Print (200 ppi) ข. Web (170 ppi) ค. Screen (150 ppi) ง. E-mail (96 ppi)

18. เราตอ้ งกดคียใ์ ด เพอ่ื ชว่ ยในการวาดรปู หลายเหลีย่ มใหม้ ดี า้ นแต่ละด้านเท่ากนั

ก. <Alt> ข. <Ctrl> ค. <Shift> ง. <Ctrl>+<Shift>

19. Shading เป็นรูปแบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใชส้ พี น้ื แบบคอลัมนส์ ลับคอลัมน์ ข. ใส่สพี น้ื แบบโปรง่ ใส

ค. ใสส่ พี ้นื แบบกาหนดสที ีต่ ้องการ ง. สรา้ งสหี วั คอลัมน์ให้เดน่ ข้นึ

20. ข้อใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลักของการแสดงกราฟใน Power Point ?

ก. แกน x และแกน y ข. Legend หรอื คาอธิบาย

ค. Data Series หรือชุดของข้อมลู ง. รปู แสดงกราฟแทง่

21. ขอ้ ใดคอื ประโยชนข์ องการสร้างเทคนคิ ให้กับสไลด์มากทีส่ ดุ
ก. เพอ่ื ใหง้ านนาเสนอดนู ่าสนใจมากข้นึ
ข. เพอื่ ให้งานนาเสนอมคี วามเล็กกะทดั รัด
ค. เพอ่ื สรา้ งงานนาเสนอใหด้ ีและประหยดั พ้ืนที่
ง. เพือ่ สรา้ งงานนาเสนอให้เกดิ ประโยชนใ์ นการใช้สอย

22. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ ง

ก. สามารถกาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กต์

ข. สามารถใส่เสยี งประกอบการแสดงเอฟเฟ็กตไ์ ด้

ค. PowerPoint ใสเ่ อฟเฟก็ ตก์ ารเคล่อื นไหวได้เฉพาะกับขอ้ ความและภาพเท่าน้ัน

ง. PowerPoint สามารถกาหนดการเคลอื่ นไหวใหก้ บั วัตถดุ ้วยเทคนิคท่ีมอี ยแู่ ลว้ ในโปรแกรม

23. การใสเ่ อฟเฟก็ ต์เปลย่ี นหนา้ สไลดค์ วรทางานในมมุ มองใด

ก. Slide view ข. Slide show ค. Slide sorter view ง. Normal view

24. ข้อใดคอื ความสามารถของคาสงั่ Animation Schemes

ก. กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ นการเปลยี่ นหน้าสไลด์

ข. กาหนดเอฟเฟ็กต์สรา้ งการเคล่ือนไหวให้กับกราฟ

ค. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แตล่ ะวัตถุในสไลดด์ ว้ ยตวั เอง

ง. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แต่ละวัตถใุ สไลดด์ ว้ ยรปู แบบสาเร็จรูป

25. ในการกาหนดเอฟเฟ็กตใ์ หก้ ับขอ้ ความโดยใช้คาสงั่ Hide After Animation หมายถึงอะไร

ก. เมอื่ มกี ารแสดงให้ทาการซอ่ นขอ้ ความน้ัน

ข. เมอื่ มกี ารแสดงครัง้ ตอ่ ไปให้ซอ่ นขอ้ ความนน้ั

ค. เมอื่ มีการแสดงไมต่ อ้ งทาอะไรกบั ขอ้ ความน้ัน

ง. เม่ือมีการแสดงการเคล่อื นไหวครงั้ ตอ่ ไปให้แสดงข้อความนั้น

26. ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาสงั่ By Word หมายถึงขอ้ ใด

ก. แสดงขอ้ ความทลี ะคา ข. แสดงข้อความทีละตวั อกั ษร

ค. แสดงขอ้ ความออกมาแบบบางมาเขม้ ง. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหัวข้อทง้ั หมดพรอ้ มกัน

27. หากตอ้ งการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกลมุ่ ก่อนแล้วจึงแสดงกราฟของกลุ่มตอ่ ไป

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in category

28. ข้อใดคอื การเชอ่ื มโยงไปยงั สไลด์ก่อนหน้า

ก. Next slide ข. Last slide ค. First slide ง. Previous slide

29. ในการกาหนดเอฟเฟ็กตเ์ องจะต้องกาหนดการเรมิ่ ต้นใหเ้ อฟเฟก็ ต์ของวตั ถุทางานได้ท่ใี ด

ก. Direction ข. Start ค. Add effect ง. Speed

30. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้เป็นคาส่งั เกย่ี วกบั เทคนคิ ในการเปลย่ี นแผ่นสไลด์

ก. Slide show ข. Slide transition

ค. Transition schemes ง. Custom animation

31. หากต้องการให้พน้ื หลงั มลี กั ษณะเปน็ ลาย “หินอ่อน” ตอ้ งเลอื กรูปแบบใด

ก. texture ข. picture ค. pattern ง. gradient

32. ชดุ รปู แบบสาเรจ็ รปู (Theme) อยใู่ นแท็บใด กลุม่ ใด

ก. แท็บ Design กลุ่ม Theme ข. แทบ็ Home กลุ่ม Theme

ค. แทบ็ Theme กลุ่ม Select ง. แทบ็ Theme กลุ่ม Design

33. ขอ้ ใดเปน็ องคป์ ระกอบในการตกแต่งใน Theme ท่มี ีอยู่ใน PowerPoint

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ข้อ

34. Shading เปน็ รปู แบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใส่สพี ้ืนแบบโปรง่ ใส ข. สรา้ งสีคอลมั น์ให้เดน่ ขึน้

ค. ใสส่ ีพ้ืนแบบกาหนดสที ่ตี ้องการ ง. ใช้สพี ้ืนแบบคอลัมนส์ ลบั คอลมั น์

35. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลักของการแสดงกราฟในโปรแกรม PowerPoint

ก. แกน x และแกน y ข. รูปแสดงกราฟแท่ง

ค. Data series หรอื ชดุ ของข้อมลู ง. Legend หรอื คาอธบิ าย

36. ขอ้ ใดตอ่ ไปกลา่ วถูกตอ้ ง

ก. การจดั ทาข้อมลู ทเ่ี ป็นกราฟสถติ ิตา่ ง ๆ ไมจ่ าเปน็ ที่จะตอ้ งแกไ้ ขข้อมูลใหม่

ข. เม่ือทาการแกไ้ ขขอ้ มูลกราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดมิ ไม่เปลีย่ นแปลงรปู แบบตามข้อมลู ใหม่

ค. เมื่อทาการแกไ้ ขข้อมลู กราฟกจ็ ะยังคงรปู แบบเดิมไมเ่ ปลย่ี นแปลง นอกเสยี จากสรา้ งใหม่

ง. ถกู ทั้งข้อ ก. และ ข.

37. รปู แบบชนิดของกราฟแบบ Column มีลักษณะคล้ายขอ้ ใดมากทส่ี ุด

ก. แบบ Area ข. แบบ Pie ค. แบบ Line ง. แบบ Bar

38. ในการเพ่ิมสีสนั ให้กบั กราฟท้ังลกั ษณะเส้น ความกวา้ งของเส้น และสีของรปู กราฟสามารถเลอื ก

ได้ท่ใี ด

ก. Option ข. Edit ค. Patterns ง. Data Labels

39. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของกราฟทจ่ี ะเหน็ ได้เฉพาะในกราฟ 3 มติ ิเทา่ นั้น

ก. Walls ข. Legend ค. Gridline ง. Guideline

40. Legend คืออะไร

ก. พน้ื ทผ่ี วิ ดา้ นข้าง ข. เสน้ กรดิ

ค. คาอธบิ ายกราฟ ง. คาอธิบายแกนกราฟ

41.ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาส่ัง By Word หมายถึง?

ก. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหวั ข้อทัง้ หมดพรอ้ มกนั ข. แสดงขอ้ ความทีละคา

ค. แสดงขอ้ ความทลี ะตัวอักษร ง. แสดงข้อความออกมาแบบบางมาเขม้

42. หากต้องการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแตล่ ะกล่มุ กอ่ นแลว้ จึงแสดงกราฟของกลุม่ ต่อไปตอ้ งใช้

คาสั่งใด?

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in Category

43.ขอ้ ใดคอื การเช่ือมโยงไปยังสไลดก์ ่อนหนา้ ?

ก. Next Slide ข. Previous Slide ค. First Slide ง. Last Slide

44. ในการกาหนดเอฟเฟคเอง จะตอ้ งกาหนดการเริ่มตน้ ใหเ้ อฟเฟคของวตั ถทุ างานไดท้ ใี่ ด?

ก. Add Effect ข. Start ค. Direction ง. Speed

45. ขอ้ ใดต่อไปนีเ้ ปน็ คาสงั่ เกยี่ วกับเทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไสด์?

ก. Transition Schemes ข. Custom Animation

ค. Slide Show ง. Slide Transition

46. กรณที ี่เราใช้โน้ตบุ๊ค หรอื ต่อกับเครื่องโปรเจคเตอร์ เราใชป้ มุ่ ใดเพื่อแสดงออก 2 จอภาพ

ก. <F5> ข. <Shift>+<F5> ค. <F4> ง. <Fn>+<F4>

47. การกดคยี ์ 4+<Enter> จะเกดิ ผลลพั ธใ์ ดขน้ึ ระหว่างการแสดงสไลด์

ก. แสดงออกเป็น 4 ชอ่ ง ข. ขา้ มไปแสดงอีก 4 สไลด์นับจากสไลดป์ ัจจุบนั

ค. ค้างหน้าสไลด์ไว้ 4 วนิ าที ง. ไปยงั สไลด์ที่ 4

48. ในการพกั หนา้ จอ ขอ้ ใดไมใ่ ชต่ ัวเลือกของโปรแกรมท่จี ะแสดงได้

ก. หน้าจอสขี าว ข. หนา้ จอภาพเคลอ่ื นไหว

ค. หน้าจอสดี า ง. สลบั ไปยังโปรแกรมอ่นื

49. ข้อใดต่อไปนีก้ ล่าวถกู ต้อง ?

ก. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลดเ์ พอ่ื ช่วยนบั เวลาในการนาเสนอของสไลด์ในแตล่ ะ

แผน่

ข. การตงั้ คา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพื่อชว่ ยนบั เวลาที่วตั ถุในไสดใ์ นขณะทีป่ รากฏที่

จอภาพ

ค. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพือ่ ช่วยลดขนาดของไฟล์งานนาเสนอให้มขี นาดเลก็

ง. ถกู ทัง้ ขอ้ ก และ ค

50.การอดั เสยี งประกอบคาบรรยาย ถ้ากาหนดใหค้ ุณภาพของเสยี งใกลเ้ คียงกบั ตน้ ฉบับ

ผลลัพธ์คอื ?

ก. เสยี งทไี่ ด้ออกมาหลังจากการอดั มีคณุ ภาพเสียงทีด่ ีกวา่ เดมิ เนอ่ื งจากคอมพิวเตอรช์ ่วย

ข. เสียงที่ได้ออกมาหลงั จากการอดั ไม่เปลีย่ นแปลงแต่มีขนาดการเกบ็ ไฟล์ท่เี ลก็ กวา่

ค. เสียงท่ไี ด้ออกมาหลังจากการอดั เปลยี่ นแปลงเล็กน้อยและมขี นาดการเก็บไฟล์ทใ่ี หญก่ วา่

ง. ไมม่ ีอะไรเปลยี่ นแปลงคณุ ภาพเสยี งที่ได้เท่าเดมิ และไม่มีผลตอ่ การเกบ็ ขอ้ มูล

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
รหสั 20001-2001 วิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ
เรอ่ื ง การประยกุ ต์ใช้โปรแกรมนาเสนอดว้ ยเอฟเฟ็กต์ จานวน 50 ข้อ
ชอื่ ...................................................................................ชัน้ ................แผนก................................

คาสง่ั / คาช้ีแจง ใหเ้ ลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว

1. ข้อใดคือคณุ สมบัตเิ ด่นของมุมมอง Slide Sorter View?

ก. มุมมองแสดงจานวนสไลดท์ ้ังหมดในงานนาเสนอได้

ข. มมุ มองท่ใี ช้ในการปรบั แตง่ องค์ประกอบตา่ งๆ

ค. มุมมองที่แสดงข้อความเพยี งอยา่ งเดยี ว

ง. มมุ มองทใี่ ชแ้ สดงงานนาเสนอให้กับผชู้ ม

2.หากต้องการเพิ่มเตมิ แก้ไขในส่วนเนื้อหา และหัวขอ้ ของสไลด์ ควรกาหนดในส่วนใด?

ก. Slide Show ข. Normal View แบบ Outline

ค. Normal View แบบ Slides ง. Slide Sorter View

3. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง?

ก. ชอื่ เร่ืองของสไลด์ใช้ได้เฉพาะภาษาองั กฤษเท่านนั้

ข. การกาหนดช่ือเรอ่ื งของสไลด์ ตอ้ งมคี วามยาวไมเ่ กิน 16 อักษร

ค. ชื่อเร่ืองของสไลด์ ต้องไมม่ อี กั ขระพเิ ศษหรือสญั ลกั ษณ์

ง. หากตอ้ งการใส่ชือ่ เรอ่ื งสไลดใ์ นแผ่นสไลด์ใหมท่ าไดโ้ ดยกดคีย์ <Enter>

4. การจัดเรียงสไลดใ์ นงานนาเสนอ ควรกาหนดมมุ มองเปน็ แบบใด?

ก. Slide Sorter View ข. Normal View แบบ Outline

ค. Slide Show ง. Normal View แบบ Slides

5. มมุ มองใดเป็นขัน้ ตอนสุดท้ายของการแสดงนาเสนอ

ก. Slide Show ข Slide Sorter View

ค. Normal view (Slide Show) ง. Normal view (Outline)

6. หากตอ้ งการให้พนื้ หลงั มลี กั ษณะเป็นลาย “หนิ ออ่ น” ต้องเลือกรูปแบบใด?

ก. Texture ข. Picture ค. Pattern ง. Gradient

7. ชดุ รูปแบบสาเร็จรปู (Theme) อยใู่ นแทบ็ ใด กลมุ่ ใด?

ก. แท็บ Design กลมุ่ Theme ข. แท็บ Home กลุ่ม Theme

ค. แทบ็ Theme กลุ่ม Select ง. แทบ็ Theme กลุ่ม Design

8. ข้อใดเปน็ องค์ประกอบในการตกแต่งใน Theme ทม่ี ีอยู่ใน PowerPoint?

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทุกข้อ

9. ประโยชนข์ องการสรา้ ง Slide Master คอื ขอ้ ใด?

ก. ไดร้ ปู แบบของสไลดท์ ี่มีความหลากหลาย

ข. การแก้ไขข้อมลู ในสไลดไ์ มข่ ้ึนอยู่กบั สไลดอ์ น่ื

ค. ได้สไลด์ทต่ี รงกบั ความต้องการใชง้ านมากทส่ี ดุ

ง. อานวยความสะดวกตอ่ การทาสไลดท์ ีม่ ลี ักษณะเหมอื นๆ กัน

10. การเปลีย่ นขนาดตวั อักษร โดยการกดปุ่ม ผลลัพธจ์ ะเปน็ อย่างไร?

ก. ตัวอักษรจะมขี นาดใหญก่ วา่ ขนาดเดมิ

ข. ตวั อักษรจะมีขนาดเลก็ ลงกวา่ ขนาดเดิม

ค. ตัวอกั ษรจะมตี าแหนง่ ตัวยกขน้ึ จากตาแหนง่ เดมิ

ง. ตัวอกั ษรจะมตี าแหน่งตัวหอ้ ยจากตาแหน่งเดมิ

12. การเลอื ก More Font Colors จะใช้ในกรณใี ด?

ก. สีท่แี สดงในรายการเลอื กไม่ตรงกบั ความต้องการ

ข. ผสมสที มี่ ากกว่า 2 สี ให้มีความหลากหลาย

ค. กรณีต้องการใชส้ ีท่ีมาจากไฟลอ์ ื่น

ง. สามารถกาหนดเป็นช่ือสีทตี่ ้องการไดเ้ ลย

13. ข้อใดคือการกาหนดตวั อกั ษรรปู แบบพิเศษทเ่ี ปน็ แบบตัวยก?

ก. Shadow ข. Emboss ค. Superscript ง. Subscript

14. ถ้าต้องการปรบั โทนสีของรปู ภาพ ให้ใช้เคร่ืองิมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

15. ถา้ ต้องการปรบั ภาพท่ีดมู ืด ให้สวา่ งขนึ้ ใหใ้ ช้เครื่องมอื ใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

16. ถา้ ตอ้ งการปรบั ความคมชดั ของรปู ภาพ ให้ใชเ้ คร่อื งมือใด

ก. Contrast ข. Color ค. Brightness ง. Corrections

17. หากต้องการนาสไลดไ์ ปขึน้ เว็บ ควรเลือกลดขนาดไฟล์แบบใด

ก. Print (200 ppi) ข. Web (170 ppi) ค. Screen (150 ppi) ง. E-mail (96 ppi)

18. เราตอ้ งกดคียใ์ ด เพอ่ื ชว่ ยในการวาดรปู หลายเหลีย่ มใหม้ ดี า้ นแต่ละด้านเท่ากนั

ก. <Alt> ข. <Ctrl> ค. <Shift> ง. <Ctrl>+<Shift>

19. Shading เป็นรูปแบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใชส้ พี น้ื แบบคอลมั นส์ ลับคอลัมน์ ข. ใส่สพี น้ื แบบโปรง่ ใส

ค. ใสส่ พี ้นื แบบกาหนดสที ีต่ ้องการ ง. สรา้ งสหี วั คอลัมน์ให้เดน่ ข้นึ

20. ข้อใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลักของการแสดงกราฟใน Power Point ?

ก. แกน x และแกน y ข. Legend หรอื คาอธิบาย

ค. Data Series หรือชุดของข้อมลู ง. รปู แสดงกราฟแทง่

21. ขอ้ ใดคือประโยชนข์ องการสร้างเทคนิคให้กับสไลด์มากทีส่ ดุ
ก. เพอ่ื ใหง้ านนาเสนอดนู ่าสนใจมากข้นึ
ข. เพอื่ ให้งานนาเสนอมคี วามเล็กกะทดั รัด
ค. เพอ่ื สรา้ งงานนาเสนอใหด้ ีและประหยดั พื้นที่
ง. เพือ่ สรา้ งงานนาเสนอให้เกดิ ประโยชนใ์ นการใช้สอย

22. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ ง

ก. สามารถกาหนดเวลาในการแสดงเอฟเฟ็กต์

ข. สามารถใส่เสยี งประกอบการแสดงเอฟเฟ็กตไ์ ด้

ค. PowerPoint ใสเ่ อฟเฟก็ ตก์ ารเคล่อื นไหวได้เฉพาะกับขอ้ ความและภาพเท่าน้ัน

ง. PowerPoint สามารถกาหนดการเคลอื่ นไหวใหก้ บั วัตถดุ ้วยเทคนิคท่ีมอี ยแู่ ลว้ ในโปรแกรม

23. การใส่เอฟเฟก็ ต์เปลย่ี นหนา้ สไลดค์ วรทางานในมมุ มองใด

ก. Slide view ข. Slide show ค. Slide sorter view ง. Normal view

24. ข้อใดคอื ความสามารถของคาสงั่ Animation Schemes

ก. กาหนดเอฟเฟก็ ตใ์ นการเปลยี่ นหน้าสไลด์

ข. กาหนดเอฟเฟ็กตส์ รา้ งการเคลอ่ื นไหวให้กับกราฟ

ค. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แตล่ ะวัตถุในสไลดด์ ว้ ยตวั เอง

ง. กาหนดเอฟเฟก็ ต์ใหก้ บั แต่ละวตั ถใุ สไลดด์ ว้ ยรปู แบบสาเร็จรูป

25. ในการกาหนดเอฟเฟ็กตใ์ หก้ ับขอ้ ความโดยใช้คาสงั่ Hide After Animation หมายถึงอะไร

ก. เมอื่ มกี ารแสดงให้ทาการซอ่ นขอ้ ความน้ัน

ข. เมอื่ มกี ารแสดงครัง้ ตอ่ ไปให้ซ่อนขอ้ ความนน้ั

ค. เมอื่ มีการแสดงไมต่ อ้ งทาอะไรกบั ขอ้ ความน้ัน

ง. เม่ือมีการแสดงการเคล่อื นไหวครงั้ ตอ่ ไปให้แสดงข้อความนั้น

26. ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาสงั่ By Word หมายถึงขอ้ ใด

ก. แสดงขอ้ ความทลี ะคา ข. แสดงข้อความทีละตวั อกั ษร

ค. แสดงขอ้ ความออกมาแบบบางมาเขม้ ง. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหัวข้อทง้ั หมดพรอ้ มกัน

27. หากตอ้ งการใหก้ ราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกลมุ่ ก่อนแล้วจึงแสดงกราฟของกลุ่มตอ่ ไป

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in category

28. ข้อใดคอื การเชอ่ื มโยงไปยงั สไลด์ก่อนหน้า

ก. Next slide ข. Last slide ค. First slide ง. Previous slide

29. ในการกาหนดเอฟเฟ็กตเ์ องจะต้องกาหนดการเรมิ่ ต้นใหเ้ อฟเฟก็ ต์ของวตั ถุทางานได้ท่ใี ด

ก. Direction ข. Start ค. Add effect ง. Speed

30. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้เป็นคาส่งั เกยี่ วกบั เทคนิคในการเปล่ยี นแผ่นสไลด์

ก. Slide show ข. Slide transition

ค. Transition schemes ง. Custom animation

31. หากตอ้ งการให้พน้ื หลงั มลี กั ษณะเปน็ ลาย “หินอ่อน” ตอ้ งเลอื กรูปแบบใด

ก. texture ข. picture ค. pattern ง. gradient

32. ชดุ รปู แบบสาเรจ็ รูป (Theme) อยใู่ นแท็บใด กลมุ่ ใด

ก. แท็บ Design กลุ่ม Theme ข. แทบ็ Home กลุ่ม Theme

ค. แทบ็ Theme กลุ่ม Select ง. แทบ็ Theme กลุ่ม Design

33. ขอ้ ใดเปน็ องค์ประกอบในการตกแต่งใน Theme ที่มอี ยใู่ น PowerPoint

ก. Theme Fonts ข. Theme Effects

ค. Background Style ง. ถกู ทกุ ขอ้

34. Shading เป็นรปู แบบการตกแต่งตารางอยา่ งไร

ก. ใส่สพี ืน้ แบบโปรง่ ใส ข. สรา้ งสีคอลมั น์ใหเ้ ดน่ ขึน้

ค. ใสส่ ีพน้ื แบบกาหนดสที ่ตี ้องการ ง. ใชส้ พี ืน้ แบบคอลมั นส์ ลบั คอลมั น์

35. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ว่ นประกอบหลักของการแสดงกราฟในโปรแกรม PowerPoint

ก. แกน x และแกน y ข. รปู แสดงกราฟแท่ง

ค. Data series หรอื ชดุ ของข้อมลู ง. Legend หรอื คาอธบิ าย

36. ขอ้ ใดตอ่ ไปกลา่ วถูกตอ้ ง

ก. การจดั ทาข้อมลู ทเ่ี ป็นกราฟสถติ ิตา่ ง ๆ ไม่จาเป็นทจ่ี ะตอ้ งแก้ไขข้อมูลใหม่

ข. เม่ือทาการแกไ้ ขขอ้ มูลกราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดิมไมเ่ ปลีย่ นแปลงรปู แบบตามข้อมลู ใหม่

ค. เมื่อทาการแกไ้ ขข้อมลู กราฟกจ็ ะยังคงรูปแบบเดมิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลง นอกเสยี จากสรา้ งใหม่

ง. ถกู ทัง้ ข้อ ก. และ ข.

37. รปู แบบชนิดของกราฟแบบ Column มีลักษณะคลา้ ยขอ้ ใดมากทส่ี ดุ

ก. แบบ Area ข. แบบ Pie ค. แบบ Line ง. แบบ Bar

38. ในการเพ่ิมสสี นั ใหก้ บั กราฟท้ังลกั ษณะเส้น ความกวา้ งของเส้น และสขี องรปู กราฟสามารถเลอื ก

ได้ท่ใี ด

ก. Option ข. Edit ค. Patterns ง. Data Labels

39. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของกราฟทจ่ี ะเหน็ ได้เฉพาะในกราฟ 3 มติ ิเทา่ นั้น

ก. Walls ข. Legend ค. Gridline ง. Guideline

40. Legend คืออะไร

ก. พน้ื ทผ่ี วิ ดา้ นข้าง ข. เสน้ กรดิ

ค. คาอธิบายกราฟ ง. คาอธบิ ายแกนกราฟ

41.ในชอ่ ง Animate Text การกาหนดคาส่ัง By Word หมายถึง?

ก. แสดงขอ้ ความในแตล่ ะหวั ข้อทัง้ หมดพรอ้ มกนั ข. แสดงขอ้ ความทลี ะคา

ค. แสดงขอ้ ความทลี ะตัวอักษร ง. แสดงขอ้ ความออกมาแบบบางมาเขม้

42. หากต้องการให้กราฟแสดงกราฟออกมาในแต่ละกล่มุ กอ่ นแลว้ จึงแสดงกราฟของกลุม่ ต่อไปตอ้ งใช้

คาสั่งใด?

ก. by series ข. by category

ค. by element in series ง. by element in Category

43.ขอ้ ใดคอื การเช่ือมโยงไปยังสไลดก์ ่อนหนา้ ?

ก. Next Slide ข. Previous Slide ค. First Slide ง. Last Slide

44. ในการกาหนดเอฟเฟคเอง จะตอ้ งกาหนดการเริ่มตน้ ใหเ้ อฟเฟคของวตั ถทุ างานไดท้ ใี่ ด?

ก. Add Effect ข. Start ค. Direction ง. Speed

45. ขอ้ ใดต่อไปนีเ้ ปน็ คาสงั่ เกยี่ วกับเทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไสด์?

ก. Transition Schemes ข. Custom Animation

ค. Slide Show ง. Slide Transition

46. กรณที ี่เราใช้โน้ตบุ๊ค หรอื ต่อกับเครื่องโปรเจคเตอร์ เราใชป้ มุ่ ใดเพื่อแสดงออก 2 จอภาพ

ก. <F5> ข. <Shift>+<F5> ค. <F4> ง. <Fn>+<F4>

47. การกดคยี ์ 4+<Enter> จะเกดิ ผลลพั ธใ์ ดขน้ึ ระหว่างการแสดงสไลด์

ก. แสดงออกเป็น 4 ชอ่ ง ข. ขา้ มไปแสดงอีก 4 สไลด์นับจากสไลดป์ ัจจุบนั

ค. ค้างหน้าสไลด์ไว้ 4 วนิ าที ง. ไปยงั สไลด์ที่ 4

48. ในการพกั หนา้ จอ ขอ้ ใดไมใ่ ชต่ ัวเลือกของโปรแกรมท่จี ะแสดงได้

ก. หน้าจอสขี าว ข. หนา้ จอภาพเคลอ่ื นไหว

ค. หน้าจอสดี า ง. สลบั ไปยังโปรแกรมอ่นื

49. ข้อใดต่อไปนีก้ ล่าวถกู ต้อง ?

ก. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลดเ์ พอ่ื ช่วยนบั เวลาในการนาเสนอของสไลด์ในแตล่ ะ

แผน่

ข. การตงั้ คา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพื่อชว่ ยนบั เวลาที่วตั ถุในไสดใ์ นขณะทีป่ รากฏที่

จอภาพ

ค. การตั้งคา่ เวลาในการบรรยายสไลด์เพือ่ ช่วยลดขนาดของไฟล์งานนาเสนอให้มขี นาดเลก็

ง. ถกู ทัง้ ขอ้ ก และ ค

50.การอดั เสยี งประกอบคาบรรยาย ถ้ากาหนดใหค้ ุณภาพของเสยี งใกลเ้ คียงกบั ตน้ ฉบับ

ผลลัพธ์คอื ?

ก. เสยี งทไี่ ด้ออกมาหลังจากการอดั มีคณุ ภาพเสียงทีด่ ีกวา่ เดมิ เนอ่ื งจากคอมพิวเตอรช์ ่วย

ข. เสียงที่ได้ออกมาหลงั จากการอดั ไม่เปลีย่ นแปลงแต่มีขนาดการเกบ็ ไฟล์ท่เี ลก็ กวา่

ค. เสียงท่ไี ด้ออกมาหลังจากการอดั เปลยี่ นแปลงเล็กน้อยและมขี นาดการเก็บไฟล์ทใ่ี หญก่ วา่

ง. ไมม่ ีอะไรเปลยี่ นแปลงคณุ ภาพเสยี งที่ได้เท่าเดมิ และไม่มีผลตอ่ การเกบ็ ข้อมูล

ใบมอบหมายงาน

ใบมอบหมายงาน
1. สรา้ งงานนาเสนอโดยใชโ้ ปรแกรม PowerPoint จากขอ้ มลู ที่กาหนดให้

สไลด์ท่ี 1 : กลอ่ งข้อความทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ กาหนดเอฟเฟก็ ต์แบบ Entrance > Wipe ข้อความท่ี
เปน็ เน้อื หากาหนดเอฟเฟก็ ต์แบบ Entrance > strip , รูปกาหนดเอฟเฟก็ ต์แบบ Entrance > grow
& turn

สไลด์ท่ี 2 : กล่องข้อความทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ กาหนดเอฟเฟก็ ตแ์ บบ Entrance > center revolve
, รูปกาหนดเอฟเฟก็ ตแ์ บบ Entrance > Dissolve In ข้อความท่ีเปน็ เนื้อหากาหนดเอฟเฟก็ ตแ์ บบ
Entrance > Wipe
2. สร้างงานนาเสนอโดยใช้โปรแกรม PowerPoint จากขอ้ มูลทก่ี าหนดให้

สไลดท์ ี่ 1 :
1. ใชส้ ไลดแ์ บบ Built-in แบบ facet ใชเ้ อฟเฟก็ ต์ origami
2. ตวั อักษรแบบ WorkArt แบบ Fill-Red, Accent2, Matte bevel ใช้เอฟเฟก็ ต์
Entrance>wheel
3. กล่องข้อความเอฟเฟก็ ต์ Entrance > More Effect > Rise up
4. รปู ภาพใชเ้ อฟเฟ็กต์ Entrance > More Effect > Checkerboard

สไลดท์ ่ี 2 :
1. ใชส้ ไลดแ์ บบ Built-in แบบ facet ใชเ้ อฟเฟ็กต์ Animations > Boxin
2. ตัวอกั ษรแบบ WorkArt แบบ Fill-Red, Accent2, Matte bevel ใชเ้ อฟเฟก็ ต์ Entrance>More
Effects > spinner
3. กล่องข้อความเอฟเฟก็ ต์ Entrance > More Effect > bouce
4. รูปภาพใช้เอฟเฟก็ ต์ Entrance > More Effect > Dissolve In

ภาคผนวก ข
ประมวนผลภาพ


Click to View FlipBook Version