The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กว่าจะมาเป็นธงชาติไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sarincstyk, 2021-09-28 01:20:53

กว่าจะมาเป็นธงชาติไทย

กว่าจะมาเป็นธงชาติไทย

ก ว่ า จ ะ ม า เ ป็ น
ธ ง ช า ติ ไ ท ย

วั น ที่ 2 8 กั น ย า ย น

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

ป ร ะ วั ติ ธ ง ช า
ติ ไ ท ย

ธงชาติไทยมีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏแน่ชัดเชื่อกันว่าน่าจะเกิดขึ้นในรัชสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพราะปรากฏเรื่องราวอยู่ในหนังสือจดหมายเหตุ
ของฝรั่งเศสโดยได้กล่าวไว้ว่าเมื่อวันที่๓กันยายน พ.ศ.๒๒๒๓เรือรบของ
ฝรั่งเศสได้น้าเรือเข้ามาถึงปากแม่น้้นเจ้าพระยาเพื่อเจริญพระราชไมตรีและการ
ค้าได้ยิงสลุต(ยิงปืนให้ความเคารพ)ให้แก่สยามในการที่เรือรบฝรั่งเศสได้ยิงสลุต
ให้นั้นทางป้อมก็ชักธงชาติขึ้นแต่ในห้วงเวลานั้นธงชาติสยามยังไม่มีจึงได้ชัก
ธงชาติฮอลันดาขึ้นแทนแต่ฝรั่งเศสไม่ยอมยิงสลุตเพราะเห็นว่าไม่ใช่ธงของชาติ
สยามจึงแจ้งให้ทราบว่าให้เอาธงฮอลันดาลงเสียแล้วชักธงอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น
แทนเผอิญในสมัยนั้นธงสีแดงถือเป็นธงที่สยามใช้ส้าหรับเป็นธงน้าทัพอยู่แล้ว
สยามจึงน้าธงแดงชักขึ้นจากนั้นฝรั่งเศสจึงยิงสลุตให้ด้วยเหตุนี้สยามจึงถือเอา
ธงสีแดงเป็นธงชาติสยาม

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

สมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังคงใช้ธงสีแดงเกลี้ยงชักเป็น
เครื่องหมายประจ้าเรือค้าขายกับต่างประเทศอยู่ ต่อมาพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) มีพระบรมราชโองการให้ทำรูป"จักร" สี
ขาวติดไว้กลางธงสีแดงเป็นเครื่องหมายใช้เฉพาะเรือหลวง ส่วนเรือค้าขายของ
ราษฎรทั่วไปนั้น ยังคงใช้สีแดงเกลี้ยงอยู่

ขึ้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) พระองค์
ท่านทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างเรือก้าปั่ นของหลวงขึ้น ๒ ล้าเพื่อล่อง
ค้าขายระหว่างสิงคโปร์และมาเก๊า โดยที่เรือหลวงทั้งสองล้าดังกล่าว จะชักธงแดง
ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา กระทั่งวันหนึ่งประเทศอังกฤษ
ซึ่งเป็นเจ้าเมืองสิงคโปร์ได้บอกกับนายเรือหลวงของสยามให้มากราบบังคับทูล
พระเจ้ากรุงสยามว่า "เรือเดินทะเลชาวมลายูที่ค้าขายกับสิงคโปร์ก็ชักธงแดง
เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงขอให้พระเจ้ากรุงสยามใช้ธงอย่างอื่นเสียเพื่อจะได้
จัดการรับรองเรือหลวงได้สะดวกและไม่สับสน" พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้ารูปช้างสีขาวยืนพื้นอยู่ในวงจักรสีขาว
ติดไว้กลางธงแดงอันมีความหมายว่า“พระเจ้าแผ่นดินผู้มีช้างเผือก” และธงรูปช้าง
เผือกสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวนี้ก็ใช้เฉพาะเรือหลวงเท่านั้น

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาล
ที่๔)สยามได้มีการทำหนังสือสัญญาเปิดการค้าขายกับชาว
ตะวันตกมากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระ
ราชด้าริว่าธงสีแดงซึ่งเป็นธงที่ใช้
กับเรือของสามัญชนชาวสยามนั้นซ้้ากับประเทศอื่นยากต่อการแยกแยะสมควรยกเลิก
เสียและหันมาใช้ธงอย่างเรือหลวงเป็นธงชาติสยามส้าหรับเรือสามัญชนด้วยแต่โปรด
เกล้าให้เอารูปวงจักรสีขาวออกเสียเพราะเป็นของสูงซึ่งถือเป็นเครื่องหมายเฉพาะของ
พระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น โดยให้คงไว้แต่รูปช้างเผือกอยู่กลางธงแดงแต่ทว่าให้ปรับขนาด
ช้างเผือกให้ใหญ่ขึ้นโดยในช่วงแรกเป็นแบบช้างเผือกยืนพื้น ต่อมาปรับรูปช้างเป็นแบบ
ช้างเผือกปล่อย

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

โดยในช่วงแรกเป็นแบบช้างเผือกยืนพื้น ต่อมาปรับรูป
ช้างเป็นแบบช้างเผือกปล่อย

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ก็ได้ออกพระราช
บัญญัติว่าด้วยแบบอย่างธงสยามเป็นครั้งแรก ตรงกับรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๐ ต่อ
มาคือพระราชบัญญัติธงสยาม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ และพระราชบัญญัติธงสยาม
รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘ โดยทุกฉบับได้ยืนยันถึงลักษณะของธงชาติสยามเป็นแบบ
ธงพื้นสีแดงตรงกลางเป็นรูปช้างเผือกสีขาวปล่อยหันหน้าเข้าหาเสา

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ได้
ทรงพระราชด้าริว่า เมื่อมองธงชาติซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นแต่ไกลจะมี
ลักษณะไม่ต่างจากธงราชการเท่าไร และรูปช้างที่อยู่กลางธงก็ไม่
งดงาม จึงโปรดเกล้าฯให้ออกประกาศเพิ่มเติมและแก้ไขพระราชบัญญัติธง
รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๙ โดยแก้ไขลักษณะธงชาติให้เป็นพื้นสีแดงกลายเป็นรูปช้างเผือก
ทรงเครื่อง ยืนแท่น หน้าหันเข้าเสา ส้าหรับเป็นธงราชการ ซึ่งถือเป็นธงช้างรูปสุดท้าย
ของธงในสมัยรัตนโกสินทร์

และช่วงท้ายในปีพ.ศ. ๒๔๕๙ ก็ได้มีการยกเลิกการใช้ธงชาติแบบช้างเผือกทรงเครื่อง
ยืนแท่น หน้าหันเข้าเสาเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระรา
ชด้าริเปลี่ยนธงช้างเป็นธงแถบสี เพราะทรงเห็นความล้าบากของราษฎรที่ต้องสั่งซื้อธง
ช้างมาจากต่างประเทศ และบางครั้งเมื่อเกิดความสะเพร่าติดธงผิดรูปช้างกลับเอาขาชี้
ขึ้นเป็นที่น่าละอาย ซึ่งหากเปลี่ยนเป็นธงแถบสีแล้ว ราษฎรก็สามารถท้าธงใช้ได้เอง และ
จะช่วยขจัดปัญหาการติดผิดพลาด

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

แต่เนื่องจากธงแดงขาวห้าริ้ว เมื่อดูไม่สง่างาม จึงมีการปรับ
เปลี่ยนแถบตรงกลางซึ่งเป็นสีแดงให้เป็นสีน้้าเงินขาบ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระยาศรี
ภูริปรีชาร่างประกาศแก้แบบธงชาติสยามและได้ทรงน้าเรื่อง
เข้าที่ประชุมคณะเสนาบดีเพื่อฟังความเห็นที่ประชุมลงมติ
เห็นชอบธงสามสีตามแบบที่คิดขึ้นใหม่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติธงขึ้นเรียกว่าพระราชบัญญัติธง
พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ ออกประกาศเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๐ มีผล
บังคับใช้ภายหลังวันออกประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ๓๐ วัน ซึ่งต่อมา
ธงสยามแบบล่าสุดนี้ถูกเรียกว่า "ธงไตรรงค์"

แหล่งที่มา : กรมบังคับคดี
ผู้จัดทำ : นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

รูปภาพ : pngtree.com/SJzhouyou

จัดทำโดย
นางสาวสลิลทิพย์ ชีพสัตยากร

บรรณารักษ์
ห้องสมุดประชาชนอำเภอตระการพืชผล
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม

อัธยาศัยอำเภอตระการพืชผล


Click to View FlipBook Version