รายงาน
เรื่อง จริยธรรมและกฏหมายในการทำธุรกิจออนไลน์
จัดทำโดย
นางสาวโยษิตา เดินสันเทียะ
64152310079-0 GM3/2A
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชาการจัดการธุรกิจออนไลน์
สาขาการจัดการทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2564
ก
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อ
เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการ
จัดการธุรกิจออนไลน์ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ใน
เรื่องจริยธรรมและกฏหมายที่เกี่ยวข้องในการ
ทำธุรกิจออนไลน์ และได้ศึกษาอย่างเข้าใจ เพื่อเป็น
ประโยชน์กับการเรียน ผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจได้เป็นอย่างดี
ผู้จัดทำ
นางสาวโยษิตา เดินสันเทียะ
ข
สารบัญ
คำนำ ก
สารบัญ ข
จริยธรรมในการทำธุรกิจออนไลน์ 1-2
จริยธรรม 10 ข้อในการทำธุรกิจออนไลน์ 3
ตัวอย่างที่ผิดจริยธรรมในการขายของออนไลน์ 4
กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจออนไลน์ 5-6
ตัวอย่างที่ผิดกฏหมายในการขายของออนไลน์ 7
1
จริยธรรมในการทำธุรกิจออนไลน์
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
มีช่องทางในการเข้าใช้งานได้ง่ายขึ้น ผลของการพัฒนา
ส่งผลให้มีการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศกัน
อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการทำธุรกิจออนไลน์หรือ
ธุรกิจทาง e-commerce ซึ่งมีการทำธุจกิรประเภทนี้กัน
อย่างเเพร่หลาย ทำให้มีเกิดผลทั้งด้านบวกเเละด้านลบ
ในการเเสวงหาผลประโยชน์จากทำธุรกิจออนไลน์ ดังนั้น
การหาประโยชน์จากทางใดทางหนึ่ง จึงต้องเกี่ยวข้องกับ
การมีจรรยาบรรณเเละจริยธรรมซึ่งการมีจรรยาบรรณเเละ
จริยธรรมนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการปลูกฝังให้กับผู้ที่
ประกอบธุรกิจออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการ
ทำธุจกิจที่เเสวงหาประโยชน์อย่างเหมาะสมเเละ
สร้างสรรค์ มิใช่จะหาประโยชน์ที่มิชอบอย่างเดียว
2
จริยธรรมในก
ารทำธุรกิจออนไลน์
จริยธรรม
1.ความเชื่อถือได้ (Reliability) โดยข้อมูลที่เผยเเพร่จะต้องมีความ
เชื่อถือได้ เเละเป็นที่ยอมรับในการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์
ความเชื่อถือได้ของระบบองค์กร เเละความเชื่อถือได้ของชนิดของ
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
2.ความโปร่งใส (Transparency) ข้อมูลที่มีอยู่จะต้องมีความโปร่งใส
อย่างสูงสุด เช่น ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลทะเบียนการค้า หมายเลข
ประจำตัวผู้เสียภาษี รายละเอียดสินค้า รายละเอียดค่าใช้จ่าย รูป
เเบบเเละเงื่อนไขการชำระเงิน ระยะเวลาการจัดส่งสินค้า การรับ
ประกันสินค้า กฏหมายเกี่ยวกับการทำธุรกรรม เป็นต้น
3.ความลับเเละความเป็นส่วนตัว (Confidentiality and Privacy)
ต้องมีการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น เช่น ข้อมูลส่วนตัว
บุคคลต้องเก็บเป็นความลับ เเละนำไปใช้เมื่อได้รับการยินยอมจากอีก
ฝ่ายเท่านั้น มีมาตรการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ เเละมีการคุ้มครอง
สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
3
จริยธรรม 10 ข้อในการทำธุรกิจออนไลน์
1.ขายของดี มีคุณภาพ ในราคายุติธรรม ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้
2.ขายของที่ถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ นำเข้าอย่างถูกต้อง ไม่
ปลอมแปลงหรือคัดลอกสินค้าของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง
3. ไม่โฆษณาเกินจริง บิดเบือนคุณภาพ สรรพคุณของสินค้า
4. ระบุรายละเอียดที่มา ขนาด ราคา วันหมดอายุ ของสินค้าให้ชัดเจน
5. ไม่กลั่นแกล้ง ให้ร้ายป้ายสีใคร
6.เก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวและบัญชีของลูกค้าไว้เป็นความลับ และไม่
ควรเปิดเผยข้อมูลลูกค้าแก่ผู้อื่นทราบโดยไม่ได้รับอนุญาต
7. ตรงต่อเวลา จัดส่งสินค้าตามที่แจ้ง
8. ตรวจสอบสินค้าและพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพอยู่เสมอ
9. ถามมา ตอบได้ ตอบไว ไม่หนี ไม่โกง
10. ใช้ช่องทางรับชำระเงินที่เชื่อถือได้
4
ตัวอย่างที่ผิดจริยธรรมในการทำธุรกิจออนไลน์
วันที่ 4 ก.ค.2563 พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผู้กำกับการการ 1 กองบังคับการปราบ
ปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ) นำกำลังชุดปฎิบัติ
การเข้าจับกุม น.ส.สุภาพรรณ พูนสมบัติ อายุ 39 ปี ได้ที่บริเวณหน้าร้านอาหารในหมู่บ้าน
ชะอำ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หลังถูกออกหมายจับจาก ศาลจังหวัดศรีษะเกษ ในความ
ผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน
คดีนี้สืบเนื่องจาก ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ที่เคยถูก น.ส.สุภา
พรรณ หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านทางโซเชียล ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดย
มีการเสนอขายกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นที่ยอดฮิต ที่หายาก และมีราคาที่ถูกกว่าราคาท้อง
ตลาดทั่วไป ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ยอมโอนเงินมาซื้อของเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าเมื่อผู้
ต้องหาส่งพัสดุมาถึงบ้านก็ถึงกับอึ้ง เพราะเมื่อเปิดกล่องออกมาดู แทนที่จะเป็นกระเป๋ารุ่นที่
ต้องการ กลับกลายเป็นน้ำตาลทราย
จากการวิเคราะห์ข่าวการกระทำดังกล่าวนั้นผิดฐาน
ฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดตามประมวลกฏ
หมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน5ปี หรือปรับไม่
เกิน10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5
กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจออนไลน์
1.กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544
กฎหมายฉบับนี้ สาระสำคัญจะรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เหมือนกับการ
ทำหลักฐานเป็นกระดาษหรือหนังสือรับรองการส่งและรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง ใช้เป็นพยาน
หลักฐาน
2.กฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ระบุการกระทำผ่านหรือโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ในการกระทำความผิด ซึ่งมีวัตถุประสงค์มุ่งต่อระบบ
คอมพิวเตอร์ ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ หรือบุคคล เพื่อให้เกิดความเสียหาย
3.กฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545
กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าทางออนไลน์ที่เข้าข่ายการ “ตลาดแบบตรง” ต้องจดทะเบียน
การประกอบธุรกิจกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก่อนทำการค้า
4.กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
“การโฆษณา” จะต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสีย
ต่อสังคมเป็นส่วนรวม ไม่ว่าข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะสินค้าหรือ
บริการ ตลอดจนการส่งมอบ จัดหา หรือใช้สินค้าหรือบริการ
5.กฎหมายทะเบียนพาณิชย์
กระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจการซื้อขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ การให้เช่า
พื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting) และการบริการเป็นตลาดกลางพาณิชย์
อิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace) ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
6
กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจออนไลน์
6.กฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
กำหนดสิทธิ์ประโยชน์ให้แก่เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และป้องกันถูกผู้อื่นละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งขาย
เสนอขาย เผยแพร่ แจกจ่าย แสวงหากำไร อันสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์
7.กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
ดูแลราคาสินค้าต่างๆ ให้อยู่ในระดับราคาเหมาะสม เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม
ไม่มีการฮั้วราคา รายใหญ่รังแกรายเล็ก และกำหนดราคาตามอำเภอใจ
8.กฎหมายจดแจ้งการพิมพ์
ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 กำหนดให้ผู้ประกอบการสื่อสิ่งพิมพ์ต้องจดแจ้งการพิมพ์ ซึ่ง
หมายรวมถึง ผู้ประกอบธุรกิจหนังสือออนไลน์ หรือ e-book ด้วย แต่ไม่รวมถึงผู้ขายหรือร้านขาย
หนังสือออนไลน์ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตเอง
9.กฎหมายผลิตภัณฑ์ อาหารและยา
การขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและยา ทั้งผลิตเอง หรือนำเข้า ต้องเป็นผลิตภัณฑ์อยู่ภายใต้การดู
แลลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
10.กฎหมายธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551
ธุรกิจออนไลน์ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ จะต้องดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบ
ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ต่อกรมการท่องเที่ยวเสียก่อน
7
ตัวอย่างที่ผิดกฏหมายในการขายของออนไลน์
ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ผิด พรบ. หลายมาตรา มีโทษทั้งจำคุก-ปรับเงิน
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ผู้ที่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ มีโทษตามกฎหมาย คือ มี
ความผิดตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้น
โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการ
ละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท และถ้าเป็นความผิดเพื่อการค้า ระวาง
โทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน-2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และนอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับโทษตาม พรบ. ลิขสิทธิฉบับใหม่ พ.ศ. 2558 มาตรา 32/3 ใน
กรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ เจ้าของ
ลิขสิทธิ์อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ซึ่งนั่นแปลว่าทาง
เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องไปทางเฟซบุ๊กได้ ในกรณีที่เว็บไซต์มีการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ทาง
เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องให้นำข้อมูลการละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบหรือเรียกค่าเสียหาย ผู้
ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อาจถูกปิดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้เพราะผิดเงื่อนไขการใช้งาน
“กรณีเฟซบุ๊กไลฟ์ อยากให้ทุกคนทราบไว้ด้วยว่าถ้าคุณไปละเมิดเครื่องหมายการค้า ความผิดตาม
พรบ.เครื่องหมายการค้าเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าที่ทำเฟซบุ๊กไลฟ์และขายของ
นอกจากถ้าถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว มันจะเสียประวัติกับตัวท่านเอง ไม่อยากให้ทำกัน เพราะเฟซบุ๊ก
ไลฟ์หนีไม่ได้ คุณเอาตัวคุณโชว์สินค้า เวลามีหมายจับมา จะถึงตัวคุณเร็วมาก” ทนายรณณรงค์ กล่าว