คู่มือกำรผลิตแห้ว
“GI แห้วสพุ รรณ” ตำบลวังยำง
คำนำ
คู่มือขั้นตอนและวิธีกำรปลูกแห้ว GI แห้วสุพรรณ ตำบล
วังยำง เป็นเอกสำรเผยแพร่ที่เรียบเรียงจำกประสบกำรณ์และ
งำนสอน เน้ือหำเขียนให้อ่ำนเข้ำใจได้ง่ำย เพื่อเป็นประโยชน์
สำหรบั นักวชิ ำกำรเกษตร เกษตรกรและผ้ทู ส่ี นใจจะศึกษำ
ขอขอบคุณเจ้ำของบทควำม ข้อมูลและรูปภำพท่ีนำมำ
ประกอบในคู่มือเล่มนี้
คู่มือเล่มนี้ผู้เรียบเรียงได้ตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูล
เนื้อหำและกำรพิมพ์ หำกยังมีข้อผิดพลำดปรำกฏอยู่ ผู้เรียบเรียง
ยนิ ดรี บั ขอ้ เสนอแนะเพ่ือนำไปปรับปรงุ ให้คูม่ อื เล่มนมี้ คี วำมสมบรู ณ์
ย่งิ ข้นึ
สำรบัญ
หนำ้
1 ประวัตคิ วำมเปน็ มำของแหว้
9 กำรจำแนกชนิดแหว้
18 นิยำมคำศัพท์
20 วธิ กี ำรเก็บตัวอยำ่ งดนิ
21 ข้นั ตอนกำรผลิตแหว้ อนิ ทรยี ์และแหว้ GI
22 กำรเพำะกลำ้ แหว้
23 กำรเตรียมกลำ้ กอ่ นนำไปปกั ดำ
23 กำรเตรยี มแปลงกอ่ นปักดำ
24 กำรปกั ดำ
25 กำรเจรญิ เตบิ โตของแหว้ หลังปักดำ
27 กำรบำรงุ
29 ระยะเก็บเกย่ี ว
สำรบญั (ตอ่ )
หน้ำ
30 โรค แมลง ศตั รูพชื และวชั พชื ทพ่ี บในนำแห้ว
30 โรค/แมลง
32 อำกำรผดิ ปกตทิ ห่ี วั
34 วัชพืชทีพ่ บในนำแหว้
36 ศตั รูพชื ทพ่ี บในนำแหว้
ประวตั ิความเป็นมา
ของแหว้
แห้วเป็นพืชด้ังเดิมของแถบร้อน ขึ้นเองตำมธรรมชำติ
ในประเทศทำงแถบเอเชียตะวันออกมีกำรนำแห้วมำปลูก
เป็นคร้ังแรกในประเทศทำงแถบอินโดจีน หรือจีนภำค
ตะวนั ออกกอ่ น ปัจจบุ นั มกี ำรปลูกแหว้ เป็นกำรค้ำในประเทศ
จีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์สหรัฐอเมริกำ (รัฐฮำวำย) อินเดีย
อเมริกำใต้ และประเทศไทย ไม่ทรำบแน่ชัดว่ำมีกำรปลูก
แห้วเป็นกำรค้ำในประเทศไทยเม่อื ใด แต่มผี ู้นำแห้วมำปลูก
ท่ีจังหวัดเชียงรำยนำนมำแล้ว และได้นำมำปลูกในเขต
อำเภอสำมชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เม่ือปี พ.ศ. 2493 ปรำกฏ
ว่ำปลูก ได้ผลผลิตหัวสดถึงไร่ละ 4,000 กิโลกรัม รำคำใน
ขณะน้ันกิโลกรมั ละ 12-15 บำท แต่ก็ยังได้กำไรสูง ส่งผลให้
มีกำรปลูกแห้วเพิ่มข้ึนขยำยเน้ือท่ีออกไปมำก ทำให้รำคำ
ลดลงเรื่อยๆ จนเหลือรำคำกิโลกรัมละ 2 บำท ในปี พ.ศ.
2510 ปัจจุบันมีกำรปลูกแห้วมำกในอำเภอศรีประจันต์
อำเภอสำมชุกและอำเภอเมอื ง จังหวัดสพุ รรณบุรี เนื้อท่ีปลกู
เฉพำะเฉพำะท่ี ตำบลวงั ยำง
1
ประวตั คิ วามเปน็ มา
ของแห้ว
มีพื้นที่ทำนำแห้วรวมกันประมำณ 1,000 กว่ำไร่ อำศัยน้ำ
จำกลำน้ำท่ำจีนที่ไหลผ่ำน แต่ถ้ำรวมผลผลิตจำกตำบลและ
อำเภออื่นในจังหวัดสุพรรณบุรีทั้งจังหวัดมีพื้นที่ปลูกแห้ว
ประมำณ 2,000 กว่ำไร่
แห้วเป็นพืชปีเดียวข้ึนในน้ำเหมือนข้ำว ต้นเล็กเรียว
คลำ้ ยตน้ หอม หรอื ใบกก หรอื ใบหญ้ำทรงกระเทียม ใบน้อย
หัวเป็นประเภทคอร์ม (corm) สีน้ำตำลไหม้ หวั กลม
มีลักษณะคล้ำยหอมหัวใหญ่แต่ขนำดเล็กกว่ำมำก มีขนำด
เสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงประมำณ 1-4 เซนตเิ มตร เนอื้ สขี ำว
แหลง่ ปลูก
แห้วจีน เป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นที่สำคัญของจังหวัด
สุพรรณบุรี และเป็นพืชที่ปลูกได้ผลดีเพียงแห่งเดียวใน
ประเทศไทย และยังสำมำรถปลูกได้เฉพำะบำงตำบลของ
อำเภอศรปี ระจนั ต์ และอำเภอเมอื งสุพรรณบุรเี ทำ่ นนั้ ท้งั น้ี
2
ประวตั ิความเปน็ มา
ของแห้ว
เพรำะแห้วจีนเป็นพืชท่ีเจริญเติบโตได้ดีในดินชุดสระบุรี
ไฮเฟต(Sb-h) ซ่ึงดินชุดนี้มีลักษณะพิเศษคือ จะมีลักษณะ
คล้ำยชั้นดินดำน ลึกประมำณ 50-70 เซนติเมตร ซ่ึงเป็น
ประโยชน์ในกำรปลูกแห้วจีนเป็นอย่ำงมำก ได้แก่ ดินของ
ตำบลวังยำงและดินชุดสระบุรี ของตำบลมดแดง อำเภอศรี
ประจนั ต์ เป็นต้น เพรำะเมอื่ แห้วจีนลงหัว หัวของแห้วจีนจะ
ไปกองหรือแผ่ขยำยในบริเวณช้ันดินดำน ทำให้สะดวกใน
กำรเก็บเกี่ยว แต่ถ้ำเป็นดินชุดอ่ืน จะทำให้แห้วจีนเจริญลง
ไปเร่ือย ๆ ทำให้ยำกต่อกำรเก็บเก่ียวและบำงคร้ังก็ไม่ยอม
ลงหวั
ฤดปู ลกู
แห้วเปน็ พืชทข่ี ้นึ ในน้ำ ขน้ึ ไดด้ ใี นแหลง่ ท่มี ีกำรให้น้ำได้ตลอด
ปี ชอบอำกำศอบอุ่นเกือบตลอดปี ในกำรงอกต้องกำร
อุณหภูมิในดินประมำณ 14-14.5 องศำเซลเซียส ฤดูปลูกท่ี
เหมำะสมเพื่อให้มีน้ำเพียงพอ เริ่มเพำะกล้ำเดือนมกรำคม -
กมุ ภำพนั ธ์
3
ประวัติความเป็นมา
ของแหว้
ปักดำในแปลงใหญป่ ระมำณเดือน มนี ำคม – เมษำยน และ
เก็บเกี่ยวเพื่อจำหน่ำยประมำณเดือนพฤศจิกำยน-มกรำคม
ส่วนที่เก็บไว้ทำหัวพันธุ์จะ งมมำเพำะกล้ำ เดือนมกรำคม-
มีนำคม
วธิ ปี ลกู
แหว้ ปลุกไดโ้ ดยใชห้ วั เล็กๆ สำมำรถปลกุ ได้ 2 วิธี
วิธีท่ี 1 เพำะหัวแห้วในแปลงเพำะเสียก่อนคล้ำยปลุกหอม
แต่ละหัวห่ำงกัน 3-4 เซนติเมตร ทำร่ม รดน้ำจนกระท่ังต้น
แห้วสูงประมำณ 20-30 เซนติเมตร ในรำว 15-20 วัน จึง
ย้ำยลงปลูกในแปลงเพำะปลูกห่ำงกันรำว 90-100
เซนติเมตร นำน 2 เดือน เมื่อแตกหน่อจึงใช้หน่อไปปลุกใน
แปลงใหญ่ โดยปักดำคล้ำยดำนำ วิธีนี้ปลุกในเน้ือท่ีไม่มำก
วธิ ที ี่ 2 ปลกู หวั แหว้ ลงฝนแปลงใหญ่เลย ไม่ต้องเพำะก่อนถ้ำ
เนื้อทไี่ ม่มำกใชม้ ือปลกู ปลูกหลมุ ลกึ 10-12 เซนตเิ มตร
4
ประวัตคิ วามเป็นมา
ของแห้ว
แต่ในเน้ือท่ีมำกๆ เช่น ในต่ำงประเทศ ปลูกด้วยมือไม่ทัน
ต้องใช้เคร่ืองปลูกโดยเปิดร่องเสียก่อนแล้วหยอดหัวแห้วลง
ในร่องให้ห่ำงกันตำมท่ีต้องกำรแล้วกลบ ระยะปลูกท่ีใช้กัน
ในสหรัฐอเมริกำ ระยะระหว่ำงแถว 75 เซนติเมตร ระหว่ำง
หลุม 75 เซนติเมตร ในประเทศจีนปลูกเป็นรูปสำมเหลี่ยม
ระหว่ำงต้นห่ำงกัน 45-60 เซนติเมตร สำหรับเกษตรกรไทย
ใช้ระยะระหว่ำงแถวและต้น ห่ำงกันประมำณ 80-100
เซนติเมตร
กำรใส่ปยุ๋
กำรปลูกแห้วในต่ำงประเทศ ใส่ปุ๋ยผสมเกรดสูง ๆ ในอัตรำ
400 กิโลกรัมต่อไร่ ครึ่งหน่ึงใส่ก่อนปลูก อีกครึ่งหนึ่งหลัง
ปลูก 8-10 สัปดำห์ วิธีใส่ปุ๋ยคร้ังน้ี ใช้วิธีหว่ำนเหมือนใส่ปุ๋ย
ในนำข้ำว ถ้ำปลอ่ ยนำ้ ให้แห้งก่อนได้ก็ดี หว่ำนปุ๋ยแลว้ ปลอ่ ย
นำ้ เข้ำ
5
ประวตั คิ วามเปน็ มา
ของแห้ว
สำหรับกำรใส่ปุ๋ยของเกษตรกรอำเภอศรีประจันต์ แบ่งใส่ 2
ครั้ง
คร้งั ที่ 1 หลังกำรปักดำ 3-4 สปั ดำห์ ซ่ึงเป็นช่วงท่ีแห้วกำลัง
เจริญเติบโตและแตกกอ มีกำรสร้ำงไรโซม ปุ๋ยที่เกษตรกร
นยิ มใช้ ได้แก่ สูตร 13-13 -21 ประมำณ 50 กิโลกรัม/ไร่
ครั้งท่ี 2 หลังจำกใส่คร้ังแรก 1-2 เดือน ช่วงน้ีแห้วกำลัง
สร้ำงดอกและหัว ปุ๋ยที่นิยมใช้คือ 9-24-24 และ 13-13-21
อตั รำ 30-50 กโิ ลกรัม/ไร่
กำรใหน้ ้ำ
หลังจำกปลูกแห้วแล้วทดน้ำเข้ำให้ท่วมแปลงเป็นเวลำ 24
ช่ัวโมง แล้วปล่อยให้ระบำยออกเม่ือต้นแห้วสูงประมำณ
20-30 เซนติเมตร ทดน้ำเข้ำให้ระดับน้ำสงู ประมำณ 10-15
เซนติเมตร เมอื่ ต้นแห้วสูงขึ้นเพมิ่ น้ำขึ้นเรื่อย ๆ จนแห้ว
สูงประมำณ 50-60 เซนติเมตร ให้น้ำ 25-30 เซนติเมตร
จนตลอดฤดูปลกู
6
ประวตั คิ วามเป็นมา
ของแหว้
กำรป้องกนั กำจดั วัชพืช
วัชพืชที่พบในนำแห้ว เป็นวัชพืชกลุ่มเดียวกับท่ีพบในนำ
ข้ำว ไดแ้ ก่ สำหร่ำย ผกั บุ้ง จอก บัวสำย แพงพวยน้ำ ผักตบ
ไทย ตำลปตั รฤำษี กระเมง็ หญ้ำตำ่ งๆ เป็นตน้
กำรป้องกนั กำจัด
หลังจำกเกษตรกรปักดำแห้วจีนประมำณ 1 สัปดำห์ ต้องฉีด
พน่ สำรเคมีคมุ วชั พืชหรอื ใชแ้ รงงำนคนในกำรกำจัดวชั พชื
กำรเกบ็ เก่ยี วและรกั ษำหวั แหว้ สด
แห้วมีอำยุประมำณ 7-8 เดือน เมื่อแห้วเร่ิมแก่ คือ ใบเหี่ยว
เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และสีน้ำตำล ผิวนอกของหัวเป็นสี
น้ำตำลไหม้ แสดงว่ำเร่ิมทำกำรเก็บได้ ประมำณเดือน
พฤศจิกำยน - ธันวำคม ระยะเดียวกันกับเก็บเก่ียวข้ำว เก็บ
แห้วโดยปล่อยน้ำออกก่อนถึงเวลำเก็บ 3-4 สัปดำห์เพ่ือให้
ดนิ แหง้
7
ประวัตคิ วามเปน็ มา
ของแห้ว
เก็บโดยขุดแล้วล้ำงหัว ผ่ึงให้แห้ง ถ้ำปลูกมำกอำจเก็บ
โดยใช้ไถ ไถลึกประมำณ 15 เซนติเมตร พลิกหัวข้ึนมำแล้ว
เลือกหัวแห้วล้ำงน้ำ สำหรับรำยท่ีไม่สำมำรถระบำยน้ำออก
ได้ ซึง่ ไดแ้ ก่ กำรปลูกในจงั หวัดสุพรรณบุรี ตอ้ งเก็บแห้ว โดย
กำรใช้มือลงไปงมข้ึนมำเรียกว่ำ "งมแห้ว" ในต่ำงประเทศ
ผลผลิตหัวแห้วสดประมำณ 3.2-6.4 ตันต่อไร่ สำหรับ
ประเทศไทยผลผลิตประมำณ 3-4 ตันต่อไร่ หรือประมำณ
300 ถัง ขนำดของหัว 3-3.5 เซนติเมตร หัวแห้วสำมำรถ
เก็บรักษำไว้ได้ โดยตำกให้แห้งบรรจุในภำชนะที่รักษำ
ควำมช้ืนได้ หรือเก็บในอุณหภูมิ 1-5 องศำเซลเซียสได้นำน
กว่ำ 6 เดือนข้ึนไป สำมำรถเก็บรักษำหัวแห้วไว้ได้เองโดย
เก็บในภำชนะปิดสนิท เช่น ตุ่ม ลังไม้หรือทรำยแห้งสนิท
เก็บได้นำนประมำณ 6 เดือน ถ้ำอยู่ในอุณหภูมิ 14 องศำ
เซลเซียส หวั แหว้ จะงอก
8
การจาแนก
ชนิดของแห้ว
แหว้ มีถิ่นกำเนดิ ในเขตรอ้ น
สำมำรถขนึ้ ได้เองตำมธรรมชำติ
โดยเฉพำะประเทศในแถบเอเชียตะวันออก
ปัจจุบันมีกำรปลูกแห้วเพ่ือกำรค้ำในประเทศจีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์
สหรฐั อเมรกิ ำ อนิ เดีย อเมริกำใต้ และประเทศไทย ชนิดของแห้ว ที่
นยิ มปลกู มี 3 ชนดิ คือ
1. แห้วหมู ลักษณะของแห้วหมูมีหัวขนำดเล็ก และเมื่อแก่
เต็มที่จะมีสีดำ มีรำกฝอยที่หัวมำก ใยมีลักษณะเรียวยำว ตรง
กลำงมีสัน ขนำดของใบยำวระหว่ำง 5-20 เซนติเมตร จะมีใบ 3-
4 ใบ หวั มีกลน่ิ แรงจดั เน้อื มรี สเผด็ แหว้ หมูมักข้ึนในท่ีดินรว่ นปน
ทรำยจัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหน่ึง แพทย์แผนโบรำณนิยมนำ
แห้วหมูมำเป็นสว่ นผสมของเครอ่ื งยำไทยแก้โรคได้หลำยโรค เช่น
โรคปวดท้อง และใชบ้ ำรุงธำตุเจรญิ อำหำร
ลักษณะแห้วหมู 9
การจาแนก
2. แห้วไทย ชนิดของแห้ว
มชี ือ่ วทิ ยำศำสตร์วำ่ Cyperus
esculentus อยูใ่ นตระกูลกก (Cyperaceae)
เปน็ พืชอำยุยืน เหง้ำเรยี ว มเี กล็ดสซี ีดห่อหุ้ม เหงำ้ จะฝ่อ
หลังจำกเกิดหวั หวั รูปไข่หรือกลม หัวแก่มีขนสเี ทำปกคลมุ
ผิวสีดำและนำ้ ตำลแดง เม่ือปอกเปลอื กออกเนอื้ มสี ีขำวนวล
ลำตน้ เรยี วเลก็ เป็นสำมเหล่ยี ม ขอบแข็งและคม ช่อดอกคลำ้ ย
ซีร่ ม่ ใบเป็นเหลย่ี ม ลำต้น สูง 70-80 เซนตเิ มตร มีร้ิวประดับ
เปน็ วงรองรับชอ่ ดอก กำรกระจำยพนั ธุ์พบต้ังแต่แถบทะเล
เมดิเตอร์เรเนียนตอนใต้ของแอฟริกำ อินเดีย เอเชยี ตะวนั ออก
เฉียงใตแ้ ละออสเตรเลีย
สำหรับในประเทศไทย เดมิ พบเป็นวัชพชื ในนำข้ำปจั จบุ ัน
ภำคกลำงหำไดย้ ำกเน่ืองจำกกำรใช้สำรเคมคี วบคมุ วชั พชื ใน
นำข้ำวมำกทำใหแ้ ห้วไทยสูญหำยไปปัจจุบนั ทำงภำคเหนือ เชน่
อำเภอบำงระกำ จังหวดั พษิ ณุโลก มีกำรอนุรกั ษแ์ ละทำกำรปลกู
แหว้ ไทย ฟนื้ ฟู กำรใชป้ ระโยชน์จำกแห้วไทย เป็นอำหำรคำว
เช่น ยำรวมมติ รแห้ว ผดั ไทยแหว้
10
การจาแนก
ชนดิ ของแหว้
และอำหำรหวำน เชน่
ขนมตะโกแ้ ห้ว แผ่นโรตีแหว้
หรือรับประทำนแบบ ตม้ เฉยๆก็ไดห้ ัวสดี ำ
จะออกรสหวำน หวั สีแดงจะมีแปง้ มำกกวำ่ จึงออกรสมัน
หัวนำมำตม้ สุกหรอื ค่วั และบดละเอียดเปน็ แปง้ ใช้ทำไอศกรมี
ขนมปงั หรือโจ๊ก ในสเปนใชท้ ำเคร่อื งดมื่ ท่เี รยี กวำ่ ออร์ชำตำ ทำ
จำกน้ำคัน้ จำกหัวสด ลำต้นแห้งใช้สำนเส่ืองำนจกั สำนตำ่ งๆ
ส่วนบนดนิ ใช้เปน็ อำหำรสตั ว์ หวั มแี ป้ง 20 -30% ของน้ำหนกั
แห้ว มีน้ำมันทปี่ ระกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดโอเลอกิ
ท่มี า: พีรศักด์ิ และคณะ(2544)และ http://www.komchadluek.net/news/culture/220460
11
การจาแนก
ชนดิ ของแห้ว
3. แห้วจนี
ทำงภำคเหนือเรียก มะนิว่
และมีชอื่ ภำษำอังกฤษว่ำวอเทอร์นทั (waternut)
หรือ ไชนิส วอเทอร์เชสต์นัต (Chinese water chestnut)
หรือ มำไต (Matai) มีวิทยำศำสตร์ว่ำ Eleocharis dulcis
Trin. อยู่ในตระกูล Cyperaceae เป็นกกชนิดหน่ึง ใบกลม
คล้ำยกับหญ้ำทรงกระเทียมแต่เป็นคนละชนิด (specie) กัน
แห้วจีนเป็นพืชปีเดียว ลำต้นแข็ง อวบ ลำต้นกลวง ต้ังตรง
มีควำมสูง 1-1.5 เมตร ดอกเกิดที่ยอดของลำต้นดอกตัวเมีย
เกิดเม่ือต้นสูง 15 เซนติเมตรเหนือน้ำ แล้วจึงเกิดดอกตัวผู้
ตำมมำ เมล็ดมีขนำดเล็ก รำกหรือหัวเป็นพวกไรโซม หรือ
คอร์ม (rhizomes or corms) มี 2 ประเภท หัวประเภทแรก
เกิดเมื่อต้นแห้วอำยุ 6-8 สัปดำห์ ทำให้เกิดต้นแห้วขยำย
เพิ่มข้ึน หัวประเภทที่สองเกิดหลังจำกแห้วออกดอกเล็กน้อย
โดยทำมุม 45 องศำกับระดับดิน และลึกประมำณ 12
เซนติเมตรจำกระดบั ดนิ หัวแห้วระยะเร่ิมแรกเป็นสีขำว ต่อมำ
เกดิ เปน็ เกลด็ หุม้ สีนำ้ ตำลไหม้จนกระท่ังแก่
12
การจาแนก
ชนดิ ของแหว้
ประมำณ 8-9 เดือน
หลังปกั ดำสำมำรถงมขึน้ มำจำหนำ่ ยได้
ลกั ษณะของหัวแหว้ จีน มขี นำดหวั ท่ีโตกว่ำแห้วไทย
ทรงกลมแปน้ ๆ เนอ้ื ไม่เหนียวเทำ่ แห้วไทย
หัวแห้วมีขนำดแตกต่ำงกัน ขนำดท่ีส่งตลำด 2-3.5
เซนติเมตร ต้นหนึ่งๆ แตกหน่อออกไปมำกและไดห้ ัวประมำณ
7-10 หัว/หน่อ (ไสวและโสภณ. 2523) ในประเทศไทยปลูก
มำกในอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี สำมำรถแปรรูป
ทำอำหำรได้ท้ังอำหำรคำว เช่น น้ำพริกแห้ว ทอดมันแห้ว เป็น
ต้น และอำหำรหวำนเช่นเดียวกับแห้วไทย ท้ังในรูปแห้วสด
บรรจุกระป๋อง อำหำรขบเค้ยี ว เป็นต้น
13
การจาแนก
ชนดิ ของแหว้
นอกจำกแห้วชนดิ อืน่
ซ่ึงมรี ปู รำ่ งคลำ้ ยๆ กันนี้ อกี 2 ชนดิ
ชนิดแรกเปน็ แหว้ ปำ่ ขึ้นอยใู่ นน้ำนิ่ง หัว เล็กมำก สีเข้มเกือบดำ
บำ ง ทีเ รียก ว่ำ E.plantaginea หรือ E.plantaginoides
ได้แก่ แห้วท่ีปำกผนัง นครศรีธรรมรำช อีกชนิดหน่ึงเป็นชนิดที่
ต้องปลกู แห้วชนิดน้ีมหี ัวใหญ่ มีรสหวำน เดิมท่ีเดียว จัดไว้ต่ำง
ชนดิ ออกไป คือ เรยี กว่ำ
E.tuberosa ปัจจบุ นั จัดเป็นชนดิ เดยี วกนั แหว้ จีนสพุ รรณบรุ ี
แหว้ ปากผนงั
14
การจาแนก
ชนิดของแหว้
แหว้ จีน เป็นพชื เศรษฐกจิ ท้องถ่ิน
ท่ีสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นพืชท่ีปลูกได้ผลดีเพียง
แห่งเดียวในประเทศไทย และยงั สำมำรถปลกู ได้เฉพำะบำงตำบล
ของอำเภอศรีประจันต์ และอำเภอเมืองสุพรรณบุรีเท่ำนั้น ท้ังนี้
เพรำะแห้วจีนเป็นพืชท่ีเจริญเติบโตได้ดีในดินชุดสระบุรีไฮเฟต
(Sb-h) ซ่ึงดินชุดน้ีมีลักษณะพิเศษคือ จะมีลักษณะคล้ำยชั้นดิน
ดำน ลึกประมำณ 50-70 เซนติเมตร ซ่ึงเป็นประโยชน์ในกำร
ปลูกแห้วจีนเป็นอยำ่ งมำก ได้แก่ ดินของตำบลวังยำงและดินชุด
สระบุรี ของตำบลมดแดง อำเภอศรปี ระจันต์ เป็นต้น เพรำะเมื่อ
แห้วจีนลงหัว หัวของแห้วจีนจะไปกองหรือแผ่ขยำยในบริเวณ
ช้ันดินดำน ทำให้สะดวกในกำรเก็บเกี่ยว แต่ถ้ำเป็นดินชุดอ่ืน
จะทำให้แห้วจีนเจริญลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ยำกต่อกำรเก็บเก่ียว
และบำงคร้งั ก็ไมย่ อมลงหัว
15
การจาแนก
ชนดิ ของแหว้
สรรพคุณทำงยำ :
แหว้ มสี ำรอำหำรตำ่ ง ๆ มำกมำย
เช่น แคลเซียม เหล็ก และวิตำมิน ซี ตลอดจนสำรที่ช่ือว่ำ
“Puchin” ทม่ี ีสรรพคุณในกำรช่วยต่อต้ำนเช้ือแบคทีเรียได้เป็น
อย่ำงดี นอกจำกน้ีแล้วผลของแห้วก็ยังมีสรรพคุณในกำรบำรุง
ร่ำงกำย แก้อำกำรกระหำยน้ำ อำหำรไม่ย่อย ท้องผูก และแก้
อำกำรเปน็ พิษเนอื่ งมำจำกกำรดื่มสุรำ
ตำรับยำแผนโบรำณ :
หำกนำเอำเน้ือของแห้วสดมำถูในบริเวณที่เป็นหูด
อย่ำงต่อเน่ืองแล้วก็จะทำให้ก้อนหูดนิ่มลงได้ หรือหำก
รับประทำนแห้วสดเป็นประจำแล้วก็จะช่วยบรรเทำอำกำรของ
โรคริดสดี วงทวำรได้ เช่นเดียวกับกำรดื่มน้ำแห้วสดที่สำมำรถจะ
รกั ษำอำกำรพิษของสำรประกอบจำพวกทองแดงได้
16
การจาแนก
ชนดิ ของแหว้
รำกของแห้วกินเป็นยำช่วยยอ่ ย
หวั ใตด้ ินมีแปง้ เปน็ ส่วนประกอบอยู่มำกรับประทำน
เป็นยำเย็น บำรุงธำตุ ขับน้ำนม ฝำดสมำนในทำงเดินอำหำร
และกระตุ้นกำรทำงำนของร่ำงกำย ใบใช้ตำเป็นยำพอกเหงือก
แกป้ วดฟนั
แหว้ จีนหรือแหว้ สพุ รรณ
17
นยิ ำมคำศพั ท์
แหว้ GI คือ แหว้ สพุ รรณบุรี 1 เดียวของประเทศ ทไี่ ด้
1 ข้ึนทะเบียนสงิ่ บง่ ชที้ ำงภมู ิศำสตร์ (GI) ซึ่งหมำยถึง ใน
เขตพื้นท่ีนั้นมีผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภำพและได้รับกำร
ยอมรบั เปน็ อย่ำงสูงอยูม่ ำกมำย ซ่งึ ก็เน่อื งมำจำกควำม
มีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพ้ืนท่ีทำกำรผลิตท่ี
เอ้ืออำนวยเช่นกรรมวิธีกำรผลิตท่ีพิเศษสืบทอดกันมำ
ช่ัวลูกหลำนและสภำพภูมิอำกำศ, ภูมิประเทศ,
ลักษณะดินและอื่นๆ ในบรรดำผลิตภัณฑ์ดังกล่ำวน้ี
ท้งั คณุ ภำพ, กำรยอมรบั จำกสงั คมและคุณลกั ษณะเด่น
อ่ืนๆ ที่มีรำกฐำนท่ีมั่นคงซึ่งหล่อหลอมเข้ำกับพื้นที่ทำ
กำรผลติ นั้น
เกษตรอินทรีย์ คือ กำรทำกำรเกษตรด้วยกรรมวิธีทำง
2 ธรรมชำติ โดยที่พื้นที่ท่ีทำเกษตรน้ัน ต้องไม่มีสำรพิษ
หรือสำรเคมีตกค้ำงและหลีกเลี่ยงจำกกำรปนเปื้อนของ
สำรเคมีท้ังทำงดิน ทำงน้ำ และทำงอำกำศ เพื่อควำม
ส ม บู ร ณ์ ท ำ ง ชี ว ภ ำ พ ใ น ร ะ บ บ นิ เ ว ศ น์ แ ล ะ ฟ้ื น ฟู
ส่ิงแวดล้อมให้เป็นไปตำมสมดุลของธรรมชำติให้มำก
ท่ีสุด โดยไม่ใช้สำรเคมีสังเครำะห์ หรือสิ่งที่ได้มำจำก
กำรตดั ตอ่ พันธุกรรม และมงุ่ เนน้ กำรใช้ปัจจัยกำรผลิตที่
มีแผนกำรจัดกำรอย่ำงเป็นระบบในกำรผลิตภำยใต้
มำตรฐำนกำรผลิตเกษตรอินทรยี ใ์ หไ้ ดผ้ ลผลิตสงู
18
นยิ ามคาศัพท์
21 อุดมด้วยคณุ ค่ำทำงอำหำรและปลอดสำรพิษ ทง้ั ยงั ชว่ ย
ลดต้นทนุ กำรผลิต และสำมำรถประยุกต์ใช้วัตถุดิบจำก
ธรรมชำติเพื่อคุณภำพชีวิต และสนับสนุนแนวทำง
เศรษฐกิจพอเพียง
มำตรฐำนเกษตรอนิ ทรีย์ SDGsPGS คอื
3 1. ที่ดินไม่อยู่ในสภำพแวดล้อมท่ีต่ำกว่ำมำตรฐำน
กำหนด
2. พ้นื ที่ปลูกต้องไมม่ สี ำรเคมีสงั เครำะห์ตกคำ้ ง
3. ไมใ่ ช้สำรเคมสี งั เครำะหใ์ นกระบวนกำรผลติ
4. ไม่ใชเ้ มลด็ พันธ์ทุ ีค่ ลกุ สำรเคมีสงั เครำะห์
5. ไม่ใช้สง่ิ ทไี่ ดจ้ ำกกำรตัดตอ่ ทำงพนั ธกุ รรม
6. ไมใ่ ช้มลู สัตว์ทเี่ ลยี้ งอยำ่ งผดิ มำตรฐำน
7. ปัจจัยกำรผลิตจำกภำยนอกต้องได้รับกำรรับรอง
มำตรฐำน
8. ส่งเสริมควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ และ
สงิ่ แวดล้อม
19
วิธกี ำรเก็บตัวอยำ่ งดิน
แผนผงั กำรเกบ็ ตัวอย่ำงดิน (x คอื จุดเกบ็ ตัวอย่ำงดิน)
1.ใช้จอบ เสียม พลว่ั หรือช้อนปลกู นำดินทีเ่ กบ็ มำ
ขดุ หลมุ เปน็ รปู ตัววี (V) ให้ลกึ ใน คลกุ เคล้ำ
แนวดิ่งประมำณ 15 เซนตเิ มตร ให้เขำ้ กนั
หรอื ระดบั ช้นั ไถพรวน แลว้ แซะ
เอำดนิ ดำ้ นหน่ึงเปน็ แผน่ หนำ และผึง่ ให้แหง้
ประมำณ 2-3 เซนตเิ มตรจำก ในทร่ี ม่
ปำกหลมุ ถึงกน้ หลมุ หรอื
พูนดนิ เปน็ กอง
2. เกบ็ ตัวอยำ่ งโดยใช้ สวำ่ นเจำะ แล้วแบ่งดนิ เปน็
4 สว่ น
ดนิ (Soil auger) เก็บดนิ 1 สว่ น
หรือหลอดเจำะดนิ (ประมำณ 1 กิโลกรัม)
(Soil sampling tube )
ใสถ่ งุ ทีเ่ ตรยี มไว้
สำหรับนำไป
วิเครำะห์
20
ข้นั ตอนกำรผลิต
แห้วอนิ ทรีย์และแหว้ GI
กำรเพำะกลำ้ แหว้
กำรเรียงหวั พันธ์แุ หว้ บนขีเ้ ถำ้ แกลบ ทง้ิ ไว้ 2-3 วัน แล้วกลบดว้ ย
ขเ้ี ถำ้ แกลบจนมิด รดนำ้ ใหช้ ่มุ ชนื้ วนั ละ 2 คร้งั
กลำ้ อำยุ 10 วนั กล้ำอำยุ 20 วนั
หลงั กำรเพำะกลำ้ หลังกำรเพำะกล้ำ
กล้ำอำยุ 30 วนั
หลงั กำรเพำะกลำ้
22
กำรเตรยี มกลำ้ ก่อนนำไปปักดำ
กำรเตรียมแปลงกอ่ นปักดำ
เตรียมเช่นเดียวกับกำรทำนำ
23
กำรปักดำ
ใช้เชือกขึงเปน็ แนว ระยะกำรปักดำระหว่ำงแถวXตน้
เท่ำกบั 80 X 80,90 X 90 หรือ 100 X 100เซนติเมตร
24
กำรเจริญเติบโตของแห้วหลงั ปกั ดำ
ลกั ษณะของแหว้ หลงั ปักดำ 30 วัน
ลักษณะของแห้วหลงั ปกั ดำ 60 วนั
ลักษณะของแห้วหลังปักดำ 90 วนั
ใชไ้ ม้แหวกรอ่ งแหว้ ให้หำ่ งกนั ร่องละ 3 วำ เพ่อื สะดวก
ต่อกำรฉดี ยำและใสป่ ยุ๋
25
กำรเจรญิ เติบโตของแห้วหลังปกั ดำ
ลกั ษณะของแห้วหลังปักดำ 120 วนั
ลักษณะของแห้วหลังปกั ดำ 150 วนั
26
กำรบำรุง
กำรบำรุง แหว้ อนิ ทรีย์ แห้วGI
ระยะตน้ เล็ก
น้ำ 200 ลิตร สำร นำ้ 200 ลิตร ยำเร่ง
ทำงใบ สกัดสมนุ ไพร (สำร รำก วติ ำมิน B1 ใส่
ขบั ไลแ่ มลง) สลับ ธำตรุ องเสริม
ทำงรำก กบั สำรสมุนไพร
ปอ้ งกนั เช้ือรำ
หมำยเหตุ
ใสป่ ยุ๋ มลู ไก่ 1 ใส่ปุย๋ สตู ร 25-7-7
กระสอบ/ไร่ โดย ครง่ึ กิโล/ไร่
หว่ำนกระจำยทวั่
แปลง
เรม่ิ ใหค้ ร้ังแรกเมือ่ เริ่มให้ครง้ั แรกเม่ือ
แหว้ อำยุได้ 15-20 แห้วอำยุได้ 15-20
วัน หลังลงปลูกโดย วนั หลงั ลงปลูก
ทำงใบให้ฉีด 3-5
วัน/ครงั้ ตอนเช้ำ
หรือตอนเยน็ โดยใช้
อัตรำส่วน 200 CC
ตอ่ นำ้ 200 ลิตร
27
กำรบำรงุ
กำรบำรงุ แหว้ อนิ ทรยี ์ แหว้ GI
ระยะลงแห้ว
นำ้ 200 ลิตร สำร นำ้ 200 ลิตร ใส่ธำตุรอง
ทำงใบ สกัดสมนุ ไพร สลับ (เสริม) 300 CC สำรเช้อื รำ
กับสำรป้องกันเชือ้ (แมนโคแซม) 1 กิโล/น้ำยำ
ทำงรำก รำทุก 3-5 วนั เร่งรำก 200 CC
หมำยเหตุ ใส่ปุ๋ยเกร็ดสตู ร 0-42-56
ปรมิ ำณ 1 กโิ ล/สำรขบั ไลฆ่ ำ่
แมลง(โพพโี นฟอส) 500 CC
คลอโรทำโลนลิ 300 CC
ยำฆ่ำเชอ้ื 400 CC
ใสป่ ุ๋ยมูลวัว มลู หมู ใสป่ ยุ๋ สตู ร 8-24-24 ปรมิ ำณ
สลับกบั มลู ไก่ 1 1 กระสอบ/ไร่ ห่ำงกนั รอบ
กระสอบ/ไร่ หำ่ งกัน ละ 20-25 วัน โดยหว่ำนลง
20-25 วนั ต่อครัง้ น้ำให้กระจำยท่ัวแปลง
เริม่ ใหท้ ำงใบและรำกเมอื่
แหว้ อำยุครบ 2 เดือนครงึ่ ถงึ
3เดือน ใหส้ ำรเคมี
สำรอำหำร ฮอรโ์ มน โดยทำง
ใบใหฉ้ ดี ระยะห่ำงกนั 7วนั /
ครัง้
28
ระยะเกบ็ เกีย่ ว
แห้วแก่หรือแห้วท่ีเก็บเก่ียวได้จะอยู่ท่ีประมำณ
6-7 เดือน นับต้ังแต่กำรปักดำ เม่ือหัวแห้วแก่เต็มท่ี
แล้วต้นจะโทรมอย่ำงเห็นได้ชัด วิธีสังเกตุ คือ ต้นจะ
เป็นสีเหลืองและเร่ิมตำย ขุดหัวแห้วข้ึนมำผ่ำดูลำย
ข้ำงในก็จะทรำบว่ำแก่หรืออ่อน เก็บเกี่ยวได้แล้ว
หรือยังไมไ่ ด้
ลักษณะของหวั แหว้ 7 เดือนหลังปักดำ
29
โรค แมลงศตั รูพืช
และวัชพชื ทีพ่ บในนำแหว้
อำกำรของโรค โรค/ สำเหตุ ลักษณะอำกำร กำรป้องกนั กำจดั
แมลง
ลกั ษณะอำกำร - เม่อื พบส่วนของใบที่
ทีเ่ ห็นเด่นชัด เปน็ โรค ควรเก็บเผำ
รำสนิม เกิด คอื แผลสีสนมิ ทำลำยท้ิง
จำก มวี งสเี หลอื ง -ในกรณที ่เี พิ่งพบโรครำ
เช้ือรำ ลอ้ มรอบ สนมิ อำจมีกำรใช้
สำรเคมี เชน่
เฟอร์แปม ไซแรม,
ไตรอะเดียมฟี อน
แผลจดุ -ใช้สำรปอ้ งกันกำจัด
สีน้ำตำล คลำ้ ย เช้ือรำ เพอื่ หยดุ ยงั้
รูปตำ มสี เี ทำ กำรแพร่ระบำด เช่น
ใบไหม้ เกดิ จำก อยตู่ รงกลำง คำซูมิน เบนเลท, ฮิโน
เช้ือรำ สำมำรถขยำย ซำน บมี ฟูจ-ี วัน
ลกุ ลำมจนแผล ซำพรอล เป็นต้น
รวมกันท่วั
บรเิ วณใบ
30
โรค แมลงศตั รพู ชื
และวัชพืชท่ีพบในนำแห้ว
อำกำรของโรค โรค/ สำเหตุ ลกั ษณะอำกำร กำรป้องกันกำจัด
แมลง
จุดสนี ้ำตำล -กำจัดใบทเี่ ป็นโรคออก
เล็กๆ คลำ้ ย และเผำทำลำยเสีย
ใบจุด เกิด รูปไข่ -ทำควำมสะอำดและ
จำก ต่อมำแผล กำจดั วัชพชื ในแปลง
เชือ้ รำ เปลี่ยนเปน็ สี ปลกู
นำ้ ตำลแดง
และมีสเี หลอื ง
ล้อมรอบ
ใบขำ้ วจะเร่ิมมี -ใชส้ ำรปอ้ งกันกำจัด
สีเขียวสลบั แมลงพำหะ ไดแ้ ก่ สำร
เกิด เหลือง ต่อมำ ประเภทดูดซมึ เช่น
ใบสสี ้ม จำก จะเปลย่ี นเปน็ คูรำแทร์ หรอื มิปซิน
ไวรัส สเี หลอื ง เร่ิม -กำจัดวัชพืช และพชื
จำกปลำยใบ อำศัยของเชือ้ ไวรัสและ
เขำ้ หำโคนใบ แมลงพำหะนำโรค
31
โรค แมลงศตั รพู ชื
และวัชพชื ทีพ่ บในนำแหว้
อำกำรผดิ ปกติทีห่ ัว อำกำร สำเหตุ ลักษณะอำกำร กำรป้องกันกำจดั
แผลมลี กั ษณะ -เมือ่ พบว่ำมหี วั แสดง
ชำ้ เปน็ สเี ทำ อำกำรเน่ำใหร้ บี เกบ็ ออก
หวั เนำ่ เกิด อ่อนๆ เมื่อเอำ จำกแปลง เพ่อื ลดกำร
จำก จำก มอื จับดจู ะรู้สึก แพรร่ ะบำด
แบคทีเ แบคทเี ออ่ นนม่ิ พร้อม -ปรับควำมเป็นกรดเปน็
รีย รีย กับจะมนี ้ำ ด่ำงของดนิ ด้วยกำรเตมิ
เหลวๆ ปนู ขำวหรอื ดินมำร์ล
-ควรมกี ำรพักดนิ และ
ปลูกพืชหมุนเวยี น
จุดสี เกดิ มีลักษณะเป็น -ฉดี พน่ สำรเคมปี อ้ งกัน
นำ้ ตำล จำก จุดสนี ำ้ ตำล กำจดั เชอื้ รำ เชน่ บโิ น
เชอื้ รำ ภำยในหัวแห้ว มิล หรอื คำร์เบนดำซมิ
เป็นตน้
32
โรค แมลงศตั รพู ชื
และวัชพืชทีพ่ บในนำแห้ว
วชั พืชทพี่ บในนำแห้ว อำกำร สำเหตุ ลกั ษณะอำกำร กำรป้องกันกำจัด
หัวเน่ำ เกิดจำก มเี สน้ ใยของเชอ้ื รำ แช่สำรเคมี
จำกเชอ้ื เชื้อรำ เกดิ ข้ึนบริเวณหัว ปอ้ งกนั กำจัด
ของแหว้ จะ เช้อื รำ เช่น
รำ ลกุ ลำมไปทัว่ ท้ัง บิโนมิล
หวั หัวไมง่ อก คำร์เบนดำซมิ
หรืองอกแลว้ ตน้ ก่อนเพำะกลำ้
กล้ำไม่สมบูรณ์ เปน็ ต้น
หวั เป็น ยงั ไม่ทรำบ เมือ่ ปอกเปลอื ก -หลีกเลี่ยงกำร
จดุ น้ำ สำเหตทุ ่ี พบว่ำเนือ้ ดำ้ นใน ใช้นำ้ บำดำลทมี่ ี
หมำก แทจ้ รงิ พบ เป็นจดุ สนี ำ้ ตำล ควำมกระดำ้ งสงู
มำกกบั หัว คลำ้ ยสีน้ำหมำก - ควรเกบ็ เก่ยี ว
ทอ่ี ำยเุ กิน พบมำกกับแหว้ ท่ี ไมเ่ กิน 8 เดอื น
8 เดือน งมหลังปกั ดำเกนิ หลังปกั ดำ
8เดอื น
33
โรค แมลงศตั รพู ชื
และวัชพชื ท่พี บในนำแหว้
วัชพชื ที่พบในนำแหว้ วัชพืช กำรปอ้ งกันกำจดั
ผักตบไทย -ผักตบไทย มีกำรแพร่กระจำยใน
แหลง่ นำ้ ท่ัวไปที่มีน้ำตนื้
- ถำ้ มปี รมิ ำณนอ้ ยสำมำรถใช้
แรงงำนคนในกำรเกบ็ ออก
-เปน็ พชื ท่ีพบไดท้ ่วั ไปในแปลงนำ มี
กำรแพร่กระจำยน้อย ใช้แรงงำนคน
ในกำรกำจดั ก็เพียงพอแลว้
แพงพวยนำ้
ตำลปัตรฤำษี -ลกั ษณะตน้ อวบน้ำ ข้ึนเปน็ ต้นเดียว
สำมำรถควบคุมกำจดั ไดด้ ว้ ยกำรถอน
มีกำรแพร่กระจำยไมม่ ำก
34
โรค แมลงศตั รพู ชื
และวชั พชื ท่พี บในนำแหว้
วัชพชื ที่พบในนำแห้ว วชั พืช กำรป้องกนั กำจดั
กระเมง็ -เปน็ วชั พชื ทีเ่ กินขึน้ ท่ัวไปในแปลงนำมกี ำร
แพรก่ ระจำยไมม่ ำก ป้องกันกำจัดไดด้ ว้ ยกำรถอน
ดวั ยแรงงำนคน
-แพร่กระจำยอย่ำงรวดเร็วแต่ไมเ่ ปน็ ผลเสยี กับ
พชื
-ป้องกันกำจดั โดยวธิ ีกล กำรตักตักขน้ึ มำไว้ท่แี ห้ง
จอก
ผักบุ้งนำ -กอ่ นเตรียมแปลงปลูก ถ้ำแปลงแห้งนำนำ้ เขำ้
แปลงนำเพอื่ ลอ่ ใหเ้ มล็ดท่ลี ว่ งอยบู่ นดินงอกเป็น
ต้นเล็กๆ แลว้ ทำกำรไถกลบ
-ถ้ำแปลงมนี ำ้ ขัง ผกั บุ้งและวัชพืชข้นึ แลว้ รำด
หรือฉดี ด้วยนำ้ หมกั ชีวภำพท่มี เี ศษสับปะรดเป็น
องค์ประกอบ 20-40ลิตร/ไร่
-หลังปกั ดำ ถอนด้วยแรงงำนคน หรือฉดี พน่
สำรเคมี
35
โรค แมลงศัตรูพืช
และวัชพชื ท่ีพบในนำแห้ว
ศตั รพู ชื ทีพ่ บในนำแห้ว ศัตรูพชื ลักษณะอำกำร กำรปอ้ งกันกำจัด
หนอนกอ
-ใชแ้ สงไฟ กำวเหนยี วลอ่
กัดกินลำต้นทำให้ ตัวเตม็ วยั มำทำลำย
กำบใบมีสเี หลอื ง -เมื่อพบอำกำร ใหใ้ ชส้ ำร
หรอื น้ำตำล ซึ่งจะ ชนิดพน่ นำ้ เช่น คลอรไ์ พริ
เห็นเปน็ อำกำรชำ้ ๆ ฟอส
-เม่ือพบอำกำร ให้ใชส้ ำร
ใบมีสีเหลืองหรือ ชนดิ พ่น เช่น คลอร์ไพริ
น้ำตำล เม่อื หนอน ฟอส
หนอน โตข้ึนจะเขำ้ กดั กิน
สว่ นของลำตน้
เพลีย้ ไฟ เน่ืองจำกเพลี้ยไฟมี -กำรปอ้ งกัน ฉีดพ่นเช้อื รำ
ปำกประเภทดูดนำ้ บิวเวอร์เรยี 7-10 วนั /ครั้ง
เล้ียง ทำใหต้ น้ พืช -ถำ้ มีกำรระบำดทำลำย
ขำดนำ้ เลย้ี ง โตชำ้ มำก และจำเปน็ ตอ้ งใช้
และมอี ำกำรแคระ สำรเคมีใหใ้ ช้สำรคำร์
แกรน ทำให้ผลติ ตำ่ โบซลั แฟน
36
โรค แมลงศตั รูพชื
และวชั พชื ที่พบในนำแหว้
ศตั รูพืชท่พี บในนำแหว้ ศตั รูพชื ลกั ษณะ กำรปอ้ งกันกำจัด
อำกำร
-ใช้วธิ ลี ่อจับ กำรควบคมุ ระดับ
น้ำในนำ นำ้ ขังในแปลง 5 -10
เซนติเมตร หลงั กำรไถเทอื กแลว้
หำท่กี ำบงั เป็นรม่ ปกั ไวใ้ นแปลง
พร้อมนำใบหญ้ำออ่ นหรอื กงิ่
ก้ำนท่ีมยี ำงของมนั สำปะหลงั
หอย เข้ำทำลำย หรอื ก้ำนและใบมะละกอวำงลอ่
เชอร่ี ตน้ แห้วโดย มำเก็บท้ิงในตอนเชำ้
กำรกดั กนิ -วิธไี ล่ โดยหว่ำนดว้ ยฝักคณู แก่
ลำต้นอ่อน มำทุบใหแ้ ตกหรือเม็ดสะเดำ(มี
สำรแทนนนิ ทเี่ ปน็ พิษต่อหอย)
-กำจัดดว้ ยกำรหวำ่ นกำกชำ(มี
สำรซำโปนินที่เปน็ พษิ
ตอ่ สัตวน์ ้ำเลอื ดเย็น) หรือรำด
ด้วยน้ำหมักสะดำผสมฝกั คูณแก่
หรือใชท้ ้ัง3 วธิ ีรว่ มกัน
-หยอดสำรเคมี
37
โรค แมลงศัตรูพืช
และวชั พชื ทพ่ี บในนำแหว้
ศัตรพู ชื ท่ีพบในนำแห้ว ศตั รูพชื ลกั ษณะ กำรป้องกันกำจัด
อำกำร
-กำรใชเ้ หยือ่ ล่อ เชน่ ใช้หัว
เข้ำทำลำย มนั สำปะหลงั ทง้ั เปลือกห่ันตำม
ขวำง เปน็ ชน้ิ บำงๆหนำประมำณ
ปูนำ ต้นแห้วโดย 0.5 เซนตเิ มตร หวำ่ นท่ัวแปลง
กำรกัดกิน ปูมำกนิ แล้วตำยเนอื่ งจำกพษิ ของ
ไซยำไนท่ีเปลือก หรือนำลูกตำล
ลำต้นอ่อน สุกใส่ในไซดักปลำ ล่อปเู ข้ำมำกิน
แล้วตดิ ไซดกั ปลำ เป็นต้น
-ล่อดว้ ยเหยอื่ พิษ เช่น
ขำ้ วเปลอื กตม้ คลุกสำรเคมี
วำงขำ้ งคนั นำ เปน็ ตน้
-หยอดสำรเคมลี งในนำข้ำว
38