The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 621166010, 2022-07-24 21:34:41

หน่วยที่ ๖ น้ำผึ้งหยดเดียว

น้ำผึ้งหยดเดียว

Keywords: แผนการสอน น้ำผึ้งหยดเดียว,น้ำผึ้งหยดเดียว

ตารางกาหนดการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย

ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔

หน่วยที่ ๖ นา้ ผึ้งหยดเดยี ว เวลา ๖ ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา
๖ ชม.

น้าผ้ึงหยดเดยี ว ๖
๑. อ่านในใจและเกบ็ ใจความสาคัญของเรอ่ื งได้ - การอ่านในใจบทเรียน ๑

๒. ถา่ ยโอนสาระเรื่องราวทอี่ ่านไปยงั ผู้อื่นได้ - การวิเคราะห์และแสดง ๑

๓. บอกความหมายคาใหมใ่ นบทเรียนได้ ความคิดเหน็

๔. นักเรียนบอกความหมายของคาและสานวน - กาพย์ยานี ๑๑

ภาษาได้ - สานวนภาษา ๒

๕. นักเรียนวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นใน - วิเคราะห์ข่าว

บทเรียนได้

๖ . นั ก เ รี ย น น า ข้ อ คิ ด จ า ก เ รื่ อ ง ม า ใ ช้ ใ น
ชวี ิตประจาวันได้

๗. นักเรียนอ่านทานองเสนาะกาพย์ยานี ๑๑ ได้
ถกู ต้อง
๘. นักเรียนบอกรูปแบบของกาพย์ยานี ๑๑ ได้

๙. นกั เรยี นแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ได้

๑๐. นกั เรยี นบอกความหมายของสานวนภาษาได้
๑๑. นักเรียนใช้สานวนภาษาได้ถูกต้องตาม

สถานการณ์
๑๒. นักเรียนสามารถใชภ้ าษาทั้งการพูดและการ

เขยี นไดอ้ ย่างถูกต้องและมปี ระสทิ ธิภาพ

๑๓. นักเรียนสรุปข้อคิดจากเร่ืองท่ีอ่านเพื่อ
นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้

๑๔. นักเรยี นรายงานเร่ืองหรือประเด็นทศ่ี กึ ษา
ค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา และมี
มารยาทในการฟัง การดู และการพูด

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๓๑

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เร่ือง นา้ ผง้ึ หยดเดยี ว เวลา ๖ ชัว่ โมง

เร่ือง การอา่ นในใจบทเรยี น เวลา ๑ ช่วั โมง

โรงเรยี นบ้านปงตา ผูส้ อน นางสาวชญาภา สุขคา

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดไปใช้ตัดสินใจ

แก้ปัญหา และสร้างวิสัยทัศน์ในการดาเนินชวี ิต และมีนิสยั รักการ

อา่ น

๑. สาระสาคัญ
๑. ความคิดรวบยอด
การอ่านในใจ ผู้อ่านต้องใช้สมาธิในการอ่าน และอ่านอย่างพิจารณาจะทาให้ตอบคาถาม

ลาดบั เหตุการณแ์ ละสรุปเรอ่ื งพร้อมทงั้ ขอ้ คิดจากเรื่องที่อ่าน
๒. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
- ความสามารถในการคดิ

๒. ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๔/๓ อ่านเรอ่ื งส้นั ๆ ตามเวลาที่กาหนดและตอบคาถามจากเร่ืองที่อ่าน

๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. อ่านในใจและเก็บใจความสาคัญของเรอื่ งได้
๒. ถา่ ยโอนสาระเร่ืองราวทอ่ี ่านไปยังผู้อ่ืนได้
๓. บอกความหมายคาใหม่ในบทเรียนได้

๔. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. รักความเปน็ ไทย
๒. ใฝ่เรียนรู้
๓. มจี ิตสาธารณะ
๔. มีวินยั

๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
๕. สาระการเรียนรู้

๑. อ่านในใจนทิ านเร่อื ง “นา้ ผึง้ หยดเดียว”
๒. เล่าเรือ่ ง “นา้ ผงึ้ หยดเดียว”
๓. ตอบคาถามของเร่อื ง “นา้ ผึ้งหยดเดียว”

๖. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ ๑ นักเรียนเขยี นตามคาบอก จานวน ๑๐ คา พรอ้ มเฉลยและคดั คาใหม่ลงในสมดุ
ขน้ั ท่ี ๒ นกั เรียนและครรู ่วมกันสนทนาในหัวข้อตอ่ ไปน้ี
- ชื่อเรอื่ ง น้าผง้ึ หยดเดียว จากความคดิ เหน็ ของนักเรยี น
- นักเรยี นช่วยกนั คดิ หาคาชดุ กบั ความหมาย เช่น นา้ ผึง้ นา้ ตา ฯลฯ
- นกั เรียนชอบฟังนิทานหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
- การฟังนิทานมปี ระโยชน์อยา่ งไร
ข้ันที่ ๓ นักเรยี นอา่ นเรอ่ื งนา้ ผ้งึ หยดเดยี ว และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ จากหนงั สือเรียน แล้วร่วมกนั

อภปิ รายสรปุ ความรู้จากเร่ืองทีอ่ ่าน ในหวั ข้อตอ่ ไปนี้
- นิทานเทยี บสภุ าษิต ขน้ึ ต้นด้วยโคลงส่ีสภุ าพ ๑ บท สรปุ สาระสาคัญของเรอ่ื ง

จากนน้ั จงึ แต่งเปน็ นทิ านขยายความจากโคลงโดยผู้แต่งจะเริ่มนิทานว่า “นทิ านเทียบเรื่องนี้”
- ชื่อนิทานจะตงั้ ชอื่ เรือ่ งตามสภุ าษิต หรือคาพังเพย
- เป็นคติสอนใจ
- เหตกุ ารณ์ในนิทานต่อเนื่องอย่างมเี หตผุ ล

ข้นั ท่ี ๔ นกั เรยี นทาใบงานที่ ๑ พรอ้ มเฉลยพรอ้ มกนั ในชน้ั เรียน

๗. ช้ินงานและร่องรอยแสดงความรู้
๑. เขียนตามคาบอก
๒. ใบงานท่ี ๑
๓. แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละแบบประเมนิ ผลงาน

๘. สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้
- หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทยชดุ ภาษาเพ่อื ชีวติ วรรณคดีลานาช้นั ประถมศึกษาปีท่ี



๙. วดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดและประเมินผล เครือ่ งมอื วดั ผลและประเมนิ ผล
รายการประเมิน - สงั เกต - แบบบันทึกการสังเกต
- ซกั ถาม - เขยี นตามคาบอก
• ดา้ นความรู้ความเข้าใจ - ตรวจใบงาน - ใบงานท่ี ๑
- การร่วมสนทนา - แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
- การตอบคาถาม - สังเกตพฤติกรรมขณะรว่ ม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- การทาใบงาน กิจกรรม
• ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- การฝึกอา่ นในใจ
ประสงค์
• ด้านทกั ษะกระบวนการคิด
การรว่ มสนทนา

๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล

๑) เกณฑ์ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์รายบุคคลมีคะแนน ๓ ระดบั คอื

ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ได้คะแนน ๘ – ๑๐

ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗

ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผา่ นตอ้ งได้ระดับคุณภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรือไดค้ ะแนน ๖ ขึ้นไป

๒) เกณฑ์การประเมนิ การทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดบั ดังนี้

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถูก ๘ – ๑๐

ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๔

เกณฑ์การผา่ นต้องได้ระดับคุณภาพ ๒ ขึน้ ไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ขนึ้ ไป

๓) เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดับ ดังน้ี

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดับคุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗

ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๔

เกณฑ์การผา่ นตอ้ งไดร้ ะดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรือได้คะแนน ๕ ข้ึนไป

การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐)
ใฝ่เรยี นรู้
มจี ิตสาธารณะ สนใจและต้งั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและตั้งใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน
มวี ินัย ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
อยอู่ ยา่ งพอเพียง สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา

กล้าซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซักถามกล้าพดู

กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเห็น

และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ที่ไม่ และโตแ้ ย้งในสิ่งทไ่ี ม่ และโตแ้ ยง้ ในส่งิ ที่ไม่

ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กล้าแสดงออก

มีความเสยี สละเพอื่ มีความเสยี สละเพอื่ ไม่คอ่ ยเสยี สละเพื่อ

ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง ส่วนรวม ชอบเอา

เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตวั ไมเ่ อาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ เปรยี บคนอนื่ คอ่ นขา้ ง

ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตัว ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื เห็นแกต่ ัว ไม่ค่อย

เป็นอย่างดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลอื หมู่คณะ

มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแกไ้ ข
การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง การกระทาท่ีไม่ถกู ต้อง การกระทาทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง
ทกุ ครง้ั ทาใบงานได้ เกือบทกุ ครั้ง ทาใบ เปน็ บางครัง้ ทาใบงาน
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทนั เวลา เรียบร้อย ไม่คอ่ ย เรียบร้อยและไม่ค่อย
ทันเวลา ทันเวลา

ใช้วสั ดุอุปกรณ์การ ใชว้ ัสดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดุอุปกรณ์การ

เรยี นทีร่ าคาถูกและใช้ เรียนทีร่ าคาค่อนขา้ ง เรยี นทรี่ าคาคอ่ นข้าง

อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างค้มุ คา่ แพงและใช้อย่างค้มุ ค่า

หมดแล้วค่อยซ้ือใหม่ ใชจ้ นหมด ใช้ไม่หมดแล้วซ้ือใหม่

ใบงานที่ ๑
หนว่ ยที่ ๖

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓๒

กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย รหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เรือ่ ง น้าผึง้ หยดเดยี ว เวลา ๖ ช่ัวโมง

เรอื่ ง การวเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็น เวลา ๑ ชั่วโมง

โรงเรยี นบา้ นปงตา ผ้สู อน นางสาวชญาภา สุขคา

สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้

ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและ

สร้างสรรค์

๑. สาระสาคัญ
๑. ความคิดรวบยอด
การแสดงความเห็นเป็นการสอดแทรกความรู้สกึ ส่วนตัวเพอ่ื คิดวิเคราะห์สาระทกี่ าลังศึกษา ผู้

แสดงความคดิ เห็นควรใช้ภาษาท่ีสุภาพไม่กระทบกระเทอื นถึงบุคคลอื่นและแสดงความคิดเห็นในด้าน
พยงุ จรรโลงและสร้างสรรค์สังคมใหด้ ีงาม ต้องมีความรู้ลึกซ้ึงในเรอ่ื งคาและสานวนภาษาเพ่ือให้ใช้ได้
ถูกต้องตามบริบท

๒. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
- ความสามารถในการคิด

๒. ตัวชี้วัด
ท ๓.๑ ป.๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรู้สกึ เกย่ี วกบั เรือ่ งท่ฟี ังและดู

๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นักเรียนบอกความหมายของคาและสานวนภาษาได้
๒. นักเรยี นวเิ คราะห์และแสดงความคิดเหน็ ในบทเรยี นได้
๓. นกั เรียนนาขอ้ คดิ จากเรือ่ งมาใช้ในชีวิตประจาวนั ได้

๔. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. รกั ความเปน็ ไทย
๒. ใฝ่เรยี นรู้

๓. มีจิตสาธารณะ
๔. มวี ินยั
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง

๕. สาระการเรยี นรู้
- การวิเคราะห์และแสดงความเห็นต่อบทเรยี น

๖. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขัน้ ที่ ๑ นกั เรียนเขียนตามคาบอก จานวน ๑๐ คา พร้อมเฉลยคาท่ีถูกกต้องบนกระดานและ

คดั คาใหม่ลงในสมดุ
ข้ันท่ี ๒ นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย จากนิทานเทียบสุภาษิต เรื่อง น้าผ้ึงหยดเดียวก่อ

เหตุ ในกจิ กรรมชวนคิด ชวนคุย จากหนงั สือเรียน วรรณคดลี านา
ข้ันท่ี ๓ จากนิทานเทียบสุภาษิตเร่ือง น้าผ้ึงหยดเดียวก่อเหตุ นักเรียนลองพิจารณาดูว่า

เหตกุ ารณ์ตอนใดบา้ งทีส่ ามารถแกไ้ ขก่อนได้ก่อนที่จะเป็นต้นเหตใุ หเ้ กิดปญั หาอนื่ ตามมา และหากเป็น
นกั เรยี น จะแก้ไขปัญหาดังกลา่ วได้ด้วยวิธีใด และอย่างไร

ขั้นที่ ๔ นักเรียนสังเกตจากใช้ภาษาในนิทานเทียบสุภาษิตเรื่องนี้ และร่วมกันแสดงความ
คิดเหน็ ว่าการใชภ้ าษาแตกตา่ งจากปัจจบุ ันอย่างไรบ้าง เช่น “บุตรคนใหญ่ของบิดา” “ฝา่ ยว่าเจ้าอา”

ข้นั ที่ ๕ นักเรียนเช่อื หรอื ไม่ว่าปัญหาต่างๆทีเ่ กิดขนึ้ ย่อมมสี าเหตมุ าจากเรดิ ขน้ึ ย่อมมีสาเหตุ
มาจากเร่อื งใดเร่อื งหนงึ่ เสมอลองอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็

ขนั้ ที่ ๖ นักเรียนลองคิดถึงปญั หาหรอื ข้อขัดแย้งบางอย่างที่นกั เรยี นเคยประสบอาจเป็นเรื่อง
ท่ีเกิดขึ้นกับตนเอง เพ่ือนๆ หรือผู้อื่น แล้วลองจัดลาดบั หาสาเหตุว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร ปัญหา
ดงั กล่าวสง่ ผลให้เกิดเรอื่ งอ่ืนๆ ตามมาอย่างไร และปัญหานนั้ อาจแก้ไขได้อยา่ งไร

ขั้นที่ ๗ นักเรยี นร่วมกันสรุปข้อคดิ จากเรื่องน้าผึ้งหยดเดยี วก่อเหตุ ดังนี้
- การคิดอย่างรอบคอบและยอมรับฟังเหตุผลของผู้อื่น ทาให้ดารงชีวิตอยู่ด้วยกัน
อยา่ งสงบสุข

ขั้นที่ ๘ นกั เรียนทาแบบฝึกหดั ท่ี ๔ วรรณคดลี านา บทท่ี ๒ เร่ืองน้าผึ้งหยดเดียวก่อเหตุ หน้า
๓๙ข้อ ๑–๖ เป็นการบ้าน

๗. ชน้ิ งาน/หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้
๑. แบบฝกึ หัดท่ี ๔ วรรณคดีลานา บทที่ ๒ เร่อื งนา้ ผ้งึ หยดเดียวก่อเหตุ หน้า ๓๙ ขอ้ ๑–๖
๒. เขียนตามคาบอก
๓. แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคแ์ ละแบบประเมนิ ผลงาน

๘. สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้
๑. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทยชุดภาษาเพ่ือชีวติ วรรณคดีลานาช้ันประถมศกึ ษาปี

ที่ ๔
๒. แบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานภาษาไทยชดุ ภาษาเพ่อื ชีวิตทักษะภาษาชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔

๙. วดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และประเมินผล เครือ่ งมือวัดผลและประเมินผล
รายการประเมนิ - สงั เกต - แบบบันทึกการสงั เกต
- ซักถาม - แบบฝึกหดั ท่ี ๔ วรรณคดลี า
• ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ - ตรวจใบงาน นา บทท่ี ๒ เรอ่ื งนา้ ผึง้ หยดเดียว
- การร่วมสนทนา ก่อเหตุ หน้า ๓๙ ขอ้ ๑–๖
- การตอบคาถาม - สงั เกตพฤตกิ รรมขณะร่วม - แบบประเมนิ ผลงานรายบุคคล
- การทาใบงาน กิจกรรม - แบบประเมนิ ผลงานรายบุคคล

• ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึง - การฝึกคิดสรปุ และแก้ไข แบบประเมินผลงานรายบุคคล
ประสงค์ ปญั หา

• ดา้ นทักษะกระบวนการคิด
การร่วมสนทนา

๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล

๑) เกณฑป์ ระเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์รายบคุ คลมคี ะแนน ๓ ระดบั คอื

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๘ – ๑๐

ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗

ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผา่ นต้องได้ระดับคุณภาพ ๒ ข้นึ ไปหรอื ไดค้ ะแนน ๖ ขึ้นไป

๒) เกณฑ์การประเมินการทาแบบฝกึ หัด มคี ะแนน ๓ ระดบั ดังนี้

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผ่านตอ้ งได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ขน้ึ ไป

๓) เกณฑ์การประเมนิ การเขียนตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดับ ดงั น้ี

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดับคุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผ่านตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ข้นึ ไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ข้นึ ไป

การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรุง (๐)
ใฝ่เรยี นรู้
มจี ิตสาธารณะ สนใจและต้งั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและต้ังใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรียน
มวี ินัย ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
อยอู่ ยา่ งพอเพียง สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เป็นบางคร้ัง
ตลอดเวลา

กล้าซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพดู

กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเห็น

และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ที่ไม่ และโตแ้ ย้งในสิ่งทไ่ี ม่ และโต้แย้งในส่งิ ทไ่ี ม่

ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก

มีความเสยี สละเพอื่ มีความเสยี สละเพอื่ ไม่คอ่ ยเสียสละเพื่อ

ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง ส่วนรวม ชอบเอา

เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตวั ไมเ่ อาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ เปรยี บคนอน่ื คอ่ นข้าง

ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตัว ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื เหน็ แก่ตวั ไมค่ ่อย

เป็นอย่างดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ

มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแก้ไข
การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง การกระทาท่ีไม่ถกู ต้อง การกระทาทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง
ทกุ ครง้ั ทาใบงานได้ เกือบทกุ ครั้ง ทาใบ เปน็ บางครั้งทาใบงาน
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทนั เวลา เรียบร้อย ไม่คอ่ ย เรียบร้อยและไม่ค่อย
ทันเวลา ทนั เวลา

ใช้วสั ดุอุปกรณ์การ ใชว้ ัสดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์การ

เรยี นทีร่ าคาถูกและใช้ เรียนทีร่ าคาค่อนขา้ ง เรยี นทรี่ าคาค่อนข้าง

อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างค้มุ คา่ แพงและใช้อย่างคมุ้ ค่า

หมดแล้วค่อยซ้ือใหม่ ใชจ้ นหมด ใช้ไมห่ มดแล้วซ้ือใหม่

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓๓

กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๖ เรื่อง น้าผ้ึงหยดเดียว เวลา ๖ ชั่วโมง

เรอื่ ง กาพย์ยานี ๑๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง

โรงเรยี นบ้านปงตา ผสู้ อน นางสาวชญาภา สุขคา

สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย

อยา่ งเห็นคุณค่า และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ

๑. สาระสาคญั
๑. ความคิดรวบยอด
การอ่านและการแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ถูกต้องตามฉันทลกั ษณ์ ผู้อ่านและ

ผแู้ ต่งตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจ และใช้ภาษาได้ตรงตามความหมาย จะทาใหเ้ กิดความเข้าใจและทาให้
มองเห็นความไพเราะงดงามของภาษา

๒. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
- ความสามารถในการคิด
- ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

๒. ตัวชี้วัด
ท ๕.๑ ป.๔/๔ ท่องจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด และบทร้อยกรองที่มคี ณุ ค่าตามความสนใจ

๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. นกั เรียนอ่านทานองเสนาะกาพย์ยานี ๑๑ ได้ถกู ตอ้ ง
๒. นักเรียนบอกรปู แบบของกาพย์ยานี ๑๑ ได้
๓. นักเรียนแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ได้

๔. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. รักความเปน็ ไทย
๒. ใฝ่เรียนรู้
๓. มจี ติ สาธารณะ

๔. มวี ินยั
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

๕. สาระการเรียนรู้
๑. การอ่านกาพย์ยานี ๑๑
๒. รูปแบบฉันทลกั ษณ์ของกาพย์ยานี ๑๑

๖. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี ๑ นกั เรียนเขียนตามคาบอก จานวน ๑๐ คา พร้อมเฉลยคาทถ่ี ูกกต้องบนกระดานและ

คัดคาใหม่ลงในสมดุ
ขน้ั ท่ี ๒ นกั เรยี นดแู ผนผงั ฉนั ทลกั ษณ์กาพย์ยานี ๑๑ บนกระดานดา แล้วสนทนาสัมผสั บงั คับ

แผนผงั กาพย์ยานี ๑๑

ข้นั ท่ี ๓ นักเรียนอ่านกาพย์ยานี ๑๑ พร้อมกันและช่วยกนั ขีดเส้นใต้คาสัมผัสและขีดแบ่ง
จังหวะการอ่าน

ข้นั ท่ี ๔ นกั เรียนฝึกอ่านบทร้อยกรอง จากหนงั สือเรียน แล้วอภิปรายสรุปความหมายจากบท
ร้อยกรองพร้อมทั้งหาคาสัมผัสจากบทร้อยกรอง

ขั้นท่ี ๕นกั เรยี นฝึกการแต่งกาพย์ยานี ๑๑ แลว้ นาเสนอ เพอ่ื แลกเปล่ียนเรียนรู้ซงึ่ กนั และกนั
พร้อมทงั้ ช่วยกันปรบั ปรุงแกไ้ ขใหถ้ กู ต้อง

ขน้ั ท่ี ๖ นักเรียนและครสู รุปบทเรียนการแต่งคาประพันธ์กาพย์ยานี ๑๑ ดว้ ยบทร้อยกรอง
ดังนี้

กาพย์ยานีลานา สิบเอ็ดคาจาอย่าคลาย

วรรคหน้าหาคาหมาย วรรคหลงั หกยกแสดง

ครลุ หนุ ้ัน ไม่สาคญั อย่าระแวง

สมั ผัสต้องจดั แจง ใหถ้ ูกต้องตามวิธี

(หลกั ภาษาไทย : กาชัย ทองหล่อ)

ขน้ั ท่ี ๗ นกั เรยี นทาใบงานที่ ๒ พรอ้ มเฉลยในชน้ั เรียน

๗. ช้นิ งาน/หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้
๑. ใบงานท่ี ๒
๒. เขียนตามคาบอก
๓. แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์และแบบประเมินผลงาน

๘. สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
๑. แผนผงั ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑
๒. หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทยชุดภาษาเพ่ือชวี ิตวรรณคดีลานา ชน้ั ประถมศกึ ษาปี

ที่ ๔

๙. วัดผลประเมินผล วิธีการวัดและประเมินผล เคร่ืองมอื วดั ผลและประเมนิ ผล
รายการประเมนิ - สังเกต - แบบบันทกึ การสงั เกต
- ซกั ถาม - ใบงานที่ ๒
• ดา้ นความรู้ความเข้าใจ - ตรวจใบงาน - เขยี นตามคาบอก
- การรว่ มสนทนา - แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
- การตอบคาถาม - สงั เกตพฤติกรรมขณะร่วม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- การทาใบงาน กิจกรรม
• ด้านคุณลกั ษณะอนั พึง แบบประเมินผลงานรายบุคคล
- ฝกึ การคิดแตง่ กาพยย์ านี
ประสงค์ ๑๑
• ดา้ นทกั ษะกระบวนการคดิ
การรว่ มสนทนา

๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมนิ ผล

๑) เกณฑป์ ระเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายบุคคลมคี ะแนน ๓ ระดบั คอื

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๘ – ๑๐

ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗

ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผ่านต้องไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไปหรอื ไดค้ ะแนน ๖ ขึน้ ไป

๒) เกณฑ์การประเมินการทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดับ ดังน้ี

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถูก ๘ – ๑๐

ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗

ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผา่ นต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรอื ไดค้ ะแนน ๕ ข้ึนไป

๓) เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้

ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗

ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผา่ นต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ข้ึนไปหรอื ไดค้ ะแนน ๕ ขึ้นไป

การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรุง (๐)
ใฝ่เรยี นรู้
มจี ิตสาธารณะ สนใจและต้งั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและตัง้ ใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรียน
มวี ินัย ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
อยอู่ ยา่ งพอเพียง สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เปน็ บางครั้ง
ตลอดเวลา

กล้าซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพูด

กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเห็น

และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ที่ไม่ และโตแ้ ย้งในสิ่งทไ่ี ม่ และโตแ้ ย้งในส่งิ ทไ่ี ม่

ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก

มีความเสยี สละเพอื่ มีความเสยี สละเพอื่ ไม่คอ่ ยเสียสละเพื่อ

ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง ส่วนรวม ชอบเอา

เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตวั ไมเ่ อาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ เปรยี บคนอนื่ คอ่ นขา้ ง

ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตัว ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื เห็นแกต่ ัว ไม่ค่อย

เป็นอย่างดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลอื หมู่คณะ

มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแก้ไข
การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง การกระทาท่ีไม่ถกู ต้อง การกระทาทไี่ ม่ถกู ตอ้ ง
ทกุ ครง้ั ทาใบงานได้ เกือบทกุ ครั้ง ทาใบ เปน็ บางคร้งั ทาใบงาน
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทนั เวลา เรียบร้อย ไม่คอ่ ย เรียบร้อยและไม่คอ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา

ใช้วสั ดุอุปกรณ์การ ใชว้ ัสดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์การ

เรยี นทีร่ าคาถูกและใช้ เรียนทีร่ าคาค่อนขา้ ง เรียนทรี่ าคาค่อนขา้ ง

อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างค้มุ คา่ แพงและใช้อย่างคุม้ ค่า

หมดแล้วค่อยซ้ือใหม่ ใชจ้ นหมด ใช้ไมห่ มดแล้วซ้ือใหม่

ใบงานที่ ๒
หนว่ ยที่ ๖

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓๔

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๖ เรื่อง น้าผ้ึงหยดเดยี ว เวลา ๖ ชัว่ โมง

เร่ือง สานวนภาษา เวลา ๒ ช่วั โมง

โรงเรียนบา้ นปงตา ผู้สอน นางสาวชญาภา สุขคา

สาระท่ี ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง

ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา

ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ

๑. สาระสาคญั
๑. ความคิดรวบยอด

การรู้หลักเกณฑ์ทางภาษาเรือ่ งคาและสานวน ช่วยทาใหก้ ารใช้ภาษาในการสื่อสารได้อยา่ งถูกต้องและ
มปี ระสทิ ธิภาพ และให้อารมณ์ ความรู้สึกเป็นพ้ืนฐานที่สาคัญในการใช้ภาษาไทยทงั้ ในการพูดและการ
เขยี น

๒. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
- ความสามารถในการสื่อสาร

๒. ตัวช้ีวัด
ท ๔.๑ ป.๔/๖ บอกความหมายของสานวน

๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. นกั เรยี นบอกความหมายของสานวนภาษาได้
๒. นักเรยี นใช้สานวนภาษาได้ถกู ต้องตามสถานการณ์
๓. นกั เรียนสามารถใชภ้ าษาทั้งการพูดและการเขียนได้อย่างถกู ต้องและมีประสิทธิภาพ

๔. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน
๒. ยอมรับในขอ้ ตกลงของกลุ่มได้
๓. มคี วามภาคภูมิใจในภาษาไทย

๔. ใชส้ านวนภาษาได้ถูกต้องตามสถานการณ์
๕. รู้จักประหยัดอดออม

๕. สาระการเรยี นรู้
๑. สานวนภาษา
๒. เรอ่ื ง “นา้ ผึง้ หยดเดียว”
๓. พจนานกุ รมสานวนไทย

๖. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขน้ั ที่ ๑ นกั เรียนเขียนตามคาบอก จานวน ๑๐ คา พร้อมท้ังเฉลยคาทีถ่ ูกตอ้ งบนกระดานดา

และคดั คาใหม่ลงในสมุด
ขั้นที่ ๒ นกั เรยี นดภู าพสานวน “ดนิ พอกหางหมู” เกยี่ วกับลักษณะของหมู ดังนี้
ลกั ษณะนิสัยของดินพอกหางหมู
นสิ ัยท่ีชอบปล่อยให้การงานค่ังค้างสะสม ผัดวันประกันพรุ่ง เกียจคร้าน ไม่ยอมทาให้ส่ิงน้ัน

สาเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็ว จนในท่ีสุดการงานต่างกส็ ะสมพอกพูนข้ึนจนยากที่จะสะสางให้เสร็จได้โดยง่าย
สานวนดินพอกหางหมูนี้ มีที่มาท่ีไปคือ การเปรียบเทยี บกับพฤตกิ รรมของหมู ซึง่ ชอบเกือกกลง้ิ อยกู่ ับ
ดินและน้า สถานทช่ี ื้นแฉะ มีโคลนตม และมักจะมดี ินและโคลนไปติดอยู่ท่หี างของมัน โดยท่ีมนั มักจะ
ไม่ยอมสลัดออก จนในท่ีสุดเมื่อสะสมพอกพูนมากๆเข้า จะเกิดเป็นก้อนขนาดใหญ่ จนหมูเองไม่
สามารถแกว่งหางได้

ขั้นท่ี ๓ นักเรียนช่วยกันติดแถบสานวนท่ีเป็นสุภาษิตและคาพังเพย บนกระดานดา จานวน
๖ แถบแล้วอ่านออกเสียงพร้อมกนั แล้วบอกดว้ ยว่า แถบใดเป็นสานวนสภุ าษติ หรอื คาพังเพย

ข้นั ท่ี ๔ นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๖ กลมุ่ แล้วแจกแถบสานวนทีเ่ ปน็ สภุ าษิตและคาพังเพย
จากขั้นสอนข้อ ๑ กลุ่มละ ๑ แถบ เพ่ือให้แต่ละกลุ่มบอกความหมาย โอกาสที่ใช้ และแต่งประโยค
ตวั อย่างจากแถบประโยคท่ไี ด้รบั ดังนี้

กลมุ่ ท่ี ๑ เกลือเปน็ หนอน
กลมุ่ ท่ี ๒ เสน่หป์ ลายจวัก
กลมุ่ ท่ี ๓ เวลา วารี ไม่เคยจะคอยใคร
กลมุ่ ที่ ๔ ราไม่ดี โทษปโี่ ทษกลอง
กลมุ่ ท่ี ๕ รู้ไว้ใช้วา่ ใสบ่ ่าแบกหาม
กลมุ่ ที่ ๖ กลุ่มที่ ๖ ตหี น้าตาย

ขน้ั ท่ี ๔ นักเรียนอ่านบท อ่านเสรมิ เพิ่มความรู้ จากหนงั สือเรียน และอภิปรายสรุปความรู้ที่
ได้รบั จากการอ่าน

ข้นั ที่ ๕ นักเรยี นช่วยกนั สรุปความรู้ด้านสานวนทเี่ ปน็ สภุ าษิตและคาพงั เพย แล้วสรปุ ดังนี้
- สภุ าษิต เป็นสานวนทีใ่ ช้เปรยี บเทียบเพอ่ื สอนให้ทาหรือเว้นไม่ใหท้ า
- คาพงั เพย เป็นสานวนท่ีใช้เปรยี บเทยี บเพ่อื ให้เข้าใจเรอื่ งท่ีพูด แฝงด้วยขอ้ คดิ

ขน้ั ที่ ๖ นักเรียนทาใบงานที่ ๓ ไมเ่ สร็จทาเป็นการบา้ นได้และนากลบั มาสง่ ในชวั่ โมงตอ่ ไป
ขั้นท่ี ๗ นักเรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบท หน้า๔๑ – ๔๓ ข้อ ๒ (๑- ๖) เฉลยพร้อมกันในช้ัน
เรียน

๗. ชิ้นงาน/หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู้
๑. แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์และแบบประเมนิ ผลงาน
๒. เขียนตามคาบอก
๓. ใบงานที่ ๓
๔. แบบฝึกหัดท้ายบท หน้า๔๑ – ๔๓ ข้อ ๒ (๑- ๖)

๘. สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
๑. ภาพสานวน “ดินพอกหางหมู”
๒. แถบสานวนทเ่ี ป็นสุภาษิตและคาพงั เพย
๓. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทยชุดภาษาเพ่อื ชวี ิตวรรณคดีลานา ชัน้ ประถมศึกษาปี

ที่ ๔

๙. วดั ผลประเมินผล วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วัดผลและประเมนิ ผล
รายการประเมนิ - สังเกต - แบบบันทกึ การสงั เกต
- ซักถาม - เขยี นตามคาบอก
• ดา้ นความรูค้ วาม - ใบงานท่ี ๓
เข้าใจ - แบบฝกึ หัดทา้ ยบท หนา้ ๔๑ – ๔๓ ขอ้ ๒ (๑- ๖)
- การรว่ มสนทนา - แบบประเมินผลงานรายบุคคล
- การตอบคาถาม - แบบประเมินผลงานรายบุคคล

• ดา้ นคณุ ลักษณะอนั - สังเกตพฤติกรรมขณะร่วม

พึงประสงค์ กจิ กรรม

• ด้านทักษะ - ชว่ ยกันคดิ และบอก แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล

กระบวนการคดิ การ ความหมายของสานวน

รว่ มสนทนา

๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล

๑) เกณฑ์ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบุคคลมีคะแนน ๓ ระดับ คอื

ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ได้คะแนน ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๖ – ๗

ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผ่านตอ้ งไดร้ ะดบั คณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไปหรือได้คะแนน ๖ ข้ึนไป

๒) เกณฑก์ ารประเมนิ การทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดับ ดงั นี้

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผ่านตอ้ งได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ข้ึนไป

๓) เกณฑ์การประเมินการเขียนตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดับ ดงั นี้

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถูก ๘ – ๑๐

ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผา่ นต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรอื ไดค้ ะแนน ๕ ขน้ึ ไป

๔) เกณฑ์การประเมนิ การทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท มีคะแนน ๓ ระดบั ดงั น้ี

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผ่านตอ้ งได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรอื ไดค้ ะแนน ๕ ข้นึ ไป

การประเมนิ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรุง (๐)
ใฝ่เรยี นรู้
มจี ิตสาธารณะ สนใจและต้งั ใจร่วม สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและต้ังใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน
มวี ินัย ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
อยอู่ ยา่ งพอเพียง สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา

กล้าซกั ถามกล้าพดู กล้าซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพดู

กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเห็น

และโตแ้ ยง้ ในส่ิงท่ีไม่ และโตแ้ ย้งในสิ่งทไ่ี ม่ และโต้แย้งในส่งิ ทไ่ี ม่

ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก

มีความเสยี สละเพื่อ มคี วามเสยี สละเพอื่ ไม่คอ่ ยเสียสละเพื่อ

ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง ส่วนรวม ชอบเอา

เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ เปรยี บคนอน่ื คอ่ นขา้ ง

ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตวั ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื เห็นแก่ตวั ไม่ค่อย

เป็นอย่างดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ

มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแก้ไข
การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง การกระทาท่ีไม่ถกู ต้อง การกระทาทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง
ทกุ ครง้ั ทาใบงานได้ เกอื บทกุ ครั้ง ทาใบ เปน็ บางครง้ั ทาใบงาน
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทนั เวลา เรียบร้อย ไม่คอ่ ย เรียบร้อยและไม่คอ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา

ใช้วสั ดุอุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์การ

เรยี นทีร่ าคาถูกและใช้ เรียนทีร่ าคาค่อนขา้ ง เรยี นทรี่ าคาค่อนขา้ ง

อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างค้มุ คา่ แพงและใชอ้ ย่างคุม้ ค่า

หมดแล้วค่อยซอื้ ใหม่ ใช้จนหมด ใช้ไมห่ มดแล้วซ้ือใหม่

ใบงานที่ ๓
หนว่ ยที่ ๖

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓๕

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เรอื่ ง นา้ ผึ้งหยดเดยี ว เวลา ๖ ช่วั โมง

เรอื่ ง วิเคราะหข์ า่ ว เวลา ๑ ช่วั โมง

โรงเรียนบ้านปงตา ผสู้ อน นางสาวชญาภา สุขคา

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดไปใช้ตัดสินใจ

แก้ปัญหา และสร้างวิสยั ทัศน์ในการดาเนินชีวิต และมีนิสัยรักการ

อา่ น

สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้

ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและ

สร้างสรรค์

๑. สาระสาคญั

๑. ความคิดรวบยอด

การอ่านขา่ ว และเหตกุ ารณ์สาคัญ ผู้อา่ นสามารถอธิบายความคิดจากเร่ืองท่อี ่าน สามารถนา

ความรู้ความคิดท่ไี ด้ตดั สินใจแก้ปัญหาในการดาเนินชวี ิต

๒. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น

- ความสามารถในการแก้ปญั หา

- ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

๒. ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ป.๔/ ๖ สรปุ ความรู้และขอ้ คิดจากเร่อื งทอี่ ่านเพ่ือนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
ท ๓.๑ ป.๔/ ๕ รายงานเร่ืองหรอื ประเดน็ ท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา
ท ๓.๑ ป.๔/ ๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นักเรยี นสรปุ ข้อคิดจากเรือ่ งท่ีอ่านเพอ่ื นาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้
๒. นกั เรียนรายงานเรอื่ งหรือประเดน็ ท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา และ

มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

๔. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
๑. รักความเปน็ ไทย
๒. ใฝ่เรียนรู้
๓. มจี ิตสาธารณะ
๔. มีวินัย
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง

๕. สาระการเรียนรู้
- การวิเคราะห์ข่าว

๖. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขั้นที่ ๑ นักเรียนเขียนตามคาบอก จานวน ๑๐ คา พร้อมเฉลยบนกระดานและคัดทาใหม่ลง

ในสมดุ เพ่อื นามาเขยี นในชัว่ โมงถัดไป
ข้ันที่ ๒ นักเรียนดูภาพข่าวที่ครูแจกให้ร่วมกันวิเคราะห์ข่าว ตามคาบรรยายใต้ภาพ (ครู

เตรียมภาพขา่ วสถานการณ์ที่เป็นปจั จุบนั )
- นักเรยี นอ่านขา่ วจากภาพทกี่ าหนดใหส้ รปุ ความหมายของข่าว
- สถานการณ์ในภาพข่าวคล้ายกบั นิทาน เรื่อง น้าผึ้งหยดเดยี วก่อเหตุอยา่ งไรบ้าง
- ถา้ นักเรียนพบเหตุการณ์แบบนี้ นกั เรียนจะใช้วธิ ีใดแก้ปญั หา

ขนั้ ที่ ๓ นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ – ๕ กลมุ่ แลว้ ปฏิบัติกิจกรรรม ดงั นี้
- นักเรียนแต่ละกลุ่มคัดเลือกอ่านข่าวหรือสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในสังคม เลือก

เหตุการณ์ท่ีมีต้นเหตุของปัญหาคล้ายกับเหตุการณ์ในเร่ือง น้าผึ้งหยดเดียวก่อเหตุ แล้ว
เรียงลาดับเหตุการณส์ าคัญว่าเหตกุ ารณ์ใดเกี่ยวขอ้ งกับเหตุการณ์ใด และทาไมจงึ เป็นเช่นน้ัน

- นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานของตนเพ่อื แลกเปล่ียนเรียนรู้ซ่ึงกนั และกนั
ขั้นที่ ๔ นักเรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบท หน้า ๔๔ ข้อ ๓ (๑-๒) และนาเสนอผลงานเพ่ือ
แลกเปลี่ยน เรยี นรู้ซึ่งกนั และกนั
ข้ันท่ี ๕ นักเรียนร่วมอภิปรายสรุปการอ่านข่าวมีประโยชน์ต่อการใช้ในชีวิตประจาวันได้
อย่างไรบา้ ง
ข้ันที่ ๖ นักเรียนทาใบงานที่ ๔ เป็นการบ้าน

๗. ชน้ิ งาน/หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู้
๑. แบบฝึกหัดท้ายบท หนา้ ๔๑ – ๔๓ ข้อ ๒ (๑- ๖)
๒. เขียนตามคาบอก
๓. ใบงานท่ี ๔
๕. แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์และแบบประเมนิ ผลงาน

๘. ส่อื / แหล่งเรียนรู้
๑. ภาพขา่ ว
๒. แบบฝกึ หัดท้ายบท
๓. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทยชดุ ภาษาเพื่อชีวติ วรรณคดีลานา ชัน้ ประถมศกึ ษาปี

ท่ี ๔

๙. วดั ผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั และประเมินผล เครือ่ งมือวัดผลและประเมนิ ผล
รายการประเมิน - สงั เกต - แบบบนั ทกึ การสงั เกต
- ซักถาม - แบบฝึกหัดทา้ ยบท
• ดา้ นความรูค้ วามเข้าใจ - ตรวจใบงาน - เขียนตามคาบอก
- การรว่ มสนทนา - ใบงานที่ ๔
- การตอบคาถาม - สงั เกตพฤตกิ รรมขณะรว่ ม - แบบประเมินผลงานรายบุคคล
- การทาใบงาน กจิ กรรม - แบบประเมินผลงานรายบุคคล

• ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ - การคิดวเิ คราะหข์ ่าวสาร แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
ประสงค์

• ดา้ นทกั ษะกระบวนการคดิ
การรว่ มสนทนา

๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล

๑) เกณฑ์ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์รายบุคคลมีคะแนน ๓ ระดับ คอื

ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ไดค้ ะแนน ๘ – ๑๐

ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗

ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผ่านต้องได้ระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรือไดค้ ะแนน ๖ ขึ้นไป

๒) เกณฑ์การประเมนิ การทาแบบฝึกหัด มคี ะแนน ๓ ระดับ ดังน้ี

ระดับคุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาไดถ้ กู ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผ่านตอ้ งได้ระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ขึ้นไป

๓) เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดบั ดังนี้

ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาไดถ้ กู ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗

ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑก์ ารผา่ นตอ้ งได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรือได้คะแนน ๕ ขน้ึ ไป

๔) เกณฑก์ ารประเมนิ การทาใบงาน มคี ะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้

ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาไดถ้ ูก ๘ – ๑๐

ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗

ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕

เกณฑ์การผา่ นต้องไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ข้นึ ไป

การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรุง (๐)
ใฝ่เรยี นรู้
มจี ิตสาธารณะ สนใจและต้งั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม สนใจและตงั้ ใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน
มวี ินัย ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
อยอู่ ยา่ งพอเพียง สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา

กล้าซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพูด

กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเห็น

และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ที่ไม่ และโตแ้ ย้งในสิ่งทไ่ี ม่ และโต้แย้งในส่งิ ทไ่ี ม่

ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก

มีความเสยี สละเพอื่ มีความเสยี สละเพอื่ ไม่คอ่ ยเสียสละเพื่อ

ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง ส่วนรวม ชอบเอา

เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตวั ไมเ่ อาเปรียบไมเ่ ห็นแก่ เปรยี บคนอน่ื คอ่ นขา้ ง

ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตัว ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื เห็นแก่ตวั ไม่ค่อย

เป็นอย่างดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ

มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแกไ้ ข มีการตรวจสอบแก้ไข
การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง การกระทาท่ีไม่ถกู ต้อง การกระทาทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง
ทกุ ครง้ั ทาใบงานได้ เกือบทกุ ครั้ง ทาใบ เปน็ บางครง้ั ทาใบงาน
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทนั เวลา เรียบร้อย ไม่คอ่ ย เรียบร้อยและไม่คอ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา

ใช้วสั ดุอุปกรณ์การ ใชว้ ัสดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์การ

เรยี นทีร่ าคาถูกและใช้ เรียนทีร่ าคาค่อนขา้ ง เรยี นทรี่ าคาค่อนขา้ ง

อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างค้มุ คา่ แพงและใชอ้ ย่างคุม้ ค่า

หมดแล้วค่อยซ้ือใหม่ ใชจ้ นหมด ใช้ไมห่ มดแล้วซ้ือใหม่

ใบงานที่ ๔
หนว่ ยที่ ๖


Click to View FlipBook Version