ความเป็นมา การวาดภาพเป็นสิ่งซึ่งแสดงออกถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ทางศิลปะของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกใน จิตใจของตัวเอง สื่อสารออกมาเป็นรูปผลงานทางศิลปะ มนุษย์ท าการวาดภาพกันมาหลายยุคหลายสมัย นับตั้งแต่สมัยดึกด าบรรพ์ ซึ่งเป็นเวลายาวนานนับหมื่นปีมาแล้ว องค์ประกอบศิลป์ ( Composition ) การน าสิ่งต่างๆ มาประยุกต์ ดัดแปลง สร้างสรรค์ จัดร่วมเข้าด้วยกัน ตามสัดส่วนรูปร่าง รูปทรงตรงตามคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ เพื่อให้เกิดผลงานที่มี ความเหมาะสมส่วนจะเกิดความงดงาม น่าสนใจหรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการน าเสนอภาพรวมของงาน ว่ามี การสื่อถึงเรื่องราว วัตถุประสงค์ ในงานการออกแบบของเรา โดยค านึงถึงปัจจัยที่ใช้ในการออกแบบ ดังนี้ 1. สัดส่วนของภาพ (Proportion) 2. ความสมดุลของภาพ (Balance) 3. จังหวะลีลาของภาพ (Rhythm) 4. การเน้นหรือจุดเด่นของภาพ (Emphasis) 5. เอกภาพ (Unity) 6. ความขัดแย้ง (Contrast) 7. ความกลมกลืน (Harmony) สิ่งต่างๆ ที่เราควรน ามาใช้ประกอบเข้าด้วยกัน คือ จุด, เส้น, รูปร่าง– รูปทรง, สี, ลักษณะผิว ส่วนประกอบต่างๆ ของศิลปะ น ามาจัดประสานสัมพันธ์กัน ให้เกิดคุณค่า ทางความงาม เราเรียกว่า องค์ประกอบศิลป์ (Composition) ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/417795 ที่มา หนังสือเรียนและแบบเรียน อจท.
แนวทางปฏิบัติ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๑ ๒ ได้แก่ การวาดภาพลายเส้นด้วยวัสดุประเภทปากกา ดินสอ หรือวัสดุ ในลักษณะคล้ายคลึงกัน กระท าโดยการขูด ขีด เขียน ลาก บนพื้นระนาบ เพื่อให้เกิดรูปรอยตามต้องการ การวาดภาพ การระบายสี ได้แก่ การทา ระบาย หยด ป้าย แต้ม สลัด ด้วยการใช้พู่กัน นิ้วมือ หรือเครื่องมืออื่นๆ เพื่อให้เกิดสีสันและค่าของสีตามความต้องการ ความส าคัญขององค์ประกอบศิลป์ องค์ประกอบศิลป์ เป็นเรื่องที่ผู้เรียนศิลปะทุกคนต้องเรียนรู้เป็นพื้นฐาน เพื่อที่จะน าไปใช้ได้ให้เกิดประสิทธิภาพ ในการออกแบบโครงสร้างหรือรูปร่างของภาพ แล้วน าไปประยุกต์ใช้ในงานออกแบบต่างๆ ได้ เช่น การจัดวางสิ่งของเพื่อ ตกแต่งบ้าน, การจัดส านักงาน,การจัดโต๊ะอาหาร, จัดสวน, การออกแบบปกรายงาน, ตัวอักษร, และการจัดบอร์ดกิจกรรม ต่างๆ สามารถน าไปใช้กับการออกแบบอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งเหล่านี้ เราต้องอาศัยหลักองค์ประกอบศิลป์ทั้งสิ้น
ดินสอและปากกา ๑ ดินสอด า ใช้ร่างภาพก่อนการลงมือระบายสีปกติแล้วดินสอด า มีไส้อยู่ ๓ ชนิด ด้วยกัน คือ - ชนิดแข็ง (H) เหมาะส าหรับใช้ในงานเขียนแบบ - ชนิดปานกลาง (HB) ใช้ส าหรับงานเขียนทั่วไป - ชนิดอ่อน (B) ใช้ส าหรับร่างภาพและแรเงา หรือลงลายเส้น ซึ่งมีความอ่อน-แก่ไม่เท่ากัน การวาดภาพระบายสีในระดับชั้นนี้อย่างน้อยควรใช้ดินสอ ๒ ชนิด ดังนี้ ชนิด ๒B เป็นชนิดที่อ่อนปานกลาง ลบง่าย ไม่ด าจนเกินไป เหมาะส าหรับการวาดภาพ ในขั้นตอนการร่าง ชนิด ๔B ๖B เป็นชนิดที่อ่อนกว่าชนิด ๒B เหมาะส าหรับการแรเงาภาพ หรือวาดเส้น เพื่อลงน้ าหนักภาพ
การใช้และการเก็บรักษา ดินสอด าชนิด ๒B ใช้ส าหรับร่างภาพที่เราต้องการมองเห็นรูปลักษณะโครงร่างของภาพ เพื่อจะระบายสี หรือวาดเส้นแรเงา ดินสอที่ใช้ส าหรับ ร่างภาพต้องเหลาปลายดินสอให้เรียวแหลมสม่ าเสมอ เวลาร่างภาพควรร่างเบาๆ ก่อน เพราะจะลบออกได้ง่ายและไม่เกิด รอยสกปรก ดินสอด าชนิด ๔B และ ๖B ใช้ส าหรับแรเงา หรือวาดเส้น เมื่อภาพนั้นไม่ต้องการใช้สีระบาย จะแรเงาหรือลงน้ าหนักอ่อน-แก่ หรือมีเงาด ามากน้อย เพียงใดก็ได้แล้วแต่ความต้องการ ดินสอแต่ละแท่งเมื่อเลิกใช้งานแล้วควรเหลาใหม่ เพื่อเตรียมไว้ให้ พร้อมที่จะใช้งานในคราวต่อไปทั้งนี้ ควรเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย โดยเอาปลายดินสอขึ้นเพื่อไม่ให้ปลายดินสอหัก
๒ ปากกา การใช้ปากกาวาดภาพลายเส้นจะดูแปลกตาแตกต่างจากการใช้ดินสอด า นอกจากแตกต่างแล้ว ยังมีความหลากหลายของลายเส้นด้วย ปากกามีให้เลือกหลายแบบ ปากกาคอแร้งหลายขนาด ปากกาปลายสักหลาด
การใช้และการเก็บรักษา ถ้าเป็นปากกาคอแร้งต้อง จุ่มหมึกแล้วเขียนบนเศษกระดาษก่อน เพื่อไม่ให้หมึกเยิ้มเกินไป แล้วจึงน ามาวาดภาพ ลงเส้น ลงน้ าหนักตามต้องการ ปากกาทุกชนิดเมื่อใช้เสร็จแล้วให้ปิดฝาทุกครั้ง หัวปากกาคอแร้งที่ ใช้งานแล้วให้ล้างด้วยการแช่น้ าอุ่นหรือน้ ายาท าความสะอาดและใช้ เศษผ้าเช็ดให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย อย่าทิ้งไว้จนหมึก แห้งติดปากกานานเกินไป เพราะจะท าให้ล้างออกยาก เมื่อใช้ดินสอร่างภาพให้ได้เค้าโครงและลักษณะตามที่ต้องการแล้ว ใช้ปากกาลงเส้นตามแบบร่างที่ร่างโครงด้วยดินสอไว้แล้ว
ยางลบและเครื่องมือช่วยตีเส้น ๑ ยางลบ ควรใช้ยางลบที่ใช้ส าหรับดินสอด าโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นยางลบชนิดอ่อน มีขนาดและรูปทรงที่แตกต่างกัน การใช้และการเก็บรักษา วิธีการใช้ยางลบให้ถูเพียงเบาๆ ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าลบไม่ออกจึงค่อยถูแรงขึ้น เมื่อลบเสร็จแล้วให้ใช้เศษผ้าสะอาดหรือแปรงปัดเศษยางลบออก หลังจากเลิกใช้งาน ควรเอาเศษผ้า หรือกระดาษทิชชูเช็ดให้สะอาดทั่วทุกด้านแล้วเก็บใส่กล่องให้ เรียบร้อย
๒ เครื่องมือช่วยตีเส้น การใช้และการเก็บรักษา ได้แก่ ไม้บรรทัด และไม้ฉากสามเหลี่ยม ควรเลือกไม้บรรทัดที่แบ่งความยาวเป็นมาตราส่วนนิ้วและ เซนติเมตรอย่างชัดเจน ส่วนไม้ฉาก ไม้สามเหลี่ยม อาจจะเป็นเซลลูลอยด์ พลาสติก หรือชนิดไม้ก็ได้ แต่ควรใช้ชนิดใสจะดีกว่า เพราะสะดวกในการวัด ไม่แตก หรือหักง่าย ๑. ไม้บรรทัดชนิดแบนราบทั้ง ๒ ด้านควรใช้กับดินสอธรรมดา ๒. ไม้บรรทัดที่มีด้านหลังลาดลงไปทั้ง ๒ ข้าง ควรใช้กับปากการ สีน้ า หรือหมึกด า ๓. ไม้ฉากสามเหลี่ยมมีไว้เพื่อใช้สร้างมุม โดยก าหนดองศาของมุม ตามต้องการ ๔. เมื่อใช้ไม้บรรทัดและไม้ฉากสามเหลี่ยมเสร็จแล้ว ก่อนเก็บควรเอาเศษผ้าชุบน้ าเช็ดสีหรือหมึกที่อาจหลงเหลือติดอยู่ตาม ด้านข้างของเครื่องมือออกให้หมดเสียก่อน
กระดาษและแผ่นรองเขียน ๑ กระดาษวาดภาพ - กระดาษปรู๊ฟ เหมาะส าหรับการวาดภาพด้วยดินสอ หรือถ่านชาร์โคล เพราะเนื้อกระดาษนุ่มท าให้สามารถเกลี่ยน้ าหนัก ให้นุ่มนวลได้ง่าย และเส้นจะด าชัดเจน สามารถเกลี่ยน้ าหนักอ่อน-แก่ได้ดี - กระดาษปอนด์ หรือกระดาษวาดเขียน ควรใช้กระดาษที่มีความหนาระหว่าง ๖๐ แกรมถึง ๑๐๐ แกรม เพราะจะเหมาะส าหรับการวาดภาพทั้งที่ ใช้ดินสอหรือระบายสี เนื้อกระดาษมีความหนามากกว่ากระดาษปรู๊ฟ การใช้และการเก็บรักษา ๑. พยายามอย่าให้กระดาษพับ หรือมีรอยยับ เพราะจะท าให้ ไม่สามารถวาดภาพตามที่ต้องการได้ ๒. ถ้าเป็นกระดาษชนิดแผ่นไม่ใช่เป็นเล่ม ควรจัดเก็บด้วยการ ห่อหุ้มให้เรียบร้อยเป็นปึกเดียวกัน ไม่ควรเก็บโดยวิธีม้วนกระดาษ
๒ แผ่นรองเขียน การใช้และการเก็บรักษา มีไว้ส าหรับรองรับกระดาษ มีลักษณะเป็นวัสดุผิวเรียบ อาจจะเป็นแผ่นไม้อัดด้านบนติดตัวหนีบ เพื่อใช้ส าหรับหนีบ กระดาษให้ติดอยู่กับแผ่นรองเขียน ๑. ควรตรวจดูว่ามีคราบสกปรกติดอยู่บนแผ่นรองเขียนหรือไม่ ๒. ไม่ควรน าดินสอ ปากกา หรือสี มาขีดทับลงบนแผ่นรองเขียนและไม่ควรน าไปรองรับใบมีดหรือคัตเตอร์ ๓. หลังเสร็จการใช้งานควรท าความสะอาดโดยการใช้เศษผ้า หรือกระดาษทิชชูเช็ดให้เรียบร้อย
๑ พู่กัน พู่กันและจานผสมสี - ชนิดกลม มีขนแปรงอ่อน เหมาะส าหรับใช้กับสีน้ า หรือสีโปสเตอร์ - ชนิดแบน มีทั้งขนแปรงอ่อนและขนแปรงแข็งชนิดแปรงขนอ่อนใช้กับสีน้ า หรือสีโปสเตอร์ ส่วนชนิดขนแปรง แข็งเหมาะส าหรับใช้กับสีน้ ามัน พู่กันชนิดกลม พู่กันชนิดแบน
การใช้และการเก็บรักษา ๑. พู่กันที่ซื้อมาใหม่จะต้องล้างน้ าให้กาวที่ติดอยู่ตรงปลายพู่กันละลายออกให้หมดเสียก่อน ๒. พู่กันเบอร์เล็กใช้ระบายในเนื้อที่เล็ก พู่กันเบอร์ใหญ่ใช้ระบายในเนื้อที่บริเวณกว้าง ๓. การระบายสีให้ระบายจากด้านบนลงมาด้านล่าง ระบายจากซ้ายไปขวา ๔. ก่อนน าไปใช้กับสีอื่นจะต้องล้างสีเดิมออกให้หมดเสียก่อน เพื่อมิให้สีผสม ๕. อย่าแช่พู่กันไว้ในแก้วน้ า เพราะจะท าให้ปลายพู่กันงอ และแตก ๖. สลัดน้ าออกจากพู่กันให้แห้ง ๗. ผ้าเช็ดปลายพู่กัน แล้วใช้นิ้วลูบที่ปลายพู่กันให้เรียบ เหมือนทรงเดิม ๘. เก็บใส่กล่องเครื่องมือ โดยเอาทางด้ามลง
๑ สีน า สีประเภทต่างๆ - สีน าชนิดบรรจุกล่อง เนื้อสีมีลักษณะแข็ง ซึ่งสีชนิดนี้จะไม่แบ่งขายถ้าจะซื้อต้องซื้อเป็นกล่อง - สีน าบรรจุหลอด เนื้อสีจะมีลักษณะเหลวเหมือนยาสีฟัน สีชนิดนี้แบ่งขายเป็นหลอดได้ ส่วนมากจะเลือกซื้อ เฉพาะแม่สี ๓ สี เท่านั้น การใช้และการเก็บรักษา ๑. ใช้พู่กันชุบน้ าเปล่าทา หรือลูบบริเวณภาพที่จะระบายแล้วทิ้งไว้ให้หมาด ๒. สีชนิดบรรจุกล่องใช้พู่กันจุ่มน้ าพอประมาณ แล้วจึงละเลงน้ าลงบนสีที่ต้องการ สีก็จะละลายออกมา ๓. สีหลอดบีบสีใส่จานผสมสีเสียก่อน แล้วใช้พู่กันจุ่มน้ ามาละลายสี ๔. ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุกล่องจะต้องท าความสะอาดบริเวณขอบของช่องสีแต่ละสีและฝากล่องให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงเก็บ ๕. ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุหลอดควรเช็ดสีที่ติดอยู่ตามหลอดออกให้หมดปิดฝาให้แน่น แล้วจึงเก็บใส่กล่อง
๒ สีโปสเตอร์ เป็นสีที่บรรจุไว้ในขวด มีหลายขนาด เนื้อสีค่อนข้างเหลว มีน้ าหล่อเลี้ยงไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้สีแห้ง สีโปสเตอร์ใช้ง่าย มีความเหนียว และระบายติดกระดาษได้ดี สามารถระบายทับไปมาได้หลายครั้ง การใช้และการเก็บรักษา ๑. เมื่อเปิดขวดใช้ไม้ หรือด้ามพู่กันคนสีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อน ๒. ถ้าสีข้นเกินไปให้ใช้น้ าผสมเพื่อให้สีจางลง ๓. ถ้าต้องการให้ได้สีอ่อนก็ให้ใช้สีขาวผสม ถ้าต้องการสีเข้มให้ใช้สีด า หรือสีคู่ตรงข้ามผสมก็จะได้สีเข้มตามต้องการ ๔. ถ้าสียังมีรอยต่อผสมไม่กลมกลืนกันดีให้ใช้พู่กันเปล่าๆ จุ่มน้ าแล้วเกลี่ยรอยต่อให้กลมกลืนกัน ๕. เมื่อใช้สีโปสเตอร์เสร็จแล้วควรท าความสะอาดบริเวณปากขวดและรอบขวดแล้วปิดฝาให้สนิท ๖. ถ้าขวดใดน้ าแห้งให้เติมน้ าลงไปเพื่อกันสีแห้ง
๓ สีฝุ่น มีลักษณะเป็นผง มีหลายสีด้วยกัน แบ่งขายเป็นกิโลกรัม หรือมากน้อยตามความต้องการของผู้ซื้อ ปัจจุบันนิยม ใช้สีฝุ่นในการวาดภาพขนาดใหญ่ การใช้และการเก็บรักษา ๑. ผสมสีฝุ่นกับน้ ากับกาวกระถินหรือกาวอื่นๆ เพื่อให้สีติดแน่นกับกระดาษหรือวัสดุที่ต้องการวาด ๒. เมื่อผสมสีเข้ากันดีแล้วสามารถน าไปใช้งานได้เลย ซึ่งจะระบายทับกันกี่ครั้งก็ได้ ๓. ถ้าต้องการสีหนัก หรือเบาก็ให้ใช้สีด า หรือสีขาวผสมลงไปเช่นเดียวกับสีโปสเตอร์ ๔. เมื่อใช้สีฝุ่นเสร็จแล้ว ควรเก็บใส่ภาชนะหลังใช้ทุกครั้งควรปิดฝาให้มิดชิด เพื่อไม่ให้สีถูกความชื้นจากอากาศ จะท าให้สีเกาะตัว กันเป็นก้อน
๔ สีเทียน มีลักษณะเป็นแท่ง เนื้อสีผสมน ้ำมันเหมือนเทียนไข มีหลำยสี บรรจุไว้เป็นกล่องๆ การใช้และการเก็บรักษา ๑. ให้จับสีเทียนเหมือนกับจับดินสอแรเงาโดยคว่ ามือให้สีเทียนอยู่ในอุ้งมือ แล้วใช้นิ้วชี้แตะด้านบนของแท่งสี เพื่อกดสีให้สัมผัส กระดาษหนัก-เบาตามต้องการจะวาด หรือระบายทับกันกี่ครั้งก็ได้ หรือถ้าจะหักออกมาแล้วระบายตามแนวนอนก็ได้ ๒. เมื่อใช้เสร็จแล้วน าสีเทียนแต่ละแท่งมาท าความสะอาดโดยเอาใบมีด หรือคัตเตอร์ขูดเอาสีอื่นออกแล้วใช้ทิชชูเช็ดอีกครั้ง ๓. เก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย
๖ ถ่านชาร์โคล เป็นถ่านสีด าแท่งกลม นิยมใช้วาดรูปบนกระดาษปรู๊ฟ ถ่านชาร์โคลมีลักษณะคล้ายกับไส้ดินสอด า แต่ไม่มีไม้ ห่อหุ้มภายนอก การใช้และการเก็บรักษา ๑. ใช้วาดรูป หรือระบายสี เวลาขีดเขียน หรือแรเงาต้องใช้นิ้วมือจับสัมผัสกับถ่านโดยตรง แล้วระบายลงน้ าหนักตามต้องการ ๒. สามารถสร้างน้ าหนักให้กลมกลืนโดยใช้นิ้วมือหรือส าลีถู ๓. หลังใช้งานเสร็จควรเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ระวังอย่าให้ถ่านแตกหัก
แนวทางพื นฐานในการวาดภาพระบายสี ที่มาภาพ : http://e-card.kapook.com/view/126121 http://artsforkids.blogspot.com/2009/02/blog-post_21.html https://www.breeze.co.th/ http://pichakornfaiikame.blogspot.com/2015_02_01_archive.html http://th.anawalls.com/.
องค์ประกอบในการวาดภาพ ๑ องค์ประกอบของภาพ การวาดภาพประกอบต้องใช้ส่วนประกอบที่เป็นทัศนธาตุหลายชนิดด้วยกัน คือ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง น้ าหนักอ่อน-แก่ พื้นที่ว่าง พื้นผิว และสี “วัฏจักรแห่งชีวิต” ภาพวาดสีน้ ามัน ผลงานของ พิชัย นิรันต์ แสดงให้เห็นถึงการจัดองค์ประกอบภาพทั้งสีและเส้นที่วางได้ อย่างลงตัว
๒ องค์ประกอบทางเนื อหา (Content) องค์ประกอบด้านนี้มีความส าคัญมากกว่าองค์ประกอบของภาพด้านรูปร่าง รูปทรง และขนาด เพราะเมื่อมนุษย์ ค้นพบศิลปะแต่ละอย่างก็จะท าให้ทราบเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ และเรื่องอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง กับมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ เสมอ “พระอรชุน ร ำเพลงกลม” ภาพวาดสีน้ ามัน ผลงานของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เป็นการถ่ายทอดภาพวาดจากวรรณคดี ไทย ที่ให้ทั้งความงามและองค์ประกอบทางด้านเนื้อหา
ขั นตอนในการวาดภาพ ๑ ขั นเตรียมการ - การเตรียมอุปกรณ์ ก่อนที่จะปฏิบัติการวาดภาพจะต้องเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือให้พร้อม ทั้งนี้เพื่อความสะดวกที่จะน าอุปกรณ์เหล่านั้นมาใช้ - การเตรียมความพร้อม ในการวาดภาพผู้วาดจะต้องวางกรอบแนวคิดไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะวาดภาพอะไร จากนั้นสร้างความรู้สึกให้เกิดความอยากวาดภาพ ท าจิตใจให้รู้สึกผ่อนคลาย จนเกิดสมาธิในการท างาน จึงจะท าให้ภาพที่วาดออกมานั้นมีความประณีตสวยงาม
๒ ขั นร่างภาพ เป็นการเริ่มต้นวาดโครงร่างของภาพทั้งหมด การร่างภาพต้องให้เหมาะสมกับหน้ากระดาษ โดยค านึงถึง โครงสร้างของรูปร่าง รูปทรง ขนาด และสัดส่วน ๓ ขั นลงน าหนัก - วาดเส้น หรือแรเงา การลงน้ าหนักเพื่อให้เกิดแสงเงา - ระบายสี เป็นกระบวนการสืบเนื่องจากการวาดภาพแรเงา โดยเปลี่ยนจากการใช้ดินสอระบายน้ าหนักลงบน รูปทรงที่วาดมาเป็นการใช้สีระบายแทน เพื่อให้ภาพนั้นดูเหมือนของจริง หรือให้ภาพนั้นมีสีต่างๆ ตามแบบที่ ร่างไว้ “ศำสตรำจำรย์คอร์รำโด เฟโรชี” ผลงานของ สมพงษ์ แสงครามรุ่งโรจน์ ศิลปินใช้สีไม้สเกตช์เป็นภาพ และแรเงา วางน้ าหนักอ่อน-แก่ สร้างเป็นผลงานทัศนศิลป์ ที่น่าชมขึ้นมา
ส่วนประกอบขององค์ประกอบศิลป์ที่ส าคัญ ซึ่งจะเป็นส่วนที่เราน ามาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานทุกรูปแบบได้ดี ให้น่าสนใจ และมีความสวยงาม ดังนี้ 1. จุด ( Point, Dot ) คือ ส่วนประกอบที่เล็กที่สุด เป็นส่วนเริ่มต้นไปสู่ส่วนอื่นๆ เช่น การน าจุดมาเรียงต่อกันตามต าแหน่งที่ เหมาะสม และซ้ าๆ กัน จะท าให้เรามองเห็นเป็น เส้น รูปร่าง รูปทรง ลักษณะผิว และการออกแบบที่น่าตื่นเต้นได้ จากจุด หนึ่ง ถึงจุดหนึ่งมีเส้นที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่เห็นได้ด้วยจินตนาการ เราเรียกว่า เส้นโครงสร้าง นอกจากจุดที่เราน ามาจัดวาง เพื่อการออกแบบ เราสามารถพบเห็นลักษณะการจัดวางจุดจากสิ่งเป็นธรรมชาติ ที่อยู่รอบๆ ตัวเราได้ เช่น ข้าวโพด รวงข้าว เมล็ดถั่ว ก้อนหิน เปลือกหอย ใบไม้ ลายของสัตว์นานาชนิด ได้แก่ เสือ ไก่ นก สุนัข งู ม้าลาย และแมว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ธรรมชาติได้ออกแบบไว้อย่างสวยงาม มีระเบียบ มีการซ้ ากันอย่าง มีจังหวะและมีอิทธิพลต่อความคิดของมนุษย์เราเป็นอย่าง มาก เช่น การออกแบบลูกคิด ลูกบิดประตู การร้อยลูกปัด สร้อยคอ และเครื่องประดับต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดมา จากจุดทั้งสิ้น
2. เส้น ( Line) เกิดจากจุดที่เรียงต่อกัน หรือเกิดจากการลากเส้นไปยังทิศทางต่างๆ มีหลายลักษณะ เช่น ตั้ง นอน เฉียง โค้ง ฯลฯ เส้น เกิดจากเคลื่อนที่ของจุด หรือถ้าน าจุดมาวางเรียงต่อๆ กันก็จะเกิดเป็นเส้นขึ้น เส้นมีมิติเดียว คือ ความยาว ไม่มี ความกว้าง ท าหน้าที่เป็นขอบเขตของที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง สี น้ าหนัก รวมทั้งเป็นแกนหลักโครงสร้างของรูปร่างรูปทรงต่างๆ เส้นเป็นพื้นฐานที่ส าคัญของงานศิลปะทุกชนิด เส้นสามารถให้ความหมาย แสดงความรู้สึกและอารมณ์ด้วย การสร้างเป็นรูปทรงต่างๆ ขึ้น เส้นมี 2 ลักษณะคือ เส้นตรง (Straight Line) และ เส้นโค้ง (Curve Line) เส้นทั้งสองชนิดนี้ เมื่อน ามาจัดวางในลักษณะต่างๆ กันและให้ความหมาย ความรู้สึก ที่แตกต่างกันออกไปด้วย ลักษณะของเส้น เส้นมีจุดเด่นที่น ามาใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ท าให้เกิดรูปร่างรูปทรงต่างๆ มากมาย เพื่อต้องการ สื่อให้เกิดความรู้สึกทางด้านอารมณ์ จากการสร้างสรรค์ของงาน 1. เส้นตั้ง หรือ เส้นดิ่ง ให้ความรู้สึกทางความสูง สง่า มั่นคง แข็งแรง หนักแน่นเป็นสัญลักษณ์ของ ความซื่อตรง 2. เส้นนอน ให้ความรู้สึกทางความกว้าง สงบ ราบเรียบ นิ่ง ผ่อนคลาย 3. เส้นเฉียง หรือ เส้นทะแยงมุม ให้ความรู้สึก เคลื่อนไหว รวดเร็ว ไม่มั่นคง 4. เส้นหยัก หรือ เส้นซิกแซก แบบฟันปลา ให้ความรู้สึก คลื่อนไหว อย่างเป็นจังหวะมีระเบียบ ไม่ ราบเรียบ น่ากลัว อันตราย ขัดแย้ง ความรุนแรง 5. เส้นโค้ง แบบคลื่น ให้ความรู้สึก เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ลื่นไหล ต่อเนื่อง สุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล 6. เส้นโค้งแบบก้นหอย ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว คลี่คลาย หรือเติบโตในทิศทางที่หมุนวน ถ้ามองเข้าไป จะเห็นพลังความเคลื่อนไหวที่ไม่สิ้นสุด 7. เส้นโค้งวงแคบ ให้ความรู้สึกถึงพลังความเคลื่อนไหวที่รุนแรง การเปลี่ยนทิศทางที่รวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง 8. เส้นประ ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่อเนื่อง ขาด หาย ไม่ชัดเจน ท าให้เกิดความเครียด
3. รูปร่างและรูปทรง ( Shape and Form) รูปร่าง คือ พื้นที่ๆ ล้อมรอบด้วยเส้นที่แสดงความกว้าง และความยาว รูปร่างจึงมีสองมิติรูปทรง คือ ภาพสามมิติที่ต่อเนื่อง จากรูปร่าง โดยมีความหนา หรือความลึก ท าให้ภาพที่เห็นมี ความชัดเจน และสมบูรณ์ รูปร่างและรูปทรงแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะใหญ่ คือ รูปเรขาคณิต (Geometric Form) มีรูปร่างรูปทรงที่แน่นอน มาตรฐาน สามารถวัดหรือค านวณได มีกฎเกณฑ์ เช่น รูป สี่เหลี่ยม รูปวงกลม รูปวงรี ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม พีระมิด เป็นต้น รูปเรขาคณิตเป็นโครงสร้างพื้นฐานของรูปทรงต่างๆ ดังนั้น การ สร้างสรรค์รูปอื่นๆ ควรศึกษารูปเรขาคณิตให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน รูปทรงธรรมชาติ (Nature Form)เป็นการเลียนแบบธรรมชาติ น ารูปทรงที่มีอยู่ตามธรรมชาติรอบตัวเรา เช่น ดอกไม้, ใบไม้, สัตว์ต่างๆ , สัตวน า้, แมลง, มนุษย์ เป็นต้น มาใช้เป็นแม่แบบในการออกแบบและสร้างสรรค์ โดยยังคงให้ความรู้สึกและรูปทรงที่เป็น ธรรมชาติอยู่ส่วนผลงานบางชิ้น ที่ล้อเลียนธรรมชาติ โดยใช้รูปทรงเช่น ตุ๊กตาหมี, การ์ตูน, อวัยวะของร่างกายเรา เป็นต้น ยังคงเป็นรูปทรง ตามธรรมชาติ ให้เห็นอยู่ บางครั้งได้มีการน าวัสดุที่มีอยู่ ตามธรรมชาติ เช่น เปลือกหอย, กิ่งไม้, ขนนก ฯลฯ น ามาออกแบบ ดัดแปลง สร้างสรรค์ผลงาน รูปทรงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก รูปทรงอิสระ (Free Form) เป็นรูปแบบโครงสร้างที่ไม่แน่นอน ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว เลื่อนไหล ให้ความอิสระ และได้ อารมณ์ ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี รูปอิสระอาจเกิดจากรูปเรขาคณิตหรือรูปธรรมชาติ ที่ถูกกระท าจนมีรูปลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิมจน ไม่เหลือสภาพเดิ
อ้างอิง