หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
การประดิษฐ์
ของใช้ ของตกแต่ง
จากวสั ดใุ นโรงเรียน
หรอื ทอ้ งถิ่น
สาระการเรยี นรู้
งานประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นโรงเรียน
งานประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นทอ้ งถิ่น
งานประดษิ ฐท์ ่แี สดงเอกลกั ษณภ์ มู ปิ ัญญา
งานประดิษฐ์ของใช้
ของตกแต่งจากวัสดุ
ในโรงเรยี น
ถุงพลาสตกิ ผ้าขนหนู
หลอด
ขวดน้า วสั ดุเหลือใช้ทห่ี าได้ใน ผ้าเช็ดหน้า
กล่องนม บริเวณโรงเรียน ไม้ไอศกรีม
กระดาษ
ดอกไมจ้ ากหลอดพลาสติก
วสั ด ุอปุ กรณ์ ๖. ลูกปัด
๗. เม็ดโฟม
๑. หลอดดูดนา้ สีต่าง ๆ ๘. ปื นกาว
๒. เกสรมุกขนาดกลาง ๙. กรรไกร
๓. ด้ายเยบ็ ผ้า
๔. ใบไม้สาเร็จ
๕. ฟลอราเทป
ดอกไมจ้ ากหลอดพลาสติก ๒. ขลิบปลำยหลอดขำ้ งหน่ึงให้
ปลำยแหลม แลว้ พบั ทบคร่ึง
ขน้ั ตอนการทา ของปลำยแหลมกจ็ ะช้ีข้ึน
๑. ตดั หลอดดูดน้ำยำวประมำณ
๒.๕ นิ้ว ผำ้ หลอดตำมยำว
เป็น ๒ ส่วน
ดอกไมจ้ ากหลอดพลาสติก ๔. จดั ช่อดอกไม้ใส่แจกนั หรือ
ตะกร้าให้สวยงาม
ขน้ั ตอนการทา
๓. มัดเกสรมุกติดกบั ก้านลวด มัดกลบี
ดอกตดิ กบั เกสร ๒ กลบี พนั ก้าน
ด้วยฟลอราเทปเข้าสับหว่างเป็ นช่อ
ตกแต่งด้วยใบไม้สาเร็จรูป
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
วสั ด ุอปุ กรณ์ ๕. กระดาษโปสเตอร์สีเขยี ว ๑ แผ่น
๖. ลวดพนั ก้านสีเขยี ว
๑. กระดาษโฆษณาสินค้า ๗. กระดาษแขง็ หรือกระดาษลงั
๒. ด้าย ๑ หลอด ๘. กระดาษสา ๑ แผ่น
๓. กรรไกร
๔. กาวลาเท็กซ์
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ ๒. ใชก้ ระดำษสำปิ ดทบั กระดำษลงั
แลว้ ทำกำวลำเทก็ ซ์ดำ้ นหลงั
ขนั้ ตอนการทา กระดำษลงั พกั ทิ้งไว้
๑. ตดั กระดำษแขง็ หรือกระดำษลงั
ขนำด ๗ × ๑๒ นิ้ว หรือขนำด
ตำมตอ้ งกำร
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
ขน้ั ตอนการทา
๓. นำกระดำษโฆษณำมำตดั เป็นรูป
ขนำดกวำ้ ง ๑.๕ × ๑.๕ นิ้ว จำนวน
๔ แผน่ (ไดด้ อกขนำดกลำง ๑ ดอก)
ถำ้ ตอ้ งกำรดอกใหญ่เพ่มิ ขนำดเป็น
๒ × ๒ นิ้ว และถำ้ ตอ้ งกำรขนำด
เลก็ ลง ลดขนำดเหลือ กวำ้ ง ๑ × ๑
นิ้ว จำนวนกลีบเท่ำกนั
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
ขนั้ ตอนการทา ๕. นำกระดำษที่พบั ไวจ้ ำนวน ๔ ชิ้น
มำวำงเรียงซอ้ นกนั แลว้ พบั ใหเ้ ป็น
๔. นำกระดำษท่ีตดั แลว้ มำพบั แนว รอยก่ึงกลำง นำดำ้ ยมำผกู มดั รวม
ทแยง (แบบพบั พดั ) ใหม้ ีกลีบ ไวใ้ หแ้ น่น
เลก็ ๆ พบั ทุกชิ้นที่ตดั เตรียมไว้
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
ขน้ั ตอนการทา ๗. นำกระดำษสีมำตดั เป็นวงกลม ปิ ด
ดว้ ยกำวตรงรอยผกู มดั ของดำ้ ย
๖. คล่ีกลีบออกจะไดด้ อกไม้ ๘ กลีบ เป็ นเกสรตรงกลำงทำทุกชิ้นของ
กระดำษที่เตรียมไว้
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
ขนั้ ตอนการทา ๙. พบั ทบั ไปมำในแนวเฉลียงของใบ
แลว้ คล่ีออกจะไดใ้ บไมม้ ีแนว
๘. นำกระดำษโปสเตอร์สีเขียวตดั เฉลียง ดูเหมือนเป็นกำ้ นใบ
เป็นรูปใบไมแ้ ลว้ พบั ก่ึงกลำงใบ
ตำมยำว
ดอกไมจ้ ากเศษกระดาษ
ขน้ั ตอนการทา
๑๐. นำลวดพนั กำ้ นเขียวดดั โคง้ วำง
ออกแบบเป็นกำ้ นดอก กำ้ นใบ ติด
ดว้ ยกำวบนกระดำษสำท่ีเตรียมไว้
แลว้ นำดอกไมใ้ บไมท้ ี่เตรียมไวต้ ิด
ดว้ ยกำวตรงกำ้ นใบและดอกจะได้
ภำพไวใ้ ชต้ กแต่งเป็นกรอบรูปติด
ผนงั ได้
ของใชจ้ ากขวดน้าพลาสติก
วสั ด ุอปุ กรณ์ ๔. คตั เตอร์
๕. ปื นกาว
๑. ขวดนา้ ด่ืม
๒. ขวดนา้ ผลไม้เหลยี่ ม ๑ ขวด
๓. กระดุมพลาสตกิ รูปผกั ผลไม้
ของใชจ้ ากขวดน้าพลาสติก
ขน้ั ตอนการทา ๒. ตดั ขวดน้ำด่ืมท้งั ๓ ขวด ใชเ้ ฉพำะ
ส่วนกน้
๑. เจำะขวดเหล่ียม ๑ ดำ้ น ดำ้ นขำ้ ง
๒ ขำ้ ง ตกแต่งกระดุมพลำสติกรูป
ผกั ผลไมใ้ หส้ วยงำม
ของใชจ้ ากขวดน้าพลาสติก
ขน้ั ตอนการทา
๓. วำงขวดขอ้ ๒ ท้งั ๓ ใบ ลงในฐำนขอ้ ๑ ใชใ้ ส่เคร่ืองเขียน เช่น ปำกกำ
ดินสอ กไ็ ด้
ดอกกหุ ลาบถงุ พลาสติก
วสั ด ุอปุ กรณ์ ๔. ฟลอราเทป กาวลาเทก็ ซ์
๑. ถุงพลาสตกิ เนื้อหนาสีต่าง ๆ ๕. ไม้เสียบลูกชิ้น
๒. ก้านกหุ ลาบสาเร็จ ๖. กรรไกร
๓. ใบกหุ ลาบกามะหยส่ี าเร็จ
ดอกกหุ ลาบถงุ พลาสติก
ขนั้ ตอนการทา
๑. พบั ถงุ พลำสติก ๒ ทบ วำงแบบตดั ใหโ้ คนกลีบอยทู่ ี่สนั ทบ
ดอกกหุ ลาบถงุ พลาสติก
ขนั้ ตอนการทา
๒. ยน่ ปลำยกลีบ โดยวำงไมเ้ สียบลูกชิ้นมว้ นปลำยกลีบและรูดยน่ เขำ้ หำกนั
โดยทำท้งั ๒ ขำ้ ง
ดอกกหุ ลาบถงุ พลาสติก ๔. เขำ้ กลีบแบบท่ี ๒ ทีละกลีบ วนจน
หมด ๔ กลีบ แลว้ มดั ดว้ ยใหแ้ น่น
ขน้ั ตอนการทา
๓. ตดั ถุงพลำสติกเป็นสี่เหล่ียม
ผนื ผำ้ (๒.๕×๕ นิ้ว) มว้ นกบั
กำ้ นดอกพนั ใหแ้ น่น
วนจนครบ
๔ กลีบ
ดอกกหุ ลาบถงุ พลาสติก
ขนั้ ตอนการทา
๕. เขำ้ กลีบแบบท่ี ๓ (กลีบมว้ นเขำ้ ) ประกอบสบั หวำ่ งกบั ช้นั แรก ๔ กลีบ
พนั ดำ้ ยใหแ้ น่นเขำ้ กลีบแบบท่ี ๓ (กลีบมว้ นออก) โดยวำงสับหวำ่ งกบั
ช้นั ที่ ๒
งานประดิษฐ์ของใช้
ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถ่ิน
๑. เมลด็ ธญั พืชต่างๆ
การนามาใช้
ก่อนนำมำใชต้ อ้ งฝัดเอำฝ่ นุ ออก
บำงชนิดตอ้ งลำ้ งแลว้ ตำกใหแ้ หง้
วธิ ีใช้
ส่วนใหญ่ใชเ้ ป็นวสั ดุตกแต่ง โดย
นำมำปะ ติด ประดบั ลงวสั ดุโครงสร้ำง
ช่วยใหเ้ กิดผวิ สมั ผสั ท่ีแตกต่ำงจนเกิด
ควำมสวยงำมและเป็ นท่ีนิยม
๑. เมลด็ ธญั พืชต่างๆ
เมลด็ ธัญพืช เป็นวสั ดุทอ้ งถ่ิน
ที่หำง่ำย รำคำถูก มีทุกฤดูกำล ทุก
ภูมิภำค ดงั น้นั จึงควรใชก้ ำรออกแบบ
ใ ห้ผลิ ต ภัณ ฑ์มี รู ป แ บ บ ส ว ยง ำ ม
แปลกตำ เพิ่มกำรดูแลรักษำใหช้ ิ้นงำน
คงทนและรำคำย่อมเยำ จึงจะเป็ นที่
ตอ้ งกำรของตลำด
๒. ไมไ้ ผ่
ไม้ไผ่ มีกำรนำมำประดิษฐเ์ ป็นชิ้นงำน
เพ่ือจำหน่ำย นิยมใช้ไม้ไผ่สี สุ ก ได้แก่
เฟอร์นิเจอร์ไมไ้ ผ่ เช่น โต๊ะ เก้ำอ้ี ศำลำพกั
ร้อน เป็ นกำรใช้ลำตน้ ของไผ่มำประกอบ
เป็ นชิ้นงำน ส่วนกำรนำไผ่มำจักเป็ นตอก
แลว้ นำมำสำนเป็นของใชต้ ่ำง ๆ เช่น กระบุง
ตะกร้ำ นอกจำกน้นั ยงั มีกำรนำตอไผ่มำแกะ
เป็ นหน้ำคนหรื อรูปภำพสวยงำม ใช้เป็ น
โคมไฟ และแจกนั ดอกไม้
๓. ปอสา
ปอสา เป็ นพืชทอ้ งถิ่นที่มีมำกทำง
ภำคเหนือ นำมำใชใ้ นกำรผลิตกระดำษสำ
ปัจจุบนั งำนประดิษฐ์จำกกระดำษสำมีท้งั
ของชำร่วย เช่น ดอกไมก้ ระดำษสำ ตุ๊กตำ
กระดำษสำ และยงั นำมำทำบรรจุภัณฑ์
ไดแ้ ก่ ถุง กล่อง กระดำษห่อของขวญั ได้
อยำ่ งสวยงำมและหลำกหลำยรูปแบบ
ส่วนใหญ่วสั ดุโครงสร้ำงจะใชไ้ ม้
๔. กก
กก เป็ นพืชที่มีข้ึนอยู่ท่ัวไป แต่ท่ี
รู้จักและเป็ นท่ีนิยมนำมำใช้เป็ นวัสดุ
สำหรับผลิตของใช้ต่ำง ๆ เป็ นกกลงั กำ
ปลูกกันมำกท่ีจังหวดั จันทบุรี นำมำจัก
เป็ นเส้นเล็ก ๆ ยอ้ มสี ตำกแห้ง นำมำสำน
เป็ นแผ่น ตัดเย็บเป็ นผลิตภัณฑ์ต่ำง ๆ
ได้แก่ กระเป๋ ำ กล่อง แผ่นรองแก้ว
กระติบขำ้ ว หมวก และเป็ นท่ีรู้จกั กนั มำ
อยำ่ งยำวนำน ไดแ้ ก่เสื่อจนั ทบูร
๕. เชือกปอหรอื เชือกกระสอบ
เ ชื อ ก ป อ ห รื อ เ ชื อ ก ก ร ะ ส อ บ
เป็ นเชือกท่ีฟ่ันจำกใยปอกระเจำ เดิมใช้
ทอกรสอบบรรจุพืชผลทำงกำรเกษตร
เส้นเชือกหยำบและเป็ นขน ปัจจุบนั นำมำ
ฟ่ั นใ ห้แน่ น ย้อมสี ต่ ำง ๆ นำม ำใ ช้
ประโยชน์ เช่น ผูกตกแต่งชิ้นงำนต่ำง ๆ
ถกั เป็ นหูรองเท้ำ ถักกระเป๋ ำ ถกั เป็ นตัว
สัตว์ ไม่นิยมใช้ตกแต่งเส้ือผำ้ เน่ืองจำก
หยำบและระคำยผวิ
๖. รงั บวบ
รังบวบ เป็นเส้นใยภำยในผลบวบ
แก่จดั ผ่ึงแดดจนแห้ง เอำเปลือกออกจะเหลือ
เส้นใยภำยในสีขำวนวล สำมำรถนำมำประดิษฐ์
ชิ้นงำนต่ำง ๆ ได้ ท้ังใช้เป็ นโครงสร้ำงและ
ตกแต่ง เช่น ทำหูและพ้ืนรองเท้ำ ซองเก็บ
จดหมำย ปัจจุบนั นิยมผสมในสบู่ถูตวั
กำรดูแลและกำรเก็บรักษำ ควรผ่ึงแดด
ให้แห้งสนิทหลังกำรใช้งำน เพื่อป้องกัน
กำรเกิดเช้ือรำ และไม่ควรใชห้ ำกพบเช้ือรำ
๗. กะลามะพรา้ ว
กะลามะพร้าว จดั เป็นเศษวสั ดุท่ีมีอยู่
ทว่ั ไป เพรำะเหลือจำกกำรบริโภคในครัวเรือน
แต่เดิมนิยมนำมำใชเ้ ป็นเช้ือเพลิงในครัวเรือน
ปัจจุบนั มีกำรพฒั นำโดยนำมำเผำและอดั เป็น
แท่งถ่ำน ซ่ึงใหค้ วำมร้อนสูง ไม่เป็นพิษต่อ
ส่ิงแวดลอ้ ม และไดใ้ ชท้ รัพยำกรธรรมชำติ
อยำ่ งคุม้ ค่ำ นอกจำกน้นั ยงั สำมำรถนำกะลำ
มะพร้ำวมำประดิษฐเ์ ป็นโคมไฟ ภำชนะ
สำหรับตกั น้ำและอำหำร ตุก๊ ตำสตั วต์ ่ำง ๆ
เคร่ืองประดบั
๘. รงั ไหม
รังไหม เป็นวสั ดุเหลือใชจ้ ำก
กำรเล้ียงไหมเพอื่ นำใยมำทอเป็นผนื ผำ้
ไหม มีมำกในภำคอีสำน รังไหมท่ีถูกสำว
เอำใยไปใชแ้ ลว้ สำมำรถนำมำใชใ้ นงำน
ประดิษฐไ์ ดโ้ ดยใชท้ ้งั รังนำมำตกแต่งเป็น
นก ตวั สตั ว์ หรือผำ่ ตดั เป็นแผน่ ใย
ประดิษฐก์ ลีบดอกไม้ รองเทำ้ พวงกุญแจ
เลก็ ๆ
๙. เกล็ดปลา
เกล็ดปลา เป็ นวสั ดุที่เหลือจำกกำรบริโภค
เกลด็ ปลำทุกชนิดสำมำรถนำมำประดิษฐช์ ิ้นงำน
ต่ำง ๆ ไดต้ ำมตอ้ งกำรท้งั เกลด็ เลก็ และใหญ่ สำมำรถ
ตดั และดดั ใหม้ ีลกั ษณะตำมตอ้ งกำร
วธิ ีเตรียมเกลด็ ปลำมีดงั น้ี
๑. นำเกลด็ ปลำแช่น้ำอยำ่ งนอ้ ยคร่ึงวนั
๒. ลำ้ งน้ำออก แช่ในน้ำเกลือป่ น ๑๐๐ กรัม ต่อ
เกลด็ ปลำ ๕ กก. แช่ทิ้งไว้ ๑ คืน
๓. เคลำ้ เกลด็ ปลำใหส้ ิ่งสกปรกหลุดออก
๔. ลำ้ งเกลด็ ปลำดว้ ยน้ำยำลำ้ งจำน แลว้ น้ำเปล่ำ
ผ่งึ ลมใหแ้ หง้
งานประดิษฐ์ท่ีแสดง
เอกลักษณ์ภมู ปิั ญญาไทย
การเลือกใบตอง การเลือกใบตอง
ใบตองแต่ละชนิดมีคุณสมบตั ิไม่ เมื่อซ้ือหรือตดั ใบตองจำกแหล่ง
เหมือนกนั ใบตองท่ีนิยมนำมำทำ ต่ำง ๆ ตอ้ งเชด็ ทำควำมสะอำด และผ่งึ
กระทง คือ ใบตองกลว้ ยน้ำวำ้ และ ลมใหแ้ หง้ ทำใหใ้ บตองไม่ฉีกขำดง่ำย
ใบตองตำนี เพรำะเป็นใบตองท่ีมี จำกน้นั ฉีกใบตองเป็นแผน่ ตำมขนำด
ควำมเหนียว ไม่กรอบเปรำะฉีกขำด ที่ตอ้ งกำร และตดั หรือเจียนใหส้ วยงำม
ง่ำย มีควำมหนำพอเหมำะ ตำมรูปแบบของกระทงชนิดต่ำง ๆ
ถำ้ เป็นใบตองชนิดอำจ
ส่งผลทำใหก้ ระทงที่
มีรอยรั่ว ฉีก ขำด
วสั ด ุอปุ กรณ์
๑. ใบตอง
๒. ผ้าสะอาด (สาหรับเช็ดทาความสะอาดใบตอง)
๓. มีด (สาหรับกรีดใบตอง)
๔. ไม้กลดั
๕. กรรไกร
ขนั้ ตอนการทา
๑. ฉีกใบตองใหไ้ ดข้ นำดกวำ้ ง ๘ ซม. จำนวน ๒ แผน่ พร้อมเชด็ ทำควำม
สะอำดใหเ้ รียบร้อย (กระทง ๑ ใบ ประกอบดว้ ยใบตอง ๒ แผน่ )
ขน้ั ตอนการทา ๓. แบ่งควำมยำวของใบตองออกเป็น
๔ ส่วน (อำจใชก้ ำรประมำณดว้ ย
๒. ตดั หรือเจียนใบตองใหเ้ ป็น สำยตำ
สี่เหลี่ยมผนื ผำ้ ๘× ๑๒ ซม.
(ขนำดตำมตอ้ งกำร) ประกบแผน่
ใบตอง
ขนั้ ตอนการทา
๔. จบั ใบตองดำ้ นใดดำ้ นหน่ึง
แลว้ พบั และกลดั ดว้ ยไมก้ ลดั
๕. จบั มุมฝั่งขำ้ ม แลว้ กลดั ดว้ ยไม้
กลดั ใหเ้ รียบร้อย
ขนั้ ตอนการทา
๖. ไดก้ ระทงสองมุมไวใ้ ส่อำหำรตำมตอ้ งกำร
วสั ด ุอปุ กรณ์
๑. ใบตอง
๒. ผ้าสะอาด (สาหรับเช็ดทาความสะอาดใบตอง)
๓. มีด (สาหรับกรีดใบตอง)
๔. ไม้กลดั
๕. กรรไกร
ขนั้ ตอนการทา
๑. ฉีกใบตองใหไ้ ดข้ นำดกวำ้ ง ๘ ซม. จำนวน ๒ แผน่ พร้อมเชด็ ทำควำม
สะอำดใหเ้ รียบร้อย (กระทง ๑ ใบ ประกอบดว้ ยใบตอง ๒ แผน่ )
ขนั้ ตอนการทา
๒. ตดั หรือเจียนใบตองใหเ้ ป็นแผน่ กลมเส้นผำ่ นศูนยก์ ลำง ๑๐ ซม. โดยนำ
ถว้ ยที่มีขนำดตำมตอ้ งกำรวำงบริเวณส่วนปลำยใบตอง แลว้ ใชม้ ีดกรีดตำม
ขอบถว้ ย
ขน้ั ตอนการทา
๓. ประกบแผน่ ใบตองใหส้ ลบั ทำง
๔. พบั แผน่ ใบตองเป็น ๓ ส่วน
ขนั้ ตอนการทา ๖. กลดั ดว้ ยไมก้ ลดั ใหเ้ รียบร้อย
เริ่มจำกมุมแรก และจบั มุมที่เหลือ
๕. แบ่งควำมยำวของใบตอง อีก ๒ มุมใหไ้ ดส้ ดั ส่วนเท่ำ ๆ กนั
ออกเป็น ๓ ส่วน แลว้ จบั มุม
วสั ด ุอปุ กรณ์ ๕. กรรไกร
๖. เขม็
๑. ใบตอง ๗. ด้ายสีเขยี ว
๒. ผ้าสะอาด (สาหรับเช็ดทา
ความสะอาดใบตอง)
๓. มีด (สาหรับกรีดใบตอง)
๔. ไม้กลดั
ขนั้ ตอนการทา
๑. ฉีกใบตองใหไ้ ดข้ นำดกวำ้ ง ๑๒ ซม. จำนวน ๒ แผน่ พร้อมเช็ดทำควำม
สะอำดใหเ้ รียบร้อย (กระทง ๑ ใบ ประกอบดว้ ยใบตอง ๒ แผน่ )
ขนั้ ตอนการทา
๒. ตดั หรือเจียนใบตองใหเ้ ป็นแผน่ กลมเส้นผำ่ นศูนยก์ ลำง ๑๐ ซม. โดยนำ
ถว้ ยที่มีขนำดตำมตอ้ งกำรวำงบริเวณส่วนปลำยใบตอง แลว้ ใชม้ ีดกรีดตำม
ขอบถว้ ย
ขน้ั ตอนการทา
๓. ประกบแผน่ ใบตองใหส้ ลบั ทำง
๔. พบั แผน่ ใบตองเป็น ๙ ส่วน