การดแู ลรักษา
เส้ือผา้
การดูแลเสื้อผ้า ประเภทของ การลบ การซักผ้า การตากผ้า การรีดผ้า การพบั ผ้า การจดั เกบ็
ในชีวติ เสื้อผ้า รอยเปื้ อน เสื้อผ้า
ประจาวนั
การดูแลเสื้อผ้า
ในชีวติ ประจาวนั
๑. ลาดบั ข้นั ตอนในการดูแลเสื้อผ้า
๒. ประโยชน์ของการดูแลเสื้อผ้าใน
ชีวติ ประจาวนั
ลาดบั ข้ันตอนในการดูแลเสื้อผ้า
ข้ันที่ ๒ รวบรวมเส้ือผา้ ที่จะซกั สารวจสิ่งของท่ีตกคา้ งตามกระเป๋ า แยกผา้ สี
และผา้ ขาวออกจากกนั เส้ือผา้ ท่ีสีตก สกปรกมาก หรือผา้ ท่ีตอ้ งดูแลเป็นพเิ ศษ
ควรแยกออกไวซ้ กั ต่างหาก
ลาดบั ข้ันตอนในการดูแลเสื้อผ้า
ข้ันที่ ๔ ซ่อมแซมเส้ือผา้ ที่ชารุด ชายกระโปรงหลุด ถา้ เส้ือผา้ ชารุดมากใหแ้ ยก
ออกไวซ้ ่อมแซมแลว้ จึงนาไปซกั ภายหลงั
ลาดบั ข้ันตอนในการดูแลเสื้อผ้า
ข้ันที่ ๗ เม่ือเส้ือผา้ แหง้ ควรจดั เกบ็ เส้ือผา้ ใหเ้ รียบร้อย เส้ือผา้ ท่ีไม่ตอ้ งรีดให้
นาไปพบั เกบ็ ใหเ้ รียบร้อย ส่วนเส้ือผา้ ที่ตอ้ งรีดใหใ้ ส่ไมแ้ ขวนไวร้ อรีดไม่ควร
พบั เส้ือผา้ หรือใส่ตะกร้าใหเ้ ส้ือผา้ ทบั ซอ้ นกนั เพราะจะทาใหร้ ัดเรียบไดย้ าก
ลาดบั ข้นั ตอนในการดูแลเสื้อผ้า
ข้ันที่ ๙ จดั เกบ็ เส้ือผา้ เขา้ ท่ีใหเ้ รียบร้อย เพอื่ ความเป็นระเบียบป้องกนั ฝ่ นุ
ละอองและป้องกนั แมลงที่อาจมากดั แทะเส้ือผา้ ใหช้ ารุดเสียหาย
ประโยชน์ของการดูแลเสื้อผ้าในชีวติ ประจาวนั ๑. ทาใหเ้ ส้ือผา้ สะอาดเรียบร้อย
๕. ช่วยรักษาสิ่งแวดลอ้ มหรือลดภาวะ ๒. ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพท่ีดี
โลกร้อน เนื่องจากการใชเ้ ส้ือผา้ อยา่ ง ใหแ้ ก่ผสู้ วมใส่
คุม้ ค่าช่วยลดการซ้ือเส้ือผา้ ใหม่หรือ
ลดการใชท้ รัพยากรและพลงั งานใน ๓. เน้ือผา้ ไม่สกปรก ไม่หมอง
การผลิตเส้ือผา้ ไม่เก่าง่าย
๔. เน้ือผา้ ที่ไดร้ ับการดูแลอยา่ งถูกวีิ ี
จะไม่เปื่ อยง่าย ทาใหเ้ ส้ือผา้ มีอายุ
การใชง้ านนานข้ึน
ประเภทของเสื้อผ้า
๑. ประเภทของเสื้อผ้า
๒. หลกั การดูแลเสื้อผ้า
๑. เสื้อผ้าจาก ผ้าฝ้าย (Cotton)
เส้ นใย
ธรรมชาติ คุณสมบัติ
เงามนั นอ้ ย ยดื หยนุ่ ต่า ดูดซบั ความช้ืน
และระบายความร้อนไดด้ ี ไม่เกิดไฟฟ้า
สถิต ไม่เป็นขยุ ทนความร้อนสูง ทนต่อ
การขดั ถู ทนด่าง
การนาไปใช้ประโยชน์
ตดั เยบ็ เส้ือผา้ สวมใส่ในฤดูร้อน ทา
ผา้ เชด็ ตวั ผา้ ปูท่ีนอน ปลอกหมอน เส้ือผา้
เดก็ ออ่ น ผา้ ออ้ ม
ข้อเสีย
ไม่ทนต่อกรด ยบั ง่าย ติดไฟเร็ว
ผ้าลนิ ิน (Linen) ผ้าไหม (Silk)
คุณสมบตั ิ คุณสมบัติ
เงามนั กวา่ ผา้ ฝ้าย สวยงาม ดูดซบั เงามนั สวยงาม ผา้ ทิ้งตวั ดี ดูดซบั
ความช้ืนไดด้ ีกวา่ ผา้ ฝ้าย แหง้ เร็ว ทน ความช้ืนไดด้ ี สภาพอากาศร้อนสวมใส่
ความร้อนและแสงแดดไดด้ ี ตา้ นทาน แลว้ จะรู้สึกเยน็ สบาย และอบอุ่นเมื่อ
เช้ือราและแบคทีเรียไดด้ ีกวา่ ผา้ ฝ้าย สวมใส่ในฤดูหนาว ไม่ค่อยเกิดไฟฟ้า
ไม่มีปัญหาไฟฟ้าสถิต สถิต ทนร้อนไดป้ านกลาง
การนาไปใช้ประโยชน์ การนาไปใช้ประโยชน์
ตดั เยบ็ เส้ือผา้ สวมใส่ในฤดูร้อน ทา ตดั เยบ็ เส้ือผา้ สวมใส่ในฤดูร้อน ทา
ผา้ ลูกไม้ ผา้ เชด็ หนา้ ผา้ ปูโต๊ะ ผา้ ลูกไม้ ผา้ เชด็ หนา้ ผา้ ปูโต๊ะ
ข้อเสีย
ข้อเสีย
ไม่ทนทานต่อการขดั ถู เน้ือผา้ แขง็ ไม่ทนทานต่อการขดั ถู เน้ือผา้ แขง็
ยบั ง่าย ไม่ทนสารฟอกขาว
ยบั ง่าย ไม่ทนสารฟอกขาว
ผ้าพอลเิ อสเตอร์ ผ้าสแปนเด็กซ์
(Polyester) (Spandex)
หรือ ไลครา (Lycra)
คุณสมบตั ิ
เสน้ ใยนุ่ม ดูดซบั ความช้ืนไดน้ อ้ ย คุณสมบัติ
ความเหนียวต่าแต่สามารถยดื หดตวั
น้าหนกั เบา ไม่ยบั ง่าย ไม่หดตวั รีดจีบ
จีบถาวร ไม่ยว้ ย แหง้ ไว ซกั ง่าย ดแู ล ไดส้ ูง ดูดซบั ความช้ืนไดต้ ่า ไม่ยบั ง่าย
ง่าย โคง้ งอไดด้ ี ความร้อนจะทาใหค้ วาม
ยดื หยนุ่ ลดลง
การนาไปใช้ประโยชน์
ใชเ้ ลียนแบบและผสมกบั เส้นใยอื่น การนาไปใช้ประโยชน์
ใชท้ าเส้ือช้นั ในสตรี ยางยดื และผา้
ไดด้ ี นิยมใชใ้ นวงการอุตสาหกรรม
เส้ือผา้ ท่ีใชท้ างการแพทย์
๒. เสื้อผ้าจาก ผ้าไนลอน (Nylon)
เส้ นใย
สังเคราะห์ คุณสมบตั ิ
มีความเหนียว แขง็ แรงทนทานมาก
ยดื หยนุ่ ดี
การนาไปใช้ประโยชน์
ใชท้ าถุงน่องสตรีและเส้ือผา้ ตา่ ง
๓. เสื้อผ้าจาก ผ้าเรยอน (Rayon)
เส้ นใย
กง่ึ สังเคราะห์ คุณสมบัติ
เน้ือนุ่ม สวยงาม มีความมนั เงาคลา้ ย
ไหม ดูดซบั น้าไดด้ ี
การนาไปใช้ประโยชน์
ใชท้ าผา้ ไหมเทียม
ข้อเสีย
ยบั ง่าย คลายยบั ยาก รีดเรียบทิ้งไวจ้ ะลู่
ลง เปื่ อยง่าย
หลกั การดูแลเสื้อผ้า ๑. ขณะสวมใส่เส้ือผา้ ตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ ปรอะเป้ื อน และ
ถูกของแหลมคมเกี่ยวขาด
ตัวอย่างสัญลกั ษณ์ในการดูแลเสื้อผ้า
๒. ไม่ควรใส่ของหนกั หรือของมีคมในกระเป๋ าเส้ือผา้
เพราะจะทาใหก้ ระเป๋ าขาดได้
๓. เส้ือผา้ เมื่อถอดแลว้ จะสวมใส่อีกควรแขวนดว้ ยไมแ้ ขวน
และเกบ็ ไวใ้ นที่อากาศถ่ายเทไดด้ ี
๔. สารวจสญั ลกั ษณ์บนป้ายผา้ ท่ีติดมากบั เส้ือผา้ และดูแล
รักษาใหถ้ ูกวีิ ี
การลบรอยเปื้ อน
การลบรอยเปื้ อน หมายถึง การขจดั รอยเป้ื อนต่าง
ท่ีเกิดข้ึนเฉพาะที่บนเส้ือผา้ ออกจากเสน้ ใยของเส้ือผา้
ก่อนนาไปซกั โดยใชส้ ารต่าง ที่ไม่ทาลายเน้ือผา้
เพอื่ ใหเ้ น้ือผา้ กลบั มามีสภาพคลา้ ยแบบเดิมมากที่สุด
การลบรอยเปื้ อน วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
ทิ้งรอยเป้ื อนกาวใหแ้ หง้ ลอกกาวบางส่วนออก แช่รอยเป้ื อนในน้าเยน็
กาว (Glue) ประมาณคร่ึงชวั่ โมง แลว้ นาไปซกั ดว้ ยน้าสบู่อ่อน
ไข่ (Egg) วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
แช่รอยเป้ื อนในน้าเยน็ ซกั น้าเปล่าหลาย คร้ังแลว้ ซกั ดว้ ยน้าผสม
ผงซกั ฟอก
การลบรอยเปื้ อน วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
โคลน (Mud) ทิ้งคราบโคลนไวใ้ หแ้ หง้ ขดู คราบโคลนออก นาไปซกั ในน้าีรรมดา
แลว้ จึงนาไปซกั ในน้าอุ่นท่ีผสมผงซกั ฟอก ถา้ ยงั มีสีดินติดอยใู่ หเ้ ช็ด
ดว้ ยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
ใชน้ ้าสม้ สายชูหรือน้ายาซกั แหง้ ทาท่ีรอยเป้ื อนทิ้งไว้ ๑ คืน นาไปซกั
ในน้าสบู่อุน่
คราบเหงื่อใต้วงแขน
(Sweat)
การลบรอยเปื้ อน
วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
แช่รอยเป้ื อนในน้าอุน่ ถา้ ยงั มีคราบสีน้าตาลอยใู่ หเ้ ชด็ ดว้ ยสารฟอกขาว
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ช็อกโกแลตหรือกาแฟ
(Chocolate or Coffee)
วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
ซกั ในน้าอุ่นจดั ท่ีผสมผงซกั ฟอก ถา้ ซกั ออกไม่หมดใหเ้ ชด็ ดว้ ย
คาร์บอนเตตระคลอไรด์
นมหรือเนย
(Milk or Butter)
การลบรอยเปื้ อน
วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
ใชแ้ ป้งโรยบริเวณรอยเป้ื อนทิ้งไวป้ ระมาณ ๑๕ นาที เพอื่ ดูดซบั คราบ
นา้ มัน น้ามนั เทน้าเดือดลงบนรอยเป้ื อนแลว้ นาไปซกั ตามปกติ
(Oil)
วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
หากเป็นรอยยางกลว้ ยที่ยงั ใหม่อยบู่ นเส้ือผา้ ใหร้ ีบเอาน้ามะนาวมา
บีบใส่ลงไปตรงรอย หรืออาจจะเอารอยน้นั ไปขย้ซี กั ในน้ามะนาวได้
เลย ยางกลว้ ยที่ติดอยกู่ จ็ ะหายไป
ยางกล้วย
(Banana Tree Sap)
การลบรอยเปื้ อน วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
ลปิ สตกิ (Lipstick) ใชฟ้ องน้าชุบน้ามนั ยคู าลิปตสั กลีเซอรีน หรือแอลกอฮอลเ์ ชด็ ท่ีรอยเป้ื อน
แลว้ ลา้ งออกดว้ ยน้าีรรมดา ถา้ ยงั ออกไม่หมดใหใ้ ชฟ้ องน้าชุบน้ามนั ไฟ
แชก็ เชด็ ซ้าอีกคร้ัง
วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
แช่รอยเป้ื อนในน้าสบู่ออ่ น ทาสบู่ท่ีรอยเป้ื อน ขย้จี นคราบเลือดออก
หมด
คราบเลือด
(Blood)
การลบรอยเปื้ อน วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
สนิม (Rust) ใชม้ ะนาวผสมเกลือทาท่ีรอยเป้ื อนทิ้งไวป้ ระมาณ ๑๐ นาที จึงนาไปซกั
ตามปกติ
ปากกาหมึกแห้ง วธิ ีกาจดั รอยเปื้ อน :
(Ink)
ถา้ เป็นรอยเป้ื อนใหม่ ใหข้ ย้ใี นน้าผสมสารซกั ฟอก ถา้ ทิ้งไวน้ านให้
เชด็ รอยเป้ื อนดว้ ยแอมโมเนียทิ้งไวป้ ระมาณ ๑๕ นาที ขย้รี อยเป้ื อนแลว้
จึงนาไปซกั ตามปกติ
การลบรอยเปื้ อน
หมากฝร่ัง วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
(Chewing Gum)
ใชน้ ้าแขง็ ถูบนหมากฝร่ัง ขดู หมากฝรั่งท่ีติดบนเส้ือผา้ ออกใหม้ ากที่สุด
ใชน้ ้ามนั สนหรือคาร์บอนเตตระคลอไรดท์ าบริเวณรอยเป้ื อนนาไปซกั
ตามปกติ
ไอศกรีม วธิ ีกาจัดรอยเปื้ อน :
(Ice Cream) เชด็ ดว้ ยแอลกอฮอลห์ รือนาไปซกั ในน้าอุ่นผสมดว้ ยผงซกั ฟอก ถา้ ออก
ไม่หมด ใหเ้ ชด็ ดว้ ยคาร์บอนเตตระคลอไรดจ์ นสะอาด
การซักผ้า
๑. สารเคมที ใี่ ช้ในการซักผ้า
๒. อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการซักผ้า
๓. วธิ ีการซักผ้า
สารเคมที ่ใี ช้ในการซักผ้า
๑. สารซักฟอก
เป็นสารเคมีสงั เคราะห์จากผลิตภณั ฑป์ ิ โตเลียม
ทาหนา้ ท่ีชาระลา้ งส่ิงสกปรก มีประสิทีิภาพดีกวา่ สบู่
ราคาถูก ประกอบดว้ ยสาระสาคญั ๒ ชนิด คือ
✓ สารลดแรงตงึ ผวิ
✓ สารลดความกระด้างของนา้
สารซกั ฟอกมีหลายชนิด ไดแ้ ก่ ผงซกั ฟอก น้ายา
ซกั ผา้ สบู่ซกั ผา้ ควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชนิดของ
เส้ือผา้ และการนาไปใช้
สารเคมที ่ใี ช้ในการซักผ้า
๒. นา้ ยาปรับผ้านุ่ม (Fabric Softener)
เป็นสารท่ีมีส่วนผสมของน้ามนั ช่วยเคลือบผืนผา้
ลดความกระดา้ งของผา้ ช่วยลดการดูดซบั ของน้า และ
ประจุไฟฟ้าสถิต ทาใหผ้ า้ ไม่แนบติดตวั และปรับสภาพ
เส้นใยใหฟ้ ขู ้ึน ทาใหผ้ า้ นุ่ม โดยผสมในน้าสุดทา้ ยก่อน
บีบผา้ ข้ึนตาก
สารเคมีที่ใช้ในการซักผ้า ๔. คราม
๓. น้ายาขจดั คราบสกปรก การลงคราม โดยแช่ผา้ ขาวที่ซกั แลว้ ลงในน้า
(Stain Remove) ผสมครามใหม้ ีสีฟ้าอ่อน ขยาเบา บีบน้าครามออก
ก่อนนาข้ึนตาก เมื่อแหง้ แลว้ จะมีสีขาวนวลข้ึน แตถ่ า้
ช่วยใหค้ ราบสกปรกต่าง หลุดออกจากเสน้ ใยผา้ ผสมผงครามใหม้ ีสีเขม้ เกินไป ผา้ สีขาวจะกลายเป็นสี
ไดง้ ่ายข้ึน ฟ้าหม่น ไม่น่าสวมใส่
สารเคมที ี่ใช้ในการซักผ้า
๕. สารฟอกขาว (Bleach)
เป็ นน้ายาที่คลอรีนเป็ นส่วนประกอบหลัก
ทาหน้าท่ีช่วยให้ผา้ ขาวข้ึน ลดความหมองของ
เน้ือผา้ ควรศึกษาคุณสมบตั ิของผา้ ก่อนทาการซัก
ผา้ บางชนิดผสมใยสังเคราะห์ เมื่อถูกสารฟอกขาว
จะเปล่ียนจากสีขาวเป็ นสีเหลืองหรือสีน้าตาลอ่อน
เวลาใชต้ อ้ งระมดั ระวงั อยา่ ใหถ้ ูกเน้ือผา้ โดยตรง
สารเคมที ่ใี ช้ในการซักผ้า
๖. แป้งมนั สาปะหลงั (Tapioca Flour)
ใชส้ าหรับลงผา้ ใหม้ ีความคงรูปเรียกวา่ “การลง
แป้ง” ใชไ้ ดท้ ้งั ผา้ สีและผา้ ขาว โดยทว่ั ไปแลว้ จะใชก้ บั
ผา้ ฝ้ายและผา้ ไหม โดยใชแ้ ป้งมนั สาปะหลงั ตม้ กบั น้า
พอน้าแป้งสุกจะมีลกั ษณะขน้ ใส นามาผสมน้าคนให้
ทว่ั แลว้ นาไปกรองดว้ ยผา้ ขาวบางเพ่ือขจดั เศษฝ่ นุ
ละอองและแป้งที่จบั เป็นกอ้ นออกจากน้าแป้ง นาผา้ ลง
แช่ใหท้ ว่ั ประมาณ ๕ นาที บีบน้าแป้งออกจากผา้ แลว้
นาไปตาก อาจใชเ้ ยลลีลงผา้ แทนแป้งมนั สาปะหลงั
โดยนาไปตม้ ผสมกบั น้าและกรองเช่นเดียวกบั การลง
แป้ง
อปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการซักผ้า ตะกร้าใส่ผ้า (Basket)
กะละมังซักผ้า (Basin) ใชส้ าหรับใส่ผา้ ตะกร้าใส่ผา้ ทาจาก
วสั ดุต่าง พลาสติก หวาย ตะกร้าที่ผลิตจาก
ใชส้ าหรับใส่น้าซกั เส้ือผา้ กะละมงั ทา พลาสติกมีน้าหนักเบาและราคาถูก แต่เปราะ
จากวสั ดุต่าง เช่น พลาสติก สงั กะสี สเตนเลส แตกหักง่าย ส่วนตะกร้าหวายจะมีน้าหนัก
อะลูมิเนียม เม่ือใชง้ านเสร็จควรควา่ หรือพิงในท่ี มากกวา่ แตจ่ ะทนทานกวา่ ไม่แตกหกั ง่าย
ร่มใหน้ ้าไหลออกจากกะละมงั ก่อนนาไปเกบ็
อปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการซักผ้า กระดานแปรงผ้า (Washing Board)
แปรงซักผ้า (Clothees Brush)
ใชส้ าหรับแปรงผา้ ในส่วนที่สกปรกมาก ใชส้ าหรับรองขย้ผี า้ แทนการขย้ผี า้ ดว้ ยมือ
ท้งั สองขา้ ง ช่วยใหผ้ า้ สะอาดข้ึนโดยไม่เปลืองแรง
โดยเฉพาะปกเส้ือ ควรเลือกใชแ้ ปรงท่ีมีขนออ่ นนุ่ม และช่วยประหยดั เวลาในการซกั ผา้
เพราะถา้ ขนแปรงแขง็ จะทาลายเน้ือผา้ ทาใหเ้ ส้นใยผา้
ขาดง่าย หา้ มใชแ้ ปรงซกั ผา้ กบั ผา้ ที่เน้ือบาง
อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการซักผ้า เครื่องซักผ้า (washing Machine)
เป็นเคร่ืองทุ่นแรงช่วยใหง้ านซกั ผา้ ง่ายข้ึน มีการนาเทคโนโลยตี า่ ง มาผสมผสาน ออกแบบ
เคร่ืองซกั ผา้ ใหท้ าความสะอาดเส้ือผา้ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทีิภาพมากข้ึน มี ๒ แบบ คือ เคร่ืองซกั ผา้ ก่ึงอตั โนมตั ิ
และเครื่องซกั ผา้ อตั โนมตั ิ
วธิ ีการซักผ้า
วธิ ีการซักผ้าด้วยมือ
การซักผ้าด้วยมือ เป็นการซกั ผา้
แบบด้งั เดิมท่ีตอ้ งออกแรงขย้หี รือแปรงผา้ ท่ี
ซกั ซ่ึงใชเ้ วลาและใชแ้ รงมากกวา่ ซกั ดว้ ย
เคร่ืองซกั ผา้
ขอ้ ดี คือ สามารถทาความสะอาด
เฉพาะส่วนไดด้ ี
เครื่องมือหรืออุปกรณ์ ไดแ้ ก่ ถงั หรือ
อ่างสาหรับแช่และซกั ผา้ อยา่ งนอ้ ย ๒ ใบ
และแปรงซกั ผา้
๔. นาผา้ ไปแช่น้าผสมผงซกั ฟอกประมาณ ๑๕–๒๐ นาที ข้นั ตอนการ
เพอ่ื ใหใ้ ยผา้ พองตวั คายสิ่งสกปรกใหห้ ลุดออกไดง้ ่ายข้ึน ซักผ้าด้วยมือ
ในการแช่ผา้ ไม่ควรนากางเกงช้นั ใน ถุงเทา้ แช่ปนกบั เส้ือ
๕. ขย้หี รือใชแ้ ปรงซกั ผา้ แปรงส่วนท่ีสกปรกมาก เช่น คอเส้ือ
แขนเส้ือ ขอบขอ้ มือ ปากประเป๋ า ชายกางเกง แลว้ ขย้ใี หท้ วั่
จนสะอาด
๑. แยกผา้ ขาว ผา้ สี และผา้ สีตกจากกนั ก่อน และตรวจสอบ ข้นั ตอนการ
ส่ิงของในกระเป๋ าเส้ือ กางเกง หรือกระโปรงออกใหห้ มด ซักผ้าด้วยมือ
๒. ควรซกั ผา้ ขาวก่อน โดยนาเส้ือผา้ ไปซกั ในน้าสะอาด
เพื่อขจดั คราบสกปรกออกบา้ ง
๓. ใส่ผงซกั ฟอกลงในน้าปริมาณที่พอเหมาะกบั เส้ือผา้
หรือตามคาแนะนาการใชแ้ ละตีผงซกั ฟอกใหล้ ะลาย
๖. เม่ือซกั ผา้ ขาวแลว้ ใชน้ าผสมผงซกั ฟอกเดิมในการซกั ผา้ สี ข้นั ตอนการ
ส่วนผา้ สีตกควรแยกซกั ต่างหาก โดยเลือกซกั กระโปรง ซักผ้าด้วยมือ
กางเกง ถุงเทา้ และเส้ือผา้ ที่สกปรกมากตามลาดบั
๗. ซกั ผา้ ขาวในน้าสะอาดเพอื่ ลา้ งผงซกั ฟอกก่อนแลว้ จึงซกั ผา้
สีต่อ ซกั น้าเปล่าประมาณ ๒–๓ คร้ังหรือจนกวา่ จะหมดฟอง
แช่น้านาปรับผา้ นุ่ม บิดผา้ พอประมาณใส่ตะกร้า แลว้ นาไปตาก
วธิ ีการซักผ้า
วธิ ีการซักผ้าด้วยเคร่ือง
การซกั ผา้ ดว้ ยเครื่องช่วยประหยดั
แรงและเวลา เหมาะสาหรับผา้ ท่ีไม่พิถีพิถนั
ในการซกั หรือผา้ ท่ีไม่สกปรกมาก ก่อนใช้
ควรศึกษาวีิ ีใชง้ านจากคู่มือแนะนาการใช้
เครื่องซกั ผา้ ชนิดน้นั อยา่ งละเอียดและ
ปฏิบตั ิตามอยา่ งเคร่งครัด
๑. ตวงสารทาความสะอาดใส่ลงในช่องสาหรับใส่สารแตล่ ะชนิดใหม้ ี ข้นั ตอนการ
ปริมาณพอเหมาะ ก่อนใส่ผา้ ลงในถงั เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหน้ ้ายาต่าง ซักผ้าด้วยเครื่อง
หกใส่เน้ือผา้ ซ่ึงจะทาใหผ้ า้ เป็นรอยด่าง
๒. ตรวจหารอยชารุดเพอ่ื ซ่อมแซม หรือตรวจหาคราบสกปรกเพอ่ื ขจดั
ออกก่อน กลดั กระดุม และรูดซิปใหเ้ รียบร้อยก่อนใส่ลงในถุงผา้
๓. ใส่เส้ือผา้ ในถุงซกั เพือ่ ป้องกนั ไม่ใหผ้ า้ พนั กนั ขณะเครื่องทางาน
ใส่ถุงผา้ ลงในถงั ซกั ไม่ควรใส่ผา้ จนแน่นถงั เพราะจะทาใหแ้ กนของ
เคร่ืองซกั ผา้ หมุนไม่ได้ ผา้ ไม่สะอาด และทาใหเ้ ครื่องซกั ผา้ เสียเร็ว
๔. ต้งั ป่ ุมใชป้ ริมาณน้าและการทางานของเคร่ืองใหส้ ัมพนั ี์กบั ปริมาณ ข้นั ตอนการ
และชนิดของเน้ือผา้ ถา้ ผา้ เน้ือบางหรือผา้ ยดื ควรต้งั รอบเคร่ืองใหต้ ่า ซักผ้าด้วยเคร่ือง
ถา้ เป็นผา้ ที่มีเน้ือหนาควรใชร้ อบเคร่ืองสูง ไม่ควรปิ ดฝาของเครื่อง
ซกั ผา้ และไม่ควรยน่ื มือลงในถงั ขณะที่เครื่องกาลงั ทางาน
๕. นาเศษขยะออกจากถุงกรองในเครื่องซกั ผา้ และทาความสะอาดเครื่อง
ซกั ผา้ ทุกคร้ังหลงั ใชง้ าน
ตวั อย่างสัญลกั ษณ์ทแ่ี นะนาวธิ ีการดูแลรักษาเสื้อผ้า
การซกั ผา้ สีที่สีตกไดง้ ่าย ควรปฏิบตั ิดงั น้ี
๑. นาเส้ือผา้ สีมาแช่ในน้าเปล่าผสมเกลือในอตั ราส่วน น้า ๔ ลิตร ต่อ
เกลือ ๒ ชอ้ นโตะ๊ คนใหเ้ กลือละลายและนาผา้ ลงแช่ประมาณ ๑
ชวั่ โมง เพื่อป้องกนั สีตกและทาใหม้ ีสีสดใสข้ึน
๒. นาผา้ ไปแช่ในน้าผสมสารซกั ฟอกออ่ น ในกะละมงั แช่ทิ้งไว้
ประมาณ ๑๕–๒๐ นาที ก่อนซกั ตามปกติ ถา้ ซกั ดว้ ยเคร่ืองควรจะแยก
ซกั ต่างหากกบั ผา้ อื่น เพ่ือป้องกนั สีตกใส่
การตากผ้า
๑. อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการตากผ้า
๒. วธิ ีการตากผ้า
อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการตากผ้า ไม้หนีบผ้า (Clothes Pin) ราวตากผ้า (Clothes Line)
ไม้แขวนผ้า (Hanger)
ใชส้ าหรับแขวนเส้ือผา้ ต่าง ไม้ ใชส้ าหรับหนีบเส้ือผา้ ใหต้ ิดกบั ใชส้ าหรับผ้งึ ผา้ ใหแ้ หง้ หลกั จาก
แขวนทาจากวสั ดุที่หลากหลายควร อุปกรณ์สาหรับตากผา้ เช่น ราวตาก การซกั ถา้ มีบริเวณพ้ืนท่ีบา้ นมากพอ
สามารถสร้างราวตากผา้ ไวอ้ ยา่ งถาวร
เลือกใชข้ นาดของไมแ้ ขวนให้ ผา้ ไมห้ นีบผา้ ทาจากวสั ดุหลากหลาย
เหมาะสมกบั เส้ือผา้ แต่ถา้ พ้นื ที่จากดั อาจใชร้ าวตากผา้ ท่ี
ชนิด ควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ยดื หด และเคลื่อนยา้ ยได้
เส้ือผา้ เมื่อใชแ้ ลว้ ควรเกบ็ รวบรวมไว้
ในกล่องหรือตะกร้าแลว้ เกบ็ เขา้ ที่
วธิ ีการตากผ้า
๑. ๒. ๓. ๔.
คล่ีผา้ ออกสะบดั เบา กลบั อาจใชไ้ มแ้ ขวนหรือไมห้ นีบ ผา้ สี ควรตากในบริเวณที่มีลม การตากผา้ ควรแบ่งประเภท
ตะเขบ็ เอาดา้ นในของเส้ือ ผา้ หนีบผา้ ไวก้ บั ราวตากผา้ โกรกและมีแสงแดดราไร เพ่ือ ของเส้ือผา้ เพื่อความเป็น
ออกตาก เพื่อใหเ้ ส้ือผา้ ดา้ น โดยจดั เส้ือผา้ ใหเ้ รียบร้อย ป้องกนั ไม่ใหส้ ีของผา้ ซีดเร็ว ระเบียบ สบายตา และสะดวก
นอกโดนแสงแดดนอ้ ยท่ีสุด เพอ่ื ใหเ้ น้ือผา้ ยบั นอ้ ยที่สุด แต่ถา้ ตอ้ งการตากผา้ ที่มีเน้ือ ในการจดั เกบ็
สีจะไดไ้ ม่ซีดเร็ว ช่วยประหยดั แรงในข้นั ตอน หนาควรตากผา้ ในบริเวณท่ีมี
การรีดผา้ แดดจดั เพอื่ ใหผ้ า้ แหง้ สนิทและ
ไม่มีกล่ินอบั
วธิ ีการตากผ้า
๕. ๖. ๗.
เส้ือผา้ ท่ีมีเน้ือหนาควรวางพาด เส้ือยดื เส้ือไหมพรม หรือผา้ เมื่อเส้ือผา้ แหง้ แลว้ ใหเ้ กบ็ ออก
บนราว ๒–๓ เสน้ พร้อมกนั ขนสตั วท์ ี่มกั ยดื ยว้ ยเสียทรง จากราวตากผา้ ผา้ ท่ีอยใู่ นไม้
เพ่ือใหเ้ กิดช่องวา่ งระหวา่ ง จากการหยดของน้าในขณะที่ แขวนใหเ้ กบ็ ท้งั ไมแ้ ขวน ส่วน
เน้ือผา้ ลมสามารถโกรกผา่ น ตากผา้ ควรตากโดยวางราบลง ผา้ ที่ใชไ้ มห้ นีบใหป้ ลดออกจาก
เน้ือผา้ ไดท้ ว่ั ถึง เส้ือผา้ จะแหง้ กบั พ้นื หรือบนตะแกรงตากผา้ ไมห้ นีบแลว้ พบั คร่าว ใส่
เสมอกนั ที่มีผา้ หรือกระดาษสาหรับน้า ตะกร้า เพอ่ื รอรีดต่อไป
การรีดผ้า
๑. อปุ กรณ์ในการรีดผ้า
๒. การรีดผ้าอย่างประหยดั ทรัพยากรและพลงั งาน
๓. วธิ ีการรีดผ้า
อปุ กรณ์ในการรีดผ้า เตารีด (Iron)
เตารีดธรรมดา เตารีดไอนา้ เตารีดแบบกดทับ
ควรเลือกใชง้ านใหเ้ หมาะสม เตารีดไอน้าที ๒ แบบ คือ เตา เตารีดชนิดน้ีราคาค่อนขา้ งสูง
เพราะน้าหนกั ของเตารีดจะชว่ ย รีดไอน้าีรรมดาและเตารีดไอน้า มีแผน่ ความร้อนขนาดใหญ่
ใหเ้ กิดแรงกดทาใหผ้ า้ เรียบง่าย แบบต้งั เตารีดชนิดน้ีมีไอน้าใน
ข้ึน ควรตรวจแผน่ โลหะหนา้ ตา ตวั ไม่ตอ้ งพรมน้า ทางดา้ นบนของตวั เครื่อง มีคนั โยก
รีดใหส้ ะอาดอยเู่ สมอ
ท่ีใหแ้ รงกดสูง ทาใหผ้ า้ เรียบ
ภายในเวลาอนั รวดเร็ว
อปุ กรณ์ในการรีดผ้า หมอนรองรีด กระบอกฉีดนา้
(Tailor’s Ham) (Spray Bottle)
โต๊ะรองรีด
(Ironing Board)
ควรเลือกโต๊ะท่ีสามารถปรับ ใชส้ าหรับช่วยรีดแขนเส้ือ ใชส้ าหรับฉีดน้าแทนการใชม้ ือ
หรือตะเขบ็ บางตะเขบ็ ท่ีตอ้ งการ พรมน้า ช่วยใหน้ ้ากระจายทว่ั ผนื
ร ะ ดับ ข า ต้ัง ใ ห้ สั ม พัน ี์ กั บ ความประณีตและไม่สามารถใช้ ไดม้ ากข้ึน
ค ว า ม สู ง ข อ ง ผู้รี ด ไ ด้ ข า ต้ัง
แขง็ แรง ผา้ ปูรองรีดทนความร้อน เตารีดสอดเขา้ ไปได้
และสามารถถอดทาความสะอาด
ได้
การรีดผ้าอย่างประหยดั ทรัพยากรและพลงั งาน
วธิ ีรีดผ้าที่ช่วยประหยดั ทรัพยากรและพลงั งาน มีดงั นี้
๑. เตรียมอปุ กรณ์ในการรีดผา้ ใหพ้ ร้อม ๒. ทาความสะอาดหนา้ เตารีดก่อนรีด
๔. การรีดแตล่ ะคร้ังควรรีดในจานวนท่ีมาก
๓. ก่อนรีดควรจดั เกบ็ ใหผ้ า้ ยบั นอ้ ยท่ีสุดเพื่อให้ สมควร
เรียบง่ายและประหยดั พลงั งาน
๕. ถา้ ใชเ้ ตารีดีรรมดาใหพ้ รมผา้ ใหท้ วั่ ผนื แลว้
มว้ นใส่กะละมงั ใชผ้ า้ คลุมเพอ่ื ไม่ใหผ้ า้ ที่พรมแหง้
เร็ว
การรีดผ้าอย่างประหยดั ทรัพยากรและพลงั งาน
วธิ ีรีดผ้าท่ชี ่วยประหยดั ทรัพยากรและพลงั งาน มีดงั นี้
๗. ก่อนรีดควรแยกประเภทผา้ หนาผา้ บางโดยเร่ิม ๖. แบ่งผา้ ชนิดเดียวกนั หรือผา้ ที่ใชค้ วามร้อนใน
รีดจากผา้ บางก่อน แลว้ ตามดว้ ยผา้ หนา ปิ ดทา้ ย การรีดระดบั เดียวกนั ไวด้ ว้ ยกนั
ดว้ ยผา้ บางอีก
ตาแหน่งท่ี ๑ ผ้าอะคลลิ กิ ผ้าแอซิเทต
๙. ไม่ควรรีดผา้ ในหอ้ งปรับอากาศเพราะจะทาให้
เตารีดทางานหนกั ๘. ปรับอุณหภูมิให้ ตาแหน่งที่ ๒ ผ้าไนลอน ผ้าไหม
เหมาะสมกบั ความ ตาแหน่งที่ ๓ ผ้าเรยอน ผ้าพอลเิ อสเตอร์
หนาและชนิดของ ตาแหน่งท่ี ๔ ผ้าขนสัตว์
ผา้ ตาแหน่งท่ี ๕ ผ้าฝ้าย
ตาแหน่งที่ ๖ ผ้าลนิ ิน
๑๐. ควรถอดปลกั๊ ออกก่อนการรีดผา้ เสร็จ ๒–๓
นาที แลว้ ใชร้ ีดผา้ บางได้ ๒–๓ ชิ้น
วธิ ีการรีดผ้า ๒. ปรับอุณหภูมเิ ตารีด
๑. จัดเตรียมอุปกรณ์ ก่อนการรีดผา้ ควรหมุนป่ ุมปรับอุณหภูมิของเตารีด
ตามตวั เลขและขอ้ ความที่กากบั ไวบ้ นเตารีดให้
จดั เตรียมอุปกรณ์ในการรีดใหพ้ ร้อมโดย เหมาะสมกบั ชนิดของเส้ือผา้ เพื่อช่วยรักษาเน้ือผา้
สารวจสภาพของเตารีดและสายไฟใหส้ มบูรณ์ และประหยดั ไฟ
เพ่อื ความปลอดภยั ในขณะใชง้ าน
๔. เร่ิมรีดผ้าบางก่อน
๓. ทดลองความร้อน
รีดผา้ บางในขณะที่เตารีดเร่ิมทาความร้อน
ทดลองความร้อนโดยการรีดดา้ นในบริเวณ เม่ือความร้อนถึงระดบั ที่ตอ้ งการให้รีดผา้ หนา
สาบเส้ือก่อน ก่อน เมื่อความร้อนใกลจ้ ะหมดใหถ้ อดปลก๊ั
ความร้อนท่ีเหลืออยใู่ ชร้ ีดผา้ บาง