The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบำรุงรักษาเคริ้องปรับอากาศในอุตสาหกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pitchapornwongju, 2023-08-07 03:31:10

การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศในอุตสาหกรรม

การบำรุงรักษาเคริ้องปรับอากาศในอุตสาหกรรม

Keywords: การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศในอุตสาหกรรม

การบำ รุงรักษา เครืี่องปรับอากาศใน งานอุตสาหกรรม


สารบัญ หลักการทำ งานของชิลเลอร์และประเภทของชิล เลอร์ การแบ่งประเภทระบบทำ ความเย็นในโรงงาน แบ่งประเภทตามลักษณะการทำ งาน แบ่งประเภทตามการจ่ายและควบคุมสารทำ ความเย็น การตรวจสอบความปลอดภัยของระบบทำ ความเย็น การดูแลความปลอดภัยของระบบทำ ความเย็นและการบำ รุงรักษา การแก้ไขเมื่อเกิดการรั่วไหลของสารทำ ความเย็นที่เป็นแอมโมเนีย หน้า 1-5 6 7 8 9 10


Chiller (ชิลเลอร์) คือ ? chiller (ชิลเลอร์) คือ ส่วนประกอบของเครื่องจักรหลากหลายแบบ เป็นเครื่องทำ ความเย็นชนิดหนึ่งในระบบทําความเย็น มีหน้าที่ในการผลิตความเย็น ปรับลดอุณหภูมิ ในการทำ ความเย็นของเหลวต่าง ๆ สถานที่ที่นิยมใช้ระบบชิลเลอร์ เช่น ตามอาคาร ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงงานที่มีเครื่องปรับอากาศจำ นวนมาก ระบบปรับอากาศในอาคาร chiller เพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องจักร เช่น ผลิตน้ำ เย็น หรือปรับอุณหภูมิน้ำ เย็น เพื่อส่ง เข้าไปยังเครื่องจักร เป็นต้น เพื่อผลิตอากาศเย็นส่งเข้าไปยังห้องต่างๆ Chiller มีหลักการทำ งานอย่างไร หลักการทำ งาน Chiller (ชิลเลอร์) คือ นำ สารทำ ความเย็นที่ถูกส่งมาจากคอมเพลสเซอร์ ( Compressor ) จะดูด และอัดสารทำ ความเย็น ในสถานะแก๊สที่มีแรงดันสูง ส่งไปยัง ที่มีแรงดันสูงโดยผ่านการระบายความร้อนมาจาก คอนเดนเซอร์ ( Condenser ) จนมีสถานะเป็นของเหลวและแรงดันสูง โดยผ่านอุปกรณ์ลดแรงดัน ส่วนมากนิยมใช้คือ เอ็กแปนชั่นวาล์ว ( expansion valve ) เพื่อฉีดเข้า อีวาพอเรเตอร์ ( Evaporator ) โดยในระหว่างนี้ จะลดแรงดันของสารทำ ความเย็นที่ถูกส่งมาจากคอมเพลสเซอร์ ผ่านการระบาย ความร้อนด้วยคอนเดนเซอร์ปั้มเอาน้ำ เย็นนี้หมุนเวียนไปใช้ต่อไป ประเภทของ chiller chiller แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ชิลเลอร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ เหมาะสำ หรับพื้นที่ปรับอากาศที่มีข้อจำ กัดของพื้นที่ติดตั้ง หรือระบบน้ำ สำ หรับระบาย ความร้อน ประสิทธิภาพสำ หรับเครื่องทำ น้ำ เย็นชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศจะอยู่ระหว่าง 1.4 -1.6 กิโลวัตต์ต่อตัน โดยปกติขนาดการทำ ความเย็นไม่เกิน 500 ตัน ระบบปรับอากาศ chiller จะไม่มีวงจรของน้ำ ระบายความร้อน เพราะจะใช้อากาศ ในการระบายความร้อน ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดคือ เครื่องทำ น้ำ เย็นและมีอุปกรณ์ประกอบคือ ปั๊มน้ำ เย็นและ อุปกรณ์ส่งจ่ายลมเย็น เท่านั้น


chiller แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ชิลเลอร์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เหมาะสำ หรับระบบที่ต้องการขนาดการทำ ความเย็นมาก เพราะ chiller มีความสามารถในการ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ดีกว่าระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยจะอยู่ระหว่าง 0.62-0.75 กิโลวัตต์ต่อตัน อุปกรณ์หลักของชิลเลอร์ทําความเย็นด้วยน้ำ ได้แก่ คอมเพรสเซอร์ (Compressor) แผงระบายความร้อน (Condenser) และแผงคอยล์ เย็น (Evaporator) หลักการทำ งานของ chiller แบบนี้ คือการใช้คอมเพรสเซอร์อัดสารทำ ความเย็นซึ่งอยู่ในรูปแบบของก๊าซเย็นความ ดันต่ำ จนกลายเป็นไอร้อนก่อนที่สารทำ ความเย็นนี้จะถ่ายเทความร้อนออกผ่านแผงระบายความร้อน เพื่อแปรสภาพเป็นของเหลว และลด ความดันด้วยอุปกรณ์ลดแรงดัน ก่อนนำ ความเย็นที่ได้ไปใช้งานต่อ ข้อเสียของ chiller แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ คือ ต้องลงทุนที่สูงกว่าเนื่องจากต้องมีการติดตั้งหอระบายความร้อน (Cooling Tower) เครื่องสูบน้ำ ระบายความร้อน (Condenser Water Pump) และยังต้องปรับปรุงคุณภาพน้ำ ให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการสึก กร่อน


ระบบทำ ความเย็นในโรงงานเป็นหนึ่งในระบบสำ คัญที่ช่วยในการปรับอากาศ ควบคุมความชื้น และรักษา คุณภาพของอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้โรงงานที่มีห้องเย็นหรือห้องแช่แข็ง ก็จะมีระบบทำ ความ เย็นหลากหลายรูปแบบ ที่ใช้ในการทำ ความเย็นให้ได้ตามอุณหภูมิที่ต้องการ ระบบทำ ความเย็นในโรงงานไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศ (Air-Condition) ระบบห้องเย็น (Cold Storage Room) ระบบห้องแช่แข็ง (Freezing Room) ล้วนมีวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันคือ การทำ ความ เย็นให้กับพื้นที่ที่ต้องการ แต่อาจแตกต่างกันที่รูปแบบการทำ ความเย็น และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ ความ เย็น


การแบ่งประเภทระบบทำ ความเย็นในโรงงาน แบ่งประเภทตามลักษณะการทำ งาน 1. แบบ Primary Refrigeration ระบบการทำ ความเย็นแบบปฐมภูมิ (Primary Refrigeration) เป็นการทำ ความเย็นด้วยสารทำ ความเย็น (Refrigerant) ที่ทำ งานโดยตรงกับอุปกรณ์ทำ ความเย็น ยกตัวอย่างเช่น ระบบทำ ความเย็นที่ใช้ทำ น้ำ เย็น (Chiller) ระบบทำ ความเย็นสำ หรับปรับอากาศ (Air-Condition) ด้วยสารทำ ความเย็น เช่น สารทำ ความเย็น ประเภท Freon ระบบทำ ความเย็นสำ หรับห้องเย็นและห้องแช่แข็ง (Cold Storage Room and Freezing Room) ด้วย สารทำ ความเย็น เช่น Freon-22 และสารแอมโมเนีย 2. แบบ Secondary Refrigeration ระบบทำ ความเย็นแบบทุติยภูมิ (Secondary Refrigeration) เป็นการทำ ความเย็น ด้วยการใช้สารทำ ความเย็น ไปทำ ความเย็นให้กับตัวกลาง (Media) เมื่อสาร ตัวกลาง (Cooling Media) ถูกทำ ให้เย็นแล้วจะถูกนำ ไปใช้ทำ ความเย็นอีกต่อหนึ่ง เช่น น้ำ เกลือ หรือ Glycol


แบ่งประเภทตามการจ่ายและควบคุม สารทำ ความเย็น Thermostatic Expansion Valve หรือลิ้นลดความดันชนิดควบคุมด้วย ความร้อน เป็นตัวควบคุมการจ่ายสารทำ ความเย็นด้วยหลักการทำ งานของ เอ็กเพ็นชั่นวาล์ว (Expansion Valve) ซึ่งควบคุมการทำ งานด้วยความร้อนที่ ออกจากเครื่องระเหย (Evaporator) Direct Injection Valve เป็นระบบการควบคุมการจ่ายสารทำ ความเย็นโดย อาศัยขนาดของวาล์วแบ่ง และมีการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมระดับสารทำ ความ เย็นเอาไว้ภายใน เพื่อป้องกันการจ่ายสารทำ ความเย็นมากเกินไป Flooded System เป็นระบบการควบคุมปริมาณสารทำ ความเย็นที่จ่ายให้ กับระบบทำ ความเย็น ด้วยอุปกรณ์ควบคุมระดับสารทำ ความเย็น (Liquid Level Controller) โดยสารทำ ความเย็นจะเก็บไว้ในอีวาโปเรเตอร์ (Evaporator) Pump Re-circulation เป็นระบบการจ่ายสารทำ ความเย็นที่ถูกทำ ให้มี อุณหภูมิต่ำ โดยการสูบสารทำ ความเย็นในการบังคับให้สารทำ ความเย็นไหล วนในระบบเพื่อทำ ความเย็น 1. 2. 3. 4.


การตรวจสอบความปลอดภัยของระบบทำ ความเย็น การตรวจสอบอุปกรณ์ทำ ความเย็นของระบบทำ ความเย็น เพื่อรักษาสภาพการทำ งานของอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพ พร้อมใช้งาน และป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานภายในโรงงาน ที่เกิดจากการรั่วไหลของ สารทำ ความเย็นที่มีสารแอมโมเนีย ซึ่งในเชิงวิศวกรรมสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของระบบทำ ความเย็นได้ ดังนี้เครื่องอัดน้ำ ยา (Compressor) มีฝาครอบเพื่อป้องกันอันตรายและมีลักษณะที่เป็นไปตามข้อกำ หนดในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม มีแผ่นป้ายแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ ชื่อรุ่น ชื่อผู้ผลิต หมายเลขเครื่อง ข้อมูลความดันที่ออกแบบสูงสุด ฝาครอบไม่มีการชำ รุด ผุกร่อน มีน็อตยึดฝาครอบอย่างมั่นคง ไม่ส่งเสียงดัง และไม่มีการสั่นสะเทือนรุนแรงในขณะที่เครื่องทำ งาน บริเวณที่ติดตั้งไม่มีคราบน้ำ มัน จาระบี หรือเศษสิ่งปฏิกูลตกหล่นอยู่ มีการติดตั้งลิ้นกับกลับในด้านส่ง และอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี การติดตั้งวาล์วรักษาความดันในทางดูด และอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี มีสวิตช์ตัดอัตโนมัติเมื่อเกิดความดันน้ำ มันต่ำ หรือสูงเกินไป เครื่องควบแน่น (Condenser) มีป้ายแสดงข้อมูลเกี่ยวกับชื่อผู้ผลิต ชื่อรุ่น รหัส หมายเลขเครื่อง ข้อมูลความดันออกแบบและความดันทดสอบที่ติดตัวเครื่อง มีการติดตั้งลิ้นนิรภัย (Safety Valve) ทั้งด้านขาเข้าและขาออกที่อยู่ในสภาพใช้ดี ไม่มีการชำ รุด โดยสามารถทำ งานได้เมื่อมีความดันเกิน 120% ของความดันสูงสุดของอุปกรณ์ มีฝาครอบที่พัดลมส่งกำ ลังและอยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี ไม่มีร่องรอยคราบเปื้อนที่บริเวณจุดต่อและท่อน้ำ ยาทำ ความเย็น หรือมีกลิ่นฉุนของแอมโมเนีย หากพบว่ามีการรั่วต้องรีบทำ การตรวจสอบ และแก้ไขซ่อมแซม ชุดคอล์ยเย็น(Evaporator) มีป้ายแสดงข้อมูลเกี่ยวกับชื่อผู้ผลิต ชื่อรุ่น รหัส หมายเลขเครื่อง ข้อมูลความดันออกแบบและความดันทดสอบที่ติดตัวเครื่อง มีการติดตั้งลิ้นนิรภัย (Safety Valve) ทั้งด้านขาเข้าและขาออกที่อยู่ในสภาพใช้ดี และบริเวณจุดต่อลิ้นนิรภัยไม่มีคราบน้ำ มัน หรือกลิ่นฉุนของแอมโมเนีย ฝาครอบชุดพัดลมเป่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีและไม่สั่นสะเทือน ถังพักความดัน วาล์วควบคุม และระบบท่อ (Pressure Vessels, Expansion Valve, Suction and Liquid Lines) มีป้ายแสดงข้อมูลชื่อผู้ผลิต รหัสรุ่น หมายเลขเครื่อง ปีที่ผลิต ข้อมูลความดันออกแบบ และความดันทดสอบติดอยู่ที่บริเวณท่อพักน้ำ ยาหรือภาชนะรับแรงดัน ติดตั้งลิ้นระบายไอ หรือลิ้นนิรภัยที่มีขนาดที่เหมาะสมและอยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี มีการติดตั้งลิ้นกันกลับที่ท่อส่ง และลิ้นเปิด-ปิดที่ด้านดูดของเครื่องอัดน้ำ ยา (Compressor) สภาพถังพักและท่อน้ำ ยาทั้งทางด้านส่งและด้านดูด ไม่มีการผุกร่อนหรือเป็นสนิม ไม่มีคราบน้ำ มันหรือกลิ่นฉุนของแอมโมเนียที่บริเวณข้อต่อต่างๆ


การดูแลความปลอดภัยของระบบทำ ความเย็นและ การบำ รุงรักษา ความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำ คัญกับระบบทำ ความเย็น เนื่องจากระบบทำ ความเย็นประกอบด้วยอุปกรณ์ จำ นวนมาก และควรได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพที่ดีและใช้งานได้ดีอยู่เสมอ โดยสามารถทำ ได้ตามคำ แนะนำ ดังนี้ บริเวณติดตั้งเครื่องอัดน้ำ ยา (Compressor) ต้องมีพื้นที่เพียงพอ เพื่อการเข้าซ่อมบำ รุงได้อย่างสะดวก และมีการระบายอากาศใน บริเวณที่ติดตั้ง มีการติดตั้งระบบระบายอากาศฉุกเฉิน เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าดับ ในบริเวณห้องอัดน้ำ ยาต้องไม่มีวัสดุหรือเชื้อเพลิงไวไฟ และผนังห้องต้องเป็นวัสดุที่ทนไฟได้ไม่ต่ำ กว่า 1 ชั่วโมง มีที่ล้างตา (Eye Bath) และที่อาบน้ำ ฉุกเฉิน (Safty Shower) ในบริเวณห้อง มีการติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างที่เพียงพอ และมีไฟฉุกเฉินเมื่อไฟฟ้าดับ ตรวจสอบวาล์วน้ำ วาล์วน้ำ ยา ให้เปิดเมื่อใช้งานและปิดเมื่อเลิกใช้งาน ติดตั้งถังดับเพลิงชนิด Dry Chemical หรือชนิดที่สามารถใช้ดับเพลิงที่เกิดจากการลุกไหม้ของแอมโมเนียได้ มีหน้ากากป้องกันอันตรายจากสารแอมโมเนียเมื่อเกิดการรั่วไหล มีป้ายแสดงคุณสมบัติ (Material Safety Data Sheet : MSDS) ในบริเวณที่มีการใช้สารแอมโมเนีย 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.


ระบบปรับอากาศนั้นมีความสำ คัญอย่างยิ่งสำ หรับโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งผู้ประกอบการส่วนมากมีความ ต้องการในการติดตั้งระบบปรับอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนขนาดใหญ่ ซึ่งกำ ลัง การผลิตของแต่ละโรงงาน ดังนั้นความต้องการ ในการปรับอากาศหรือแม้กระทั่งการบำ รุงรักษา ค่อน ข้างสูง เครื่องปรับอากาศที่เป็นที่นิยมติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม จะเป็นในส่วนของเครื่องทำ น้ำ เย็น (Chiller) ทั้งแบบที่ระบายความร้อนด้วยอากาศเรียกว่า Air Cooled Chiller และระบายความร้อน ด้วยน้ำ เรียกกว่า Water Cooled Chiller ซึ่งมีขนาดความเย็นให้เลือกตั้งแต่ 20-3,000 Ton และหลาก หลายแบรนด์และหลายหลากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน ยกตัวอย่างเช่น DAIKIN YORK TRANE CARRIER เป็นต้น


การแก้ไขเมื่อเกิดการรั่วไหลของสารทำ ความเย็นที่เป็นแอมโมเนีย เมื่อพบว่ามีการรั่วไหลของสารทำ ความเย็นที่เป็นแอมโมเนีย ควรทำ การป้องกันไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายหรือถูก ผิวหนัง และทำ ตามข้อควรปฏิบัติดังนี้ หากเกิดการรั่วในด้านดูดให้เดินเครื่องเพื่อให้เกิดแรงดันในระบบต่ำ ที่สุด หรือให้กลายเป็นสุญญากาศ หากเกิดการรั่วทางด้านส่งให้หยุดเดินเครื่องแล้วทำ การปิดวาล์วสกัด ในบริเวณที่มีการรั่วของสารแอมโมเนียให้ใช้ผ้าหรือกระสอบซับน้ำ คลุมเอาไว้ ก่อนทำ การฉีดน้ำ เพื่อป้องกันการฟุ้ง กระจายของสารแอมโมเนีย ทำ การระบายอากาศในบริเวณโดยรอบที่มีการรั่วไหลให้เร็วที่สุด ถ้าหากเป็นพื้นที่ปิดให้ใช้สเปรย์ฉีดน้ำ ในบริเวณที่ รั่วไหลเพื่อดูดซับสารแอมโมเนีย ทำ การซ่อมชั่วคราวเพื่อใช้งาน และในขณะที่ทำ การซ่อมต้องเช็คให้ดีว่ามีสารแอมโมเนียค้างอยู่ภายในท่อหรือไม่ ทำ สุญญากาศคอนเดนเซอร์ สาเหตุของการรั่วไหล การรั่วไหลของสารทำ ความเย็นส่วนใหญ่มักเกิดจากการชำ รุดของอุปกรณ์ หรือหมดอายุการใช้งานแล้ว ทำ ให้สารทำ ความ เย็นที่ทำ งานอยู่ภายในอุปกรณ์ทำ ความเย็นรั่วไหลออกตามจุดที่มีการผุกร่อน นอกจากนี้การรั่วไหลยังเกิดขึ้นได้จากการติด ตั้งอุปกรณ์วาล์วกันกลับผิดทาง (Check Valve) ทำ ให้ของเหลวในระบบเกิดการขยายตัวจนเกิดการรั่วไหล การรั่วไหลของสารทำ ความเย็นที่เป็นฟรีออนและแอมโมเนีย สารทำ ความเย็นที่เป็นชนิดสารฟรีออน และสารแอมโมเนีย จะมีความเป็นสารพิษและมีความอันตรายสูงเมื่อไหลออกมาสู่ ภายนอกจากอุปกรณ์ทำ ความเย็น เมื่อมีการรั่วไหลที่ความเข้ม 0.005% โดยปริมาตร จะเริ่มส่งกลิ่นฉุนและผู้ที่สูดดมจะเกิดการ ระคายเคืองที่ระบบหายใจ เมื่อมีการสัมผัสโดยตรงที่ผิวหนังก็จะเกิดการไหม้ของผิวหนังอย่างรุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้


Click to View FlipBook Version