เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ เร่ืองนริ าศภเู ขาทอง
วิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ๑ รหสั ท๒๑๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
ผสู้ อน ครพู รรณี ใจสาร กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศึกษาพฒั นาการเขลางคน์ คร
รับกฐินภญิ โญโมทนา ๏ เดือนสบิ เอ็ดเสร็จธุระพระวสา
ออกจากวัดทัศนาดอู าวาส ชลุ ลี าลงเรือเหลืออาลยั
สามฤดอู ยู่ดไี ม่มีภัย เมอ่ื ตรษุ สารทพระวสาไดอ้ าศัย
โออ้ าวาสราชบูรณะพระวหิ าร มาจําไกลอารามเมอ่ื ยามเย็น
เหลอื ราํ ลึกนกึ น่านาํ้ ตากระเดน็ แตน่ ้นี านนบั ทวิ าจะมาเหน็
จะยกหยิบธิบดีเปน็ ที่ต้งั เพราะขกุ เข็ญคนพาลมารานทาง
จงึ่ จาํ ลาอาวาสนิราศร้าง กใ็ ชถ้ ังแทนสดั เหน็ ขดั ขวาง
มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ๚
ถอดความ ถงึ เดือน ๑๑ ซึ่งออกจากการจําพรรษาแล้ว เม่อื รับกฐินอย่างยินดีเสร็จแล้ว กต็ อ้ งลง
เรอื ไปดว้ ยความ เศร้าโศก ออกจากวดั กม็ องดวู ัดทเ่ี คยอาศัย เมอื่ ปีที่ผา่ นมาไดอ้ ยูอ่ าศยั อีกทัง้
๓ ฤดูทอี่ ยู่มากไ็ ม่มอี ะไรมากวนใจ อีก ท้งั วัดราชบุรณะพระวหิ ารนค้ี งอกี นานกว่าจะได้มาเห็น
นกึ แล้วเศร้าใจย่งิ นกั ทั้งนี้เป็นเพราะมีคนพาลมารงั แกใส่ ร้าย คิดจะนาํ ผใู้ หญ่คอยชว่ ยเหลือทา่ นก็
ไมม่ ีความยตุ ธิ รรม จึงต้องอาํ ลาวดั ไปจนต้องมาอา้ งว้างอยกู่ ลางสายนํ้า
๏ ถงึ หน้าวัง/ดังหน่ึง/ใจจะขาด คดิ ถึงบาท/บพติ ร/อดศิ ร
โอผ้ ่านเกล้า/เจา้ ประคุณ/ของสุนทร แตป่ างก่อนเคยเฝ้าทกุ เช้าเย็น
พระนิพพาน/ปานประหนึ่ง/ศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติ/ยากแคน้ /ถงึ แสนเข็ญ
ทัง้ โรคซํา้ /กรรมซัด/วิบัตเิ ปน็ ไม่เลง็ เห็น/ทซี่ งึ่ /จะพ่งึ พา
จะสร้างพรต/อตส่าห์ส่ง/ส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่าย/สมถะ/ทงั้ วสา
เป็นสง่ิ ของ/ฉลองคุณ/มุลิกา ขอเป็นข้า/เคียงพระบาท/ทุกชาตไิ ป ๚
ถอดความ ถงึ หนา้ วังก็เศร้าโศกมาก คดิ ถงึ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั (รัชกาลท่ี ๒ )
ผ้ซู ึ่งมพี ระคุณกบั สนุ ทรภู่ อยา่ ง มาก เม่อื ก่อนเคยเข้าเฝ้าทา่ นอยา่ งใกล้ชดิ และบ่อยครัง้ เมอ่ื
พระองคส์ วรรคตก็เหมือนกับสนุ ทรภตู่ ายไปดว้ ย เพราะไมม่ ญี าติหรือคนคอย ช่วยเหลือชีวติ จงึ
ยากแคน้ แสนเขญ็ อกี ท้ังมีโรคมกี รรมเข้ามารมุ ล้อม ไมเ่ ห็นใครทจ่ี ะ พึ่งพาได้ จงึ ได้บวชเพ่อื อทุ ศิ
ส่วนกุศลให้แก่รชั กาลท่ี ๒ ประพฤติตนอยูใ่ นศลี ธรรมตลอดเวลา เพ่ือเปน็ ส่งิ ทดแทน คณุ พระองค์
แม้เกิดชาตใิ ดใดก็ขอใหเ้ ปน็ ขา้ รับใช้พระองค์ตลอดไป
๏ ถึงหน้าแพแลเหน็ เรอื ท่ีนงั่ คดิ ถึงคร้งั กอ่ นมาน้ําตาไหล
เคยหมอบรับกับพระจมนื่ ไวย แลว้ ลงในเรอื ท่ีน่งั บลั ลังก์ทอง
เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอ่านฉลอง
จนกฐินสน้ิ แม่นํ้าแลลําคลอง มิไดข้ อ้ งเคืองขดั หัทยา
เคยหมอบใกล้ได้กลนิ่ สคุ นธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชืน่ นาสา
ส้นิ แผน่ ดนิ สิน้ รสสุคนธา วาสนาเราก็ส้นิ เหมอื นกลิ่นสุคนธ์ ๚
ถอดความ เมือ่ ถงึ หน้าแพกเ็ หน็ เรือพระท่นี ั่ง คดิ ถึงเมื่อกอ่ นกเ็ ศรา้ จนนํ้าตาไหล เคยหมอบกราบ
รชั กาลท่ี ๒ กับ พระจม่นื ไวย แลว้ กล็ งไปในเรือบลั ลังก์ทอง เคยแต่งแปลงบทความ เคยรับราช
โองการอา่ นในงานฉลอง จนเรือ ที่มาทอดกฐนิ หมดแล้วกย็ ังมิไดท้ ําใหพ้ ระองคข์ ัดใจแต่อย่างใดเคย
หมอบ กราบใกล้จนได้กลิน่ หอมจากพระวรกาย กล่นิ หอมนนั้ หอมจนตดิ จมกู แตเ่ มอื่ พระองค์
สวรรคตก็สนิ้ กล่ินหอมไปด้วย อกี ทั้งยังเหมือนวาสนาของสนุ ทรภกู่ ็ ส้นิ ตามกลิน่ ไปดว้ ย
ดใู นวังยังเหน็ หอพระอฐั ิ ตงั้ สติเตมิ ถวายฝ่ายกศุ ล
ท้ังปิ่นเกล้าเจ้าพภิ พจบสกล ให้ผ่องพน้ ภัยสําราญผ่านบุรนิ ทร์ ๚
ถอดความ มองไปในวงั ยงั เหน็ หอท่ีเกบ็ พระอฐั ิของรัชกาลที่ ๒ กต็ ้งั สติถวายส่วนบญุ ส่วนกุศล ทงั้
สง่ ส่วนกศุ ลไป ใหร้ ัชกาลท่ี ๓ ใหพ้ น้ ภัยในการปกครองบา้ นเมือง
๏ ถึงอารามนามวดั ประโคนปกั ไม่เห็นหลกั ลอื เล่าวา่ เสาหิน
เป็นสาํ คญั ปันแดนในแผน่ ดนิ มริ สู้ นิ้ สุดช่ือท่ีลอื ชา
ขอเดชะพระพทุ ธคณุ ช่วย แมน้ มอดม้วยกลับชาตวิ าสนา
อายุยนื หมืน่ เท่าเสาศิลา อยู่คฟู่ า้ ดนิ ไดด้ งั ใจปอง
ไปพ้นวดั ทศั นารมิ ท่าน้าํ แพประจําจอดรายเขาขายของ
มีแพรผา้ สารพัดสีมว่ งตอง ท้ังสิ่งของขาวเหลืองเครอ่ื งสําเภา ๚
ถอดความ ถงึ วัดประโคนปกั ก็มองไปไม่เหน็ เสาหนิ ทล่ี ือกัน เปน็ เสาท่สี ําคัญในแผ่นดนิ ถงึ จะไม่
เห็นก็ขอเดชะ พระพุทธคุณชว่ ย ขอให้อายุยืนหมืน่ ๆปเี ท่าดังเสาศลิ า อยู่ค่ฟู า้ ดินไดต้ ลอดไป พอ
เรือลอ่ งเลยวัดก็มองดูรมิ ท่านํ้า มี แพมาจอดขายของอยเู่ รยี งราย มขี ายทัง้ ผ้าแพรสีม่วงและสอี ื่นๆ
ท้ังสง่ิ ของทีมาจากเมืองจนี
๏ ถงึ โรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มคี ันโพงผกู สายไวป้ ลายเสา
โอ้บาปกรรมน้าํ นรกเจียวอกเรา ใหม้ ัวเมาเหมอื นหน่งึ บ้าเป็นนา่ อาย
ทําบญุ บวชกรวดน้าํ ขอสําเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถงึ สุราพารอดไมว่ อดวาย ไมใ่ กลก้ รายแกล้งเมนิ กเ็ กินไป
ไมเ่ มาเหล้าแล้วแต่เรายงั เมารกั สดุ จะหักหา้ มจิตคิดไฉน
ถงึ เมาเหล้าเช้าสายกห็ ายไป แต่เมาใจนี้ประจําทกุ คํ่าคืน ๚
ถอดความ ถงึ โรงเหล้าก็มคี วนั ออกมาจากเตากล่นั มากมาย ริมฝัง่ แมน่ ้าํ เจ้าพระยา แถวบางยขี่ ัน
มเี ครื่องตักน้ําผูกไว้ปลายเสา สนุ ทรภู่เคยด่ืมน้ําเหลา้ จนเมาเหมือนคนบา้ จึงได้บวชเพอ่ื จะไดพ้ ้น
จากอบายมุขขอใหไ้ ด้ตรัสรดู้ งั พระพุทธเจ้า แต่เหลา้ เคยทําให้รอดชีวิต ดงั น้นั จะเมนิ ไปกเ็ กนิ ไป ถงึ
จะไม่เมาเหลา้ แต่ยังเมารกั อยู่ หักหา้ มจิตใจไมใ่ ห้รกั ไม่ได้การเมาเหล้าน้ันพอรงุ่ ขน้ึ ก็ หายไป แตก่ าร
เมารกั นจ้ี ะเปน็ ทกุ ๆคนื
๏ ถงึ บางจากจากวัดพลัดพ่นี อ้ ง มามัวหมองมว้ นหน้าไม่ฝ่าฝืน
เพราะรักใครใ่ จจืดไม่ยืดยนื จงึ ต้องขนื ในพรากมาจากเมือง
ถงึ บางพลูคิดถงึ คูเ่ มอ่ื อยคู่ รอง เคยใส่ซองสง่ ให้ล้วนใบเหลือง
ถงึ บางพลัดเหมือนพพ่ี ลดั มาขดั เคอื ง ทง้ั พลดั เมืองพลดั สมรมาร้อนรน
ถงึ บางโพธิโ์ อ้พระศรมี หาโพธ์ิ รม่ รโิ รธรุกขมลู ให้พนู ผล
ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผอ่ งพ้นภัยพาลสําราญกาย ๚
ถอดความ ถึงบางจากไม่อยากไดย้ ินคําว่าจาก เพราะสนุ ทรภจู่ ากหลายๆอย่างมา ต้องมใี จมัว
หมองเพราะรกั นั้น ไม่ยนื ยาว จงึ ต้องจากเมืองพรากมา
ถึงบางพลคู ดิ ถงึ นางจนั เม่ือแตง่ งานกัน เคยส่งหมากพลโู ดยใส่ซองใหท้ ้ังหมดเปน็ ใบเหลอื ง
ซึง่ อร่อย มาก ถงึ บางพลัดก็ไม่อยากไดย้ นิ คําวา่ พลดั เพราะได้พลัดจากนางจัน ทงั้ ยงั พลดั จากเมือง
และอืน่ ๆอยา่ งร้อนรน
๙. ถงึ บางโพก็คดิ ถึงตน้ โพธ์ิ ให้ร่มเงา ใหค้ วามรม่ เยน็ ทง้ั ยังทําใหโ้ คนต้นไม้งอกงามไดข้ อเดชะของ
พระพุทธเจ้า ให้พน้ ภยั พาลตลอดไป
๏ ถงึ บ้านญวนลว้ นแต่โรงแลสะพรง่ั มขี อ้ งขังกงุ้ ปลาไว้ค้าขาย
ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย พวกหญงิ ชายพรอ้ มเพรยี งมาเมียงมอง
จะเหลยี วกลบั ลบั เขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง
ถงึ เขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเม่ือวานซืน ๚
โพงพาง ข้อง
ถอดความ ถึงบ้านญวนเหน็ มโี รงแลมากมาย มคี นค้าขายของเชน่ กุ้งหรือปลาโดยการขังไวใ้ นขอ้ ง
ข้างหนา้ โรง วางท่ีสําหรับดกั ปลาวางเรยี งไว้ มีท้งั ผหู้ ญงิ และผู้ชายมาจบั จา่ ยซอื้ ของ จะมองกลับไป
ยงั ประเทศบ้านเกิดกท็ รมาน เหมอื นโดนไฟไหม้ จติ ใจกห็ มน่ หมอง ลอ่ งเรือมาจนถงึ วัดเขมา กร็ วู้ ่า
พึง่ เลิกงานฉลองไปเมื่อวานซนื
๏ โอ้ปางหลังครง้ั สมเด็จพระบรมโกศ มาผกู โบสถก์ ไ็ ดม้ าบูชาชน่ื
ชมพระพมิ พร์ มิ ผนังยังยั่งยืน ทัง้ แปดหม่ืนสีพ่ นั ไดว้ นั ทา
โอ้ครั้งนี้มไิ ดเ้ ห็นเลน่ ฉลอง เพราะตวั ต้องตกประดาษวาสนา
เปน็ บุญนอ้ ยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเขา้ วนเวียน
ดูนํ้าวิ่งกลง้ิ เช่ียวเป็นเกลยี วกลอก กลับกระฉอกฉาดฉนั ฉวัดเฉวยี น
บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวยี น ดเู ปลย่ี นเปลี่ยนควา้ งคว้างเป็นหว่างวน
ทง้ั หวั ท้ายกรายแจวกระชากจว้ ง ครรไลลว่ งเลยทางมากลางหน
โอเ้ รือพ้นวนมาในสาชล ใจยงั วนหวังสวาทไมค่ ลาดคลา ๚
ถอดความ คิดถึงเมอ่ื ก่อนซ่งึ รัชกาลท่ี ๒ ได้มาตัดหวายลูกนิมิต ได้ชมพระพมิ พท์ ั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์
ซ่ึงเทา่ กบั จาํ นวนพระธรรมที่อย่ใู นพระไตรปฎิ กที่อยู่รมิ ผนงั แตค่ ร้ังน้ีไม่ได้เห็นการเลน่ ฉลองเพราะ
สนุ ทรภู่ตอ้ งหมดวาสนา และลาํ บาก เป็นเพราะบญุ น้อยกน็ ึกเศร้า แตแ่ ลว้ เรือก็ตดิ น้ําวน มองเห็น
นาํ้ วิง่ เช่ยี วหมนุ เปน็ เกลยี ว พุง่ ไปมาตัดกนั บางส่วนก็พงุ่ วนเหมือนกงเกวียน ดูเวยี นๆเป็นเหมอื น
พายวุ น ท้ังหัวทา้ ยเรอื ได้รับแจวเรือดงั นั้นเรอื จึงหลดุ น้าํ วน ออกมาไดแ้ ตถ่ งึ เรือจะพ้นนํ้าวนมา
แลว้ แตใ่ จก็ยังไม่พน้ จากความรัก
๏ ตลาดแกว้ แลว้ ไม่เห็นตลาดตง้ั สองฟากฝั่งกแ็ ตล่ ว้ นสวนพฤกษา
โอ้รนิ รนิ กล่นิ ดอกไมใ้ กลค้ งคา เหมือนกล่นิ ผา้ แพรดาํ ร่ํามะเกลอื
เห็นโศกใหญใ่ กล้นํ้าระกําแฝง ทงั้ รกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลอื
เหมือนโศกพ่ีทรี่ ะกํากซ็ า้ํ เจือ เพราะรักเรือ้ แรมสวาทมาคลาดคลาย
ถงึ แขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย
ท้งั ของสวนล้วนแต่เรอื เรียงราย พวกหญงิ ชายชมุ กนั ทกุ วนั คนื ๚
ถอดความ ถึงตลาดแกว้ แตไ่ มเ่ หน็ มตี ลาดต้งั ขายของทงั้ สองฝง่ั เหน็ แต่ต้นไมพ้ ืชพันธุ์ ตา่ งๆ ไดก้ ลนิ่
ดอกไม้หอม ไปเรอ่ื ยๆตลอดทางและกลิ่นเหมอื นผา้ แพรท่ีย้อมดว้ ยมะเกลือ เห็นต้นโศกใหญแ่ ละ
ต้นระกําเปน็ แผงแตแ่ ปลกท่ีมี ตน้ รักขึ้นแซมอย่ดู ว้ ย เหมอื นความโศกเศร้าระกําใจทีส่ ุนทรภู่ตอ้ ง
เป็นเพราะรักแมจ่ นั
ต้นโศก ต้นระกํา ตน้ รกั
๑๓. ถงึ จงั หวัดนนทบรุ กี ็เห็นมตี ลาดน้าํ มีแพอยู่ซึ่งขายเสอื้ ผ้าเครือ่ งนงุ่ ห่ม มที ้ังเรือจอดอยู่เพอื่ ขาย
ผลไม้ จากสวนแทม้ ีทง้ั ผหู้ ญงิ ผู้ชายมาประชุมซือ้ ของกันทุกวนั ทุกคืน
๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอน้ื
โอ้สุธา/หนาแนน่ /เป็นแผ่นพืน้ ถึงสีห่ มน่ื /สองแสน/ทัง้ แดนไตร
เมื่อเคราะหร์ า้ ย/กายเรา/กเ็ ทา่ นี้ ไมม่ ที /่ี พสธุ า/จะอาศยั
ล้วนหนามเหน็บ/เจ็บแสบ/คบั แคบใจ เหมอื นนกไร้/รังเร่/อยู่เอกา ๚
ถอดความ มาถงึ หมู่บ้านบางธรณกี โ็ ศกเศร้ามากข้นึ มาก เพราะตอนลาํ บากพาให้ใจสะอ้นื มาก ท้งั
ทีแ่ ผ่นดิน หนาขนาดสองแสนสหี่ มืน่ โยชนแ์ ต่เมื่อถงึ คราวลําบากแม้แต่แผ่น ดนิ กไ็ มม่ ีทอ่ี าศัย
เหมือนโดนหนามเสียดแทง เจบ็ แสบมาก เหมือนกับนกไม่มรี ังทจี่ ะอาศัยต้องเร่ร่อนไปเรอื่ ย ๆ
๏ ถึงเกรด็ ย่านบา้ นมอญแต่ก่อนเกา่ ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
เดี๋ยวนม้ี อญถอนไรจกุ เหมือนตุก๊ ตา ทงั้ ผดั หนา้ จบั เขม่าเหมอื นชาวไทย
โอส้ ามัญผันแปรไมแ่ ท้เที่ยง เหมือนอยา่ งเยีย่ งชายหญิงทิ้งวิสัย
นหี่ รือจติ คดิ หมายมีหลายใจ ทีจ่ ติ ใครจะเป็นหนงึ่ อยา่ พึงคดิ ๚
ถอดความ ถงึ ตําบลปากเกรด็ ซึ่งเปน็ บรเิ วณทช่ี าวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผหู้ ญงิ มอญจะ
เกล้าผม แต่สมยั น้ผี ู้หญิงมอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ท้งั ยงั ใช้เครื่องสาํ อาง ใชแ้ ปง้ ผัดหน้าซึ่ง
เหมอื นกบั ชาวไทย ทําให้เห็นได้ ว่าสมัยน้ที ุกสง่ิ ทุกอย่างไม่มีความเท่ียงแท้เหมือนดงั ที่ชาวมอญละ
ท้ิงประเพณีวฒั นธรรมของตนเองแลว้ จะ นับประสาอะไรกบั จติ ใจของคน ซึ่งไม่มีใครมีใจ
เดียวแตม่ ีหลายใจ
๏ ถึงบางพูดพดู ดเี ปน็ ศรีศักดิ์ มคี นรกั รสถ้อยอรอ่ ยจิต
แมน้ พดู ชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ๚
ถอดความ ถงึ หมูบ่ ้านบางพูดสุนทรภูก่ ็นกึ ถงึ คําวา่ พูด ดงั ว่า ถา้ ใครพูดดีกจ็ ะมคี นรักแต่ถ้าพดู ไมด่ ี
ก็อาจจะเป็น ภยั ต่อตนเองได้อกี ทั้งยังไม่มใี ครคบ ไม่มเี พอื่ นสนทิ มิตรสหาย ทัง้ การจะดูว่าใครดีไมด่ ี
ดูได้จากการพดู
๏ ถึงบา้ นใหมใ่ จจติ กค็ ิดอา่ น จะหาบา้ นใหม่มาดเหมือนปรารถนา
ขอให้สมคะเนเถดิ เทวา จะได้ผาสุกสวัสดจ์ิ าํ กัดภยั
ถึงบางเดอ่ื โอม้ ะเดอ่ื เหลือประหลาด บังเกดิ ชาตแิ มลงหวี่มใี นไส้
เหมอื นคนพาลหวานนอกยอ่ มขมใน อุปไมยเหมือนมะเดอื่ เหลอื ระอา
ถึงบางหลวงเชงิ รากเหมือนจากรัก สูเ้ สยี ศักดิส์ งั วาสพระศาสนา
เป็นลว่ งพ้นรนราคราคา ถงึ นางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดี ๚
ถอดความ ถึงหม่บู ้านบ้านใหม่สุนทรภกู่ ค็ ดิ อยากจะได้บา้ นซักหลงั ตามที่ตอ้ งการโดยขอกับเทวดา
ให้สมดงั ปรารถนา เพราะ การมบี ้านใหมจ่ ะได้มีความสุขและมที ่ีอาศยั อย่างปลอดภัย
ถึงหมบู่ า้ นบางเดื่อก็คดิ ถงึ ลกู มะเด่ือท่ีภายนอกน้นั ดูสวยงามน่ารับประทาน แต่ภายใน
กลบั มีแมลงมี หนอนชอนไชอยู่ เหมอื นกบั คนพาลท่ีปากพดู ดแี ตใ่ นใจคดิ ทาํ อนั ตราย
ถึงบางหลวงเหมือนจากนางจนั มานานแลว้ เราต้องสละจากยศถาบรรดาศักดเิ์ พอื่ มาบวช
เพื่อจะได้ พ้นจากกเิ ลสท้ังหลายท้งั ปวง ถงึ จะมีนางฟ้ามายัว่ กไ็ ม่สนใจ
๏ ถึงสามโคกโศกถวิลถงึ ปน่ิ เกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบํารุงซึง่ กรุงศรี
ประทานนามสามโคกเปน็ เมืองตรี ชอื่ ปทุมธานีเพราะมีบวั
โอพ้ ระคณุ สูญลบั ไมก่ ลับหลัง แต่ช่อื ต้งั กย็ งั อยู่เขาร้ทู ่ัว
โอ้เรานที้ สี่ นุ ทรประทานตัว ไมร่ อดช่วั เช่นสามโคกยง่ิ โศกใจ
สิน้ แผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ตอ้ งเท่ียวเตรด็ เตร่หาทีอ่ าศยั
แม้นกําเนดิ เกดิ ชาตใิ ดใด ขอใหไ้ ด้เปน็ ขา้ ฝา่ ธุลี
สนิ้ แผ่นดินขอให้ส้นิ ชวี ิตบ้าง อย่ารรู้ ้างบงกชบทศรี
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวนั นกี้ ซ็ งั ตายทรงกายมา ๚
ถอดความ ถึงสามโคกก็คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัยซ่ึงพระองคป์ กครอง เมือง
กรุงเทพฯ พระองคไ์ ด้พระราชทานนามเมืองจากสามโคกซึ่งเปน็ หัวเมอื งชนั้ สามเปน็ เมืองปทุมธานี
เป็นเพราะมีบวั เยอะ ถึง พระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแลว้ แตช่ อ่ื ปทมุ ธานคี งอยู่ตลอดไป แต่ทําไม
ช่ือของสนุ ทรภู่ช่ือขนุ สุนทรโวหารท่ี ได้รบั พระราชทานนามมาแตก่ ลับไม่มีชอ่ื ในแผน่ ดินหลงั จาก
พระองค์สวรรคตเลยซึ่งตา่ งกบั ปทุมธานี สนุ ทรภู่ ตอ้ งเรร่ ่อนหาท่อี าศัยเพราะขณะน้ไี ม่มบี ้าน
สุนทรภ่ขู อใหเ้ กดิ ทุกชาตไิ ดเ้ ปน็ ขา้ รับใช้พระองคต์ ลอดไป พอพระองค์สวรรคตสนุ ทรภู่ก็ขออยาก
ตายตามบา้ งเพอ่ื จะไดร้ บั ใชแ้ ละพงึ่ พระองค์ เดย๋ี วนก้ี ็เศรา้ โศกใจทุกข์ระทม อย่างทวคี ูณมาก ตอ้ ง
เรร่ อ่ นไปเร่ือย ๆ ชวี ิตไม่มีจุดมุ่งหมาย
๏ ถงึ บา้ นง้ิวเห็นแตง่ ิว้ ละลิ่วสูง ไมม่ ีฝงู สัตว์สิงกิ่งพฤกษา
ดว้ ยหนามดกรกดาษระดะตา นึกกน็ ่ากลัวหนามขามขามใจ
งวิ้ นรกสิบหกองคลุ แี หลม ดังขวากแซมเสย้ี มแซกแตกไสว
ใครทาํ ชคู้ ู่ทา่ นคร้นั บรรลยั ก็ตอ้ งไปปนี ต้นน่าขนพอง
เราเกิดมาอายุเพยี งนี้แลว้ ยงั คลาดแคลว้ ครองตวั ไมม่ วั หมอง
ทกุ วันน้วี ิปรติ ผดิ ทํานอง เจียนจะตอ้ งปนี บา้ งหรืออยา่ งไร ๚
ถอดความ ถงึ หมู่บ้านบา้ นงวิ้ กเ็ ห็นมแี ต่ต้นงว้ิ ซ่งึ ไม่มนี กหรือสัตว์อ่นื ๆ อยู่บนกิ่ง เลยเพราะตน้ งว้ิ
มหี นามขนึ้ อยู่ มากมายนึกถึงก็น่ากลวั หนามเพราะถ้าโดนคงเจ็บมากแตง่ ้ิวในนรกยาวถงึ ๑๖ ขอ้
นิ้วแหลมเหมอื นกับไม้ไผ่เหลา ทาํ กบั ดัก ซ่งึ ใครมีชู้เมอ่ื ตายไปแลว้ ก็ต้องไปปนี ตน้ งวิ้ ในนรก แต่
สนุ ทรภู่เกิดมาอายุมากแล้วแตย่ งั ครองตัวอยใู่ น ศีลธรรมไมม่ ีชแู้ ต่ทุกวนั น้ีผ้คู นวปิ รติ มีชู้กันมากคง
ต้องไปปีนต้นง้วิ ในนรกกันบ้าง
๏ โอค้ ิดมาสารพดั จะตดั ขาด ตดั สวาทตดั รกั มยิ กั ไหว
ถวิลหวงั นั่งนกึ อนาถใจ ถงึ เกาะใหญร่ าชครามพอยามเย็น
ดูหา่ งย่านบ้านช่องท้ังสองฝั่ง ระวงั ทงั้ สตั วน์ ้ําจะทําเข็ญ
เป็นท่ีอยู่ผู้ร้ายไมว่ ายเวน้ เทย่ี วซ่อนเรน้ ตเี รือเหลือระอา ๚
ถอดความ ทั้งหมดที่คิดมานน้ั สนุ ทรภ่สู ามารถตดั ขาดได้แตก่ ารตัดความรักนัน้ ยากย่งิ นัก นัง่ นกึ
อนาถใจไปจน เยน็ กถ็ ึงเกาะใหญร่ าชคราม มองไปเห็นบ้านเรอื นต่าง ๆ อยหู่ า่ งจากสองฝง่ั มาก ใน
ทีน่ ี้ตอ้ งระวังจระเข้จะทาํ ร้าย ทงั้ ที่น่ียงั เป็นท่อี ยู่ของผูร้ ้ายซ่งึ มาคอยดักตีเรือ สุนทรภคู่ ิดแลว้ นา่
เบอ่ื ยิ่งนัก
๏ พระสรุ ิยงลงลบั พยับฝน ดูมัวมนมืดมดิ ทกุ ทิศา
ถงึ ทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเร้ียว
เป็นเงางาํ้ น้ําเจ่ิงดูเว้ิงวา้ ง ท้ังกวา้ งขวางขวัญหายไม่วายเหลียว
เห็นดมุ่ ดมุ่ หนุม่ สาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรอื เพรียวพรอ้ มหนา้ พวกปลาเลย
เขาถอ่ คลอ่ งวอ่ งไวไปเป็นยืด เรอื เราฝืดเฝือมานจิ จาเอย๋
ตอ้ งถ่อค้ําร่าํ ไปทง้ั ไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเขา้ พงรก
กลบั ถอยหลงั รงั้ รอเฝา้ ถอ่ ถอน เรือขยอ่ นโยกโยนกระโถนหก
เงียบสงัดสตั วป์ ่าคณานก น้าํ คา้ งตกพรา่ งพรายพระพายพัด
ไม่เห็นคลองต้องคา้ งอยู่กลางทุ่ง พอหยุดยงุ ฉชู่ ุมมารุมกัด
เปน็ กลมุ่ กลมุ่ กลมุ้ กายเหมือนทรายซดั ตอ้ งนัง่ ปดั แปะไปมไิ ดน้ อน ๚
ถอดความ เม่ือพระอาทิตยต์ กกม็ เี มฆมดื ครม้ึ มาจนดมู ดื มวั ไปทกุ ทิศทุกทาง พายเรอื ถึงทางลดั ซ่งึ
เปน็ ทางตดั กลางนาก็เห็นมีตน้ แฝกตน้ คาตน้ แขมตน้ กกข้ึน ปะปนกนั อยู่มากมาย เงาของตน้ พวกน้ี
ทอดลงน้ําทําใหด้ เู ว้ิงว้างดู กวา้ งขวางเหลียวมองทไี รกร็ สู้ กึ ขวญั หายทกุ ที มองเห็นเงาของหญิง
ชายทัง้ ยงั มเี สียงคุยกนั เรอื ของพวกเขาเพรียว เล็กและมปี ลาอยูบ่ นเรอื อกี ด้วย พวกเขาถอ่ เรือ
คล่องแคลว่ เดินทางไปอย่างรวดเร็ว แตเ่ รอื ของสนุ ทรภ่ไู ปช้ามาก ช่างน่าสงสารลูกศิษย์ท่ีตอ้ งถ่อ
เรอื อย่างเหน็ดเหนื่อยท้งั ๆทไี่ ม่เคยเส้นทาง บางทีเรือกเ็ สยเขา้ พงหญ้ารกรงุ รงั จะถอยหลงั กถ็ อย
ยาก เรอื ก็โคลงจนกระโถนใสห่ มากหก พอเงี่ยหฟู ังก็ไม่ได้ยนิ เสยี งสัตวเ์ ลย มีแต่น้าํ คา้ งตก เพราะ
ลมพัด มองไปไม่เห็นคลองเลยต้องค้างอยู่กลางท่งุ แตพ่ อหยดุ เรอื ยงุ ก็มารมุ กัดเจ็บเหมือนโดน
ทรายซัด เลยไม่ได้นอนเพราะตอ้ งน่ังตบยุง
ต้นคา
ตน้ กก
๏ แสนวิตกอกเอ๋ยมาอา้ งว้าง ตน้ แขม
จนดกึ ดาวพราวพร่างกลางอมั พร
ทงั้ กบเขียดเกรียดกรีดจังหรดี เรื่อย ในทุง่ กวา้ งเห็นแต่แขมแซมสลอน
วังเวงจิตคดิ คะนงึ รําพงึ ความ กาเรยี นร่อนรอ้ งกอ้ งเมอ่ื สองยาม
สํารวลกบั เพ่อื นรักสะพรกั พร้อม พระพายเฉื่อยฉิวฉวิ วะหวิวหวาม
โอย้ ามเขญ็ เหน็ อยแู่ ตห่ นูพัด ถึงเม่ือยามยังอดุ มโสมนัส
จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก อยแู่ วดลอ้ มหลายคนปรนนิบัติ
เห็นร่องน้าํ ลาํ คลองทั้งสองฝ่าย ชว่ ยนัง่ ปดั ยงุ ให้ไมไ่ กลกาย
จนแจม่ แจง้ แสงตะวันเหน็ พนั ธ์ผุ กั ระดะดอกบวั เผือ่ นเมอื่ เดือนหงาย
เหล่าบัวเผอ่ื นแลสล้างริมทางจร ข้างหนา้ ท้ายถ่อมาในสาคร
สายติ่งแกมแซมสลับตน้ ตบั เตา่ ดูนา่ รกั บรรจงส่งเกสร
กระจบั จอกดอกบวั บานผกา ก้ามกุ้งซ้อนเสยี ดสาหร่ายใต้คงคา
โอเ้ ช่นนีส้ กี าได้มาเห็น เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา
ทม่ี ีเรอื นอ้ ยนอ้ ยจะลอยพาย ดาษดาดขู าวดง่ั ดาวพราย
ถึงตัวเราเล่าถ้ายังมีโยมหญิง จะลงเลน่ กลางทงุ่ เหมือนมุ่งหมาย
คงจะใชใ้ หศ้ ษิ ยท์ ีต่ ิดมา เทีย่ วถอนสายบวั ผันสนั ตวา
น่ีจนใจไมม่ ีเท่าข้ีเลบ็ ไหนจะน่ิงดดู ายอายบปุ ผา
พอรอนรอนออ่ นแสงพระสุรยิ น อุตสา่ ห์หาเอาไปฝากตามยากจน
ข้เี กยี จเก็บเลยทางมากลางหน
ถึงตาํ บลกรงุ เกา่ ยิ่งเศร้าใจ ๚
ถอดความ สุนทรภรู่ ้สู กึ อา้ งวา้ งมาก มองไปในทุง่ กวา้ งเห็นมีแตต่ น้ แขมขน้ึ อยปู่ ะปนกนั จนดึกกม็ ี
ดาวอยกู่ ลาง ทอ้ งฟา้ มนี กกระเรยี นบินรอ่ นและรอ้ งกอ้ งเม่อื ตอนเท่ียงคนื มเี สียงกบเขียดร้อง
เรอ่ื ย ๆ มีลมพดั เฉื่อยๆ สุนทรภูร่ สู้ ึก วังเวงก็คดิ รําพึงเม่อื ตอนมยี ศถาบรรดาศักดิ์ ได้หัวเราะเฮฮา
กับเพือ่ น มีคนคอยปรนนิบัติรับใชแ้ ตย่ ามลําบากเห็น แต่หนูพดั ลูกชายคอยชว่ ยนั่งปัดยงุ ให้จน
พระจันทร์ข้นึ กเ็ หน็ ตน้ กระจบั จอก มดี อกบวั เผื่อนข้นึ มากเมอ่ื คืนเดอื น หงาย มองเห็นคลองทง้ั
สองด้านหวั ท้ายเรือกร็ บี ถ่อเรือลงคลอง จนพระอาทิตยข์ ึน้ ก็เหน็ พนั ธุผ์ ักดูนา่ รักส่งเกสรแก่ กนั มี
บวั เผือ่ นอยู่สองข้างทางที่เรือพายไป มีต้นก้ามกงุ้ ขึ้นอย่กู ับสาหร่ายใตน้ ํ้า มตี น้ สายติ่งข้ึนสลบั กบั ต้น
ตบั เตา่ เป็นกลมุ่ ๆมองไปเหมอื นกบั ดาวบนท้องฟ้า เหลา่ นถี้ ้าผหู้ ญงิ ไดม้ าเหน็ ก็คงจะลงเลน่ กลางทุ่ง
ท่มี เี รอื กค็ งจะพายไป เกบ็ สายบัว ถา้ สนุ ทรภูม่ ีโยมผู้หญิงก็คงไมน่ ่งิ เฉยใหอ้ ายดอกไมค้ งจะใชใ้ ห้
ศิษยไ์ ปเกบ็ ของฝากเทา่ ท่ีทาํ ได้ ในตอนน้ี แต่นจี่ นใจไม่มีเงินซักนิด ท้ังยังขเ้ี กียจเก็บจึงเลยมา พอมี
แสงออ่ นๆของพระอาทิตยก์ ถ็ ึงกรงุ ศรอี ยุธยา สนุ ทรภู่ร้สู ึกเศร้าใจ
นกกระเรยี น กบนา
กบภูเขา เขียดตะปาด
ตน้ กระจบั
จอก
บัวเผอ่ื น กา้ มกุ้ง
สาหร่าย ตน้ ตบั เต่า
๏ มาทางทา่ หน้าจวนจอมผู้ร้งั คิดถึงครัง้ กอ่ นมานํา้ ตาไหล
จะแวะหาถา้ ท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย กจ็ ะไดร้ ับนมิ นต์ขนึ้ บนจวน
แตย่ ามยากหากวา่ ถ้าทา่ นแปลก อกมิแตกเสยี หรือเราเขาจะสรวล
เหมอื นเข็ญใจใฝ่สูงไมส่ มควร จะตอ้ งมว้ นหน้ากลบั อัปประมาณ ๚
ถอดความ เมอ่ื ถึงหน้าจวนของเพอ่ื นของสุนทรภู่ สุนทรภกู่ ค็ ดิ ถึงเม่ือกอ่ นจนนา้ํ ตาไหล สนุ ทรภู่
ตง้ั ใจจะแวะ หาถ้ายังเหมือนเมอื่ ก่อนก็คงจะได้รับนิมนต์ข้นึ บนจวน แตถ่ ้าหากวา่ ท่านแปลกไปกค็ ง
จะโดนหวั เราะเยาะจะตอ้ ง อายมาก รู้สกึ ไม่กลา้ ใฝส่ งู เปน็ เพ่ือนไดจ้ ึงได้เดนิ ทางตอ่ ไปยงั เจดียภ์ ูเขา
ทอง
๏ มาจอดท่าหนา้ วัดพระเมรขุ า้ ม ริมอารามเรือเรยี งเคียงขนาน
บา้ งขึ้นลอ่ งร้องลําเล่นสําราญ ทง้ั เพลงการเก้ียวแกก้ ันแซเ่ ซง็
บา้ งฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคลา้ ยกบั นายเสง็
มโี คมรายแลอร่ามเหมือนสําเพง็ เม่ือคราวเครง่ ก็มใิ คร่จะไดด้ ู
อา้ ยลําหนึง่ คร่งึ ทอ่ นกลอนมันมาก ช่างยาวลากเล้ือยเจอ้ื ยจนเหนือ่ ยหู
ไม่จบบทลดเลีย้ วเหมอื นเงี้ยวงู จนลูกค่ขู อทุเลาวา่ หาวนอน ๚
ถอดความ จอดเรือทขี่ ้างวัดพระเมรซุ ึง่ รมิ วัดมีเรอื จอดเรียงอยู่ บางลํามคี นร้องเล่นเตน้ สาํ ราญ
บางลาํ ก็ร้องเพลง เกีย้ วกนั บางลําฉลองผ้าป่าด้วยการขับเสภา ทัง้ ยงั มคี นตีระนาดซง่ึ ตเี กง่ เหมือน
นายเสง็ (คนเก่งระนาดสมัยสนุ ทรภ)ู่ มโี คมแขวนอยูเ่ รยี งราเหมือนอยู่สามเพง็ เมอ่ื คราวเคร่งใน
พระศาสนากไ็ มไ่ ดด้ มู เี รือลําหน่งึ กลอนมันมาก ร้อง กลอนยากลากเลือ้ ยฟงั แล้วเหนื่อยหูกลอนลด
เล้ียวเหมอื นทางงู จนลกู คู่บอกวา่ ง่วงนอน
๏ ได้ฟังเลน่ ต่างตา่ งท่ขี า้ งวัด จนสงัดเงยี บหลับลงกบั หมอน
ประมาณสามยามคลํ้าในอัมพร อา้ ยโจรจรจจู่ ้วงเขา้ ล้วงเรือ
นาวาเอยี งเสยี งกุกลุกข้นึ ร้อง มนั ดาํ ลอ่ งนํา้ ไปช่างไวเหลือ
ไมเ่ หน็ หนา้ สานุศษิ ย์ทีช่ ิดเชื้อ เหมือนเนอื้ เบื้อบา้ เคอะดูเซอะซะ
แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทยี นส่อง ไมเ่ สียของขาวเหลอื งเครอ่ื งอฏั ฐะ
ด้วยเดชะตบะบญุ กับคณุ พระ ชัยชนะมารไดด้ งั ใจปอง ๚
ถอดความ ได้ฟังการละเลน่ ตา่ ง ๆ ที่ข้างวัดพอดกึ กน็ อน ประมาณสามยามก็มีโจรขน้ึ เรือ พอมี
เสยี งกุกกักสนุ ทรภู่ก็ลุกขึน้ โวยวาย โจรกร็ ีบดาํ นํ้าไปอย่างวอ่ งไว มองไปไมเ่ หน็ หน้าลูกศษิ ย์กร็ ้สู กึ
ทําอะไรไมถ่ กู ด้วยความกลัวแต่หนพู ัดจุด เทยี นสอ่ งดูวา่ มอี ะไรหายไป บา้ ง แตไ่ มม่ ีเลยแม้แต่
เคร่ืองอัฐบรขิ าร ทง้ั นีด้ ว้ ยเดชะตบะบุญและพระพุทธ ทําให้ชนะมารได้
๏ ครั้นรุ่งเชา้ เขา้ เป็นวนั อุโบสถ เจริญรสธรรมาบชู าฉลอง
ไปเจดียท์ ่ีชื่อภูเขาทอง ดูสูงลอ่ งลอยฟา้ นภาลัย
อยกู่ ลางทุ่งรุ่งโรจนส์ ันโดษเด่น เป็นท่ีเลน่ นาวาคงคาใส
ทพ่ี นื้ ลานฐานบัทมถ์ ดั บันได คงคงลัยล้อมรอบเปน็ ขอบคนั
มีเจดยี ว์ หิ ารเปน็ ลานวดั ในจังหวดั วงแขวงกําแพงก้นั
ทอ่ี งค์กอ่ ย่อเหล่ียมสลบั กัน เป็นสามช้นั เชิงชานตระหง่านงาม
บันไดมสี ่ีด้านสาํ ราญร่ืน ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม
ประทักษณิ จินตนาพยายาม ได้เสรจ็ สามรอบคํานับอภิวันท์
มหี ้องถ้าํ สําหรับจุดเทยี นถวาย ดว้ ยพระพายพัดเวยี นอยู่เหียนหนั
เปน็ ลมทกั ขิณาวัฏน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนีช้ ราหนกั หนานัก
ทง้ั องค์ฐานราญร้าวถึงเก้าแสก เผลอแยกยอดสดุ กห็ ลุดหกั
โอเ้ จดยี ์ท่ีสร้างยงั ร้างรัก เสยี ดายนกั นกึ นา่ นํ้าตากระเดน็
กระนี้หรือชอื่ เสยี งเกยี รตยิ ศ จะมหิ มดล่วงหนา้ ทันตาเห็น
เป็นผดู้ ีมีมากแล้วยากเย็น คิดกเ็ ป็นอนจิ จงั เสียท้งั นน้ั ๚
ถอดความ วันรุ่งขน้ึ จะเป็นวนั พระซ่ึงจะได้บชู าพระธรรม ไดไ้ ปเจดีย์ภูเขาทองซ่งึ ดูสูงเสยี ดฟา้ อยู่
กลางทุ่งดู โดดเด่นมนี ้าํ ใสอยรู่ อบๆที่ฐานพื้นที่เปน็ รูปกลบี บัวถดั จาก บนั ไดมีน้ําไหลล้อมรอบเปน็
ขอบ มเี จดยี ม์ ีวิหารมลี านวัด มกี าํ แพงกน้ั อยู่การย่อเหลย่ี มไม้ ๑๒ มุม อย่างสวยงาม มเี ป็นสามชนั้
อยา่ งงดงาม บนั ไดมี ๔ ด้าน คณะของ สุนทรภูช่ วนกันขนึ้ ไปชัน้ ๓ ตั้งใจเดินวนขวา ๓ รอบจนครบ
กก็ ราบเจดียม์ หี อ้ งทเ่ี ป็นถ้าํ สําหรับจุดเทียนเพราะลม จะพดั แรงพาธปู เทียนดับ ตอนน้นั บงั เกดิ สง่ิ
อศั จรรย์มีลมพัดเวียนขวาราวกบั จะเวียนเทยี นด้วย ทุกวนั นพ้ี ระเจดีย์ เก่าและทรดุ โทรมมาก ท่ี
ฐานร้าวถงึ เก้าแฉก ท่ียอดก็หัก องค์พระเจดียก์ ท็ รดุ เป็นเพราะเจดยี ์ไมม่ คี นคอยดแู ล นกึ แล้ว
เสียดายจนน่าร้องไหแ้ ล้ววจะเทียบอะไรกับช่อื เสียงเกยี รตยิ ศของมนุษย์ กค็ งหมดไปในไม่นาน
เหมอื นกบั เปน็ ผ้ดู ีแล้วลําบาก เป็นคนมงั่ มแี ลว้ ยากจน คดิ แล้วทุกอยา่ งไมแ่ ท้เทย่ี ง
๏ ขอเดชะพระเจดยี ค์ รี ีมาศ บรรจธุ าตุทต่ี ้งั นรงั สรรค์
ขา้ อุตสา่ หม์ าเคารพอภิวนั ท์ เป็นอนนั ต์อานิสงสด์ ํารงกาย
จะเกดิ ชาตใิ ดใดในมนุษย์ ใหบ้ รสิ ุทธสิ์ มจติ ท่ีคดิ หมาย
ทั้งทกุ ขโ์ ศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณป์ ระยูรวงศ์
ท้งั โลโภโทโสแลโมหะ ใหช้ นะใจไดอ้ ยา่ ใหลหลง
ขอฟ้งุ เฟอ่ื งเรอื งวิชาปัญญายง ทัง้ ให้ทรงศีลขนั ธ์ในสนั ดาน
อกี สองสงิ่ หญิงรา้ ยแลชายช่วั อย่าเมามัวหมายรกั สมคั รสมาน
ขอสมหวงั ต้งั ประโยชนโ์ พธิญาณ ตราบนพิ พานภาคหน้าให้ถาวร ๚
ถอดความ ขอเดชะแหง่ เจดยี ์ภเู ขาทองซ่งึ บรรจพุ ระบรมสาริกธาตสุ ุนทรภขู่ อใหท้ ไี่ ดม้ ากราบใน
ครงั้ นใ้ี หเ้ ป็น บุญเพื่อเป็นอานสิ งสใ์ ห้พ้นภัย ต่าง ๆ ถ้าจะเกดิ ชาตไิ หน ๆ กข็ อให้ตนบริสุทธ์ิทง้ั กาย
และใจ ทั้งความทกุ ข์ความโศก อย่าได้มาใกล้ สบายไปตลอดกาล ทง้ั ความโลภ โกรธ หลง ขอให้
ตนชนะได้ ขอใหม้ ีสติปญั ญาหลักแหลม ใหม้ ี ศีลธรรมอยู่ในใจ ทง้ั ผู้หญงิ รา้ ยและผชู้ ายชว่ั กข็ อให้
อยา่ ได้รู้จักคบหากัน ขอให้สมดังหวังแม้แต่ชาตหิ น้ากข็ อให้ เปน็ ดังหวงั
๏ พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถติ ในเกสร
สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองซอ้ นเชิญองคล์ งนาวา
กับหนพู ดั นมัสการสําเรจ็ แล้ว ใส่ขวดแก้ววางไวใ้ กลเ้ กศา
มานอนกรุงรงุ่ ขึน้ จะบชู า ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ
แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคดิ มาน้ําตาไหล
โอบ้ ุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียนา้ํ ใจเจยี นจะดน้ิ ส้ินชีวัน
สดุ จะอยดู่ ูอ่นื ไม่ฝนื โศก กาํ เรบิ โรครอ้ นฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน
พอตรู่ตรู่สุริยฉ์ ายข้นึ พรายพรรณ ให้ล่องวนั หนึ่งมาถึงธานี ๚
ถอดความ พอกม้ ลงกราบพระพุทธรูปเงยข้ึนมาก็เหน็ ดอกบวั และก็เหน็ พระบรมสารีริกธาตุอยใู่ น
เกสรก็ดีใจมากและชอ้ นประคองลงเรอื พอหนูพดั กราบไว้เสรจ็ แล้วก็ใส่พระบรมสารรี กิ ธาตไุ ว้ใน
ขวดแก้วแลว้ กว็ างไวใ้ กลศ้ รี ษะเมื่อนอน ตง้ั ใจว่าจะไปนอนท่ี กรุงศรีอยุธยาและรงุ่ เช้าจะบูชาพระ
บรมสารีรกิ ธาตแุ ตพ่ อต่นื มามองไม่เห็น พระบรมสารีริกธาตุกต็ กใจอยา่ งมากทัง้ ทวี่ างไวใ้ กล้ศีรษะ
สุนทรภวู่ า่ เป็นเพราะบญุ ตนนอ้ ยทําใหพ้ ระธาตุลอยนํ้า ไปไกล สุนทรภคู่ ดิ ว่าไม่สามารถอยู่ที่เจดยี ์
ภเู ขาทองต่อได้เพราะจะยิ่งเศรา้ โศกและ รอ้ นใจยิง่ ข้ึน พอเช้าตรู่พระอาทติ ยข์ ้ึน ก็ลอ่ งเรอื ถึง
กรุงเทพฯโดยใช้เวลาเดินทาง ๑ วัน
๏ ประทับท่าหนา้ อรุณอารามหลวง คอ่ ยสร่างทรวงทรงศีลพระชนิ สหี ์
นิราศเร่อื งเมอื งเก่าของเราน้ี ไวเ้ ปน็ ท่ีโสมนสั ทัศนา
ดว้ ยไดไ้ ปเคารพพระพทุ ธรูป ทง้ั สถปู บรมธาตุพระศาสนา
เปน็ นสิ ยั ไว้เหมือนเตอื นศรัทธา ตามภาษาไมส่ บายพอคลายใจ
ใชจ่ ะมที ี่รกั สมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย
ซง่ึ ครวญครํ่าทําทีพิรพ้ี ิไร ตามนสิ ยั กาพย์กลอนแต่ก่อนมา
เหมือนแมค่ รวั คั่วแกงแพนงผัด สารพดั เพียญชนังเคร่ืองมังสา
อนั พรกิ ไทยใบผักชีเหมือนสกี า ตอ้ งโรยน่าเสียสักหน่อยอร่อยใจ ๚
ถอดความ ถงึ หน้าวัดอรุณก็คอ่ ยสร่างจากความเศร้าเพราะได้กราบพระพุทธรูป นริ าศภเู ขาทอง
ของสนุ ทรภู่ เรอื่ งน้ีไวเ้ ป็นที่อา่ นเม่อื เศร้าจะได้มีความสุข เพราะได้ไปกราบไวพ้ ระพุทธรปู ท้งั กราบ
ไว้พระบรมสารรี กิ ธาตุ เพราะคนที่นบั ถือศาสนาพุทธเมอ่ื ไม่สบายใจก็จะกราบไหวพ้ ระพุทธรปู
เพ่ือให้ สบายใจ ตอนน้ีสุนทรภู่ใชว่ ่าจะมี คนรักหรอื พึ่งจะจากรกั มา แตท่ กี่ ลา่ วถึงผู้หญิงกเ็ พราะ
เป็นธรรมเนยี มการแตง่ นริ าศแตโ่ บราณ เหมอื นแมค่ รัวจะ ปรงุ อาหารประเภทพะแนงนอกจากจะ
ใส่เครือ่ งปรงุ และเน้อื สัตว์แลว้ ยงั ตอ้ งใสพ่ รกิ ไทยใบผักชเี พื่อเพ่มิ ความน่า รบั ประทานแก่อาหาร
และผหู้ ญิงที่กลา่ วถึงในนริ าศก็เหมอื นพรกิ ไทยใบผกั ชีเพ่อื ให้นิราศนนี้ ่าอา่ น
๏ จงทราบความตามจรงิ ทุกส่งิ ส้ิน อยา่ นกึ นนิ ทาแกลง้ แหนงไฉน
นกั เลงกลอนนอนเปล่าก็เศรา้ ใจ จงึ ราํ่ ไรเร่ืองรา้ งเล่นบ้างเอย ๚ะ๛
ถอดความ ขอใหท้ ราบความจรงิ ทกุ ๆ อย่าง วา่ สุนทรภ่ไู มไ่ ดม้ ีผู้หญงิ เลยขออยา่ ได้นนิ ทาให้
เสยี หาย เพราะคนทีม่ ีความ สามรถในเชงิ กลอนจะนั่งๆนอน ๆ เฉยๆ ก็จะน่าเบือ่ และเศร้าใจ
จึงจะตอ้ งแต่งกลอนเพอื่ คลายเหงาและคลายความเศรา้ ใจ และให้ไดผ้ ลงานเป็นที่ประจกั ษ์
จบแลว้ ครับ