ก
คำนำ
แบบฝึกทกั ษะวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดีสาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ จดั ทาเพ่ือ
ใชฝ้ ึกทกั ษะวเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดีดา้ นวรรณศิลป์ และดา้ นสงั คม โดยใชก้ ารจดั กิจกรรมตามแนว
ทางการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคญั มุ่งใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกทกั ษะการวเิ คราะห์
วรรณคดี อยา่ งเป็นข้นั ตอน ผา่ นกิจกรรมการฝึกทกั ษะที่มีรูปแบบหลากหลาย ทา้ ทายความสามารถ
เพื่อใหผ้ เู้ รียนเห็นความสาคญั ของวรรณคดีไทย เห็นคุณค่าทางดา้ นการใชภ้ าษาท่ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นวถิ ี
ชีวติ ของคน กฎระเบียบคาสอน ค่านิยม วฒั นธรรม วถิ ีชีวติ และคุณค่าทางสติปัญญาและศีลธรรม
โดยแบบฝึกทกั ษะวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดีสาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ มีจานวน ๖ ชุด
ประกอบดว้ ย
แบบฝึ กทกั ษะชุดที่ ๑ ศิลปะกำรเล่นเสียง
แบบฝึกทกั ษะชุดที่ ๒ ศิลปะการเล่นคา
แบบฝึกทกั ษะชุดที่ ๓ โวหารภาพพจน(์ อุปมา อุปลกั ษณ์ อุปมานิทศั น์ อติพจน์ อวพจน)์
แบบฝึกทกั ษะชุดที่ ๔ โวหารภาพพจน์ (บุคคลวตั สทั พจน์ ปฏิปุจฉาสัญลกั ษณ์ นามนยั )
แบบฝึกทกั ษะชุดที่ ๕ รสวรรณคดี
แบบฝึกทกั ษะชุดท่ี ๖ คุณค่าดา้ นสงั คม
ผูศ้ ึกษาหวงั เป็ นอย่างย่ิงว่า แบบฝึ กทกั ษะวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีสาหรับนกั เรียนช้นั
มธั ยมศึกษาปี ที่ ๕ จะช่วยพฒั นาทกั ษะการวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีแก่ผูเ้ รียน และจะเป็ น
ประโยชนแ์ ก่ผสู้ อนในการท่ีจะนาไปใชใ้ นการเรียนการสอนวรรณคดี
จริยา จิตตพงศ์
สำรบัญ ข
เรือ่ ง หนา้
คำนำ ก
สำรบญั ข
คำช้ีแจงสำหรบั ครู ค
คำช้ีแจงสำหรับนกั เรยี น ง
ขนั้ ตอนในกำรฝึกทกั ษะกำรวเิ ครำะหค์ ุณค่ำวรรณคดี จ
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตัวชวี้ ัด ฉ
จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ ฉ
ใบควำมรูแ้ ละแบบฝกึ ทกั ษะ ๑
๑
แบบทดสอบก่อนเรยี น ๔
ใบควำมรู้ท่ี ๑ ๘
แบบฝึกทกั ษะที่ ๑.๑ ๔
แบบฝึกทักษะที่ ๑.๒
แบบฝกึ ทักษะที่ ๑.๓ ๑๐
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑.๔ ๑๓
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑.๕ ๑๖
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑.๖ ๑๘
แบบทดสอบท้ำยแบบฝึกทกั ษะ ๑๙
บรรณำนุกรม ๒๓
ภำคผนวก ๒๔
ค
คำชีแ้ จงสำหรับครู
แบบฝึกทกั ษะวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดีสาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ ชุดน้ีใชเ้ ป็น
สื่อประกอบกิจกรรมการจดั การเรียนรู้ เพ่ือพฒั นาทกั ษะการวเิ คราะห์วรรณคดีดา้ นวรรณศิลป์
สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๖ โดยมีข้นั ตอนในการปฏิบตั ิในการใชแ้ บบฝึกดงั น้ี
๑. ครูแจกแบบฝึกทกั ษะการวเิ คราะห์วรรณคดีดา้ นวรรณศิลป์ สาหรับนกั เรียนช้นั
มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๖ ชุดน้ีใหน้ กั เรียนทุกคน
๒. ครูช้ีแจงการเรียนดว้ ยแบบฝึ กทกั ษะการวเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดี สาหรับนกั เรียนช้นั
มธั ยมศึกษาปี ที่ ๕ ใหน้ กั เรียนฟังก่อนลงมือศึกษา
๓. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือประเมินความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั เร่ืองที่
จะศึกษา โดยไมใ่ หน้ กั เรียนดูเฉลย
๔. ครูใหน้ กั เรียนเร่ิมศึกษาใบความรู้ และทาแบบฝึกทกั ษะการวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดี
สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ โดยไม่ใหน้ กั เรียนดูเฉลย
๕. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพื่อวดั ความรู้ความเขา้ ใจหลงั จากทา
กิจกรรมในแบบฝึกเสร็จสิ้น โดยไมใ่ หน้ กั เรียนดูเฉลย
๖. ครูตรวจสอบและเฉลยคาตอบของแบบฝึกทกั ษะการวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดี
สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ และแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน และบนั ทึกผล
๗. ครูสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนระหวา่ งทากิจกรรมและบนั ทึกผล
๘. ครูแจง้ คะแนนใหน้ กั เรียนทราบ และชมเชยนกั เรียนพร้อมใหค้ าแนะนานกั เรียน
ง
คำชี้แจงสำหรับนักเรียน
แบบฝึ กทกั ษะชุดน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือใชป้ ระกอบการเรียนการสอน การวิเคราะห์วรรณคดี
ด้านวรรณศิลป์ มีท้งั หมด ๖ ชุด ชุดน้ีเป็ นแบบฝึ กทกั ษะชุดท่ี ๑ ศิลปะการเล่นเสียง เล่นคา
นกั เรียนสามารถศึกษาดว้ ยตวั เอง โดยอ่านคาแนะนาและปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอน นกั เรียนจะ
ไดร้ ับความรู้อยา่ งครบถว้ น ซ่ึงตอ้ งปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอนต่อไปน้ี
๑. นกั เรียนศึกษาจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของแต่ละเร่ือง เพื่อใหท้ ราบวา่ เมื่อจบบทเรียน
แตล่ ะบทเรียนแลว้ นกั เรียนจะไดร้ ับความรู้ และทกั ษะอะไรบา้ ง
๒. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อประเมินความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั เรื่องท่ีจะ
ศึกษา
๓. นกั เรียนศึกษาใบความรู้และทาแบบฝึ กตามที่กาหนดไว้ พร้อมตรวจคาตอบเพื่อ
ประเมินตวั เอง
๔. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพื่อวดั ความรู้ความเขา้ ใจหลงั จากทากิจกรรมใน
แบบฝึ กเสร็จสิ้น
๕. นกั เรียนแต่ละคนตอ้ งมีความซื่อสัตยต์ ่อตนเอง ไม่เปิ ดดูเฉลยก่อนเรียน หลงั เรียน
และเฉลยแบบฝึกทกั ษะทุกแบบฝึก
จ
ข้นั ตอนในกำรฝึ กทกั ษะกำรวเิ ครำะห์คุณค่ำวรรณคดี
ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ๑๐ ข้อ
ครูแจ้งจุดประสงค์ให้นักเรียนทรำบพร้อมท้ังศึกษำคำชีแ้ จง
นักเรียนศึกษำใบควำมรู้
ทำกจิ กรรมในแบบฝึ กทักษะ
ทำแบบทดสอบหลงั เรียน ๑๐ ข้อ
ตรวจแบบฝึ กทกั ษะและแบบทดสอบ
ใช้เวลำ ๒ ช่ัวโมง
ฉ
มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชี้วดั
สำระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและ
วรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณค่าและนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง
ท. ๕.๑ ม. ๖/๓ วเิ คราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดี
และวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
จุดประสงค์กำรเรียนรู้
ด้ำนควำมรู้
๑. นกั เรียนบอกลกั ษณะการเล่นเสียง เล่นคาในงานประพนั ธ์ได้
ด้ำนทกั ษะ
๒. นกั เรียนสามารถวเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณค่าวรรณคดีได้
๓. นกั เรียนสามารถยกตวั อยา่ งบทประพนั ธท์ ี่มีคุณค่าวรรณคดีได้
ด้ำนคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ขอ้ ๒ ซื่อสตั ยส์ ุจริต
ขอ้ ๔ ใฝ่ เรียนรู้
ขอ้ ๖ มุ่งมนั่ ในการทางาน
แบบทดสอบก่อนเรียน
คำสั่ง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกท่ีสุด (๑๐คะแนน)
๑. นกเขาขนั คูคู่คู้ เคียงสอง
เย้อี งยา่ งนางยงู ทอง ทอ่ งทอ้ ง
ทิวทุง้ ทุง่ ทุงมอง มจั ฉพราศ
เทาเท่าเทา้ ยางหยอ้ ง เลียบลิ้มริมธาร
คาประพนั ธ์ขา้ งตน้ ไมป่ รากฏลกั ษณะเด่นตามขอ้ ใด
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสมั ผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสมั ผสั พยญั ชนะ
๒. “ แลถนดั ในเบ้ืองหนา้ น้นั ก็เขาใหญย่ อดเยยี่ มโพยมอยา่ งพยบั เมฆ มีพรรณเขียวขาวดาแดงดู
ดิเรกดง่ั รายรัตนมณีแนมน่าใคร่ชม คร้ันแสงพระสุริยะส่องระดมกด็ ูเด่นดงั่ ดวงดาววาวแวววะวาบๆ
ท่ีเวงิ้ วงุ้ วจิ ิตรจารัสจารูญรุ่งเป็ นสีรุ้งพงุ่ พน้ เพยี งคคั นมั พรพ้ืนนภากาศ”
คาประพนั ธ์ขา้ งตน้ ใชศ้ ิลปะการประพนั ธ์เด่นที่สุดตามขอ้ ใด
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสมั ผสั พยญั ชนะ
๓. คาประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ีใชศ้ ิลปะการประพนั ธ์เด่นที่สุดตามขอ้ ใด
“สลดั ไดใดสลดั นอ้ ง แหนงนอน ไพรฤา
เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้”
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสัมผสั พยญั ชนะ
๒
๔. ขอ้ ใดไม่ปรากฏการใชส้ ัมผสั วรรณยกุ ต์ ดูสาคญั คนั่ ค้นั อย่างนั ฉงน
ก. จะจบั จองจ่องจอ้ งสิ่งใดน้นั อยา่ ด่วนด่นด่านดา้ นแต่โดยใจ
ข. สิ่งใดปองป่ องป้องเป็นประธาน
ค. จบั ปลาชอนช่อนชอ้ นสองกรถือ ขา้ งละมือม่ือม้ือจะมน่ั ไฉน
ง. เพชรน้าคา้ งคา้ งหล่นบนพรมหญา้ เยน็ หยาดฟ้ามาฝันหลงวนั ใหม่
๕ คาประพนั ธ์ในขอ้ ใดมีการเล่นสมั ผสั พยญั ชนะชดั เจนท่ีสุด
ก. ท้งั หนาวลมหนาวพรมน้าคา้ งพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเยน็
ข. เห็นรอหกั เหมือนหน่ึงรักพรี่ อรา รอท่าร้ังทุกขม์ าตามทาง
ค. ระกากายมาถึงทา้ ยระกาบา้ น ระกายา่ นน่ีกย็ าวนะอกเอ๋ย
ง. ถึงเกาะเกิดเกิดเกาะข้ึนกลางน้า เหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง
๖. คาประพนั ธ์ในขอ้ ใดใชก้ ลวธิ ีการเล่นคาลกั ษณะเดียวกบั ตวั อยา่ งน้ี
“บวั ตูมตุมตุ่มตุม้ กลางตม”
ก. นกขมิ้นจบั เถาขมิ้นเครือ คาบเหยอื่ เผอ่ื ลูกแลว้ โผบิน
ข. สาลิกาพาหมู่เที่ยวจูบ่ ิน เขาคูคู่ถิ่นอยรู่ ิมรก
ค. รูรู่รู้ริมกม้ พาดไมไ้ ทรทอ
ง. คอ้ นทองร้องรับกนั ป๊ กป๊ ก นกคุม่ เปรียวปรื๋อกระพอื บิน
๗. คาประพนั ธ์ต่อไปน้ีมีลกั ษณะเด่นในการประพนั ธ์ดา้ นใด
“แมลงเมา้ เม่าเมาฉม ซมซราบ”
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสมั ผสั พยญั ชนะ
๘. ขอ้ ใดไม่มีสัมผสั สระภายในวรรค ระยา้ ยอ้ ยหอ้ ยพวงกรอง
ก. ประยงคท์ รงพวงหอ้ ย กระแหนะภาพกระหนกพนั
ข. ลวดลายระบายระบุกระหนาบ วะวะวบั สลบั พรรณ
ค. สามยอดตลอดระยะระยบั อยา่ ตดั ไมตรีตรึงใหต้ รอมตรม
ง. ความรักท่ียงั รักระบมใจ
๓
๙. ขอ้ ใดไมม่ ีการเส่งสมั ผสั พยญั ชนะระหวา่ งวรรค
ก. มาคลองบางกอกกลุม้ กลางใจ
ฤๅบ่กอกหนองใน อกช้า
ข. สละสละสมร เสมอชื่อ ไมน้ า
นึกระกานามไม้ แม่นแมน้ ทรวงเรียม
ค. โฉมแม่จกั ฝากฟ้า เกรงอินทร์ หยอกนา
อินทรท่านเทอกโฉมเอา สู่ฟ้า
ง. นางนวลจบั แมกไม้ นางนวล
นวลนุชแนบเรียมควร คูแ่ คลว้
๑๐. “จกั จน่ั เเจว้ เเวว่ หวดี จงั หรีดหร่ิง ปี่ แกว้ ตริ่งตรบเสียงสาเนียงหนาว
ยงิ่ เยน็ ฉ่าน้าคา้ งลงพร่าวพราว พระพายผา่ วพดั ไหวทุกใบโพธ์ิ”
ขอ้ ใดคือลกั ษณะเด่นของคาประพนั ธ์ขา้ งตน้
ก. การใชภ้ าพพจน์และสัมผสั วรรณยกุ ต์
ข. การใชส้ มั ผสั สระและสัมผสั พยญั ชนะ
ค. การใชส้ มั ผสั สระและสมั ผสั วรรณยกุ ต์
ง. การใชส้ ัมผสั พยญั ชนะและสมั ผสั วรรณยกุ ต์
ใบควำมรู้ที่ ๑
เรื่องศิลปะการเล่นเสียง
วรรณศิลป์ เป็ นส่ิ งสาคัญในวรรณคดี ซ่ึงการจะประกอบข้ึนมาเป็ นวรรณศิลป์ น้ันจะมี
องคป์ ระกอบต่างๆประกอบกนั เพอ่ื ถ่ายทอดเรื่องราว จินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึกของผแู้ ต่งไปยงั
ผอู้ า่ น ซ่ึงการประกอบข้ึนเป็นวรรณศิลป์ จะตอ้ งอาศยั องคป์ ระกอบสาคญั ท้งั หมด ๖ องคป์ ระกอบ
ไดแ้ ก่ อารมณ์สะเทือนใจ ความนึกคิดหรือจินตนาการ การแสดงออก สไตล์หรือท่วงทานอง
เทคนิคหรือกลวธิ ี และองคป์ ระกอบ
หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐานวรรณคดีวจิ กั ษ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๒ (๒๔๔๔ : ๓)
ไดก้ ล่าวถึง วรรณศิลป์ หรือกลวิธีการประพนั ธ์ ประกอบดว้ ย การเล่นเสียง การเล่นคา และการ
ใชภ้ าพพจน์
ธเนศ เวศร์ภาดา (๒๔๔๙ : ๑๘) กล่าววา่ วรรณคดีใชภ้ าษาเป็ นวสั ดุในการปรุงแต่ง
กวีจาเป็ นตอ้ งเรียนรู้ธรรมชาติของภาษาอยา่ งถ่องแท้ เพื่อจะไดเ้ ลือกใชเ้ สียง คา โวหาร ซ่ึงเป็ น
องค์ประกอบของภาษา เป็ นเครื่องมือในการถกั ร้อยตวั บทให้สมบูรณ์ถึงพร้อมซ่ึงความแจ่มชดั
ความประณีต ความไพเราะ รวมท้งั มีความซบั ซอ้ นในการส่งสารทางอารมณ์และความนึกคิดอนั
เขม้ ขน้
หนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาเพ่ือการสื่อสาร ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๖
(๒๔๔๗ : ๒๒๔) อธิบายวา่ ภาษาที่กวใี ชเ้ พ่ือสร้างสรรคค์ วามงามให้แก่บทร้อยแกว้ หรือบทร้อย
กรองน้นั มีหลกั สาคญั เกี่ยวเนื่องกนั ๓ ขอ้ คือ
๑. การเลือกใชค้ าใหส้ ่ือความคิดความเขา้ ใจ ความรู้สึก อารมณ์ ไดอ้ ยา่ งงดงาม ตรง
ตามที่ผพู้ ูดหรือผเู้ ขียนมีอยจู่ ริง ซ่ึงอาจเรียกส้ันๆวา่ การสรรคา
๒. การจดั วางคาที่เลือกสรรแลว้ น้นั ให้ต่อเน่ืองเป็ นลาดบั ร้อยเรียงกนั อยา่ งไพเราะ
เหมาะสม ไดจ้ งั หวะ ถูกตอ้ งตามโครงสร้างของภาษา ในกรณีเป็นบทร้อยกรองจะตอ้ งถูกตอ้ งตาม
กฎเกณฑข์ องฉนั ทลกั ษณ์ ซ่ึงอาจเรียกส้นั ๆวา่ การเรียบเรียงคา
๓. การพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูดและเขียนให้แปลกออกไปกว่าที่เป็ นอยูป่ กติอนั จะ
ก่อใหเ้ กิดรสกระทบใจ ความรู้สึกและอารมณ์ ต่างกบั ภาษาที่ใชอ้ ยา่ งตรงไปตรงมา ซ่ึงจะเรียกว่า
การใชโ้ วหาร
กล่าวโดยสรุปกลวิธีการประพนั ธ์ หรือวรรณศิลป์ น้ัน ประกอบด้วยลักษณะ ๔
ลกั ษณะ อนั ไดแ้ ก่ การเล่นเสียง การเล่นคา การใชภ้ าพพจน์ และการใชโ้ วหาร
๕
กำรเล่นเสียง
กลวธิ ีการหน่ึงในการใชว้ รรณศิลป์ ในการประพนั ธ์วรรณคดี คือการเล่นเสียง กวหี รือ
ผรู้ ู้หลายทา่ นใชช้ ื่อเรียกแตกตา่ งกนั ไป ไม่วา่ จะเป็น การเล่นเสียง สุนทรียะแห่งเสียง หรือการปรุง
แตง่ เสียง โดยมีลกั ษณะต่างๆดงั น้ี
หนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐานวรรณคดีวิจกั ษ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๒ (๒๔๔๔ :
๓-๖) ไดใ้ ห้ความหมายเก่ียวกบั การเล่นเสียง วา่ คือการสรรคาให้มีเสียงพิเศษกวา่ ปกติเพ่ือให้เกิด
ทานองเสียงท่ีไพเราะน่าฟัง และเพ่ืออวดฝี มือของกวี มีท้งั การเล่นเสียงพยญั ชนะ เล่นเสียงสระ
และเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
สมเกียรติ รักษม์ ณี (๒๔๔๒ : ๒๔-๒๙) ไดอ้ ธิบายถึงการเล่นเสียง ในหวั ขอ้ สุนทรียะ
แห่งเสียง วา่ เสียงในภาษาไทยไดแ้ ก่เสียงสระ เสียงพยญั ชนะ และเสียงวรรณยกุ ต์
๑. เสียงสระ ความไพเราะสละสลวยของถอ้ ยคา อนั เกิดจากเสียงสระ มีดงั น้ี
๑.๑ เสียงสัมผสั สระ การใช้เสียงสระเดียวกนั ทาให้เกิดสัมผสั คลอ้ งจอง
ซ่ึงหากมีตวั สะกดหรือเสียงสะกดก็จะตอ้ งอยู่ในมาตราตวั สะกดเดียวกนั ทาให้เกิดความไพเราะ
ชวนฟัง เช่น
ดิน - กิน
ปลา - นา
ท่ี - นี่
๑.๒ เสียงส้ัน – ยาว, หนกั – เบา คือมีท้งั สระเสียงส้ันและสระเสียงยาว
สระเสียงส้ันและสระเสียงยาวเมื่อประสมกบั พยญั ชนะความหมายกจ็ ะเปล่ียนแปลงไป และยงั ส่งผล
ต่อความรู้สึกที่แตกต่างกนั คือเสียงส้ันจะให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ดุดนั เช่น บุรุษ ดุ ทะลุ ฯลฯ
ส่วนสระเสียงยาวจะให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวาน อ่อนโยน เช่น กานดา นารี โสภา ฯลฯ
ส่วนเสียงหนกั เบา (ครุ-ลหุ) เสียงหนกั จะใหค้ วามรู้สึกหนกั แน่นมนั่ คงกวา่ เสียงเบา ส่วนเสียงเบาที่
ออกเสียงเตม็ มาตรา เช่น ธุระ ขรุขระ ผวั ะ ฯลฯ ก็จะให้ความรู้สึกเช่นเดียวกบั สระเสียงส้นั แต่
ถา้ ออกเสียงไมเ่ ต็มมาตรา เช่น อรุณ แอร่ม นภา ฯลฯ ก็จะนุ่มนวล รื่นหูข้ึน การเลือกใชค้ าส้ัน –
ยาว หนกั – เบา จึงมีความหมายต่อความรู้สึกของผูอ้ ่านผฟู้ ังมากนอ้ ยต่างกนั การใชภ้ าษาอยา่ งมี
ศิลปะจึงตอ้ งเลือกใชเ้ สียงสระใหเ้ หมาะแก่อารมณ์ที่ตอ้ งการถ่ายทอด เช่น
๖
เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร กม็ าเป็น
ทุทาสสถุลฉะน้ีไฉน
ศึกบ่ถึงและมึงก็ยงั มิเห็น ประการใด
จะนอ้ ยจะมากจะยากจะเยน็
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ กห็ ม่ินกู
ขยาดขย้นั มิทนั กระไร (ชิต บุรทตั )
จะเห็นไดว้ า่ บทที่คดั มาน้ีจะตอ้ งอ่านออกเสียงคา ครุ – ลหุ เตม็ เสียง ทาให้
มีน้าเสียงดุดนั น่าเกรงขาม
๒. เสียงพยญั ชนะ
๒.๑ เสียงสัมผสั พยญั ชนะต้น คือการใช้พยญั ชนะต้นที่มีหน่วยเสียง
เดียวกนั ในคาที่ต่างกนั ทาใหเ้ กิดความไพเราะในการเปล่งเสียงของคา เรียกวา่ การสมั ผสั อกั ษรหรือ
สมั ผสั พยญั ชนะ เช่น
ทราบ - โสต
ถึง - เท่า
แจง้ - ใจ
๒.๒ เสียงพยญั ชนะทา้ ย หมายถึงการใช้เสียงพยญั ชนะสะกดในมาตรา
เดียวกนั และมีผลต่อสัมผสั สระ โดยเสียงสะกดที่เป็ นคาตายจะให้ความรู้สึก อึดอดั ดุดนั แต่ถา้
เป็นเสียงสะกดที่เป็นคาเป็นจะใหค้ วามรู้สึกอ่อนหวาน
๗
๓. เสียงวรรณยกุ ต์
๓.๑ เสียงสัมผสั วรรณยกุ ต์ หมายถึงการใชเ้ สียงวรรณยกุ ต์เดียวกนั เพ่ือให้
ไดส้ มั ผสั ท่ีน่าฟัง กวโี บราณมกั จะเอาใจใส่อยา่ งเคร่งครัด โดยเฉพาะคาประพนั ธ์ประเภทโคลงและ
ร่าย ซ่ึงมีการบงั คบั เสียงวรรณยกุ ต์ เช่น
ศรีสิทธ์ิพิศาลภพ เลอหลา้ ลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกวา่ กว้ำง
แผนแผน่ ผ้ำงเมืองเมรุ ศรีอยธุ เยนทร์แยม้ ฟ้ำ แจกแสงจ้ำเจิดจันทร์
เพียงรพิพรรณผอ่ งด้ำว ขนุ หาญห้ำวแหนบำท สระทุกขร์ ำษฎร์รอนเสี้ยน
ส่ายเศิกเหลยี้ นล่งหล้ำ ราญราบหน้ำเภริน เขญ็ ขา่ วยนิ ยอบตัว
ควบคอ้ มหัวไหวล้ ะล้ำว ทุกไทน้ำวมาลยน์ ้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน
ผ่อนแผน่ ดินใหผ้ ำย ขยำยแผน่ ฟ้าใหแ้ ผ้ว เล้ียงทแกล้วใหก้ ล้ำ
พระยศไทเ้ ทิดฟ้ำ เฟ่ื องฟุ้งทศธรรม ทา่ นแฮ
(นายนรินทร์ธิเบศร์)
๓.๒ การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์ ไดแ้ ก่การใชค้ าท่ีมีเสียงวรรณยุกต์ตามลาดบั
กนั นามาเรียบเรียงไวใ้ นตาแหน่งใกลเ้ คียงกนั ทาให้เกิดความไพเราะอีกแบบหน่ึง อาจเรียงเป็ น
สามญั เอก โท, เอก โท ตรี หรือ โท ตรี จตั วา หรืออื่นๆ เช่น
เสียงซออ๋อออ่ ออ้ เอื่อยเพลง
จบั ปี่ เตร๋งเตร้งเตร๋ง เต่งตอ้ ง
ขลุ่ยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ๋ยเหนง เหน่งเน่ง รนาดเฮย
ฆอ้ งหน่องหนองน่องหนอ้ ง ผร่ึงพริ้งพ่ึงตโภน
(สุนทรภู่)
๘
แบบฝึ กที่ ๑.๑
คำส่ัง นกั เรียนนาคาดา้ นล่างเติมหนา้ ขอ้ ความที่มีความสัมพนั ธก์ นั ( ๑๐ คะแนน)
วรรณศิลป์ กำรเล่นเสียง สัมผสั สระ
สัมผสั พยญั ชนะ สัมผสั วรรณยุกต์
.................๑. ประกอบดว้ ย อารมณ์สะเทือนใจ ความนึกคิดหรือจินตนาการ การ
แสดงออก สไตลห์ รือทว่ งทานอง เทคนิคหรือกลวธิ ี และองคป์ ระกอบ
................. ๒. องคป์ ระกอบต่างๆประกอบกนั เพ่ือถ่ายทอดเร่ืองราว จินตนาการ อารมณ์
ความรู้สึกของผแู้ ตง่ ไปยงั ผอู้ ่าน
.................๓. การใชค้ าที่มีเสียงวรรณยกุ ตต์ ามลาดบั กนั นามาเรียบเรียงไวใ้ นตาแหน่ง
ใกลเ้ คียงกนั ทาใหเ้ กิดความไพเราะ
..................๔. การใชเ้ สียงพยญั ชนะสะกดในมาตราเดียวกนั และมีผลต่อสมั ผสั สระ
.................๕. ภาษาที่กวใี ชเ้ พ่อื สร้างสรรคค์ วามงามใหแ้ ก่บทร้อยแกว้ หรือบทร้อยกรอง
..................๖. การสรรคาใหม้ ีเสียงพิเศษกวา่ ปกติเพอ่ื ให้เกิดทานองเสียงท่ีไพเราะน่าฟัง
และเพอื่ อวดฝีมือของกวี
..................๗. การใชพ้ ยญั ชนะตน้ ท่ีมีหน่วยเสียงเดียวกนั ในคาท่ีตา่ งกนั ทาใหเ้ กิดความ
ไพเราะในการเปล่งเสียงของคา
..................๘. สุนทรียะแห่งเสียง หรือการปรุงแต่งเสียง
..................๙. การใชเ้ สียงวรรณยกุ ตเ์ ดียวกนั เพอ่ื ใหไ้ ดส้ มั ผสั ท่ีน่าฟัง กวโี บราณมกั จะ
เอาใจใส่อยา่ งเคร่งครัด โดยเฉพาะคาประพนั ธ์ประเภทโคลงและร่าย
..................๑๐. การใชเ้ สียงสระเดียวกนั ทาใหเ้ กิดสัมผสั คลอ้ งจอง ซ่ึงหากมีตวั สะกดหรือ
เสียงสะกดกจ็ ะตอ้ งอยใู่ นมาตราตวั สะกดเดียวกนั ทาให้เกิดความไพเราะ
ชวนฟัง
๙
แบบฝึ กท่ี ๑.๒
คำส่ัง ใหน้ กั เรียนพิจารณาขอ้ ความต่อไปน้ี ถา้ ถูกตอ้ งให้ ทาเคร่ืองหมาย ในช่องใช่
ถา้ ผดิ ใหท้ าเครื่องหมาย ในช่องไม่ใช่ (๑๐ คะแนน)
ที่ ข้อควำม ใช่ ไม่ใช่
๑ “กก็ ลายกลบั เป็นดอกเดียรดาษอนาถเนตร” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียง
พยญั ชนะเพียงอยา่ งเดียว
๒ “สุดสายนยั นาท่ีแม่จะตามมาเล็งแล สุดโสตแลว้ ท่ีแมจ่ ะซบั ทราบฟัง
สาเนียง สุดสุรเสียงท่ีแมจ่ ะเรียกร่าพไิ รร้อง สุดฝี เทา้ ท่ีแม่จะเย้อื งยอ่ งยก
ยา่ งลงเหยยี บดิน” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียงสระ พยญั ชนะ และวรรณยกุ ต์
๓ “เจา้ เคยเคียงเรียงหมอนนอนแนบขา้ งทุกราตรี” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียง
พยญั ชนะและสระ
๔ “พระองคเ์ ห็นพริ ุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียง
พยญั ชนะติดกนั ๕ พยางค์
๕ “พกั หน่ึงกถ็ ึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจา้ เคยประพาสแล่นเล่น”
คาวา่ “แล่นเล่น” เป็ นการเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
๖ “แม่ยงั กลบั หลงั มาโลมลูบจูบกระหมอ่ มจอมเกลา้ ท้งั สองรา” ขอ้ ความน้ีมี
การเล่นเสียงสระเพยี งอยา่ งเดียว
๗ “พระพายราเพยพดั มาฉิวเฉ่ือย เรไรระรี่เร่ือยร้องอยหู่ ริ่งๆ” ขอ้ ความน้ีมี
การเล่นเสียงพยญั ชนะเพยี งอยา่ งเดียว
๘ “เหมือนหน่ึงนาพลอยพร้อยๆอยพู่ รายๆ” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียง
วรรณยกุ ต์
๙ “อุตสาหะตระตรากตระตราเตร็จเตร่หาผลาผลไม”้ ขอ้ ความน้ีมีการเล่น
เสียงพยญั ชนะเพยี งอยา่ งเดียว
๑๐ “สะดุง้ พระทยั ไหวหวาดวะหวดี วง่ิ วนแวะเขา้ ขา้ งทาง พระทรวงนางสน่ั
ระรัวเตน้ ดงั ตีปลา” ขอ้ ความน้ีมีการเล่นเสียงพยญั ชนะและวรรณยกุ ต์
๑๐
แบบฝึ กท่ี ๑.๓
คำส่ัง ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ี แลว้ พจิ ารณาวา่ เป็นศลิ ปะการเล่นเสียง
ประเภทใด โดยทาเคร่ืองหมาย ใหต้ รงช่องที่สอดคลอ้ งกนั (๑๐ คะแนน)
ท่ี ข้อควำม กำรเ ่ลนเ ีสยงพยัญชนะ
กำรเ ่ลนเ ีสยงสระ
กำรเ ่ลนเ ีสยงวรรณ ุยก ์ต
๑ ใส่ใจใครใกลใ้ ช่ ใจไกล
ใจใครไปใช่ไหน ไป่ ได้
ใจใจใครไชไช ใจใฝ่ ไปสรอย
ใจใคร่ไปไจไ้ จ้ ไปไดไ้ ปไช
(จินดามณี)
๒ จากจอมเจา้ ใจจวนจิตรจิตจกั เจียน ใหห้ นั เหียนหุนหนั หนั เหหวน
เดิรเดียวแด่วดุ่มดนั ด้นั ดงดวน ทอ้ แทท้ วนทบั เทาทา้ วทา้ วทาง
ลดั ลอดเลียบแลเหลียวเหลียวแลหลง เห็นเหมหงส์หวนเหินหนั หวงหาง
แมน้ เหมือนแม่มามุง่ เมียงหมาง นกั แน่นางน้าเนตรแนวตานอง
(ศิริวบิ ุลกิตต์ิ)
๓ เสนาสูสู่สู้ ศรแผลง
ยงิ ค่ายหลายเมืองแยง แยง่ แยง้
รุกร้นร่นรนแรง ฤทธ์ิรับ
ลวงล่วงลว้ งวงั แวง้ รวบเร้าเอามา
(โคลงอกั ษรสามหมู่)
๑๑
ท่ี ข้อควำม กำรเ ่ลนเ ีสยงพยัญชนะ
กำรเ ่ลนเ ีสยงสระ
กำรเ ่ลนเ ีสยงวรรณ ุยก ์ต
๔ แจว้ แจว้ จกั จนั่ จา้ จบั ใจ
หร่ิงหร่ิงเร่ือยเรไร ร่าร้อง
แซงแซวส่งเสียงใส ทราบโสต
แหนงน่ิงนึกนุชนอ้ ง แนบเน้ือนวลนาง
(โคลงนิราศสุพรรณ
๕ คชสีห์ทีผาดเผน่ ดูดงั เป็นเห็นขบขนั
ราชสีห์ที่ยนื ยนั คนั่ สองคู่ดูยงิ่ ยง
(กาพยเ์ ห่เรือ)
๖ เจา้ โศกแคนแค่นแคน้ ดงั แสนศร มารานร่านร้านรอนให้ตกั ไษย
วา่ โอโอ่โอก้ ามม์ าจาไกล เวรชื่อใดจองจ่องจอ้ งประจาน
ใหร้ ้อนราวร่าวร้าวดวงจิตถวิล จากบดินทร์แดวแด่วแดว้ สงสาร
อกนอ้ งรอนร่อนร้อนเร่งราคาญ ฤดีดานเด่านดา้ นอาดูรเดียว
(ศิริวบิ ุลกิตต์ิ)
๗ มนั เกิดเหตุท้งั น้ีก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยงุ่ ยง่ิ อยู่
จาจะตดั รากใหญ่ใหห้ ล่นพรู ใหล้ ูกดอกดกอยแู่ ต่กิ่งเดียว
(ขนุ ชา้ งขนุ แผน)
๘ ระวงั ไพรร่ายร้องกร่อ กร๋ อกรอ
แอแ้ อ่แอแ้ อ๋อุลอ เลียบร้อง
พญาลอล่อลอ้ คลอ เคลา้ คู่ อยแู่ ฮ
กระหลอดกรอดกร๊อดกร๋อดกอ้ ง กระรอกเตน้ เล่นกระแต
(โคลงนิราศสุพรรณ)
๑๒
๒
๒
กำรเ ่ลนเ ีสยงพยัญชนะ
ที่ ข้อควำม กำรเ ่ลนเ ีสยงสระ
กำรเ ่ลนเ ีสยงวรรณ ุยก ์ต
๙ อมรแม่นแมน่ แมน้ เจา้ งามโฉม
ชะลอล่อลอ้ โลกใหโ้ ศกโซม ตาเลาเล่าเลา้ โลมฤดีแด
ดงั กระตา่ ยหงอ้ ยหง่อยหงอยแหงนหงาย ชะมา้ ยมา่ ยมายเมียงจะเคียงแข
รัชนีนี่น้ีมิอาลยั แล กระต่ายแก่ซบเซาเซ่าเซา้ คะนึง
(ประชุมจารึกวดั พระเชตุพนฯ)
๑๐ แสนสุดโศกสัง่ สารเห็นนานหาย
คนขา้ งเคียงเคยคอยพลอยกลบั กลาย อกเอ๋ยโอเ้ อออายเพราะหมายเกิน
หลงละเลิงลมลิ้นไมก่ ินแหนง สายสนส่ือเสกแสร้งช่วยเดินเหิน
โน่นนี่นนั่ แนะนาแลว้ ทาเมิน ชกั ชวนเชิญเชือนใชไ้ มเ่ หลียวแล
(ประชุมจารึกวดั พระเชตุพนฯ)
๑๓
แบบฝึ กท่ี ๑.๔
คำสั่ง ใหน้ กั เรียนบอกลกั ษณะศลิ ปะการเล่นเสียง ท่ีตรงตามลกั ษณะของขอ้ ความและ
ยกตวั อยา่ งประกอบขอ้ ความใหต้ รงตามลกั ษณะของศลิ ปะการเล่นเสียง (๑๐ คะแนน)
๑. งามสองสุริยราชล้า เลอพศิ นาพอ่
พา่ งพชั รินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธ์ิ รบราพณ์แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอา้ ง อื่นไทไ้ ป่ เทียม
(ลิลิตตะเลงพา่ ย)
กำรเล่นเสียง ตวั อย่ำง
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
๒. สองโจมสองจู่จว้ ง บารู
สองขตั ิยสองขอชู เชิดด้า
กระลึงกระลอกดู ไววอ่ ง นกั นา
ควาญขบั คชแขง่ ค้า เข่นเข้ียวในสนาม
(ลิลิตตะเลงพา่ ย)
กำรเล่นเสียง ตวั อย่ำง
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
๑๔
๓. ดูเด็ดดวงแดดิ้นไดโ้ ดยด่วน สิ้นส่ือสวนส่ิงสงสยั สิใส่สี
ทาทบทวนเทียมเทียบที่ท่วงที กบั เกศแกว้ กากีกก็ ลกนั
งามงอนงอนงามงามงาเงื่อน ยามยมิ้ แยม้ แยม้ เยอื นแยบเยย้ หยนั
จบั จิตเจิมใจจงเจา้ เจียนจนั ทร์ กล้ากลิ่นกลนั่ กลบกล้วั กล่ินเกล้ียงเกลา
(จารึกวดั พระเชตุพนฯ)
กำรเล่นเสียง ตวั อย่ำง
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
๔. ธก็ไสสองสารทรง ตรงเขา้ ถีบเขา้ แทง ดว้ ยแรงมนั แรงกาย หงายงาเสยสารเศอก
เผอกพงั พา่ ยบา่ ยตน ปะปนไปไขวค่ วา้ งชา้ งศึกไดก้ ลิ่นมนั หนั หวั หกตกประหมา่ บ่ากนั เล่ียง
กนั หลบ ปะทะประทบอลวล สองคชชนชาญเช่ียว เรี่ยวรณรงคเ์ รองแรง แทงถีบอดั ตะลุมบอน
พม่ามอญตายกราด ขา้ ศึกสาดปื นโซรม โรมกทุ ณั ฑธ์ นู ดูดง่ั พรรษาซร้อง ไป่ ตกตอ้ งตนสาร
ธุมาการเกิดตระหลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จกั หนา้ หน่ึงสิ้นแสงไถง แลนาฯ
กำรเล่นเสียง ตัวอย่ำง
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
………………………………………………. ……………………………………………….
๑๕
๕. อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองคล์ งทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สงั เวช
วายชิวาตมส์ ุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
(ลิลิตตะเลงพา่ ย)
กำรเล่นเสียง ตวั อย่ำง
………………………………………………. ……………………………………………
………………………………………………. ….
………………………………………………. ……………………………………………
………………………………………………. ….
……………………………………………
…………………………………………… ….
…. ……………………………………………
….
……………………………………………
….
๑๖
แบบฝึ กที่ ๑.๕
คาสั่ง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์ศิลปะการแล่นเสียง จากเน้ือเรื่อง ท่ีกาหนดให้ (๑๐ คะแนน)
“ตรีเพชรพวง” แสรง้ เลน่ เปน็ เพลงเรือ
ลงเรเ่ รือ เรื่อเร้ือ ชวนเนอ้ื นอ้ ง
ละลวิ่ ลอง ลอ่ งร้องรำ กลำงน้ำใส
แผ่วพำยผำย ผ่ำยผำ้ ย จว้ งพำยไป
หร่ิงเรไร ไล่ไลเ้ รยี ง เสียงสำรำญ
โถ...ทิพย์ทอง ท่องท้องธำร ชำญนำ้ เชยี่ ว
กลมเกลยี วเกีย่ ว เกีย้ วกรำย พรำยรักหวำน
ครน่ั ครืนคลื่น คร้นื เครง บรรเลงปำน
เสียงซอซึง ซึง่ ซึ้งซ่ำน ผ่ำนเรือลอย
หลบเร้นเลน่ เลนหล่ม จมเลนรกั
ไป่เปลอื งเปร่ือง เปล้ืองปลกั จกั ปลดปลอ่ ย
คำคมคุ้น คร่นุ คุณค่ำ มำปรำยปรอย
รดั รึงรอ้ ย รอ่ ยรอยร้ำง หว่ำงละเวง
รน่ื รมยล์ ้ำ ร่ำรำไร ใจหววิ หวำม
แคน่ ขืนขำม ขำ่ มขำ้ ม คร้ำมโหวงเหวง
ลมหลอกลอ้ ร่อรอ มำคลอเครง
รำวละเลง เรง่ เลง้ โล้ง โหรงเหรงลอย
พึมพำพรำ่ พล้ำเพลย่ี ง เอียงแกม้ หลบ
แกล้งเกลื่อนกลบ ก้ันกน่ั กรรแสงสรอ้ ย
ออ่ ยอ๊ีเอียง เอ่ียง เอ้ยี ง เสี่ยงสำออย
คิดครวญคอย ค่อยคล้อยเคลื่อน เอื้อนเพลงเรือ
(https://pantip.com/topic/32084824)
๑๗
สมั ผัสพยญั ชนะ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
สัมผสั พยัญชนะ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
สัมผสั พยัญชนะ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
๑๘
แบบฝึ กที่ ๑.๖
คำส่ัง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์คาประพนั ธ์ต่อไปน้ี พรอ้ มอธิบายการเล่นเสียง ท่ีใชใ้ นการ
ประพนั ธ์ (๑๐ คะแนน)
บา้ งเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ ตะขรุตะขระเห้ียนหกั เป็นหินหอ้ ย
ขยกุ ขยกิ หยดหยอดเป็นยอดยอ้ ย บา้ งแหลมลอยเลื่อมสลบั ระยบั ยบิ
บา้ งงอกเงา้ เป็นเงี่ยงบา้ งเกล้ียงกลม บา้ งโปปมเป็นป่ ุมกะปุบกะปิ บ
บา้ งปอดแป้วเป็นพูดูลบั ลิบ โล่งตะลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่าม่ิงไมไ้ ทรโศกอยรู่ ิมหว้ ย ลมช่วยหล่นลอยกระแสสินธุ์
น้าใสแลซ้ึงถึงพ้ืนดิน ฟุ้งกล่ินสุมามาลยบ์ านระยา้
(ขนุ ชา้ งขนุ แผน)
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
๑๙
แบบทดสอบหลงั เรียน
คำส่ัง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุด (๑๐ คะแนน)
๑. คาประพนั ธ์ในขอ้ ใดมีการเล่นสัมผสั พยญั ชนะชดั เจนท่ีสุด
ก. ท้งั หนาวลมหนาวพรมน้าคา้ งพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเยน็
ข. เห็นรอหกั เหมือนหน่ึงรักพร่ี อรา รอท่าร้ังทุกขม์ าตามทาง
ค. ระกากายมาถึงทา้ ยระกาบา้ น ระกายา่ นนี่กย็ าวนะอกเอ๋ย
ง. ถึงเกาะเกิดเกิดเกาะข้ึนกลางน้า เหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง
๒. “ แลถนดั ในเบ้ืองหนา้ น้นั กเ็ ขาใหญ่ยอดเยยี่ มโพยมอยา่ งพยบั เมฆ มีพรรณเขียวขาวดาแดงดู
ดิเรกดง่ั รายรัตนมณีแนมน่าใคร่ชม คร้ันแสงพระสุริยะส่องระดมกด็ ูเด่นดงั่ ดวงดาววาวแวววะวาบๆ
ท่ีเวงิ้ วงุ้ วจิ ิตรจารัสจารูญรุ่งเป็ นสีรุ้งพุง่ พน้ เพยี งคคั นมั พรพ้ืนนภากาศ”
คาประพนั ธ์ขา้ งตน้ ใชศ้ ิลปะการประพนั ธ์เด่นที่สุดตามขอ้ ใด
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสัมผสั พยญั ชนะ
๓. นกเขาขนั คูคูค่ ู้ เคียงสอง
เย้อี งยา่ งนางยงู ทอง ทอ่ งทอ้ ง
ทิวทุง้ ทุง่ ทุงมอง มจั ฉพราศ
เทาเทา่ เทา้ ยางหยอ้ ง เลียบลิ้มริมธาร
คาประพนั ธ์ขา้ งตน้ ไม่ปรากฏลกั ษณะเด่นตามขอ้ ใด
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสมั ผสั พยญั ชนะ
๒๐
๔. คาประพนั ธ์ต่อไปน้ีใชศ้ ิลปะการประพนั ธ์เด่นท่ีสุดตามขอ้ ใด
“สลดั ไดใดสลดั นอ้ ง แหนงนอน ไพรฤา
เพราะเพ่ือมาราญรอน เศิกไสร้”
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสัมผสั พยญั ชนะ
๕. ขอ้ ใดไมป่ รากฏการใชส้ ัมผสั วรรณยกุ ต์ ดูสาคญั คนั่ ค้นั อยา่ งนั ฉงน
ก. จะจบั จองจ่องจอ้ งสิ่งใดน้นั อยา่ ด่วนด่นด่านดา้ นแต่โดยใจ
ข. สิ่งใดปองป่ องป้องเป็นประธาน
ค. จบั ปลาชอนช่อนชอ้ นสองกรถือ ขา้ งละมือม่ือม้ือจะมนั่ ไฉน
ง. เพชรน้าคา้ งคา้ งหล่นบนพรมหญา้ เยน็ หยาดฟ้ามาฝันหลงวนั ใหม่
๖. ขอ้ ใดไม่มีการเส่งสัมผสั พยญั ชนะระหวา่ งวรรค
ก. มาคลองบางกอกกลุม้ กลางใจ
ฤๅบ่กอกหนองใน อกช้า
ข. สละสละสมร เสมอชื่อ ไมน้ า
นึกระกานามไม้ แม่นแมน้ ทรวงเรียม
ค. โฉมแม่จกั ฝากฟ้า เกรงอินทร์ หยอกนา
อินทรท่านเทอกโฉมเอา สู่ฟ้า
ง. นางนวลจบั แมกไม้ นางนวล
นวลนุชแนบเรียมควร คู่แคลว้
๗. คาประพนั ธ์ในขอ้ ใดใชก้ ลวธิ ีการเล่นคาลกั ษณะเดียวกบั ตวั อยา่ งน้ี
“บวั ตูมตุมตุม่ ตุม้ กลางตม”
ก. นกขมิน้ จบั เถาขมิ้นเครือ คาบเหยอื่ เผอ่ื ลูกแลว้ โผบิน
ข. สาลิกาพาหมู่เที่ยวจู่บิน เขาคูคู่ถ่ินอยรู่ ิมรก
ค. รูรู่รู้ริมกม้ พาดไมไ้ ทรทอ
ง. คอ้ นทองร้องรับกนั ป๊ กป๊ ก นกคุม่ เปรียวปร๋ือกระพอื บิน
๒๑
๘. “จกั จนั่ เเจว้ เเวว่ หวดี จงั หรีดหริ่ง ป่ี แกว้ ตริ่งตรบเสียงสาเนียงหนาว
ยงิ่ เยน็ ฉ่าน้าคา้ งลงพร่าวพราว พระพายผา่ วพดั ไหวทุกใบโพธ์ิ”
ขอ้ ใดคือลกั ษณะเด่นของคาประพนั ธ์ขา้ งตน้
ก. การใชภ้ าพพจนแ์ ละสมั ผสั วรรณยกุ ต์
ข. การใชส้ มั ผสั สระและสัมผสั พยญั ชนะ
ค. การใชส้ ัมผสั สระและสมั ผสั วรรณยกุ ต์
ง. การใชส้ มั ผสั พยญั ชนะและสมั ผสั วรรณยกุ ต์
๙. ขอ้ ใดไมม่ ีสมั ผสั สระภายในวรรค ระยา้ ยอ้ ยหอ้ ยพวงกรอง
ก. ประยงคท์ รงพวงหอ้ ย กระแหนะภาพกระหนกพนั
ข. ลวดลายระบายระบุกระหนาบ วะวะวบั สลบั พรรณ
ค. สามยอดตลอดระยะระยบั อยา่ ตดั ไมตรีตรึงให้ตรอมตรม
ง. ความรักท่ียงั รักระบมใจ
๑๐. คาประพนั ธ์ต่อไปน้ีมีลกั ษณะเด่นในการประพนั ธ์ดา้ นใด
“แมลงเมา้ เมา่ เมาฉม ซมซราบ”
ก. การใชภ้ าพพจน์
ข. การเล่นสัมผสั สระ
ค. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
ง. การเล่นสัมผสั พยญั ชนะ
๒๒
ตำรำงสรุปคะแนน
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
แบบทดสอบ/แบบฝึ กทกั ษะ คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้
แบบทดสอบก่อนเรียน ๑๐
แบบทดสอบหลงั เรียน ๑๐
แบบฝึ กทกั ษะ คะแนนทไี่ ด้
แบบทดสอบ/แบบฝึ กทกั ษะ คะแนนเตม็
แบบฝึกทกั ษะที่ ๑.๑ ๑๐
แบบฝึกทกั ษะที่ ๑.๒ ๑๐
แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑.๓ ๑๐
แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑.๔ ๑๐
แบบฝึกทกั ษะที่ ๑.๕ ๑๐
แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑.๖ ๑๐
รวมคะแนนแบบฝึกทกั ษะ ๖๐
บรรณำนุกรม
จุฑำฎำ เทพวรรณ. (๒๕๕๕). เกง็ ข้อสอบรบั ตรงภำษำไทย. กรุงเทพฯ : แมค็ เอด็ ดูเคชน่ั .
บดินทร์ พิจอักษรำกรณฑ์, นอ้ ย เนียมฟัก, อุบลวรรณ ภัยชนะ และรัตน์ สนแก้ว. (ม.ป.ป).
ภำษำไทย ตำม หลกั สตู รมัธยมมศึกษำตอนปลำย. กรุงเทพฯ : กิจอกั ษร.
ประจักษ์ ประภำพทิ ยำกร. (๒๕๑๖). ถำม-ตอบ วรรณคดีไทยมธั ยมศกึ ษำตอนปลำย. (พมิ พ์ครง้ั ท่ี
๗). กรงุ เทพฯ : ประสำนมิตร.
ธเนศ เวศรภ์ ำดำ. (๒๕๔๓). ตวิ ไทยพิเศษ. กรุงเทพฯ : หมึกจีน.
วลั ลภำ วิทยำรักษ์. (ม.ป.ป). คมู่ ือเตรียมสอบ Entrance ระบบใหม่ ภำษำไทย. กรงุ เทพฯ :
ไฮเอด็ พับลชิ ชิง่ .
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน. (๒๕๕๗). หนงั สือเรยี นรำยวิชำพนื้ ฐำนภำษำไทยหลกั
ภำษำและกำรใช้ภำษำเพอื่ กำรส่ือสำร ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๖. กรุงเทพฯ : สกสค.
ลำดพร้ำว.
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน. (๒๕๕๘). หนังสือเรียนรำยวชิ ำพืน้ ฐำนภำษำไทย
วรรณคดวี จิ ักษ์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๕. พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๘. กรงุ เทพฯ : สกสค.ลำดพร้ำว.
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พน้ื ฐำน. (๒๕๕๙). หนงั สือเรยี นรำยวิชำพื้นฐำนภำษำไทย
วรรณคดีวิจกั ษ์ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔. พมิ พ์ครั้งท่ี ๑๐. กรุงเทพฯ : สกสค.ลำดพรำ้ ว.
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน. (๒๕๖๑). หนังสือเรียนรำยวชิ ำพืน้ ฐำนภำษำไทย
วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี ๖. พมิ พ์คร้ังที่ ๑๐ กรงุ เทพฯ : สกสค.ลำดพรำ้ ว.