31 พส.8
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่.ี .....2.......
เวลารวม...10.....ชม.
รหัส 20201-2005 วิชา การบัญชภี าษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา สปั ดาห.์ ....2...../18
ช่ือหน่วย เงินได้พึงประเมิน จำนวน......5.....ชม.
เรอ่ื ง เงนิ ได้พงึ ประเมิน
1. สาระสำคัญ
เงินได้พึงประเมินเป็นเงินได้ที่ต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งอาจเป็นตัวเงินสด หรือ
ทรัพยส์ ิน หรือผลประโยชน์อื่นทเ่ี ข้าตามเงือ่ นไขของกฎหมายกำหนดไวต้ ามประเภทของเงนิ ได้พึงประเมนิ
เนอื่ งจากบคุ คลธรรมดาที่มเี งินได้จากการประกอบอาชีพที่แตกต่างกนั และมคี วามยากง่ายหรือต้นทุน
ในการได้มาซง่ึ เงนิ ไดเ้ หลา่ น้ันแตกต่างกนั ด้วย ดงั น้นั เพ่ือความเปน็ ธรรมในการนำรายได้เหลา่ นนั้ ไปคำนวณเพื่อ
เสียภาษี กฎหมายจึงได้แบ่งลักษณะเงินได้ ออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสมเพื่อกำหนดวิธีคำนวณภาษีให้
เกดิ ความเป็นธรรมมากท่ีสดุ
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ได้จำแนกประเภทของเงินได้พึงประเมินตามลักษณะการได้มาของ
เงินได้ออกเป็น 8 ประเภท ประกอบด้วย เงนิ ได้ประเภทที่ 1 คอื เงินไดจ้ ากการจ้างแรงงาน เงินได้ประเภทท่ี 2
คือ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ เงินได้ประเภทที่ 3 คือ เงินได้ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์
หรือสิทธิอย่างอื่น เงินได้ประเภทที่ 4 คือ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไรต่างๆ เงินได้ประเภทท่ี 5 คือ
เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สินต่างๆ เงินได้ประเภทท่ี 6 คือ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เงินได้ประเภทที่ 7 คือ
เงนิ ได้จากการรบั เหมา และเงินไดป้ ระเภทที่ 8 คอื เงนิ ได้อนื่ ๆ ท่ีไมไ่ ดร้ ะบุไวใ้ น เงินได้ประเภท 1 - 7
เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี ซึ่งมีอยู่หลายกรณีที่สำคัญๆ ได้แก่ การยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวล
รัษฎากร การยกเวน้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 การยกเวน้ ตามพระราชกฤษฎกี า ฉบับตา่ ง ๆ เป็นต้น เงินได้
ทไ่ี ด้รบั ยกเว้นภาษี เช่น เบย้ี เลี้ยง คา่ เดนิ ทาง ค่าพาหนะ เงนิ เพมิ่ พิเศษประจำตำแหน่ง
2. สมรรถนะประจำหน่วย
1. แสดงความรูเ้ กี่ยวกับเงินได้พึงประเมนิ ได้
2. คำนวณเงินได้พึงประเมินแตล่ ะประเภทได้
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถ
1. บอกความหมายของเงินได้พงึ ประเมินได้ถูกตอ้ ง
2. บอกเงินไดพ้ ึงประเมินแต่ละประเภทได้ถูกต้อง
32
4. สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของเงนิ ได้พึงประเมนิ
2. เงินได้พึงประเมนิ ประเภทท่ี 1
3. เงินไดพ้ งึ ประเมินประเภทท่ี 2
4. เงินได้พงึ ประเมินประเภทท่ี 3
5. เงนิ ได้พงึ ประเมินประเภทที่ 4
6. เงนิ ได้พึงประเมินประเภทท่ี 5
7. เงินได้พึงประเมนิ ประเภทท่ี 6
8. เงนิ ได้พงึ ประเมนิ ประเภทที่ 7
9. เงินไดพ้ ึงประเมินประเภทที่ 8
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ผสู้ อนชแี้ จงหัวขอ้ การเรียนและจดุ ประสงคก์ ารเรียนประจำหน่วยที่ 2 เงินได้พงึ ประเมนิ
2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนแสดงคดิ เหน็ เกีย่ วกบั เงนิ ได้พึงประเมนิ
ข้นั สอน
1. ผสู้ อนเปิดงานนำเสนอวิชา การบญั ชีภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา หนว่ ยท่ี 2 เงนิ ได้พงึ ประเมนิ
ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาเนือ้ หาในหน่วยการเรียนน้ี
2. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิดเอกสารประกอบการสอนวชิ า การบัญชีภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา หนว่ ยที่ 2
เงนิ ได้พึงประเมนิ
3. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียนซักถามในขอ้ สงสยั เม่ืออธบิ ายเนอื้ หาในหน่วยเรียนจบ
ขนั้ สรุป
1. ผู้สอนร่วมกับผู้เรียนทบทวนความเขา้ ใจและสรปุ เน้อื หาในหน่วยที่ 2 เงินไดพ้ ึงประเมนิ
ใหม้ คี วามเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั
2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำคำถามท้ายบท
3. ผสู้ อนให้ผู้เรียนทำแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิตามใบงาน
33
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนวิชาการบญั ชภี าษเี งินไดบ้ ุคคลธรรมดา ของสำนกั พิมพ์บริษทั พัฒนาคุณภาพวิชาการ
(พว.) จำกดั โดยศุภมาส เรอื งลักษณ์วลิ าศ
2. หนังสอื เรียนวชิ าการบญั ชภี าษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา ของบริษัทศูนยห์ นังสอื เมืองไทย จำกดั
โดยเยาวเรศ เวยี งคำ
3. สื่อการสอน Power Point
4. อนิ เทอรเ์ นต
5. แบบประเมินผลหลงั การเรยี นรู้
7. หลักฐานการเรียนรู้
1. บนั ทึกหลังการเรียนรู้
2. สมุดแสดงผลการทำแบบประเมินผลหลังการเรยี นรู้
3. แผนจดั การเรียนรู้
4. ใบเช็คชือ่ เขา้ ห้องเรยี น
5. สมดุ บญั ชี
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ใหท้ ำแบบฝึกปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง
2. คน้ คว้าหาข้อมูลเพ่ิมเตมิ จาก Internet
3. ใหอ้ ่านทบทวนก่อนเรยี นสาระการเรียนรู้ต่อไป
9. เอกสารอา้ งองิ
https://www.rd.go.th เว็บไซดก์ รมสรรพากร
กลมุ่ นกั วชิ าการภาษีอากร. ภาษอี ากรตามประมวลรษั ฎากร. กรุงเทพ : เรอื นแก้วการพิมพ์, 2563
เพญ็ ศรี เลศิ เกยี รตวิ ทิ ยาและคณะ. การบัญชีภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา. กรงุ เทพฯ : บริษทั สำนักพิมพ์
เอมพนั ธ์ จำกัด, 2563.
เยาวเรศ เวยี งคำ. การบัญชีภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดา. กรุงเทพฯ : บริษัทศูนยห์ นังสอื เมืองไทย จำกัด
2562.
ศภุ มาศ เรอื งลักษณว์ ิลาศ. การบญั ชีภาษเี งินไดบ้ ุคคลธรรมดา. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทพฒั นาคณุ ภาพ
วชิ าการ (พว.) จำกัด.
34
10. การวัดผลและประเมินผล
10.1 กำหนดการประเมินทกั ษะพิสยั 10%
1. พฤติกรรมการเรียน ตอ้ งไดร้ ะดับปานกลางขน้ึ ไป
2. แบบทดสอบท้ายหน่วย เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ 60 เปอรเ์ ซ็นตข์ น้ึ ไป
3. การทำงานกลมุ่ ต้องได้ระดบั ดขี ึ้นไป
10.2 เครอ่ื งมือท่ใี ชป้ ระเมินทักษะพิสัย 70%
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน
2. แบบทดสอบเพอื่ ประเมนิ ผลหลังการเรยี นรู้ท้ายหน่วย
3. แบบประเมนิ การปฏิบตั งิ านกลุ่ม
10.3 เคร่ืองมือการประเมนิ จิตพสิ ยั 20%
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมเป็นรายบุคคล
35
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัส 20201-2005 ช่อื วิชา การบัญชีภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา
ชือ่ หน่วย เงินได้พงึ ประเมิน
เรอื่ ง เงนิ ได้พึงประเมนิ จำนวนชัว่ โมงสอน 5 ชั่วโมง
รายการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. ความหมายของเงนิ ไดพ้ ึงประเมิน
2. เงินได้พึงประเมินประเภทท่ี 1
1. บอกความหมายของเงินได้พงึ ประเมนิ ได้ถกู ตอ้ ง 3. เงินได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 2
2. บอกเงนิ ได้พึงประเมนิ แตล่ ะประเภทไดถ้ ูกต้อง 4. เงินได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 3
5. เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ประเภทที่ 4
6. เงินไดพ้ ึงประเมินประเภทท่ี 5
7. เงินไดพ้ ึงประเมนิ ประเภทที่ 6
8. เงินไดพ้ ึงประเมินประเภทที่ 7
9. เงินไดพ้ งึ ประเมินประเภทที่ 8
เนือ้ หาสาระ
หนว่ ยที่ 2
เงินได้พงึ ประเมนิ
ความหมายของเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ
เงินไดพ้ ึงประเมิน หมายถงึ เงินได้อันเข้าลักษณะท่ีต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่เกิดข้ึน
ระหวา่ งวันท่ี 1 มกราคม ถงึ 31 ธนั วาคม ของปใี ดๆ หรอื เงนิ ได้ ท่ีเกิดข้นึ ในปภี าษี ไดแ้ ก่
1. เงิน
2. ทรพั ย์สินซึ่งอาจคดิ คำนวณได้เปน็ เงนิ ท่ไี ดร้ ับจริง ทไ่ี ดร้ ับจริง (เกณฑเ์ งนิ สด)
3. ประโยชนซ์ ่ึงอาจคิดคำนวณได้เปน็ เงิน
4. เงนิ ค่าภาษอี ากรท่ีผู้จ่ายเงินหรือผูอ้ ื่นออกแทนให้
5. เครดิตภาษตี ามท่ีกฎหมายกำหนด
36
เงินสด เหรียญกษาปณ์ หรือตราสารที่มีค่าใช้แทนเงิน เช่น ธนาณัติ เช็ค ตั๋วเงิน เป็นต้น ทั้งที่เป็น
เงนิ ตราไทย หรอื เงนิ ตราต่างประเทศ
ทรัพย์สินซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น ค่าเช่านาที่ได้รับเป็นข้าวเปลือก รางวัลจากการประกวด
แขง่ ขนั หรือชิงโชคท่ไี ด้รับเปน็ บา้ น รถยนต์ ทองคำ หรือสินคา้ เปน็ ตน้
ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณไดเ้ ปน็ เงนิ เช่น การได้อยูบ่ า้ นของนายจา้ งโดยไมเ่ สียค่าเชา่ ประโยชน์จาก
การทน่ี ายจ้างเล้ียงอาหาร ประโยชน์จากการได้ท่องเท่ียว หรือประโยชน์จากการรับประทานอาหารโดยไม่ต้อง
เสียคา่ บริการตามบัตรรางวลั เปน็ ตน้
คา่ ภาษีอากรทีผ่ ู้จ่ายเงนิ หรือผู้อ่ืนออกแทนให้ ท้ังน้ี ไมว่ ่าคา่ ภาษีอากรท่ีออกแทนให้ดังกล่าวจะเป็นค่า
ภาษีอากรประเภทใดก็ตาม คา่ ภาษีอากรทีผ่ จู้ ่ายเงนิ หรอื ผ้อู น่ื ออกแทนใหส้ ำหรบั เงินไดป้ ระเภทใด ไมว่ ่าทอดใด
หรือในปีภาษีใดก็ตาม ให้ถือเป็นเงินได้ประเภทและของปีภาษีเดียวกันกับเงินได้ที่ออกแทนให้นั้น (มาตรา 40
วรรคทา้ ย แห่งประมวลรัษฎากร)
เครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ จำนวนเงินภาษีเงินได้ที่กฎหมายให้ถือว่า
ผู้มีเงินได้ได้รับเครดิตหรือได้ชำระภาษีเงินได้ไว้แล้วในอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ
บุคคลน้ันต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนงึ่ ร้อยลบดว้ ยอัตราภาษีเงนิ ไดน้ ิตบิ ุคคลดงั กลา่ วของเงินได้ เนื่องจากผู้
มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หรือเป็นผู้มีภูมิลำเนาในประเทศไทย และได้รับเงินได้ที่เป็นเงินปันผลหรือ
เงินส่วนแบ่งของกำไร (เงินได้ตามมาตรา 40 (4 )(ข) แห่งประมวลรัษฎากร) จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ
บุคคลที่ตั้งขึน้ ตามกฎหมายไทย ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องนำเครดิตภาษีทีค่ ำนวณได้ดังกล่าว มารวมคำนวณเป็นเงนิ
ได้พึงประเมินในปีภาษีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินด้วย และเมื่อคำนวณภาษีได้เป็นจำนวนเท่าใด ให้นำเครดิต
ภาษที ไี่ ด้รบั มาหักออก ถ้ายังขาดใหช้ ำระเพิ่มสำหรบั จำนวนท่ีขาด แตถ่ ้าเกินใหม้ ีสิทธิขอคืนตามจำนวนท่ีเหลือ
นน้ั
หลักการเกย่ี วกบั เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ
1. หลักการรับรูจ้ านวนเงนิ ได้พงึ ประเมนิ ให้คำนวณนบั เงนิ ได้พงึ ประเมนิ เป็นรายปีภาษี (ปภี าษี
หมายถึงปปี ฏิทนิ เร่ิมตง้ั แต่ 1 มกราคม ส้นิ สุดวนั ท่ี 31 ธนั วาคมของทุกปี)
2. หลักการรับรูเ้ งินได้พึงประเมนิ ตามเกณฑเ์ งินสด คอื ต้องเป็นเงินได้ท่ผี ู้มีเงินได้รับมาในระหว่างปี
ภาษี
3. หลกั เงินได้พึงประเมินท่ีไดร้ ับในปีภาษีใด ให้ถอื เป็นเงินได้พงึ ประเมินของปภี าษนี ้ัน
4. หลกั เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ของบุคคลใดให้ถือเป็นเงินได้ของบคุ คลนั้น และใหบ้ ุคคลน้ันเปน็ ผ้มู ีหน้าทย่ี ื่น
รายการและเสยี ภาษเี งนิ ได้ เวน้ แต่ในกรณีตอ่ ไปนี้
1. กรณผี ู้มีเงินได้เป็นผ้เู ยาว์ ให้ผแู้ ทนโดยชอบธรรมเป็นผ้มู ีหนา้ ท่ีย่นื รายการและเสยี ภาษเี งินได้
แทนผู้เยาว์
2. กรณีผมู้ เี งินได้เปน็ ผทู้ ศ่ี าลส่งั ใหเ้ ป็นคนไรค้ วามสามารถ ให้ผู้อนุบาลเป็นผู้มีหน้าที่ย่ืนรายการ
และเสยี ภาษีเงินไดแ้ ทน
3. กรณีผู้มีเงนิ ได้เป็นผทู้ ศี่ าลสง่ั ใหเ้ ป็นคนเสมอื นไรค้ วามสามารถ ให้ผู้พิทกั ษ์เป็นผู้มีหนา้ ท่ยี ่นื
37
รายการและเสียภาษเี งนิ ไดแ้ ทน
4. กรณีผู้มเี งนิ ได้เป็นผอู้ ยใู่ นตา่ งประเทศ ให้ผจู้ ดั การกิจการอนั กอ่ ให้เกิดเงินไดพ้ ึงประเมนิ เปน็ ผ้มู ี
หน้าทย่ี ่ืนรายการและเสยี ภาษีเงนิ ได้แทน
5. กรณผี ูม้ เี งินได้มชี ีวติ อยู่ตลอดปภี าษี แต่ได้ถึงแกค่ วามตายก่อนท่จี ะย่ืนรายการและเสียภาษเี งนิ
ได้ ให้ผูจ้ ดั การมรดก หรอื ทายาท หรอื ผู้ครอบครองทรัพยม์ รดกแล้วแต่กรณีเปน็ ผ้มู หี นา้ ทย่ี น่ื
รายการ และเสียภาษเี งนิ ได้แทน
ประเภทของเงินได้พงึ ประเมิน
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 ได้จำแนกประเภทของเงินได้พงึ ประเมนิ ออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
1. เงนิ ได้ประเภทท่ี 1 ได้แก่ เงินได้เน่อื งจากการจา้ งแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น
- เงินเดอื น ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนสั เบยี้ หวดั บำเหนจ็ บำนาญ
- เงินค่าเชา่ บ้านที่ได้รบั จากนายจ้าง
- เงินท่ีคำนวณได้จากมูลคา่ ของการได้อย่บู า้ น ซ่ึงนายจา้ งให้อยูโ่ ดยไมเ่ สียคา่ เช่า
- เงินท่ีนายจ้างจา่ ยชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมหี น้าท่ตี ้องชำระ
- เงิน ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชนใ์ ด ๆ บรรดาท่ไี ด้เนื่องจากการจา้ งแรงงาน เชน่ มูลคา่ ของการได้รับ
ประทานอาหาร เปน็ ตน้
ตัวอยา่ ง นายสมพร รับราชการทอ่ี ำเภอแห่งหน่งึ ไดร้ ับเงนิ เดือนๆ ละ 35,000 บาท
ดังนั้น นายสมพรมเี งินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 คือ เงินเดือน
ตัวอย่าง นายสมพงษ์ เป็นพนกั งานบริษัทแห่งหนึ่ง ไดร้ ับเงนิ คา่ จา้ งเดือนละ 18,000 บาท
ดงั นั้น นายสมพงษ์ มีเงนิ ได้พงึ ประเมนิ ประเภทที่ 1 คือ ค่าจ้าง
ตวั อยา่ ง ให้คำนวณหาจำนวน เงินไดพ้ งึ ประเมิน ทั้งปี โดยมีวธิ ีการคอื ให้นำเงินได้พึงประเมนิ ไปคณู ด้วย
จำนวนครง้ั ทีน่ ายจา้ งจา่ ยเงนิ ตอ่ ปี ดงั นี้
ก. หากได้ค่าจา้ งเปน็ รายเดือนให้คณู ดว้ ย 12
ข. หากได้คา่ จา้ งเดอื นละ 2 คร้ัง ให้คณู ดว้ ย 24
ค. หากได้คา่ จ้างเป็นรายสัปดาหใ์ หค้ ูณด้วย 52
เช่น นายสมชาย ไดร้ บั เงินเดือนจากบริษทั ท่วี ่าจา้ งเดือนละ 30,000 บาท (เงนิ ได้พึงประเมิน) ดังน้ัน เงนิ ได้พึง
ประเมนิ ท้ังปีของนายสมชาย จะเทา่ กบั 30,000 x 12 = 360,000 บาท
2. เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนอ่ื งจากหน้าทห่ี รือตำแหนง่ งานท่ีทำ หรอื จากการรบั ทำงานให้
ไม่ว่าจะเป็น
- คา่ ธรรมเนียม คา่ นายหน้า ค่าสว่ นลด
- เงนิ อุดหนนุ ในงานทที่ ำ เบยี้ ประชมุ บำเหนจ็ โบนัส
- เงินค่าเชา่ บา้ นท่ไี ดร้ ับเน่อื งจากหน้าท่ีหรอื ตำแหน่งงานทที่ ำ หรือจากการรบั ทำงานให้
38
- เงินท่คี ำนวณไดจ้ ากมูลค่าของการได้อยบู่ ้าน ที่ผจู้ ่ายเงนิ ได้ให้อยโู่ ดยไม่เสียค่าเช่า
- เงินทผ่ี จู้ ่ายเงินได้จา่ ยชำระหน้ใี ด ๆ ซ่งึ ผู้มเี งินไดม้ ีหน้าทตี่ อ้ งชำระ
- เงิน ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์ใด ๆ บรรดาทีไ่ ด้เน่ืองจากหนา้ ท่หี รือตำแหน่งงานทท่ี ำหรือ จากการรับ
ทำงานใหน้ น้ั ไม่วา่ หน้าท่ีหรือตำแหน่งงาน หรืองานทีร่ ับทำให้นนั้ จะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
ตัวอย่าง นายสมพงษ์ เป็นพนักงานบรษิ ัทแหง่ นึ่ง ไดร้ บั คา่ จ้างเดอื นละ 18,000 บาท และได้รบั ค่าธรรมเนียม
(ค่าคอมมิชชน่ั ) จากยอดขาย เดือนละ 4,000 บาท
ดงั นัน้ นายสมพงษ์ มเี งนิ ได้พึงประเมินประเภทที่ 1 คอื ค่าจา้ ง และเงินได้พึงประเมนิ ประเภทที่ 2
คอื คา่ ธรรมเนียมหรอื ค่าคอมมิชช่ัน
ตวั อย่าง นายสมพร รบั ราชการที่อำเภอแห่งหน่ึง ไดร้ บั เงินเดือนๆละ 35,000 บาทและไดร้ บั เงนิ ประจำ
ตำแหนง่ เดอื นละ 3,500 บาท
ดงั นั้น นายสมพรมีเงนิ ได้พึงประเมินประเภทท่ี 1 คือ เงินเดือน และเงนิ ได้พึงประเมนิ
ประเภทท่ี 2 คือ เงนิ ประจำตำแหน่ง
3. เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าแห่งกดู๊ วิลล์ ค่าแห่งลขิ สทิ ธหิ์ รือสิทธิอย่างอน่ื เงนิ ปี หรอื เงินได้ท่ีมีลกั ษณะ
เป็นเงนิ รายปอี นั ได้มาจากพนิ ัยกรรม นิตกิ รรมอยา่ งอ่นื หรือคำพิพากษาของศาล
ตัวอย่าง นางสมสี เปน็ นักประพนั ธเ์ พลง ไดแ้ ต่งเพลงสง่ ให้ค่ายเพลงชื่อดังแห่งหน่ึงนางสมสีจะไดร้ บั
คา่ ลิขสิทธเิ์ พลงๆละ 500,000 บาท
ดงั น้ัน นางสมสี มีเงินได้พงึ ประเมินประเภทที่ 3 คือ คา่ ลิขสิทธ์ิ
ตวั อย่าง นางสาวสมสวย เป็นคนสวยมากมีตำแหน่งเปน็ นางงามหลายเวที ได้รบั ตดิ ตอ่ ใหเ้ ปน็ พนกั งาน
ประชาสมั พนั ธใ์ ห้กับศูนยค์ วามงามท่ีมชี ่อื เสยี งแห่งหน่ึง ซึ่งนางสาวสมสวย จะได้รับคา่ จา้ งเปน็ งานๆละ
40,000 บาท และศูนย์ความงามแห่งนี้ตกลงจ่ายคา่ ความนิยมใหก้ บั นางสาวสมสวย เปน็ รายเดือนๆละ
100,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี
ดงั นั้น นางสาวสมสวย มเี งนิ ได้พึงประเมนิ ประเภทท่ี 1 คือ ค่าจา้ งงานเปน็ รายครั้ง และมเี งินได้พึง
ประเมินประเภทที่ 3 คือ ค่าความนิยมทีไ่ ด้รับเปน็ รายเดือน
4. เงนิ ไดป้ ระเภทท่ี 4 ได้แก่ ดอกเบยี้ เงนิ ปันผล เงินส่วนแบง่ กำไร เงินลดทนุ เงินเพมิ่ ทุน ผลประโยชน์
ทีไ่ ด้จากการโอนห้นุ ฯลฯ เป็นต้น
(ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ไม่ว่าจะมี
หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้
ปโิ ตรเลียมเฉพาะสว่ นทเ่ี หลอื จากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดงั กลา่ ว หรอื ผลตา่ งระหว่างราคาไถ่ถอน
กบั ราคาจำหนา่ ยต๋วั เงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนท้ี ่ีบริษทั หรือห้างห้นุ สว่ นนิตบิ ุคคล หรือนติ บิ ุคคลอ่ืน เป็น
ผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบ้ีย
ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมี
หลกั ประกันหรอื ไม่ก็ตาม
39
(ข) เงินปันผล เงนิ สว่ นแบง่ ของกำไร หรอื ประโยชน์อ่นื ใดที่ไดจ้ ากบริษัทหรือห้างหุ้นสว่ นนิตบิ คุ คล กองทุน
รวม หรือสถาบนั การเงนิ ทม่ี กี ฎหมายไทยใหจ้ ดั ตง้ั ขน้ึ โดยเฉพาะสำหรับใหก้ ยู้ ืมเงนิ ฯลฯ
(ค) เงินโบนัสท่ีจ่ายแก่ผถู้ อื หุ้น หรือผู้เป็นหุ้นสว่ นในบริษทั หรือหา้ งหนุ้ ส่วนนติ ิบคุ คล
(ง) เงนิ ลดทุนของบริษทั หรอื ห้างหุน้ สว่ นนติ ิบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกวา่ กำไรและเงินที่กนั ไว้รวมกนั
(จ) เงนิ เพิ่มทุนของบริษทั หรือหา้ งหุ้นสว่ นนติ บิ คุ คลซงึ่ ต้ังจากกำไรท่ีไดม้ าหรือรบั ช่วงกันไวร้ วมกัน
(ฉ) ผลประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการทบ่ี ริษทั หรือห้างหนุ้ สว่ นนติ ิบคุ คลควบเข้ากันหรือรับชว่ งกันหรือ เลิกกัน ซึ่ง
ตรี าคาเปน็ เงินได้เกนิ กวา่ เงนิ ทุน
(ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือ ตราสาร
แสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นสว่ นนติ บิ ุคคล หรือนิติบุคคลอืน่ เป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงิน
ได้เกินกวา่ ท่ีลงทุน
เงนิ ได้ประเภทที่ 4 ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิทีจ่ ะเลอื กเสียภาษีโดยวธิ ีหกั ภาษี ณ ท่จี า่ ย แทนการ
นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลกั ทว่ั ไป ซง่ึ จะทำใหผ้ ูม้ ีเงินได้ที่ตอ้ งเสยี ภาษีตามบัญชีอัตราภาษี ในอัตราที่
สูงกวา่ อัตราภาษี หัก ณ ทจ่ี ่าย สามารถประหยดั ภาษไี ด้
ตวั อยา่ ง นายสมทรพั ย์ ซ้ือหนุ้ กนั บรษิ ัทหลักทรพั ย์แห่งหนงึ่ ไดร้ ับเงนิ ป๎นผลหุน้ ละ 150,000 บาท ซ่งึ เขามี
ห้นุ กบั บริษทั น้ี 5 หุ้น
ดังน้นั นายสมทรพั ย์ มีเงนิ ได้พึงประเมนิ ประเภทที่ 4 คือ เงนิ ปนั ผล
ตัวอยา่ ง นางสมทรง ฝากเงินไวก้ ับธนาคารพาณิชยแ์ หง่ หน่ึง จำนวน 5 ลา้ นบาท ประเภทเงนิ ฝากประจำ วันท่ี
31 ธันวาคม ของทุกปีเข้าจะนำสมดุ ไปเพื่อให้ธนาคารบันทึกรับดอกเบ้ยี เงินฝากให้ จำนวน 175,000
ดงั นั้น นางสมทรง มีเงินได้พงึ ประเมินประเภทที่ 4 คอื ดอกเบ้ียเงินฝากธนาคาร
5. เงินไดป้ ระเภทที่ 5 เงินไดจ้ ากการใหเ้ ช่าทรัพยส์ นิ เงินหรอื ประโยชน์อย่างอ่นื ท่ีได้เนือ่ งจาก
- การให้เชา่ ทรัพยส์ นิ
- การผิดสัญญาเชา่ ซอื้ ทรพั ย์สิน
- การผดิ สญั ญาซื้อขายเงนิ ผ่อนซง่ึ ผขู้ ายไดร้ บั คนื ทรัพย์สินท่ีซ้ือขายน้ันโดยไม่ต้องคืนเงนิ หรอื ประโยชน์
ทไ่ี ดร้ ับไว้แล้ว
ตวั อย่าง นายสมรักษ์ มบี า้ นใหเ้ ช่า 5 หลังๆ ละ 5,000 ต่อเดอื น และห้องเช่าจำนวน 20 หอ้ ง ให้เช่าห้องละ
2,000 บาท ต่อเดือน
ดงั นั้น นายสมรักษ์ มีเงนิ ได้พึงประเมินประเภทที่ 5 คอื คา่ เช่าบ้านพักและคา่ เช่าหอ้ งพัก
ตวั อย่าง นายสมรวย มบี ้านแผงเชา่ ในตลาดใหเ้ ช่าวนั ละ 300บาท
ดังนัน้ นายสมรวย มเี งนิ ได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 5 คือ ค่าเชา่ อ่นื ๆ
6. เงินไดป้ ระเภทท่ี 6 ได้แก่ เงนิ ได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วศิ วกรรม
สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณตี ศิลปกรรม หรือวิชาชพี อนื่ ซง่ึ จะไดม้ ีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้
ตัวอยา่ ง นางสาวสมดี เปน็ ผ้สู อบบัญชีรับอนญุ าต ได้รับเงินไดจ้ ากการทำบัญชแี ละรับรองงบการเงินให้กบั
บรษิ ทั ตา่ งๆ ปีละ 1,800,000 บาท
40
ดงั น้นั นางสาวสมดี มเี งนิ ได้พึงประเมนิ ประเภทที่ 6 คือ เงนิ ได้จากการทำบัญชแี ละจาก
การรับรองงบการเงนิ ให้กบั บริษัทต่าง ๆ (เงินไดจ้ ากการประวิชาชพี การบัญชี)
ตวั อย่าง นายสมดลุ เป็นทนายความ ไดร้ บั คา่ วา่ ความให้กบั ลูกความ ปีละ 2,000,000 บาท
ดังน้นั นายสมดุล มเี งินได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 6 คือ คา่ ว่าความ(เงินได้จากวชิ าชพี นักกฎหมาย)
7. เงินไดป้ ระเภทท่ี 7 ได้แก่ เงนิ ไดจ้ ากการรับเหมาท่ผี ู้รบั เหมาต้องลงทนุ ด้วยการจดั หาสมั ภาระ ในส่วน
สำคัญนอกจากเคร่ืองมือ
ตวั อยา่ ง นายสมประสงค์ เป็นผรู้ บั เหมากอ่ สรา้ งบา้ น ไดร้ ับเงนิ คา่ รบั เหมาก่อสรา้ งบ้านหลงั ละ 600,000 บาท
ดังนนั้ นายสมประสงค์ มีเงินได้พงึ ประเมนิ ประเภทท่ี 6 คือ เงนิ ไดจ้ ากการเหมางานก่อสร้างบา้ น
ตวั อยา่ ง นายสมประทวน ใหบ้ ริการรับเหมาถมที่ โดยคิดคา่ เหมาเปน็ ลูกบาศก์เมตรละ 1,000 บาท
ดังน้นั นายสมประทวน มเี งนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ประเภทที่ 6 คือ รายไดจ้ ากการรบั เหมาถมที่
8. เงินไดป้ ระเภทท่ี 8 ได้แก่ เงนิ ไดจ้ ากการธรุ กจิ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง
การขายอสงั หาริมทรัพย์ หรอื การอ่นื นอกจากท่ีระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถงึ ประเภทที่ 7 แลว้
ตวั อยา่ ง นายสมถวิล เปดิ ร้านขายของเบด็ เตลด็ (รา้ นขายของชำ) มีรายไดท้ งั้ ปี 600,000 บาท
ดังนั้น นายสมถวิล มเี งนิ ได้พงึ ประเมนิ ประเภทที่ 8 คอื เงินได้จากการค้าขาย
ตัวอยา่ ง นางสมรัชนี เปิดรา้ นเสรมิ สวย ได้รับรายได้คา่ บริการตดั ผม ตกแตง่ ทรงผมบำรุงผมวันละ 2,000 บาท
ดังน้นั นางสมรชั นี มีเงินได้พงึ ประเมินประเภทท่ี 8 คือ รายไดจ้ ากการดัด ตดั แต่งผม
41
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั 20201-2005 ชอื่ วิชา การบญั ชีภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา
ช่อื หน่วย เงินได้พงึ ประเมนิ
เรื่อง เงินได้พึงประเมิน จำนวนช่วั โมงสอน 5 ชั่วโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายการเรยี นรู้
- จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เคร่ืองมือ/วสั ดุ-อปุ กรณ์
1. บอกความหมายของเงนิ ได้พึงประเมนิ ได้ 1. ใบงานท่มี อบหมาย
ถกู ต้อง 2. ปากกานำ้ เงินและปากกาแดง
2. บอกเงนิ ไดพ้ ึงประเมินแต่ละประเภทได้ถูกต้อง 3. ไมบ้ รรทดั
4. สมดุ บญั ชี
- ลำดบั ข้นั การทำงาน 5. เครือ่ งคำนวณ
1. ใหอ้ า่ นและทำความเข้าใจโจทย์ในใบงาน ขอ้ ควรระวงั
2. ให้ลงมือปฏบิ ตั ิตามใบงาน ปฏิบตั งิ านให้ถกู ต้องตามกฎหมายวา่ ดว้ ยภาษอี ากร
3. ปฏิบตั ิงานด้วยความสะอาด ชดั เจน มอบงาน
ถูกต้อง ใหท้ ำใบงานที่ 1 และ 2 ในสัปดาห์ท่ี 2 สง่ ภายในสปั ดาห์
วดั ผล/ประเมนิ ผล
ความถูกตอ้ งของผลการปฏบิ ัติงาน
42
ใบงานท่ี 1
จงระบุว่าเงนิ ได้พึงประเมนิ ต่อไปน้ี เป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใด
1. ค่าธรรมเนียม
2. เงนิ ปนั ผล
3. เงินเดือน
4. เงินไดจ้ ากวชิ าชีพอิสระ
5. ค่าลขิ สทิ ธ์ิ
6. เงนิ ได้จากการให้เชา่ อาคาร
7. เงนิ ไดจ้ ากการรับเหมา ที่ต้องจัดหาสมั ภาระ
8. เงนิ ไดจ้ ากการขนสง่ ของ
9. ดอกเบย้ี เงินฝากประจำ
10. เงินไดจ้ ากการขายทดี่ ิน
เฉลย
1. คา่ ธรรมเนียม (40)2
2. เงินปนั ผล (40)4
3. เงินเดือน (40)1
4. เงินไดจ้ ากวชิ าชพี อสิ ระ (40)6
5. คา่ ลิขสทิ ธิ์ (40)3
6. เงนิ ไดจ้ ากการใหเ้ ชา่ อาคาร (40)5
7. เงนิ ได้จากการรับเหมา ท่ตี อ้ งจดั หาสมั ภาระ(40)7
8. เงนิ ได้จากการขนสง่ ของ (40)8
9. ดอกเบี้ยเงนิ ฝากประจำ (40)4
10. เงินได้จากการขายทด่ี ิน (40)8
43
ใบงานที่ 2
จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. จงบอกความหมายของเงินได้พึงประเมนิ
2. ปีภาษี หมายถงึ
3. ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา จะยนื่ เสียภาษปี ระจำปีภายในเม่ือใด
เฉลย
1. จงบอกความหมายของเงนิ ไดพ้ งึ ประเมิน
ตอบ ความหมายของเงนิ ได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร
"เงินได้พึงประเมนิ " หมายความวา่ เงนิ ได้อันเข้าลกั ษณะพงึ เสยี ภาษีในหมวดน้ี เงินได้ที่กลา่ วน้ีใหห้ มาย
ความรวมตลอดถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่ผู้
จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆ ตามมาตรา 40 และเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ
ดว้ ย ดังนั้นเงนิ ไดพ้ ึงประเมินจงึ หมายถึงเงนิ ไดข้ องบุคคลใดๆ หรือหน่วยภาษีใดท่เี กิดขนึ้ ในปีภาษี ไดแ้ ก่
1. เงิน
2. ทรัพย์สินซง่ึ อาจคดิ คำนวณไดเ้ ปน็ เงิน ท่ีได้รบั จริง
3. ประโยชนซ์ ง่ึ อาจคดิ คำนวณได้เปน็ เงนิ
4. เงนิ ค่าภาษีอากรท่ผี ูจ้ า่ ยเงินหรือผ้อู ื่นออกแทนให้
5. เครดติ ภาษีตามทก่ี ฎหมายกำหนด
2. ปภี าษี หมายถงึ
ตอบ ปีปฏทิ ิน เร่มิ ตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม ของทุกปี
3. ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา จะยน่ื เสยี ภาษีประจำปภี ายในเมื่อใด
ตอบ 31 มีนาคมของปีถดั ไป