The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือรายงานในงานอาชีพ(การพันมอเตอร์)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พี่บาส มาฮ้ะ., 2022-09-15 08:30:13

คู่มือรายงานในงานอาชีพ(การพันมอเตอร์)

คู่มือรายงานในงานอาชีพ(การพันมอเตอร์)

Keywords: นาย พงศธร เชื้ออ่อน

คู่มือการปฏบิ ตั งิ าน

การพนั มอเตอร์ 1 Phase 2 Pole

นายพงศธร เชื้ออ่อน รหัส 6541040039

สาขาเทคโนโลยไี ฟฟ้า วทิ ยาลยั เทคนิคสุราษฎร์ สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคใต้

ท่ีปรึกษา : ดร. สมหวัง ศุภพล

สารบัญ 1
1
บทนำ 2
ข้นั ตอนการพันมอเตอร์ปม้ั น้ำขนาด 2hp 4
เคร่อื งมอื อุปกรณแ์ ละข้อควรระวัง 6
01.การมารค์ และการบนั ทึกข้อมูลของมอเตอร์ 8
02.การตดั ลวดและใสก่ ระดาษไมลา่ 11
03.การใส่ขดลวดและเข้าสาย 12
ภาคผนวก 30
ภาคผนวก 01การเกบ็ ข้อมลู ของมอเตอร์ 37
ภาคผนวก 02ตัดขดลวดทองแดงและใสก่ ระดาษไมลา่ 43
ภาคผนวก 03การใส่ขดลวดและการเข้าสาย 45
บรรณานกุ รม
ประวัตผิ ู้จัดทำ

-1-

บทนำ

ในบัจจุบันมอเตอร์ ไฟฟ้ าได้ เข้ ามามีบทบาทเก่ียวข้ องกับชี วืตประจาวันของคนและ
กลายเป็ นส่ิงท่ีสาคัญในชีวิตมนุษย์มากขึน้ มอเตอร์ไฟฟ้ามีบทบาทในการอานวยความ
สะดวกในด้านอุตสหกรรมและการเกษตรรวมถึงครัวเรือนช่วยอานวยความสะดวกใน
การดาเนินงานต่างๆ อธิเช่น สูบน้า ใช้กาลงั ในงานอุตสหกรรมเป็ นต้นสาหรับรายงาน
เล่มนี้ทางผู้จัดทาได้รวมรวมข้อมูลรายละเอียดและวิธีข้ันตอนในพันมอเตอร์ ม่ันใจ
อย่างยิง่ ว่าคู่มือฉบบั นีจ้ ะมีประโยชน์ต่อผ้อู ่าน

ขั้นตอนการพนั มอเตอร์ ป้ัมนำ้ ขนาด ขนาด 2hp มี 3ข้ันตอน

การมาร์คและบันทกึ ขอ้ มลู ของมอเตอร์

01

การตัดลวดและใส่กระดาษไมรา่

02

การใส่ขดลวดและเขา้ สาย

03

-2-

เครื่องมืออุปกรณแ์ ละขอ้ ควรระวัง การพนั มอเตอรป์ ั้มนำ้ ขนาด2hp

ส่ิว (chisel) ค้อน (hummer)

ข้อควรระวงั ควรจบั ใหแ้ น่นกอ่ นใช้งาน ขอ้ ควรระวัง ควรจบั ให้แนน่ กอ่ นใชง้ าน

มีดคตั เตอร์ (cutter) คีมปากแหลม (needle nose pliers)

ขอ้ ควรระวงั ระวงั ความคมของใบมีด ขอ้ ควรระวัง ควรจบั ใหแ้ นน่ ก่อนงดั ขดลวด
คอ้ นยาง (rubber hummer) ออก

หัวแร้งบัดกรี (soldering iron)

ข้อควรระวัง ควรจบั ใหแ้ น่นก่อนใชง้ าน ขอ้ ควรระวงั ควรระวงั ความรอ้ นขณะใชง้ าน

-3-

เคร่อื งมอื อปุ กรณแ์ ละขอ้ ควรระวัง การบำรงุ รกั ษาหมอ้ แปลงไฟฟา้ ขนาด 150 KVA

ปากกเคมี (chemical pen) คมี ย้ำหวั สาย DVR

ขอ้ ควรระวงั ปดิ ฝาใหส้ นิทหลงั ใชง้ าน ขอ้ ควรระวงั ตรวจให้แน่ใจว่าใชส้ ายถกู ตอ้ ง
เสรจ็ ฟอร์มพนั ขดลวดทรงเจดี
ตลบั เมตร (tape measure)

ขอ้ ควรระวัง ควรระวงั ขณะปลอ่ ยออกมา ขอ้ ควรระวัง ควรขนาดลวดกอ่ นใช้งาน
เครื่องพนั ขดลวด เทปกระดาษ (paper tape)

ข้อควรระวัง ควรขันใหแ้ น่นก่อนใช้งาน ข้อควรระวัง ควรติดเพื่อการมารค์ เทา่ นนั้

-4-

01 การมาร์คและบนั ทกึ ข้อมูลของมอเตอร์

เครอื่ งมือและอุปกรณ์

เทคนิคการทำงาน ขอ้ ควรระวัง

แยกขดลวดแลว้ แล้วมาร์คพร้อมกับ ควรตรวจทานที่จดบนั ทึกไวอ้ ย่าให้
การจดบันทกึ วงจร และระยะพีท ขอ้ มูลท่บี นั ทุกคลาดเคลือ่ น

-5-

01

ขัน้ ตอนปฏบิ ตั ิงาน
การมาร์คและจดบนั ทกึ

http://me-qr.com/6qeVHpe 2.ร้อื หวั สายบนั ทกึ จานวนเส้นRunและStart

1.วดั ความยาวslot

3.มาร์คขดลวดRunและStart 4.เช็ควงจร(ขนาด)หรอื (อนกุ รม)

-6-

02 การตดั ลวดและใส่กระดาษไมล่า

เครอ่ื งมือและอุปกรณ์

เทคนคิ การทำงาน ขอ้ ควรระวัง

ตัดขดลวดแลว้ นับจำนวนพร้อมทำ ตดั ด้วยความระมดั ระวงั อยา่ ให้แม่เหลก็
ความสะอาดslot และตัดกระดาษไมรา่ ในสเตเตอร์เสยี หายและบนั ทึกจำนวน
ใส่slotให้ครบ สายอย่าให้คลาดเคลอ่ื น

-7-

02

การตัดลวดและใสก่ ระดาษไมรา่

http://me-qr.com/6qeVHpe 2.บนั ทกึ จานานลวดทองแดงทงั้ RและS

1.การตดั ขดลวด

3.วดั รายละเอยี ดมอเตอร์เพม่ิ เตมิ และบนั ทกึ 4.ตดั การดาษไมล่าและใสใ่ นSlot

-8-

03 การใส่ขดลวดและเขา้ สาย

เคร่อื งมือและอปุ กรณ์

เทคนิคการทำงาน ข้อควรระวงั

ตอ้ งกะแบบในการพันในแต่ละขดด้วย ควรวัดความยาวขดลวดไว้ตามทบ่ี นั ทกึ
ระยะพที และจำนวนลวดท่บี นั ทกึ เอาไว้ ในการทำแมแ่ บบและควรลงขดลวด
และการเขา้ ตามวงจรท่ีบนั ทกึ ไวว้ า่ เป็น ด้วยความระมดั ระวงั เพ่ือจะได้ไมเ่ กิด
แบบ(ขนาน หรือ อนกุ รม) ความเสียหายแกข่ ดลวด

-9-

03

การใส่ขดลวดและเขา้ สาย

https://me-qr.com/WjyP4eL 2.พนั ลวดกบั แม่แบบกบั ขอ้ มูลทบี่ นั ทกึ

1.กะแมแ่ บบก่อนการพนั ขดลวด

3.ลงลวดทง้ั SและR 4.แต่งคอลย์ ลวดเพอื่ ให้ลงโรลเตอร์ไดง้ า่ ย

- 10 -

03 6.พลกิ ด้านหวั สายแลว้ ทาการมาร์คตามวงจร

5.ร้อยเชอื กยดึ เพอื่ ยดึ ขดลวด

7.ขูดลวดและต่อสายไฟ 8.จบั คู่ต้นและปลายแลว้ ทาการมาร์ค

9.ทาการบตั กรตี ะกวั่ แลว้ ใสป่ ลอกสาย 10.วดั ค่าโอหม์ ทง้ั ขดRและS

- 11 -

ภาคผนวก

- 12 -

ภาคผนวก 01
การเกบ็ ข้อมูลของมอเตอร์

- 13 -

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล

“การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล” หมายถึง กระบวนการเพ่ือท่ีจะใหไ้ ดม้ าซ่ึงขอ้ มูลที่ตอบสนอง
วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั หรือเพ่อื นามาวเิ คราะห์ โดยแบ่งออกเป็น 2
1) การเก็บขอ้ มูล (Data Collection) การเกบ็ ขอ้ มูลใหม่ ซ่ึงอาจจะดาเนินการไดห้ ลาย
วธิ ี นบั ต้งั แต่ การส่งแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การสงั เกต การทดลอง
2) การรวบรวมขอ้ มลู (Data Compilation) หมายถึง การที่ผวู้ ิจยั ไดน้ าเอาขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ีผอู้ ื่นได้
ทาการเก็บรวบรวมมาแลว้ และไดร้ ายงาน หรือมาทาการศึกษาวิเคราะหต์ อ่
ความหมายของข้อมูล
ข้อมูล (Data) หมายถึง ขอ้ เทจ็ จริง หรือข่าวสาร (Information) ต่างๆ ที่อาจจะเป็นตวั เลขหรือไม่เป็น
ตวั เลขกไ็ ด้
ขอ้ มลู ท่ีเป็นตวั เลข เช่น คะแนน ส่วนสูง น้าหนกั ระยะทาง เรียกวา่ ขอ้ มูลเชิงปริมาณ ตวั อยา่ งเช่น
สมศกั ด์ิมีรายไดเ้ ดือนละ 15,000 บาท, ชุมชนดงจาปามีประชาชน 350 คน

- 14 -

ขอ้ มลู ที่ไม่เป็นตวั เลข อยใู่ นรูปคุณลกั ษณะ เช่น เพศ สถานภาพ อาชีพ ศาสนา เช้ือชาติ เป็นตน้
เรียกวา่ ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ ตวั อยา่ งเช่น สมชายมีอาชีพเป็นตารวจ, พฤติกรรมการเล้ียงลกู ของ
ชาวเขา
ข้อมูลท่ใี ช้เพ่ือการวจิ ยั หมายถึง ขอ้ เทจ็ จริงหรือขา่ วสารท่ีเก่ียวกบั ตวั แปรหรือส่ิงที่จะนามาเป็น
หลกั ฐานเพอื่ ใชใ้ นการบรรยายประเด็นตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาวจิ ยั
ประเภทของข้อมูล
ขอ้ มลู ท่ีใชใ้ นการวจิ ยั อาจแบ่งจาแนกไดห้ ลาย ๆ วิธี ที่นิยมใชก้ นั มาก คือจาแนกตามลกั ษณะของ
ขอ้ มลู และจาแนกประเภท ตามวธิ ีการเก็บรวบรวม
ลกั ษณะของข้อมูล มี 2 ลกั ษณะ
1. ขอ้ มลู เชิงปริมาณ (Quantitative data) คือ ขอ้ มูลที่บอกเป็นตวั เลขหรือเป็นปริมาณของตวั แปรแต่
ละตวั ซ่ึงสามารถวดั ออกมาเป็นคา่ ตวั เลขที่นามาใชเ้ ปรียบเทียบขนาดไดโ้ ดยตรง เช่น จานวน
นกั ศึกษา คะแนน น้าหนกั ระยะทาง เป็นตน้

- 15 -

2. ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ (Qualitative data) เป็นขอ้ มูลท่ีไมส่ ามารถบอกเป็นปริมาณหรือตวั เลขได้ แต่จะ
บอกในลกั ษณะคาพดู หรือบรรยายท่ีแสดงคุณลกั ษณะท่ีแตกต่างของตวั แปรต่างๆ โดยพยายามแยก
เป็นกลุ่มตามคุณสมบตั ิ เช่น อาชีพ ศาสนา สถานภาพ สมรส เพศ เป็น

ทมี่ าของข้อมูล จาแนกตามวิธีการเก็บรวบรวม แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary source) คือขอ้ มลู ที่ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งเก็บรวบรวมจากผใู้ หข้ อ้ มูล
หรือแหล่งที่มาของขอ้ มลู โดยตรง เป็นขอ้ มูลที่เก็บรวบรวมข้ึนใหมจ่ ากแหลง่ กาเนิด
ของขอ้ มูลโดยตรงไม่มีการเปล่ียนรูปหรือเปล่ียนความหมาย เช่น ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการ
สอบถาม การสัมภาษณ์ การสงั เกต และขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการ
เป็นตน้ ขอ้ มูลปฐมภมู ิเป็ นขอ้ มลู ท่ีมีรายละเอียดตรงตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ แต่มกั จะ
เสียเวลาในการจดั หาและมีคา่ ใชจ้ ่ายสูง
2. ข้อมูลทุตยิ ภูมิ (Secondary source) คือขอ้ มลู ท่ีผใู้ ชไ้ ม่ตอ้ งเกบ็ รวบรวมจากผใู้ ห้
ขอ้ มลู หรือแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มูลโดยตรง แตไ่ ดม้ าจากขอ้ มูลท่ีผอู้ ื่นเก็บรวบรวมไว้
แลว้ เป็นขอ้ มลู ที่ไมส่ ามารถเก็บรวบรวมจากแหลง่ กาเนิดของขอ้ มูลไดโ้ ดยตรง แต่
ไดจ้ ากแหล่งที่รวบรวมขอ้ มูลไวแ้ ลว้ เช่น ขอ้ มูลสถิติตา่ งๆ ที่มีการบนั ทึกไวแ้ ลว้
ขอ้ มลู จากรายงานการวจิ ยั บนั ทึกการนิเทศ เป็นตน้ ซ่ึง อาจมีการเปล่ียนรูป หรือมี
ขอ้ เทจ็ จริงที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้ การนาเอาขอ้ มูลเหล่าน้ีมาใชเ้ ป็น
การประหยดั เวลา และค่าใชจ้ ่าย แต่ในบางคร้ังขอ้ มลู อาจจะไมต่ รงกบั ความตอ้ งการ
ของผใู้ ช้ หรือมีรายละเอียดไม่เพยี งพอท่ีจะนาไปวเิ คราะห์

- 16 -

การเก็บรวบรวมขอ้ มูลทุติยภูมิ ควรดาเนินการดงั น้ี

1) พิจารณาตวั บุคคลผเู้ ขียนรายงาน บทความวา่ มีความรู้เช่ียวชาญเรื่องใด

2) ควรรวบรวมขอ้ มูลจากหลายๆ แหล่ง เพอ่ื เปรียบเทียบและกนั ความผดิ พลาด

3) พิจารณาจากลกั ษณะของขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการเกบ็ รวบรวมวา่ เป็นขอ้ มลู ท่ีเป็นความจริง หรือ
ความเห็น

4) ถา้ ขอ้ มูลท่ีจะเกบ็ รวบรวมไดม้ าจากการสารวจตวั อยา่ งหรือตอ้ งผา่ นการวเิ คราะหม์ าแลว้ ควร
พิจารณาถึงวธิ ีการที่ใชว้ า่ เหมาะสมหรือไม่

วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิ มี 2 วิธีคือ

การสามะโน ซ่ึงอาจทาไดโ้ ดย

1) การสัมภาษณ์ 2)การสอบถามทางไปรษณีย์

3) การสอบถามทางโทรศพั ท์ 4) การสังเกต

5) การทดลอง

1.สามะโน (Census)

เป็นวิธีการเก็บขอ้ มลู โดยการแจงนบั ทุกหน่วยของประชากร ซ่ึงอาจเป็นการแจงนบั โดยการ นบั ,
วดั หรือ ชงั่ การสมั ภาษณ์ท่ีมีการเผชิญหนา้ กนั ตลอดจนการอาศยั ส่ือกลางตา่ งๆ

- 17 -

2.การสารวจตวั อยา่ ง (Sample survey)

เป็นวธิ ีเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการแจงนบั บางหน่วยของประชากร โดยแตล่ ะหน่วยของประชากรท่ี
ถกู แจงนบั จะเป็นไปโดยสุ่ม การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลวิธีน้ีเป็นวิธีท่ีประหยดั เวลาและงบประมาณ

3. การทดลอง (Experiment)

1) วตั ถุประสงคข์ องการวางแผนการทดลองคือ เพ่ือใหท้ าสามารถวดั หรือเปรียบเทียบผลของส่ิง
ทดลอง (treatment) โดยการใชห้ น่วยทดลอง (experimental unit)

2) ส่ิงทดลอง หมายถึง วิธีการ หรือ กระบวนการหรือส่ิงตา่ งๆท่ีตอ้ งการวดั หรือเปรียบเทียบ โดย
จะนาสิ่งทดลองมาใส่ใหแ้ ก่หน่วยทดลอง เพอ่ื ทาใหส้ ามารถวดั คา่ ต่างๆ หรือวดั อิทธิพลของสิ่ง
ทดลองโดยผา่ นหน่วยทดลอง เช่น การเปรียบเทียบคุณภาพของยารักษาโรคหวั ใจ 4 ชนิด ในที่น้ียา
คือ ส่ิงทดลอง จึงมีสิ่งทดลอง 4 ชนิด
3) หน่วยทดลอง หมายถึง คน สิ่งของ หรือสตั วท์ ี่นามาใชใ้ นการทดลองเพ่อื วดั ผลของส่ิงทดลอง
เช่น การเปรียบเทียบยารักษาโรคหวั ใจ หน่วยทดลอง คือ คนไขท้ ่ีเป็นโรคหวั ใจ, การเปรียบเทียบ
คุณภาพวธิ ีการสอน 3 แบบ จะมีนกั เรียนเป็นหน่วยทดลอง, การเปรียบเทียบคุณภาพของยา 4 ชนิด
รักษาโรคใดโรคหน่ึง มีคนไขเ้ ป็นหน่วยทดลอง

4.เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มูลท่ีมีผเู้ ก็บรวบรวมไวแ้ ลว้

การรวบรวมขอ้ มูลจากเอกสาร เช่น หนงั สือ รายงานวจิ ยั วทิ ยานิพนธ์ บทความ ส่ิงพิมพต์ า่ งๆ เป็น
ตน้

https://me-qr.com/FXzQ1mV

- 18 -

มอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่แปลงพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานกล
การทางานปกติของมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เกิดจากการทางานร่วมกนั ระหวา่ ง
สนามแม่เหลก็ ของแมเ่ หลก็ ในตวั มอเตอร์ และสนามแม่เหลก็ ที่เกิดจากกระแสในขดลวดทาใหเ้ กิด
แรงดูดและแรงผลกั ของสนามแม่เหลก็ ท้งั สอง

- 19 -

หลกั การทางานของมอเตอร์
เม่ือมีกระแสไหลในขดลวดตวั นาที่พนั อยบู่ นแกนอาร์เมเจอร์ จะเกิดสนั แรงแมเ่ หลก็ รอบ ๆ ตวั นา
และทาปฏิกิริยากบั เสน้ แรงแม่เหลก็ ที่เกิดจากข้วั แม่เหลก็ ของมอเตอร์ ทาใหเ้ กิดแรงผลกั ข้ึนบน
ตวั นาทาใหอ้ าร์เมเจอร์หมุนไปไดข้ ดลวดที่มีกระแสไฟฟ้าไหลและวางอยบู่ นแกนของอาร์เมเจอร์
โดยวางห่างจากจุดศนู ยก์ ลางเป็นระยะ r กาหนดให้กระแสไฟฟ้าไหลเขา้ ขดลวดท่ีปลาย A และไหล
ออกที่ปลาย B จากคุณสมบตั ิของเส้นแรงแมเ่ หลก็ จะไม่ตดั ผา่ นซ่ึงกนั และกนั ดงั น้นั ปริมาณของ
เสน้ แรงแม่เหลก็ จะมีจานวนมากท่ีดา้ นบนของปลาย A จึงทาใหเ้ กิดแรง F1 กดตวั นา A ลงดา้ นล่าง
และขณะเดียวกนั ที่ปลาย B น้นั เสน้ แรงแมเ่ หลก็ จะมีปริมาณมากท่ีดา้ นหนา้ ทาใหเ้ กิดแรง F2 ดนั ให้
ตวั นา B เคลื่อนที่ดา้ นบนของแรง F1 และ F2 น้ีเองทาใหอ้ าร์เมเจอร์ของมอเตอร์เกิดการเคลื่อนที่ไป
ไดด้ งั น้นั การทางานของมอเตอร์จึงข้ึนอยกู่ บั หลกั การที่วา่ เมื่อเอาตวั นาที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นไป
วางในสนามแมเ่ หลก็ มนั จึงพยายามทาใหต้ วั นาเคล่ือนท่ีไปในทิศทางที่ต้งั ฉากกบั สนามแม่เหลก็
คุณสมบตั ิของมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 2 ลกั ษณะ คือ คุณสมบตั ิทวั่ ไปและคุณสมบตั ิ
ทางเทคนิค ดงั น้ี

- 20 -

คุณสมบตั ิทว่ั ไป
เป็นคุณสมบตั ิประจาตวั ของมอเตอร์ ไฟฟ้าแตล่ ะประเภทที่ควรจะทราบอยา่ งกวา้ ง ๆ โดยมิได้
เจาะลึกเขา้ ไปในเน้ือหาเชิงวชิ าการแต่อยา่ งใด ไดแ้ ก่ ลกั ษณะโครงสร้าง ลกั ษณะงาน ลกั ษณะของ
วงจรเช่นคุณสมบตั ิ ของมอเตอร์อนุกรม คือ ลกั ษณะโครงสร้าง ประกอบดว้ ยลวดหนามแมเ่ หลก็ ที่มี
ความตา้ นทานต่ามาก (พนั ดว้ ยลวดทองแดงเสน้ ใหญ่นอ้ ยรอบแกนข้วั แมเ่ หล็ก) ตอ่ เป็นอนุกรมกบั
อาร์เมเจอร์และต่อโดยตรงกบั แรงดนั เมน ลกั ษณะวงจร A1 – A2 เป็นอาร์เมเจอร์ต่อเป็นอนุกรมกบั
ขดลวดสนามแม่เหลก็ ชุดอนุกรม D1 – D2 และตอ่ โดยตรงกบั สายเมน L+, L- และลกั ษณะ
สนามแมเ่ หลก็ ทาใหค้ วามเร็วสูงเมื่อโหลดลง จึงเป็ นมอเตอร์ที่หมนุ ไมค่ งท่ีความเร็วเปลี่ยนแปลงไป
ตามโหลดจะเหมาะสมอยา่ งยงิ่ ท่ีจะใชเ้ ป็นมอเตอร์สตาร์ทเคร่ืองพน่ น้าคุณสมบตั ิทางเทคนิคเป็น
คุณสมบตั ิประจาเคร่ืองกลไฟฟ้าแต่ละประเภทเช่นเดียวกนั ท่ีให้รายละเอียดซ่ึงเจาะลึกเขา้ ไปในเชิง
วิชาการ สามารถทดสอบและวดั ดว้ ยเครื่องวดั ไดด้ ว้ ยวธิ ีทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการทดลอง ส่วนใหญ่
จะแสดงดว้ ยกราฟเพื่อแสดงใหเ้ ห็นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคา่ หน่ึงกบั อีกคา่ หน่ึง เช่น สมรรถในการ
กาเนิดแรงเคล่ือนไฟฟ้าของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าแสดงดว้ ย “กราฟแมเ่ หลก็ อิ่มตวั (Saturation หรือ
Magnetization curve)” สมรรถนะในการจ่ายโหลดของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าแสดงดว้ ย External
Characteristic ส่วนคุณสมบตั ิทางเทคนิคของมอเตอร์จะแสดงดว้ ย Performance Curve ซ่ึงไดแ้ ก่
สมรรถนะในการหมุนขบั โหลด (Speed load Curves หรือ Speed/load Characteristic) แสดงใหเ้ ห็น
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วรอบกบั กระแสมอเตอร์ (n = ความเร็วรอบใหอ้ ยบู่ นแกน Y หรือ
Ordinate และ Ia = กระแสอาร์เมเจอร์ใหอ้ ยบู่ นแกน X หรือ abscissae) หรืออาจใหแ้ สดง
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วรอบ(n เ เป็น ordinate หรือ แกน Y) กบั ทอร์ค หรือกาลงั ที่หมนุ ขบั
งาน ( T= ทอร์ด, P=กาลงั วตั ตห์ รือกิโลวตั ต์ ใหอ้ ยบู่ นแกน x หรือ abscissae ) จุดประสงคเ์ พ่ือ

- 21 -

ตอ้ งการแสดงใหเ้ ห็นถึงความเปล่ียนแปลงของความเร็วรอบของมอเตอร์ท่ีหมนุ ขบั โหลดวา่ จะมีการ
เปล่ียนแปลงไปอยา่ งไรเมื่อโหลดเปล่ียนแปลงไป

ประเภทของมอเตอร์
1.มอเตอร์กระแสตรง 2.มอเตอร์กระแสสลบั
1.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่วนประกอบท่ีสาคญั 2 ส่วนดงั น้ี

1 ส่วนท่ีอยกู่ บั ท่ีหรือที่เรียกวา่ สเตเตอร์ (Stator) ประกอบดว้ ย
เหน้ือไปข้วั ใตใ้ หค้ รบวงจรและยดึ ส่วนประกอบอ่ืนๆใหแ้ ขง็ แรงทาดว้ ยเหลก็ หลอ่ หรือเหล็กแผน่
หนามว้ นเป็นรูปทรงกระบอก
2 ตวั หมนุ (Rotor) ตวั หมนุ หรือเรียกวา่ โรเตอร์ตวั หมุนน้ีทาใหเ้ กิดกาลงั งานมีแกนวางอยใู่ นตลบั
ลูกปื น (Ball Bearing) ซ่ึงประกอบอยใู่ นแผน่ ปิ ดหวั ทา้ ย (End Plate) ของมอเตอร์
ตวั โรเตอร์ประกอบดว้ ย 4 ส่วนดว้ ยกนั คือ

- 22 -

2.1 แกนเพลา (Shaft)

2.2 แกนเหลก็ อาร์มาเจอร์ (Armature Core)

2.3 คอมมิวเตอร์ (Commutator)

2.4 ขอลวดอาร์มาเจอร์ (Armature Widing)

3. แกนเหลก็ อาร์มาเจอร์ (Armature Core) ทาดว้ ยแผน่ เหลก็ บางอาบฉนวน (Laminated Sheet
Steel) เป็นที่สาหรับพนั ขดลวดอาร์มาเจอร์ซ่ึงสร้างแรงบิด (Torque)
4. คอมมิวเตเตอร์ (Commutator) ทาดว้ ยทองแดงออกแบบเป็นซี่แต่ละซ่ีมีฉนวนไมกา้ (mica) คน่ั
ระหวา่ งซ่ีของคอมมิวเตเตอร์ ส่วนหวั ซี่ของคอมมิวเตเตอร์ จะมีร่องสาหรับใส่ปลายสาย ของ
ขดลวดอาร์มาเจอร์ ตวั คอมมิวเตเตอร์น้ีอดั แน่นติดกบั แกนเพลา เป็นรูปกลมทรงกระบอก มีหนา้ ท่ี
สัมผสั กบั แปรงถา่ น (Carbon Brushes) เพ่ือรับกระแสจากสายป้อนเขา้ ไปยงั ขดลวดอาร์มาเจอร์เพื่อ
สร้างเส้นแรงแมเ่ หลก็ อีกส่วนหน่ึงใหเ้ กิดการหักลา้ งและเสริมกนั กบั เสน้ แรงแม่เหลก็ อีกส่วน ซ่ึง
เกิดจากขดลวดข้วั แม่เหล็ก ดงั กล่าวมาแลว้ เรียกวา่ ปฏิกิริยามอเตอร์ (Motor action)
5. ขดลวดอาร์มาเจอร์ (Armature Winding) เป็นขดลวดพนั อยใู่ นร่องสลอท (Slot) ของแกนอาร์มา
เจอร์ ขนาดของลวดจะเล็กหรือใหญแ่ ละจานวนรอบจะมากหรือนอ้ ยน้นั ข้ึนอยกู่ บั การออกแบบของ
ตวั โรเตอร์ชนิดน้นั ๆ เพ่ือที่จะใหเ้ หมาะสมกบั งานต่างๆ ท่ีตอ้ งการ ควรศึกษาตอ่ ไปในเรื่องการพนั
อาร์มาเจอร์ (Armature Winding) ในโอกาสต่อไป

- 23 -

แปรงถ่าน (Brushes)
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เป็นตน้ กาลงั ขบั เคล่ือนที่สาคญั อยา่ งหน่ึงในโรงงานอุตสาหกรรม

เพราะมีคุณสมบตั ิท่ีดีเด่นในดา้ นการปรับความเร็วไดต้ ้งั แตค่ วามเร็วต่าสุดจนถึงสูงสุด นิยมใชก้ นั
มากในโรงงานอุตสาหกรรม เช่นโรงงานทอผา้ โรงงานเส้นใยโพลีเอสเตอร์ โรงงานถลุงโลหะหรือ
ให้ เป็นตน้ กาลงั ในการขบั เคลื่อนรถไฟฟ้า เป็นตน้ ในการศึกษาเก่ียวกบั มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงจึง
ควรรู้จกั อปุ กรณ์ต่าง ๆ ของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงและเขา้ ใจถึงหลกั การทางานของมอเตอร์
ไฟฟ้ากระแสตรงแบบตา่ ง ๆ

- 24 -

ส่วนประกอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
1.เฟรมหรือโยค (Frame Or Yoke) เป็นโครงภายนอกทาหนา้ ที่เป็นทางเดินของเสน้ แรงแมเ่ หลก็

จากข้วั
ข้วั แมเ่ หลก็ (Pole) ประกอบดว้ ย 2 ส่วนคือแกนข้วั แม่เหลก็ และขดลวด

ส่วนแรกแกนข้วั (Pole Core) ทาดว้ ยแผน่ เหลก็ บางๆ ก้นั ดว้ ยฉนวนประกอบกนั เป็นแทง่ ยดึ ติดกบั
เฟรม ส่วนปลายท่ีทาเป็นรูปโคง้ น้นั เพอ่ื โคง้ รับรูปกลมของตวั โรเตอร์เรียกวา่ ข้วั แม่เหลก็ (Pole
Shoes) มีวตั ถปุ ระสงคใ์ หข้ ้วั แม่เหลก็ และโรเตอร์ใกลช้ ิดกนั มากที่สุดเพอื่ ใหเ้ กิดช่องอากาศนอ้ ยท่ีสุด
เพ่ือใหเ้ กิดช่องอากาศนอ้ ยที่สุดจะมีผลใหเ้ ส้นแรงแมเ่ หลก็ จากข้วั แมเ่ หลก็ จากข้วั แม่เหลก็ ผา่ นไปยงั

- 25 -

โรเตอร์มากที่สุดแลว้ ทาใหเ้ กิดแรงบิดหรือกาลงั บิดของโรเตอร์มากเป็นการทาใหม้ อเตอร์ ์์์์มี
กาลงั หมุน (Torque)

ส่วนที่สอง ขดลวดสนามแม่เหลก็ (Field Coil) จะพนั อยรู่ อบๆแกนข้วั แมเ่ หลก็ ขดลวดน้ีทาหนา้ ที่
รับกระแสจากภายนอกเพ่ือสร้างเสน้ แรงแมเ่ หลก็ ใหเ้ กิดข้ึน และเสน้ แรงแมเ่ หลก็ น้ีจะเกิดการหกั ลา้ ง
และเสริมกนั กบั สนามแมเ่ หลก็ ของอาเมเจอร์ทาใหเ้ กิดแรงบิดข้ึน

แกนเพลา (Shaft) เป็นตวั สาหรับยดื คอมมิวเตเตอร์ และยดึ แกนเหลก็ อาร์มาเจอร์ (Armature
Croe) ประกอบเป็นตวั โรเตอร์แกนเพลาน้ีจะวางอยบู่ นแบร่ิง เพอ่ื บงั คบั ใหห้ มนุ อยใู่ นแนวน่ิงไม่มี
การสัน่ สะเทือนได้

- 26 -

แปรงถ่าน
ทาดว้ ยคาร์บอนมีรูปร่างเป็นแท่งส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ์ุ ์่ในซองแปรงมีสปิ งกดอยดู่ า้ นบน

เพื่อใหถ้ า่ นน้ีสัมผสั กบั ซ่ีคอมมิวเตเตอร์ตลอดเวลาเพ่ือรับกระแส และส่งกระแสไฟฟ้าระหวา่ ง
ขดลวดอาร์มาเจอร์ กบั วงจรไฟฟ้าจากภายนอก คือถา้ เป็นมอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรงจะทาหนา้ ท่ีรับ
กระแสจากภายนอกเขา้ ไปยงั คอมมิวเตเตอร ์์ใหล้ วดอาร์มาเจอร์เกดแรงบิดทาใหม้ อเตอร์หมุนได้

- 27 -

หลักการของมอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรง
หลกั การของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (Motor Action) เม่ือเป็นแรงดนั กระแสไฟฟ้าตรงเขา้ ไปใน
มอเตอร์ ส่วนหน่ึงจะ แปรงถา่ นผา่ นคอมมิวเตเตอร์เขา้ ไปในขดลวดอาร์มาเจอร์สร้างสนามแมเ่ หลก็
ข้ึน และกระแสไฟฟ้าอีกส่วนหน่ึงจะไหลเขา้ ไปในขดลวดสนามแมเ่ หลก็ (Field coil) สร้างข้วั
เหนือ-ใตข้ ้ึน จะเกิดสนามแมเ่ หลก็ 2 สนาม ในขณะเดียวกนั ตามคุณสมบตั ิของเส้นแรง แม่เหลก็ จะ
ไมต่ ดั กนั ทิศทางตรงขา้ มจะหกั ลา้ งกนั และทิศทางเดียวจะเสริมแรงกนั ทาใหเ้ กิดแรงบิดในตวั อาร์
มาเจอร์ ซ่ึงวางแกนเพลาและแกนเพลาน้ี สวมอยกู่ บั ตลบั ลุกปื นของมอเตอร์ ทาใหอ้ าร์มาเจอร์น้ี
หมุนได้ ขณะที่ตวั อาร์มาเจอร์ทาหนา้ ท่ีหมุนไดน้ ้ีเรียกวา่ โรเตอร์ (Rotor) ซ่ึงหมายความวา่ ตวั หมนุ
การท่ีอานาจเสน้ แรงแมเ่ หลก็ ท้งั สองมีปฏิกิริยาต่อกนั ทาใหข้ ดลวดอาร์มาเจอร์ หรือโรเตอร์หมุนไป
น้นั เป็นไปตามกฎซา้ ยของเฟลมมิ่ง (Fleming’left hand rule)

- 28 -

มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั

มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั หมายถึง มอเตอร์ที่ใชก้ บั ระบบไฟฟ้ากระแสสลบั เป็น
เคร่ืองกลไฟฟ้าที่ทาหนา้ ท่ีเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าใหเ้ ป็นพลงั งานกล ส่วนท่ีทาหนา้ ที่เปลี่ยนพลงั งาน
ไฟฟ้าคือขดลวดในสเตเตอรืและส่วนที่ทาหนา้ ที่ใหพ้ ลงั งานกล คือ ตวั หมุนหรือโรเตอร์ ซ่ึงเมื่อ
ขดลวดในสเตเตอร์ไดร้ ับพลงั งานไฟฟ้าก็จะสร้างสนามแมเ่ หลก็ ข้ึนมาในตวั ทท่ีอยกู่ บั ที่หรือสเต
เตอร์ ซ่ึงสนามแมเ่ หลก็ ที่เกิดข้ึนน้ีจะมีการเคลื่อนท่ีหรือหมนุ ไปรอบ ๆ สเตเตอร์ เน่ืองจากการต่าง
เฟสของกระแสไฟฟ้าในขดลวดและการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า ในขณะท่ีสนามแมเ่ หลก็
เคล่ือนท่ีไปสนามแม่เหลก็ จากข้วั เหนือก็จะพ่งุ เขา้ หาข้วั ใต้ ซ่ึงจะไปตดั กบั ตวั นาที่เป็นวงจรปิ ดหรือ
ขดลวดกรงกระรอกของตวั หมนุ หรือโรเตอร์ ทาให้เกิดการเหนี่ยวนาของกระแสไฟฟ้าข้ึนใน
ขดลวดของโรเตอร์ ซ่ึงสนามแมเ่ หลก็ ของโรเตอร์น้ีจะเคล่ือนท่ีตามทิศทางการเคล่ือนที่จอง
สนามแม่เหลก็ ท่ีสเตเตอร์ กจ็ ะทาใหโ้ รเตอร์ของมอเตอร์เกิดจะพลงั งานกลสามารถนาไปขบั ภาระท่ี
ตอ้ งการหมนุ ได้

ชนดิ ของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั

มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั แบง่ ออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ มอเตอร์อะซิงโครนสั และ
มอเตอร์ซิงโครนสั ซ่ึงท่ีกล่าวในบทน้ีจะเป็นมอเตอร์อะซิงโครนสั ที่เรียกวา่ มอเตอร์ชนิด
เหนี่ยวนา ซ่ึงจะมีขนาดต้งั แต่เลก็ ๆไปจนถึงขนาดหลายร้อยแรงมา้ มอเตอร์ชนิดเหนี่ยวนามีท้งั ท่ี

- 29 -

เป็นมอเตอร์ชนิด 1 เฟสและชนิดท่ีเป็นมอเตอร์ 3 เฟส มอเตอร์ชนิดเหน่ียวนาน้นั ส่วนมากแลว้ จะ
หมุนดว้ ยความเร็วคงที่แต่ก็มีบางชนิดท่ีสามารถเปล่ียนแปลงความเร็วได้ เช่น มอเตอร์สลิปริงหรือ
มอเตอร์ชนิดขดลวดพนั ซ่ึงจะเป็นมอเตอร์ชนิด 3 เฟส มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั ชนิดเหนี่ยวนา
เป็นเคร่ืองกลไฟฟ้าที่เปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าใหเ้ ป็นพลงั งานกล ในการเปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าใหเ้ ป็น
พลงั งานกลน้ี โรเตอร์ไมไ่ ดร้ ับพลงั งานไฟฟ้าโดยตรงแต่จะไดจ้ ากการเหน่ียวนา ดงั น้นั จึงเรียกวา่
มอเตอร์ชนิดเหน่ียวนาซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. มอเตอร์ชนิดกรงกระรอก ซ่ึงมีท้งั ท่ีเป็นมอเตอร์ 1 เฟสและชนิดท่ีเป็น 3 เฟส
2. มอเตอร์ชนิดขดลวดพนั หรือชนิดวาวนดห์ รือมอเตอร์สลิปริง ซ่ึงจะเป็นมอเตอร์ชนิด 3 เฟส

โดยทว่ั ไปมอเตอร์ทกุ ประเภทจะมีส่วนประกอบหลกั หรือส่วนประกอบเบ้ืองตน้
คลา้ ยกนั คือสเตเตอร์หรือตวั ท่ีอยกู่ บั ท่ีและโรเตอร์หรือตวั หมนุ แต่จะแตกตา่ งกนั ในเร่ืองของ
รายละเอียดของส่วนประกอบปลีกยอ่ ยอื่นๆ

https://me-qr.com/rnrMr8g

- 30 -

ภาคผนวก 02
ตดั ขดลวดทองแดงและกระดาษไมลา่

- 31 -

ทองแดง

ทองแดง และโลหะผสมทองแดง เป็นวสั ดุทางวิศวกรรมท่ีสามารถนาไปใชง้ านไดอ้ ยา่ งหลากหลาย
คุณสมบตั ิที่ทาให้ทองแดงมีความเหมาะสมในการนาไปใชง้ านไดห้ ลากหลายประเภท คือ ความ
แขง็ แกร่ง, สภาพการเป็นตวั นา, ความตา้ นทานการกดั กร่อน, การแปรรูป และความออ่ น
เราสามารถเพิม่ คุณสมบตั ิของทองแดงได้ โดยการเปลี่ยนส่วนประกอบ และวิธีการผลิต

• สภาพการนาไฟฟ้า: ทองแดงเป็นโลหะในทางวิศวกรรมที่ถูกใชท้ าเป็นตวั นาไฟฟ้ามาก
ที่สุด โดยที่เงิน และธาตอุ ื่นๆ อาจะถูกเพม่ิ เขา้ มาเพอ่ื เพิม่ ความแขง็ แกร่ง, ป้องกนั การ
อ่อนตวั หรือเพื่อเพิม่ คุณสมบตั ิอ่ืนๆโดยท่ีไมท่ าใหเ้ สียสภาพการนาไฟฟ้า

- 32 -

• สภาพการนาความร้อน: เป็นคุณสมบตั ิเดียวกนั กบั สภาพการนาไฟฟ้า โลหะผสม
ทองแดงอาจถูกใชเ้ พอื่ ใหม้ ีความตา้ นทานการกดั กร่อน กล่าวคือความสามารถในการนา
ความร้อนจะลดลงเมื่อเพ่ิมปริมาณอลั ลอยด์ ในขณะท่ีความตา้ นทานการกดั กร่อนจะ
เพม่ิ ข้ึน

• สี และลกั ษณะท่ีปรากฏ: โดยทวั่ ไปแลว้ ทองแดงจะมีสีเฉพาะ และอาจเปล่ียนสีไดโ้ ดย
ข้ึนอยกู่ บั สภาพอากาศ อลั ลอยดส์ ่วนมากสามารถทาการเตรียมการ และบารุงรักษา
มาตรฐานของพ้ืนผวิ ไดง้ า่ ย ถึงแมจ้ ะมีสภาวะการกดั กร่อนท่ีไม่พึงประสงค์ อลั ลอยด์
ส่วนใหญถ่ กู ใชใ้ นการปรับสภาพใหท้ องแดงมีความเหมาะสมกบั การใชง้ าน ต้งั แตก่ าร
ข้ึนรูป หรือภายหลงั จากการชุบโลหะ โดยท่ีอลั ลอยดแ์ ตล่ ะชนิดจะใหส้ ีเฉพาะตวั ออกมา
เริ่มต้งั แตส่ ีชมพแู ซลมอน จนถึงสีเหลือง ส่วนสีทอง และเขียวจนถึงบรอนซด์ า จะเกิด
จากสภาพอากาศ โดยการสัมผสั กบั บรรยากาศสามารถทาใหพ้ ้ืนผวิ ทองแดงเป็ นสีเขียว
หรือบรอนซ์ดาได้ หรือการทาอลั ลอยดพ์ ้ืนผวิ สนิมในรูปแบบผลิตภณั ฑบ์ างประเภท

- 33 -

• ความต้านทานการกดั กร่อน: โลหะผสมทองแดงจะป้องการการกดั กร่อนจากน้า และไอ
น้าได้ โลหะผสมทองแดงสามารถป้องกนั การกดั กร่อนในสภาพอากาศของชนบท, ใน
ทะเล และโรงงานอตุ สาหกรรมได้ ทองแดงสามารถป้องกนั น้าเกลือ, ดิน, แร่ธาตุท่ีไม่
เกิดการออกซิเดชนั่ , กรดอินทรีย์ และการกดั กร่อน แต่แอมโมเนีย, ฮาโลเจน, ซลั ไฟด,์
สารละลายท่ีมีแอมโมเนียไอออน และกรดออกซิไดซ์ จะทาลายทองแดงได้ เช่นเดียวกบั
โลหะผสมทองแดงท่ีป้องกนั กรดอนินทีรยไ์ ดเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย โดยความสามารถในการ
ป้องกนั การกดั กร่อนของโลหะผสมทองแดงจะมาจากการสร้างแผน่ ฟิ ลม์ บนพ้นื ผิวของ
วสั ดุ และฟิ ลม์ น้ีจะทาหนา้ ท่ีป้องกนั การกดั กร่อนโลหะ

• ความอ่อนสามารถปรับปรุงได้โดยทาการอบอ่อน: สามารถทาไดโ้ ดยกระบวนการอบ
ออ่ น หรือโดยการเชื่อม หรือข้นั ตอนการประสาน

• การชุบแข็ง/การเพม่ิ ความแข็ง: มีรูปแบบการเพิ่มความแขง็ โดยทวั่ ไปอยู่ 4 รูปแบบของ
ทองแดง คือ การเพม่ิ ความเครียด (strain hardening), การเพม่ิ ความแขง็ แรงโดย
สารละลายของแขง็ (solid-solution hardening), การทาใหเ้ กิดสารประกอบขนาดเลก็
(precipitation hardening) และ การเพม่ิ ความแขง็ แรงโดยการกระจายตวั ของเฟสที่สอง
(dispersion strengthening) ส่วนรูปแบบที่หา้ คือ spinodal decomposition เป็นรูปแบบท่ี
ใชใ้ นการคา้ ขายโดยตรง แต่จะประกอบดว้ ย ทองแดง-นิกเกิล-ดีบุก เท่าน้นั การผสม
กลไกการเพิม่ ความแขง็ แรงถูกใชใ้ นการเพิม่ คุณสมบตั ิทางกลข้นั สูงสาหรับโลหะผสม
ทองแดงข้นั สูง

https://me-qr.com/pmTnCY6

- 34 -

การดาษฉนวนไฟฟ้า

กระดาษฉนวนไฟฟ้า

กระดาษฉนวนไฟฟ้าเป็นกระดาษประเภทที่ใชเ้ ป็นฉนวนไฟฟ้าในการใชง้ านหลายประเภท
เน่ืองจากเซลลโู ลสบริสุทธ์ิมีคุณสมบตั ิทางไฟฟ้าที่โดดเด่น เซลลโู ลสเป็นฉนวนท่ีดีและมีข้วั เช่นกนั
มีคา่ คงท่ีไดอิเลก็ ตริกมากกวา่ หน่ึงคา่ อยา่ งมีนยั สาคญั [1]ผลิตภณั ฑก์ ระดาษไฟฟ้าแยกตามความหนา
ของพวกเขาดว้ ยกระดาษทิชชู่ถือวา่ นอ้ ยกวา่ 1.5 mils (0.0381 มิลลิเมตร) ความหนาและ
คณะกรรมการพจิ ารณามากกวา่ 20 mils (0.508 มิลลิเมตร) ความหนา [2]

ประวตั ศิ าสตร์

การใชก้ ระดาษแขง็ เป็นกระดาษฉนวนไฟฟ้าในช่วงตน้ ศตวรรษท่ี 20 เนื่องจากความตอ้ งการหมอ้
แปลงไฟฟ้าแรงสูง จึงมีความตอ้ งการวสั ดุฉนวนที่สามารถทนตอ่ ความเครียดทางไฟฟ้าและทาง
กายภาพสูงท่ีเกิดข้ึนรอบแกนกลางและขดลวดได้ Pressboard เป็นบอร์ดท่ีทาข้ึนโดยการอดั ช้นั
กระดาษเขา้ ดว้ ยกนั และทาใหแ้ หง้ ถกู นามาใชเ้ พอื่ วตั ถุประสงคใ์ นการติดต้งั ในเครื่องจกั รไฟฟ้ารุ่น
แรกๆ หลายๆ เคร่ือง อยา่ งไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยไี ฟฟ้าเพมิ่ ข้ึน ความตอ้ งการวสั ดุที่มีความ
หนาแน่นสูงข้ึนซ่ึงสามารถเป็นฉนวนของหมอ้ แปลงไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญแ่ ละสูงข้ึนได้ ในช่วง
ปลายทศวรรษที่ 1920 Hans Tschudi-Faude กลายเป็นผอู้ านวยการของ H. Weidmann Limited และ
เร่ิมพฒั นาประเภทของกระดานข่าวท่ีจะเป็นไปตามมาตรฐานท่ีสูงข้ึนซ่ึงจาเป็ นสาหรับหมอ้ แปลง

- 35 -

รุ่นใหมท่ ่ีมีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน ต่างจากวิธีการผลิตแท่นพิมพแ์ บบเก่า หมอ้ แปลงไฟฟ้าไมไ่ ดใ้ ช้
กระดาษใชแ้ ลว้ หรือเศษฝ้าย แตท่ าดว้ ยซลั เฟตเซลลูโลสคุณภาพสูง ผลิตภณั ฑใ์ หมน่ ้ีทาข้ึนจาก
เซลลูโลสลว้ นๆ โดยไมม่ ีเรซินหรือสารยดึ เกาะ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเป็นฉนวนไฟฟ้า และ
สามารถทาใหแ้ หง้ สนิท ขจดั แกส๊ และเคลือบน้ามนั ได้ ผลิตภณั ฑใ์ หม่กลายเป็ นที่รู้จกั ภายใตช้ ื่อ
Transformerboard ตลอดช่วงทศวรรษที่ 1930 วธิ ีการผลิตแบบใหม่และความกา้ วหนา้ ในการทา
ความเขา้ ใจแทนที่ชิ้นส่วนฉนวนของหมอ้ แปลงเกือบท้งั หมดดว้ ยชิ้นส่วนที่ทาจากแผน่ หมอ้ แปลง

ในปี 1970 สาขาหน่ึงของ Weidmann Electrical Industries ซ่ึงมีศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่เมืองSt. Johnsbury
รัฐเวอร์มอนต์ ไดผ้ ลิต Transformerboard ท่ีใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยวดั ได้ 12'5" โดย 21'8"
ในขณะน้นั บริษทั ที่ต้งั อยใู่ นรัฐเวอร์มอนตไ์ ดช้ ่ือวา่ EHV Industries

การผลติ
ยง่ิ ตอ้ งใชก้ ระดาษทาความสะอาดมากเท่าน้นั เครื่องทากระดาษใชน้ ้ากลน่ั ปราศจากไอออนหรือ
แมแ้ ตน่ ้ากลน่ั เม่ือผลิตกระดาษฉนวนไฟฟ้าคุณภาพสูงข้ึน กระดาษฉนวนไฟฟ้าทาจากเยอื่ คราฟทท์ ี่
ไมไ่ ดฟ้ อกอยา่ งดี

กระดาษเคเบลิ
สายไฟฟ้าแบง่ ตามแรงดนั และกระแสท่ีใช้ สายโทรศพั ทม์ ีแรงดนั และกระแสไฟปานกลางซ่ึง
สัมพนั ธ์กบั สายเคเบิลที่นากระแสไฟปานกลางหรือส่งสัญญาณไฟฟ้า สายโทรศพั ทม์ ีตวั นาไฟฟ้า
จานวนมากที่หุม้ ฉนวนแยกกนั เพ่ือไม่ใหห้ นาเกินไป กระดาษจะตอ้ งบาง (30-40 g/m 2 ) สายไฟ
ฉนวนกนั ความร้อนปกติความตอ้ งการมากข้ึนและดงั น้นั จึงกระดาษที่มีสูงกวา่ ความหนาแน่นของ
กระดาษที่ใชต้ ามปกติ 60-190 g / m 2 กระดาษตอ้ งแขง็ แรง ยดื หยนุ่ สม่าเสมอ และปราศจากรูหรือ
เศษกระดาษ การใชง้ านเหล่าน้ีกาลงั ถูกแทนที่ดว้ ยฉนวนพลาสติก

- 36 -

กระดาษสายไฟแรงสูง
สายไฟใตน้ ้าที่แรงดนั ไฟฟ้าสูงมาก (> 400 kV) เป็นแอพพลิเคชน่ั ที่มีความตอ้ งการสูง กระดาษเป็น
ปกติ 65-155 g / m 2และผลิตสองเคร่ืองกระดาษช้นั ส่วนใหญ่ ขอ้ ดีของการใชก้ ระดาษในสายเคเบิล
ทะเลคือในกรณีที่เกิดการร่ัวซึม กระดาษจะบวมและป้องกนั ไมใ่ หน้ ้าไหลไปตามสายเคเบิล
เนื้อเย่ือตัวเกบ็ ประจุ
กระดาษน้ีใชใ้ นตวั เก็บประจุและเป็นกระดาษทิชชู่ท่ีสะอาดและบางมาก(ปกติ 6-12 g/m 2 ) ท่ีมีการ
รีดเยน็ เป็นพเิ ศษ เยอื่ กระดาษสะอาดเยอื่ กระดาษคราฟทไ์ ม่ไดฟ้ อกท่ีไดจ้ ากการกลน่ั มาก กระดาษทา
มาจากเครื่องผลิตกระดาษขนาดเลก็ ท่ีมีความเร็วต่าเพราะตอ้ งระบายออกชา้ มาก

บอร์ดหม้อแปลง
บอร์ดหมอ้ แปลงใชเ้ ป็นหลกั ในหมอ้ แปลงท่ีเติมน้ามนั ซ่ึงจาเป็นตอ้ งมีโครงสร้างฉนวนท่ีเป็น
ของแขง็ นี่คือแทน่ พิมพท์ ี่มีความหนาสูงสุด 8 มม. บอร์ดถูกสร้างข้ึนแบบเปี ยกบนกระบอกสูบข้ึน
รูปและตดั ออกเมื่อไดต้ ามความหนาท่ีตอ้ งการ ทาใหเ้ ป็นแผน่ ท่ีมีขนาดความกวา้ งและเส้นรอบวง
ของดรัม แผน่ เปี ยกถูกทาใหแ้ หง้ โดยกดร้อนหรือเยน็ และเสร็จสิ้นในเครื่องที่แยกจากกนั

https://me-qr.com/RjDHhSW

- 37 -

ภาคผนวก 03
การใสข่ ดลวดและการเขา้ สาย

- 38 -

สายไฟฟ้า

สายไฟฟ้า คือ วสั ดุท่ีประกอบไปดว้ ยธาตโุ ลหะท่ีมีคุณสมบตั ิในการนาไฟฟ้าและนาความร้อนไดด้ ี
เนื่องจากเน้ือโลหะที่มีความแขง็ และเหนียว โดยเฉพาะทองแดงท่ีสามารถนามาแปรรูปไดต้ าม
ตอ้ งการ สายไฟแต่ละชนิดจะไดร้ ับการออกแบบแตกตา่ งกนั ออกไปตามโครงสร้างและคุณสมบตั ิ
การใชง้ าน เช่น

• สายที่ประกอบไปดว้ ยตวั นาไฟฟ้าเพยี งอยา่ งเดียว (Conductor)
• สายที่ประกอบดว้ ยฉนวนหุม้ ตวั นาไฟฟ้า(Insulation)
• สายที่ประกอบดว้ ยเปลือกหุม้ หรือช้นั ป้องกนั เสริมเป็นส่วนประกอบอยภู่ ายใน(Sheath)
สายไฟท่ีนิยมใชก้ นั ในบา้ น-อาคารไดแ้ ก่THW, VAF, VCT
• THWเสน้ เมนเดินร้อยท่อ

• VAFเกาะลอยตามผนงั ประหยดั ท่อ

- 39 -

• VCTบนรางจดั สายง่าย

• NYYฝังดินภายนอก

ส่ วนประกอบของสายไฟฟ้า

1. ตวั นาไฟฟ้า (Conductor)
ทาหนา้ ที่ส่งผา่ นกระแสไฟฟ้าหรือสัญญาณไฟฟ้า ตวั นาไฟฟ้าทาจากโลหะที่มีคา่ ความตา้ นทาน
ไฟฟ้าต่าและมีคา่ ความนาไฟฟ้าสูง ซ่ึงโลหะที่นิยมใชท้ าเป็นตวั นาไฟฟ้าไดแ้ ก่ ทองแดง และ
อลมู ิเนียม โดยมีคุณสมบตั ิ ดงั น้ี
ทองแดง เป็นโลหะท่ีมีคา่ การนาไฟฟ้าสูงมาก (สูงเป็นอนั ดบั สองรองจากโลหะเงิน) มีความแขง็ แรง
สามารถนามารีดเป็นเส้นลวดขนาดเลก็ และดดั โคง้ งอไดโ้ ดยไม่เปราะหกั งา่ ย นาความร้อนไดด้ ี แต่

- 40 -

มีน้าหนกั ค่อนขา้ งมาก และราคาสูงกวา่ อลมู ิเนียม ดงั น้นั จึงนิยมใชท้ องแดงเป็ นตวั นาไฟฟ้าสารหบั
สายไฟฟ้าท่ีใชต้ ิดต้งั ในอาคารและติดต้งั ใตด้ ิน (Underground cable)

อลมู เิ นียม มีค่าการนาไฟฟ้าต่ากวา่ ทองแดง (ประมาณ 62% ของทองแดง) แตเ่ ปราะหกั ไดง้ า่ ยกวา่ จึง
ไม่สามารถรีดเป็นเส้นลวดขนาดเลก็ มากได้ อลมู ิเนียมมีขอ้ ไดเ้ ปรียบทองแดงคือมีน้าหนกั เบากวา่
มาก (อลมู ิเนียมมีน้าหนกั ประมาณ 1 ใน 3 ของทองแดงที่ปริมาตรเท่ากนั ) และราคาถูกกวา่ ดงั น้นั
อลูมิเนียมจึงเหมาะสาหรับทาเป็นตวั นาของสายไฟฟ้าท่ีติดต้งั แบบแขวนลอยในอากาศ เช่นสายส่ง
ไฟฟ้าแรงสูงเหนือพ้นื ดินที่ตอ้ งเดินเป็นระยะทางไกล ทาใหก้ ารลงทุนในสายส่งและโครงสร้างเสา
และอุปกรณ์รับน้าหนกั นอ้ ยลงจากน้าหนกั ที่เบากวา่ ของสายตวั นาอลูมิเนียม และเน่ืองจาก
อลูมิเนียมเปราะหกั ไดง้ า่ ยกวา่ ทองแดง ดงั น้นั จึงไม่นิยมใชท้ าเป็นตวั นาสายตีเกลียวหรือสายอ่อน
ขนาดเลก็ และตวั นาที่ติดต้งั ในอาคารซ่ึงตอ้ งการการดดั โคง้ ของสายในการติดต้งั มากกวา่

2. ฉนวน (Insulation)
ทาหนา้ ท่ีป้องกนั กระแสไฟฟ้าไมใ่ หไ้ หลผา่ นไปยงั ส่วนอื่นๆที่สามารถก่อให้เกิดอนั ตรายได้ เช่นไฟ
รั่ว หรือไฟฟ้าลดั วงจร ฉนวนส่วนใหญท่ าจากพลาสติกโพลีเมอร์หรือยางท่ีมีคุณสมบตั ิทนความ
ร้อนและป้องกนั ของเหลวไหลผา่ นสามารถป้องกนั ไม่ใหไ้ ฟฟ้าไหลผา่ นได้ วสั ดุท่ีใชท้ าฉนวนมี
ดว้ ยกนั หลายชนิด แตล่ ะชนิดมีคุณสมบตั ิที่แตกตา่ งกนั ออกไป ซ่ึงวสั ดุที่นิยมใชม้ ากท่ีสุด คือ โพลิ

- 41 -

ไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride: PVC) และ ครอสลิงค์ โพลีเอททีลีน (Cross-Linked
Polyethylene: XLPE)

ฉนวน PVC มีความนิ่มและอ่อนตวั สามารถดดั โคง้ งอไดง้ า่ ย นิยมใชเ้ ป็นฉนวนสายแรงดนั ต่า
โดยเฉพาะสายที่ใชต้ ิดต้งั ในอาคารเนื่องจาก PVC มีคุณสมบตั ิตา้ นทานการลุกไหมไ้ ฟในตวั เอง
ฉนวน PVC ใชก้ บั สายไฟฟ้าท่ีมีพกิ ดั อณุ หภูมิตวั นาสูงสุด 70 oC

ฉนวน XLPE ผลิตโดยการทาให้ โพลีเอททีลีน (PE) เกิดปฏิกิริยาเคมีเปล่ียนเป็นครอสลิงค์ โพลีเอท
ทีลีน (XLPE) ซ่ึงมีความแขง็ แรงและทนความร้อนไดม้ ากข้ึน ฉนวน XLPE ใชก้ บั สายไฟฟ้าท่ีมี
พิกดั อุณหภมู ิตวั นาสูงสุด 90 oC นิยมใชเ้ ป็นฉนวนสายไฟฟ้ากาลงั โดยเฉพาะสายไฟฟ้าแรงดนั สูง
ฉนวน XLPE มีคุณสมบตั ิท่ีเหนือกวา่ PVC ไดแ้ ก่ ทนอุณหภมู ิไดส้ ูงกวา่ มีความแขง็ แรงมากกวา่
ความตา้ นทานไฟฟ้าสูงกวา่ ป้องกนั การซึมผา่ นของน้าไดด้ ีกวา่ แตม่ ีขอ้ เสียคอื เมื่อติดไฟแลว้ จะ
ลุกลามไฟไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว จึงไมน่ ิยมใชส้ ายไฟฟ้าฉนวน XLPE ติดต้งั ในอาคาร ยกเวน้ แต่เป็นสายที่
ออกแบบใหผ้ า่ นการทดสอบการลุกลามไฟเป็นพเิ ศษ

3. เปลอื กนอก (Sheath)
เปลือกนอก หรือ Over Sheath คือ พลาสติกโพลิเมอร์ที่อยชู่ ้นั นอกสุดของสายไฟฟ้า ทาหนา้ ที่
ปกป้องสายไฟฟ้าจากสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ เช่น การขดู ขีดระหวา่ งติดต้งั แรงกระแทกกดทบั
แสงแดด น้าและความช้ืน และการกดั กร่อนจากสภาพแวดลอ้ มต่างๆ เช่น
PVC มีคุณสมบตั ิเช่นเดียวกบั ฉนวนพีวีซีเหมาะกบั สายไฟฟ้าท่ีใชต้ ิดต้งั ภายในอาคาร

PE มีความแขง็ แรงสูง ทนตอ่ การขดู ขีดและแรงกระแทกกดทบั ไดด้ ี และป้องกนั การซึมผา่ นของน้า
ไดด้ ี แต่มีขอ้ เสียเรื่องการลุกลามไฟเช่นเดียวกบั ฉนวน XLPE ดงั น้นั จึงเหมาะสาหรับใชเ้ ป็นเปลือก
ของสายท่ีใชต้ ิดต้งั ใตด้ ิน

- 42 -

LSHF (Low Smoke Halogen Free) พฒั นาข้ึนสาหรับสายไฟฟ้าที่ใชต้ ิดต้งั ในพ้นื ท่ีท่ีตอ้ งการความ
ปลอดภยั มากเป็นพเิ ศษ เน่ืองจากเปลือก LSHF มีคุณสมบตั ิตา้ นทานการลุกลามไฟ ควนั นอ้ ยและไม่
ปล่อยกา๊ ซที่มีฤทธ์ิเป็นกรดเมื่อถกู ไฟไหม้ มีขอ้ เสียคือ ความแขง็ แรงไมส่ ูงมากเทา่ PVC และ PE
และไมเ่ หมาะกบั การติดต้งั แบบฝังดิน เนื่องจากมีการดูดซึมความช้ืนสูง

https://me-qr.com/HMKxbXC

- 43 -

บรรณานุกรรม

สอนพนั มอเตอร์1เฟส2โปล3000rpm1/3part
(ออนไลน์)(สืบค้นเมื่อวันท่ี8/9/2565)
จากhttp://me-qr.com/6qeVHpe

การมาร์คและจสอดนบพนันั มทอกึเตอร์1เฟส2โปล3000rpm3/3part

(ออนไลน์)(สืบค้นเม่ือวนั ท่ี8/9/2565)
จากhttps://me-qr.com/WjyP4eL

การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
(ออนไลน์)(สืบค้นเม่ือวนั ท่ี8/9/2565)

จากhttps://me-qr.com/FXzQ1mV

การมาร์คขแอ้ลมะูลจมอดเตบอนั ร์ไทฟกึ ฟ้ากระแสตรงและหลกั การทางาน

(ออนไลน์)(สืบค้นเมื่อวนั ท่ี8/9/2565)
จากhttps://me-qr.com/rnrMr8g

คุณสมบตั ิทองแดง

การมารค์ และจด(อบอันนไทลนึก์)(สืบค้นเมื่อวนั ที่8/9/2565)

จากhttps://me-qr.com/pmTnCY6

การมาร์คและจดบันทกึ

- 44 -

การดาษฉนวนไฟฟ้า

(ออนไลน์)(สืบค้นเม่ือวนั ท่ี8/9/2565)
จากhttps://me-qr.com/RjDHhSW

สายไฟฟ้า

(ออนไลน์)(สืบค้นเมื่อวันท่ี8/9/2565)
จากhttps://me-qr.com/HMKxbXC

การมาร์คและจดบันทึก

การมารค์ และจดบันทึก

- 45 -

ประวตั ิผจู้ ดั ทำ

ชื่อผูจ้ ัดทำ : นายพงศธร เชือ้ อ่อน

หลักสูตร : เทคโนโลยบี ัณฑิต

สาขาวชิ า : สาขาวชิ าเทคโนโลยีไฟฟา้

ประวัติการทำงาน

ปี พ.ศ. - ถึง ปี พ.ศ. -

ตำแหนง่ -

หน้าท่ี -

ปี พ.ศ. - ถงึ ปี พ.ศ. -

ตำแหนง่

หนา้ ที่

ช่อื สถานประกอบการ (ปจั จุบัน) :

สถานท่ีติดต่อ :


Click to View FlipBook Version