กรอบความร้แู ละกิจกรรมฝกึ ทกั ษะการอา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
ชุดท่ี ๔
สิง่ ควรรู้ในเรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา่ ย
๑. สถานที่ การคมนาคม
๒. ตวั ละครสาคัญ
๓. บคุ คลในเรอ่ื ง ฝ่ายไทย ฝ่ายพม่า
๔. ทาเลในการตง้ั ทัพ
๕. เสน้ ทางการเดนิ ทพั
๗๒
สิง่ ควรรู้ในเรอ่ื งลลิ ติ ตะเลงพ่าย
สถานที่
๑. หงสาวดี เมืองหลวงของพมา่
๒. อยธุ ยา เมืองหลวงของไทย
๓. ดา่ นเจดียส์ ามองค์ เขตแดนระหวา่ งไทยกับพม่า อาเภอสังขละบุรี
จงั หวัดกาญจนบรุ ี
๔. กาญจนบุรี เมืองหน้าดา่ นของไทยที่พระมหาอุปราชายกเขา้ มา
เป็นเมอื งแรก
๕. แมก่ ษตั รยิ ์ ช่อื แม่นาในจงั หวดั กาญจนบุรีทแี่ มท่ พั นายกองเมอื ง
กาญจนบุรไี ปซุ่มสอดแนมเพ่อื หาข่าวของขา้ ศึก
๖. พนมทวน อาเภอหนงึ่ ในจงั หวัดกาญจนบรุ ี เม่อื พระมหาอุปราชา
ยกทัพมาถงึ เกดิ เวรมั ภาพัดทาให้ฉตั รของ
พระมหาอุปราชาหกั
๗. เมืองสิงห์ เมอื งสงิ หบ์ ุรี เมอื งหนา้ ด่าน
เมอื งสรรค์ เมอื งสรรคบ์ ุรี อยูใ่ นชัยนาท
เมอื งสพุ รรณ
๘. กัมพชุ , พุทไธธานี, ปา่ สัก เมอื งของเขมร
๙. ราชบุรี เมืองท่สี มเด็จพระนเรศวรมีพระราชบัญชาใหเ้ จ้าเมืองจัด
ทหารห้ารอ้ ยคนไปทาลายสะพานไม้ไผ่ เจา้ เมอื งชื่อ
พระอมรินทร์ฦาชัย
๑๐.วเิ ศษชยั ชาญ เมืองทพ่ี มา่ ให้กองลาดตระเวนขีมา้ หาขา่ ว
๑๑.ปากโมก เป็นตาบลท่สี มเดจ็ พระนเรศวรยกพลขึนบก ทรง
พระสุบนิ ว่ารบกบั จระเขแ้ ละไดช้ ัยชนะ กอ่ นยกทพั
ออกจากปากโมก ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารริกธาตุ
๑๒.หนองสาหรา่ ย ที่ตังทพั หนา้ ของไทย
๑๓.โคกเผา้ ข้าว ตาบลที่กองหน้าของไทยปะทะกบั พมา่ เวลา ๗.๐๐ น.
๑๔.ตระพังตรุ ตาบลท่ีทรงทายทุ ธหัตถี
๑๕.วัดป่าแก้ว วดั ท่สี มเดจ็ พระวันรัตจาพรรษา
การคมนาคม
ช่องทางคมนาคมท่พี มา่ จะเขา้ มาในเขตของไทยมี ๒ ช่องทาง
๑. ทางด่านเจดีย์สามองค์ พม่าจะออกจากเมืองเมาะตะมะมาทางแม่นาอัตรันถึงเมือง
สมแิ ล้วเดินข้ามภูเขาเข้าแดนไทยทางด่านเจดีย์สามองค์ มาลงลานาแควน้อยที่สามสบ ต่อจากนันก็
เขา้ ไทรโยคแลว้ เข้าเมืองกาญจนบรุ ี
๗๓
๒. ออกจากเมาะตะมะเลยี บแม่นาถงึ บา้ นตะพูเมืองเชียงกราน แล้วเข้าด้านแม่ละเมาท่ี
เมืองตาก
ตัวละคร
ตัวละครที่สาคัญมีอยู่ ๓ ตัว คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหาอุปราชา
และสมเด็จพระวันรัต การบรรยายลักษณะตวั ละครทังสามทาไดเ้ ดน่ ชดั มาก
๑. พระมหาอปุ ราชา
พระมหาอุปราชา เป็นกษัตริย์ที่มีความอ่อนแอกว่าสมเด็จพระนเรศวร และ
มีความรุนแรงในเรื่องความรัก มีจิตใจอ่อนไหว ในขณะท่ีเดินทัพก็ทรงคร่าครวญราพึงราพัน
ถึงพระสนม เชน่
สลดั ไดใดสลดั น้อง แหนงนอน ไพรฤา
เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้
สละสละสมร เสมอชือ่ ไม้นา
นกึ ระกานามไม้ แมน่ แม้นทรวงเรยี ม
ยามสาย
สายหยุดหยดุ กล่นิ ฟงุ้ ห่างเศร้า
สายบห่ ยุดเสนห่ ์หาย วางเทวษ ราแม่
กคี่ นื ก่ีวนั วาย หยดุ ไดฉ้ นั ใด
ถวิลทุกขวบคา่ เช้า
นอกจากนีพระมหาอุปราชายังเช่ือในเรื่องโชคลางเป็นอย่างมาก เม่ือพระเจ้าหงสาวดี
ตรัสให้เตรียมทัพมาโจมตีไทย พระมหาอุปราชาทรงกราบทูลพระบิดาว่า โหรทานายว่า
พระเคราะห์ถึงฆาต พระเจ้าหงสาวดีจึงประชดว่า ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์
เชย่ี วชาญ หาญศึกบม่ ิยอ่ ตอ่ สูศ้ กึ บมิหยอน ไป่พักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์
กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ทาให้พระมหาอุปราชาเกิด
ทฐิ ิมานะ และเมอ่ื พระมหาอุปราชาเดินทพั มาถึงเมืองกาญจนบรุ ี ไดเ้ กิดลางร้าย
ลมชอื่ เวรมั ภา พัดคล้มุ
หวนหอบหกั ฉัตรา คชขาด ลงแฮ
พระพลันเหน็ เหตุไซร้ เสยี วดวง แดเฮย
ถนดั ดั่งภูผาหลวง ตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง สน่ั ซีด พักตรน์ า
หนกั หฤทยั ท่านร้อง เรียกใหโ้ หรทาย
พระมหาอุปราชาไม่เชื่อคาทานายของโหร ทรงหวั่นพระทัยว่าจะแพ้แก่ข้าศึก
ทรงระลกึ ถงึ พระบิดา ซ่ึงมีพระคณุ ต่อพระองคอ์ ยา่ งใหญ่หลวง ถ้าหากพระองค์สินพระชนม์ลง พระ
บิดาจะต้องทรงโศกกาอาดูร ย่ิงเพราะไม่มีใครช่วยทาสงครามกับไทย แผ่นดินมอญ (พม่า) จะต้อง
๗๔
พินาศลง แม้ว่าพระมหาอุปราชาจะมีความหว่ันเกรงในสมเด็จพระนเรศวร แต่ก็มีขัตติยะมานะใน
การทจี่ ะกระทายทุ ธหตั ถีกับสมเดจ็ พระนเรศวร จนเพลยี่ งพลาขาดคอชา้ ง
๒. สมเด็จพระนเรศวร
สมเด็จพระนเรศวร ทรงเปน็ นกั กษัตริย์ที่มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เอาพระทัยใส่ใน
ความสงบสุขของบ้านเมือง มีพระปรีชาสามารถในการรบมาก เม่ือทรงแน่พระทัยว่าพม่าจะโจมตี
ไทย ก็รับส่ังให้ทัพหน้าเข้าปะทะข้าศึก และล่าถอยเพื่อลวงให้ข้าศึกประมาท แล้วพระองค์พร้อม
ด้วยพระเอกาทศรถนาทพั ออกไปตกี ระหนาบ ซ่ึงเป็นกลยทุ ธ์ท่ีชาญฉลาดในการรบของพระองค์ เมื่อ
เห็นชา้ งทรงของพระมหาอปุ ราชายืดหยดุ อยใู่ ต้รม่ ไมก้ ็ทรงทา้ โดยไม่เกรงกลวั
พระพ่พี ระผู้ผา่ น ภพอุต - ดมเอย
ไปช่ อบเชษฐย์ นื หยุด รม่ ไม้
เชิญราชรว่ มคชยุทธ์ เผยอเกยี รติ ไว้แฮ
สบื กวา่ สองเราไสร้ สุดสน้ิ ฤามี
เม่ือมีชัยชนะพระองค์ก็มีนาพระทัยกับนายทหาร โดยการปูนบาเหน็จให้แก่
นายทหารเปน็ การตอบแทนทม่ี ีความจงรักภกั ดี
บดั ดลดารัสให้ ปูนยศ
ทรัพยส์ งิ่ ศรสี ารด ท่วั ทั้ง
บตุ รทารทา่ นแทนทด ความชอบ เขานา
สมทีภ่ กั ดตี ง้ั ตอ่ เหง้าเผา่ เฉลิม
๓. สมเดจ็ พระวันรตั
สมเดจ็ พระวันรตั วดั ป่าแก้ว เป็นพระที่มีความเคร่งครัดในสมณปฏิบัติ มีปฏิภาณ
และวาทศลิ ป์ดี เมอ่ื สมเด็จพระนเรศวรรบั สง่ั ใหน้ ิมนตเ์ ขา้ ในท้องพระโรง ได้ขออภัยโทษให้บรรดาแม่
ทัพนายกองที่ตามเสด็จไม่ทัน และทูลถามถึงเหตุผลที่ลงโทษแม่ทัพนายกองเหล่านัน แต่ด้วย
ปฏิภาณและวาทศิลป์ของสมเด็จพระวันรัตที่เปรียบเทียบสมเด็จพระนเรศวรเหมือนสมเด็จพระ
สัมมาสมั พทุ ธเจา้ จงึ ทาให้เหลา่ แมท่ พั นายกองไดร้ บั พระราชทานอภยั โทษ
สมเด็จพระวันรัตถวายพระพรต่อไปว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระตรี
โลกนาถ) ทรงชนะพระยามารลาพงั พระองค์เอง เชน่ เดียวกับพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถ
เสดจ็ ไปปราบอรริ าชศตั รูจนพา่ ยแพไ้ ปโดยปราศจากไพร่พล พระเกียรติยศจึงลือกึกก้องไปท่ัวทุกแห่ง
หน
พระตรีโลกนาถแผว้ เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พ่นี อ้ ง
เสด็จไร้พิรยิ ะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยินก้อง เกียรติทา้ วทกุ ภาย
๗๕
ถ้าอาศัยกาลังทัพมากมาย ถึงแม้รบชนะและทาลายล้างข้าศึกมอญจนหมดสิน
พระเดชานุภาพก็จะไม่ฟุ้งเฟ่ืองเพ่ิมพูนขึน และกษัตริย์ทังหลายก็จะไม่พากันออกพระนามเอิกเกริก
จนฟา้ ดินหว่ันไหวเช่นนี
ผิวหลายพยหุ ยทุ ธร์ า้ โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ ม่วั มลา้ ง
พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา
ไปท่วั ธเรศออกอา้ ง เอิกฟา้ ดนิ ไหว
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรได้ทรงสดับคาชีแจงก็ทรงปลาบปลืมพระทัย สมเด็จ-
พระวันรัตเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรคลายกริวแม่ทัพนายกองแล้ว จึงกล่าวขออภัยโทษให้แม่ทัพ
นายกองว่า แม่ทัพนายกองเหล่านีมีความผิดรุนแรง ควรได้รับโทษทังโคตร แต่ได้เคยรับราชการ
สนองพระเดชพระคุณมา แต่เก่าก่อนนับตังแต่สมเด็จพระนเรศวรได้เสด็จขึนครองราชย์สมบัติ
เปรยี บได้กบั พุทธบรษิ ทั ทงั ปวงช่วยกนั ดารงพระพทุ ธศาสนาต่อมา ขอให้พระองค์ทรงงดโทษประหาร
ชีวิตแม่ทัพนายกองไว้สักครังหน่ึง เพ่ือจะได้เป็นผู้ส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพต่อไป
เมื่อศึกสงครามเกิดขึนอีกพวกเขาเหล่านันคงจะคิดแก้ตัว หาความดีความชอบเพื่อเพ่ิมพูนพระบารมี
ให้แผไ่ ปท่วั บา้ นท่ัวเมืองของพระองค์
สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงสดับข้อความท่ีสมเด็จพระวันรัตถวายพระพรขออภัยโทษ
แกบ่ รรดาแมท่ ัพนายกองทงั ปวงก็ทรงพระกรุณาดว้ ยว่าบคุ คลเหลา่ นันยังจงรักภักดีต่อพระองค์อยู่ จึง
พระราชทานอภัยโทษตามคาทูลขอของสมเด็จพระวันรัต แต่ทรงเห็นสมควรที่จะใช้ให้ไปตีเมือง
ตะนาวศรี ทวาย และมะริด เป็นการชดเชยความผิด สมเด็จพระนเรศวรจึงมีพระบรมราชโองการ
โปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ม่ทัพนายกองพ้นโทษและคงดารงตาแหน่งและยศตามเดิม
บคุ คลในเรือ่ ง
ฝา่ ยไทย
๑. สมเด็จพระนเรศวร พระราชโอรสสมเดจ็ พระมหาธรรมราชากบั
พระวิสุทธิกษัตริย์พระราชธดิ าสมเดจ็ พระสุริโยทยั
๒. สมเดจ็ พระเอกาทศรถ พระราชโอรสสมเดจ็ พระมหาธรรมราชากับ
พระวสิ ุทธิกษตั รยิ ์พระราชธดิ าสมเด็จพระสุรโิ ยทยั
๓. พระศรีไสยณรงค์แมท่ พั หนา้
๔. พระราชฤทธานนท์ ปลดั ทัพ
๕. หม่ืนทพิ เสนา ผไู้ ปสืบข่าวทัพหน้าของไทยกบั เป็นผ้ไู ปบอกให้
กองหนา้ รีบถอย
๖. หลวงมหาวิชัย ผรู้ บั พระราชทานพระแสงอาญาสิทธิ์ในพธิ ตี ดั ไมข้ ่มนาม
๗. หลวงญาณโยคโลกทปี โหรประจากองทัพใหฤ้ กษใ์ นการเดนิ ทัพ
๘. เจ้าพระยาจักรี ผูท้ สี่ มเดจ็ พระนเรศวรไวว้ างพระราชหฤทัยให้รักษา
กรงุ ศรีอยธุ ยา ถ้าพระองคท์ รงยกทพั ไปตีเขมร และ
เปน็ ผูท้ ไ่ี ดร้ ับพระราชทานอภัยโทษ แตต่ อ้ งไปตเี มอื ง
๗๖
ตะนาวศรกี บั เมอื งมะรดิ เปน็ การแกต้ วั
๙. เจ้าพระยาพระคลัง ผ้ไู ดร้ ับพระราชทานอภัยโทษ แต่ต้องไปตเี มอื งทวาย
เป็นการแกต้ วั
๑๐. เจ้ารามราฆพ กลางช้างของสมเดจ็ พระนเรศวร
๑๑. นายมหานภุ าพ ทา้ ยช้างของสมเดจ็ พระนเรศวร ตายในสนามรบ เพราะ
ถกู ปนื ขา้ ศึก
๑๒. หมน่ื ภักดศี วร กลางชา้ งของสมเด็จพระเอกาทศรถ ตายในสนามรบ
เพราะถูกปนื ขา้ ศึก
๑๓. ขุนศรีคชคง ท้ายช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถ
๑๔. สมเด็จพระวนั รตั ทูลขอพระราชทานอภัยโทษแมท่ พั นายกอง
๑๕. เจ้าเมืองธน
เจ้าเมืองนนท์
เจ้าเมืองสรรค์
เจา้ เมืองสิงห์ รว่ มขบวนทัพหนา้ ไปกบั พระศรีไสยณรงคก์ ับ
เจา้ เมืองชยั นาท พระราชฤทธานนท์
เจ้าเมืองวเิ ศษชยั ชาญ
พระยาสพุ รรณ
๑๖. ขุนแผน ตาแหน่งนายด่านผู้นาใบบอกจากหัวเมืองเข้าสู่กรุงศรี
อยธุ ยา
ฝ่ายพมา่
๑. พระเจ้าหงสาวดีนนั ทบเุ รง เดิมช่อื มงั ไชยสิงหเ์ ปน็ โอรสของพระเจ้าหงสาวดี
บเุ รงนอง
๒. พระมหาอุปราชาพระโอรสพระเจ้านันทบุเรง เดิมชอ่ื มังสามเกยี ด
แลว้ เปลี่ยนเป็นมังรายกะยอฉวา
๓. เจา้ เมืองเชยี งใหม่ ชื่อพระเจา้ มงั นรธาชอ่ เป็นน้องพระเจา้ หงสาวดีนนั ทบุเรง
๔. พระยาจิดตอง แมท่ พั หน้า ทาสะพานไม้ไผ่ขา้ มแมน่ าลากระเพิน
๕. มางจาชโร พเ่ี ลยี งของพระมหาอปุ ราชาถกู สมเดจ็ พระเอกาทศรถ
ฟนั ด้วยของา้ วเสียชวี ติ บนหลงั ชา้ ง
๖. สมิงอะครา้ น นายกกองลาดตระเวน
๗. สมงิ เป่อ , สมงิ ซายมว่ น นายกองลาดตระเวน
๘. เจา้ เมืองล่วน ควาญชา้ งของพระมหาอุปราชานาความเรื่องพระมหา-
อปุ ราชาสินพระชนมไ์ ปกราบทูลพระเจา้ หงสาวดี
ทาเลในการต้งั ทัพ
ชยั ภมู พิ ยหุ ะ คือ ทาเลทเ่ี หมาะสมในการตงั ทัพตามตาราพชิ ัยสงครามมีอยู่ ๘ นาม
๑. ครฑุ นาม มตี น้ ไม้ใหญ่หนง่ึ ตน้ ขึนอยู่บนภเู ขาหรือจอมปลวก
๒. พยคั ฆนาม ตังอย่รู มิ ทางชายป่า
๓. สหี ราชนาม มตี น้ ไมใ้ หญส่ ามต้น ขนึ อย่บู นภเู ขาหรือจอมปลวก
๔. สุนัขนาม อยูใ่ กลท้ างนา
๗๗
๕. นาคนาม อยใู่ กล้ทางนา
๖. มุสกิ นาม อยูใ่ กลโ้ พรงไม้จอมปลวก
๗. อชั นาม อยกู่ ลางทุ่ง
๘. คชนาม อยใู่ กลป้ ่าไผ่
การจดั ทัพ
ฝ่ายไทย ทัพหลวงจดั เป็น เบญจเสนา กองหน่ึงแบ่งเปน็ ห้ากองเล็กห้ากองดังนี
แซงซ้าย ปีกซา้ ย ทพั หน้า ปีกขวา แซงขวา
แซงซา้ ย (พระยาพชิ ติ รณรงค์) (พระยาสีหราชเดโชชัย) (พระยาพิชยั รณฤทธิ)์ แซงขวา
แซงซ้าย ปกี ซา้ ย ทัพหลวง ปกี ขวา แซงขวา
แซงซ้าย (พระยาจกั รี) (พระนเรศวร, (พระยามหาเสนา) แซงขวา
แซงซ้าย พระเอกกาทศรถ) แซงขวา
ปกี ซ้าย ปีกขวา
(พระรามคาแหง) เกยี กกาย (พระยาพชิ ัยสงคราม)
(พระยาเทพวรชุน)
ปีกซา้ ย ปีกขวา
(พระรามรณภพ) ยกกระบตั ร (พระราชสงคราม)
(พระยาพระคลัง)
ปีกซ้าย ปกี ขวา
(หลวงราชภกั ด)ี ทัพหนา้ (หลวงหฤทัย)
(พระยาท้ายนา)
หมายเหตุ กองเกียกกาย เป็นกองสเบียงแบกหามสัมภาระ และทาหน้าท่ีรับทพั ดว้ ย
กองยกกระบตั รเปน็ กองจดั หายุทโธปกรณ์ เชน่ อาวธุ ต่าง ๆ เสอื ผ้าตา่ ง ๆ
ทพั หน้า จดั เป็นตรีเสนาเกา้ ทพั ดงั นี
ปกี ซ้าย (เจ้าเมืองธน) ทพั หน้า (พระยาสุพรรณ) ปีกขวา (เจา้ เมืองนนท์)
ปกี ซา้ ย (เจา้ เมืองสรรค์) ทพั หลวง (พระศรีไสยณรงค์)
ปีกซ้าย (เจ้าเมืองชัยนาท) ทพั หลงั (พระราชฤทธานนท)์ ปกี ขวา (เจา้ เมืองสงิ ห์)
ปกี ขวา (เจา้ เมืองวเิ ศษชยั
ชาญ)
๗๘
ฝา่ ยพม่า จดั ทพั อย่างสตั เสนา กองหนึ่งแบง่ ออกเป็นเจด็ กองเลก็ ดงั นี
แซงนอก แซงใน ปีกซ้าย ทัพนา ปกี ขวา แซงใน แซงนอก
(พระยาจิดตอง)
แซงนอก แซงใน ปกี ซ้าย ทพั หนา้ ปกี ขวา แซงใน แซงนอก
(พระอภยั คามนิ ี)
แซงนอก แซงใน ปกี ซา้ ย ทัพเกยี กกาย ปีกขวา แซงใน แซงนอก
(มางจาชโร)
แซงนอก แซงใน ปกี ซา้ ย ทัพหลวง ปีกขวา แซงใน แซงนอก
(พระมหาอุปราชา)
แซงนอก แซงใน ปีกซ้าย ทัพยกกระบัตร ปกี ขวา แซงใน แซงนอก
(เจ้าเมอื งเชียงใหม่)
แซงนอก แซงใน ปีกซา้ ย ทพั หลงั ปีกขวา แซงใน แซงนอก
(เจา้ เมืองแสนหว)ี
แซงนอก แซงใน ปกี ซา้ ย ทพั หนุน ปีกขวา แซงใน แซงนอก
(เจ้าเมอื งเขมราษฎร์)
หมายเหตุ แซง เป็นคาเรียกชา้ ง ม้า หรือคนทม่ี ีหนา้ ท่แี ทรกขนานเขา้ ไปในกระบวนทัพ
ถา้ เปน็ ช้าง เรียกช้างแซง ถา้ เป็นมา้ เรียกว่า มา้ แซง
เวลา
๗.๐๐ น. กองทพั หน้าไทยปะทะกับพม่าขา้ ศึก
วนั อาทิตย์ เดอื นยี่ ขนึ สบิ เอด็ ค่า เวลา ๘.๓๐ น. สมเด็จพระนเรศวรเคล่อื นทพั
ออกจากกรงุ ศรอี ยธุ ยา
๔.๐๐ น. สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพระสุบินวา่ ส้กู ับจระเข้
๕.๐๐ น. พระมหาอุปราชาเคลื่อนทพั
๕.๑๘ น. สมเด็จพระนเรศวรเคลื่อนทัพออกจากปากโมก
ชอ่ื ชา้ ง
๑. ไชยานุภาพ เป็นชา้ งทรงของสมเดจ็ พระนเรศวร สงู ๖ ศอก ๑ คืบ ๒ นวิ
๒. ปราบไตรจกั ร เปน็ ชา้ งทรงของสมเดจ็ พระเอกาทศรถ สงู ๖ ศอก ๑ คืบ
๓. พัทธกอ เปน็ ชา้ งทรงของพระมหาอปุ ราชา สงู ๖ ศอก ๑ คบื ๕ นวิ
๔. พัชเนียง เปน็ ช้างของมางจาชโร สงู ๖ ศอก ๑ คืบ ๕ นวิ
๕. ชมพูธวชั เปน็ ช้างของเจ้าเมอื งเชียงใหม่
๗๙
การตั้งทัพแบบนาคนาม
การตงั ทัพแบบพยัคฆนาม
๘๐
กองทัพแบบสีหราชนาม
การตงั ทัพแบบครฑุ นาม
๘๑
หงสาวดี ชัยนาท สรรคบุรี สิงหบ์ รุ ี
ทวาย เจดียส์ ามองค์ พรหมบุรี
ดอนเจดยี ์ วิเศษชัยชาญ
หนองสาหร่าย
ป่าโมก
สุพรรณบุรี
พนมทวน อยธุ ยา
กาญจนบุรี
ราชบรุ ี
มะรดิ
ตะนาวศรี
เส้นทางเดินทัพของพระมหาอุปราชาและพระนเรศวร
ดา่ นเจดีย์สามองค์
๘๒
ชดุ ฝึกกจิ กรรมท่ี ๔
แบบฝกึ ที่ ๑
ความโดดเดน่ ของตัวละคร
คาชี้แจง นักเรียนแบง่ กลุ่มๆ ละ ๖ – ๗ คน ชว่ ยกันคดิ ลกั ษณะนสิ ัยทโ่ี ดดเดน่ ของ
พระมหาอุปราชาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นักเรยี นเขียนอธิบายลักษณะ
นิสัยทโี่ ดดเด่นของตัวละครในลลิ ิตตะเลงพา่ ยตามท่ีกาหนดให้ พร้อมยกตวั อยา่ ง
ประกอบคาอธิบาย
๑. พระมหาอปุ ราชา
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
........................................................................................................................................ ...
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
๒. สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
๘๓
ชุดฝึกกิจกรรมท่ี ๔
แบบฝึกท่ี ๒
ความเชือ่ ท่ีปรากฏในเรื่อง
คาช้แี จง นักเรยี นพจิ ารณาความคิดเห็นเก่ยี วกบั ความเช่อื ท่ปี รากฏในเรื่อง
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
........................................................................................................................................ ...
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
๘๔
ชุดฝึกกิจกรรมท่ี ๔
แบบฝึกท่ี ๓
คณุ สมบตั ิของผนู้ า
คาชีแ้ จง นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๖ – ๗ คน ระดมความคิดช่วยกนั ในเรอื่ งคุณสมบตั ิ
ของผูน้ าท่ปี รากฏในเรือ่ งลลิ ติ ตะเลงพ่าย
๘๕
ชดุ ฝึกกจิ กรรมท่ี ๔
แบบฝกึ ที่ ๔
แสดงความคิดเหน็
คาช้แี จง ๑. นักเรียนวิเคราะห์ว่าข้อความตอนใดในเรื่องลลิ ิตตะเลงพา่ ย แสดงใหเ้ ห็นว่า
พระมหาอปุ ราชาขวญั ไม่ดใี นการทาสงคราม
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
........................................................................................................................................ ...
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................... .......................................
๘๖
ชดุ ฝึกกจิ กรรมท่ี ๔
แบบฝึกที่ ๔
เส้นทางการเดนิ ทพั ของพระมหาอุปราชา
คาช้แี จง ๒. นักเรียนแสดงเส้นทางเดินทพั ของพระมหาอุปราชาตัง้ แต่ออกจากเมืองมอญ
จนถงึ
ตาบลตระพังตรุ สุพรรณบุรี ว่าผ่านเมอื งใดบ้าง
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. ..............
......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
........................................................................................................................................ ...
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............
๘๗
แบบทบทวนชดุ ฝกึ กจิ กรรมที่ ๔
นักเรียนเลอื กคาตอบทถี่ กู ต้องท่ีสดุ เพียงคาตอบเดียว
๑. ข้อใดคือเส้นทางเดินทัพของไทยในหนงั สือท่ีเรียน
๑. อยธุ ยา – สุพรรณบุรี - หนองสาหร่าย
๒. อยธุ ยา – กาญจนบุรี - หนองสาหร่าย
๓. อยธุ ยา – ปากโมก - สพุ รรณบรุ ี
๔. อยุธยา – ปากโมก – หนองสาหรา่ ย
๒. ข้อใดกล่าวถงึ การเสยี เปรียบของสมเดจ็ พระนเรศวร
๑. เบืองนันนฤนาถผู้ สยามนิ ทร์
เบย่ี งพระมาลาผนิ หอ่ นพ้อง
ศัตราวธุ อนิ ทร์ ฤาถกู องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากปอ้ ง ปดั ด้วยขอทรง
๒. คชยานขตั ติเยศเบือง ออกถวลั ย์
โถมปะทะไปท่ ัน เหยยี บยงั
สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
เสยส่าย ท้ายทนั ต์ทงั คู่คาคางเขนิ
๓. บัดมงคลพ่าหไ์ ท้ ทวารตั ิ
แวง้ เหว่ยี งเบย่ี งเศียรสะบดั ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงดั คอคช เศิกแฮ
เบนบา่ ยหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย
๔. ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
ขุนต่อขนุ ไป่แยง หย่อนหา้ ว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง องั กุศ ไกวแฮ
งามเรง่ งามโททา้ ว ท่านสศู้ ึกสาร
๓. งามสองสรุ ิยราชลา ทา่ นสูศ้ ึกสาร
พา่ งพชั รนิ ทรไ์ พจิตร ศกึ สรา้ ง
ฤารามเร่มิ รณฤทธ์ิ รบราพณ์ แลนา
ทกุ เทศทกุ ทิศอ้าง อน่ื ไท้ไป่เทยี ม
บทประพันธน์ ีผ้แู ตง่ ใช้ลลี าการเขียนอย่างไร
๑. อปุ มา ๒. อธิพจน์
๓. บคุ ลาธิษฐาน ๔. อุปลกั ษณ์
๘๘
๔. ข้อใดท่แี สดงให้เหน็ ว่าสมเดจ็ พระนเรศวรทรงเป็นนักวางแผนท่ดี ี
๑. สูกนั นครใจ ครอเคร่า กเู ฮย
กจู กั พลนั คนื ปอ้ ง ปกหลา้ แหลง่ สยาม
๒. สงครามพ่ึงแผกแพ้ เสียที
แตกเมื่อตน้ ปีไป หอ่ นช้า
๓. ไปตีพุทไธธา- นีมาศ เมอื งเฮย
ตีป่าสักเสรจ็ ให้ เรง่ ลอ้ มขอมหลวง
๔. พระห่วงแต่ศกึ เสียน อศั ดง
เกรงกระหลบั ก่อรงค์ ร่วั หล้า
๕. พระหว่ งแตศ่ ึกเสยี น อัสดง หมายความว่า
๑. ทรงเกรงว่าเขมรจะยกทัพมาตเี มือง
๒. ทรงเป็นหว่ งเมอื งเชียงใหมจ่ ะยกมาตีอยุธยา
๓. ทรงเกรงว่าพวกทวาย มะริด ตะนาวศรี จะยกทพั มารกุ ราน
๔. ทรงเป็นหว่ งวา่ พมา่ จะยกทพั มารบ
๖. สมเด็จพระนเรศวรแต่งตงั ให้ใครเปน็ ผู้รกั ษาเมืองอยุธยา ถ้าพระองค์จะเสดจ็ กรีฑาทัพไปตเี ขมร
๑. พระยาศรีไสยณรงค์
๒. พระยาจักรี
๓. พระราชฤทธานนท์
๔. สมเดจ็ พระเอกาทศรถ
๗. ข้อใดผูแ้ ต่งใชล้ ีลาชนิดสลั ลาปังคพิสยั
๑. สงครามครานีหนัก ใจเจ็บ ใจนา
เรียมเรง่ แหนงหนางเหนบ็ อกโอ้
ลกู ตายฤใครเกบ็ ผฝี าก พระเอย
ผจี ักเทง้ ท่โี พล้ ท่ีเพลใ้ ครเผา
๒. พระพลนั เหน็ เหตไุ ซร้ เสียวดวง แดเฮย
ถนดั ด่ังภผู าหลวง ตกตอ้ ง
กระหมา่ กระเหม่นทรวง ส่นั ซดี พักตรน์ า
หนกั หฤทัยท่านรอ้ ง เรียกให้โหรทาย
๓. ดลยงั เวียงด่านดา้ ว โดยมี
เมืองชื่อกาญจนบรุ ี ว่างวา้ ง
ผู้ใดบ่ออกตี ตอบต่อ ทพั นา
ยลแตเ่ หย้าเรอื นร้าง อยไู่ รใ้ ครแรม
๔. บดั ดลดารัสให้ ปูนยศ
ทรพั ย์ส่ิงศรสี ารด ท่ัวทงั
บุตรทารทา่ นแทนทด ความชอบ เขานา
สมทภ่ี ักดีตงั ต่อเหงา้ เผ่าเฉลิม
๘๙
๘. ใครเสียชวี ติ ในการรบครังนี
๑. พระยาศรีไสยณรงค์, พระราชฤทธานนท์
๒. เจา้ พระยาพระคลัง, เจ้าพระยาจักรี
๓. นายมหานุภาพ, หมื่นภักดศี วร
๔. เจา้ รามราฆพ, ขนุ ศรคี ชคง
๙. จากข้อ ๘ ผใู้ ด “วายบ่หวังตนแก้ ชอบได้ไปม่ ี”
๑. พระยาศรไี สยณรงค์, พระราชฤทธานนท์
๒. เจ้าพระยาพระคลงั , เจ้าพระยาจักรี
๓. นายมหานุภาพ, หมนื่ ภักดีศวร
๔. เจา้ รามราฆพ, ขุนศรีคชคง
๑๐. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง
๑. นายมหานภุ าพเสยี ชีวิตขณะทาหน้าที่เป็นกลางช้าง
๒. มางจารโชเป็นพระอนุชาพระมหาอุปราชา
๓. เจา้ พระยาพระคลงั ต้องไปตีเมืองเขมรเพื่อเป็นการแก้ตัว
๔. เจ้าพระยาจักรไี ปตเี มืองตะนาวศรีกบั เมืองมะริดเป็นการแก้ตัว