The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2017-05-02 00:09:34

maintanance_pdf

maintanance_pdf

1

การบาํ รุงรักษา (Maintenance)

การบาํ รุงรักษากาํ ลงั กลายเป็ นกิจกรรมอุตสาหกรรมที่มีความสําคญั ท่ีสุดอย่างหน่ึง ท้งั ใน
ประเทศที่พฒั นาแลว้ และประเทศที่ กาํ ลงั พฒั นา ท้งั น้ีสืบเนื่องจากปัญหาของการบาํ รุงรักษา นบั วนั จะ
ยงุ่ ยากสลบั ซบั ซอ้ นใชเ้ วลามากข้ึน ใชง้ บประมาณ เครื่องมือและกาํ ลงั คนมากข้ึน นน่ั หมายถึงการลงทุน
ท่ีสูงข้ึน

นบั แต่สงครามโลกคร้ังท่ี 2 เป็นตน้ มา ความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในดา้ นการผลิตและการวางแผน พฒั นาข้ึนมา แต่การบาํ รุงรักษากลบั ถูกมองขา้ มและถูกทอดทิ้งมา
ตลอด จนกระทงั่ มีความคิดวา่ การปล่อยใหอ้ ุปกรณ์เครื่องจกั ร ใชง้ านโดยขาดการเหลียวแลอยา่ งจริงจงั
เป็ นเรื่องไม่เหมาะสมเสียแลว้ จาํ เป็ นตอ้ งทาํ ใหเ้ ครื่องจกั รสามารถผลิตของให้ไดใ้ กลเ้ คียงหรือถูกตอ้ ง
ตามมาตรฐานท่ีกาํ หนดไวใ้ หด้ ีท่ีสุด ท้งั น้ีเพ่ือลดผลิตภณั ฑท์ ่ีชาํ รุดไม่ไดม้ าตรฐานใหม้ ากท่ีสุด ท้งั น้ีเป็ น
ที่ยอมรับกนั วา่ การซ่อมบาํ รุงตอ้ งกระทาํ ใหเ้ ร็วที่สุดเพ่อื หลีกเล่ียงการหยดุ เคร่ืองนาน ๆ

แนวความคิดของการบาํ รุงรักษาสมยั ใหม่จึงก่อตวั ข้ึน โดยเริ่มที่สหรัฐอเมริกา แลว้ จึงเผยแพร่
ไปยงั สหราชอาณาจกั รและยุโรปอย่างกวา้ งขวาง ต่อมาจึงเขา้ ไปใชใ้ นญ่ีป่ ุน และมีการพฒั นามาอย่าง
มาก ซ่ึงในปัจจุบนั รูปแบบการบาํ รุงรักษาไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงแลว้ ทุกฝ่ ายที่ทาํ งานใน
หน่วยงานน้นั ตอ้ งช่วยกนั บาํ รุงรักษาเป็นท่ีมาของ การบํารุงรักษาทีท่ ุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive
Management = TPM )

วตั ถุประสงค์ของการบาํ รุงรักษา

1. เพื่อให้อุปกรณ์อยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ านตลอดเวลา คือการบาํ รุงรักษาที่กระทาํ ก่อนที่อุปกรณ์
จะชาํ รุด

2. เพอื่ แกไ้ ขซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชาํ รุดใหก้ ลบั มาอยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน
3. เพือ่ เพม่ิ ความไวว้ างใจหรือความน่าเชื่อถือ(Reliability)ในการใชอ้ ุปกรณ์เคร่ืองจกั รน้นั
4. ลดค่าใชจ้ ่ายในการซ่อมบาํ รุงเมื่อมีการวางแผนท่ีเหมาะสม การจดั สรรกาํ ลงั คน วสั ดุ อะไหล่

รวมถึงระยะเวลาในการซ่อมที่เป็นไปอยา่ งรัดกมุ และมีประสิทธิภาพ
5. ลดจาํ นวนหรือความถี่ของอุปกรณ์ที่ขดั ขอ้ งเสียหาย โดยการใช้ระบบการบาํ รุงรักษาแบบ

ป้ องกนั (Preventive maintenance)
6. ลดจาํ นวนงานคา้ ง(Backlog) เครื่องจกั รที่ดีมีคุณภาพจะทาํ ใหไ้ ดง้ านตามเป้ าหมายท้งั คุณภาพ

และปริมาณ

2

ข้อเทจ็ จริงของการชํารุดของชิ้นส่วน อุปกรณ์ของเคร่ืองจักร

ชิ้นส่วนเครื่องจกั รเราทราบความจริงอยอู่ ยา่ งหน่ึงวา่
1. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดไม่แน่นอน(Random Failure) ชิ้นส่วนประเภทน้ีมีโอกาสท่ีจะชาํ รุดไม่
ข้ึนอยกู่ บั อายกุ ารใชง้ าน อาจจะชาํ รุดเม่ือไหร่ก็ได้ เราไม่สามารถคาดคะเน หรือประมาณอายุ
การใชง้ านได้
2. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดแน่นอน(Regular Failure) ชิ้นส่วนประเภทน้ีเม่ืออายกุ ารใชง้ านถึงจุดๆ
หน่ึง จะมีโอกาสชาํ รุดสูง เราสามารถคาดคะเนหรือประมาณอายกุ ารใชง้ านได้
3. ประเภทค่อย ๆ เสื่อมสภาพ มีระยะเวลาในการพฒั นาตวั ของการเสื่อม(With Failure
Developing Time) ชิ้นส่วนประเภทน้ีก่อนท่ีจะชาํ รุด จะแสดงอาการก่อนเช่น มีความร้อนสูง มี
การส่ันหรือเสียงดังผิดปกติ ซ่ึงระยะเวลาท่ีแสดงอาการน้ันอาจจะส้ันหรือยาวข้ึนอยู่กับ
คุณสมบตั ิของสิ่งของน้ัน ๆ ชิ้นส่วนประเภทน้ีเราสามารถตรวจสอบความผิดปกติไดก้ ่อนที่
ชิ้นส่วนน้นั จะชาํ รุด
4. ประเภทเส่ือมสภาพทนั ทีทนั ใด ไม่มีเวลาในการพฒั นาตวั ของการเสื่อมสภาพ(Without Failure
Developing Time) ชิ้นส่วนประเภทน้ีจะชาํ รุดทนั ทีโดยไม่แสดงอาการให้ปรากฏก่อนท่ีจะ
ชาํ รุด และเรากไ็ ม่สามารถตรวจสอบความผดิ ปกติไดด้ ว้ ย

3

TPM คอื อะไร

ระบบ TPM แบบเดิมของอเมริกา ให้ความสําคญั กับผูเ้ ช่ียวชาญดา้ นเครื่องจักรโดยการมุ่ง
พฒั นาปรับปรุงวิธีการสร้างเคร่ืองจกั ร การบาํ รุงรักษาเคร่ืองจกั ร เพ่ือให้ไดป้ ระสิทธิภาพสูงสุดของ
เครื่อง แต่ยงั ไม่ใช่วิธีการใชเ้ คร่ืองจกั รให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในระบบการผลิต ลกั ษณะพิเศษของ
TPM คือ การบาํ รุงรักษาดว้ ยตนเองของพนกั งาน เครื่องจกั รท่ีตนเองใชอ้ ยถู่ า้ ผปู้ ฏิบตั ิงานหมน่ั ตรวจตรา
ดูแล เปรียบเสมือนเราดูแลรักษาตนเองให้สุขภาพดี ไม่ให้เจ็บป่ วย เครื่องจกั รก็เช่นกันตอ้ งมีการ
บาํ รุงรักษาเป็ นประจาํ ทุกวนั โดยการทาํ ความสะอาด,หยอดน้าํ มนั ,ขนั น๊อต,ตรวจเช็ค อยา่ งจริงจงั และมี
ผเู้ ชี่ยวชาญมาดาํ เนินการตรวจเช็คตามเวลาท่ีกาํ หนด แลว้ ทาํ การซ่อมแซมบาํ รุงรักษา * สาํ หรับแนวคิด
ในเร่ืองการควบคุมเคร่ืองจกั รของญี่ป่ ุนน้ัน ไดผ้ ่านมาจากยุคของการบาํ รุงรักษาเชิงป้ องกนั ไปสู่การ
บาํ รุงรักษาเพือ่ เพ่ิมผลผลิต แลว้ กไ็ ดพ้ ฒั นาไปสู่ยคุ ของ TPM ในปัจจุบนั

* สมาคมส่งเสริมเทคโนโลย(ี ไทย-ญี่ป่ ุน) *JIPM = Japan Institute of Plant Maintenance

วตั ถุประสงค์ของ TPM
เพ่ือเพ่ิมประสิทธ์ิภาพโดยรวมของระบบการผลิตไปสู่ขีดจาํ กัดสูงสุด แมว้ ่าระบบการผลิต

ส่วนมากจะเป็นระบบ Man – Machine รวมถึงระบบอตั โนมตั ิที่กาํ ลงั พฒั นาควบคู่ไปกบั ระบบการผลิต
ดว้ ย แต่กย็ งั ไม่อาจพดู ไดว้ า่ วิธีการสร้างเคร่ืองจกั ร การใชเ้ ครื่องจกั ร การบาํ รุงรักษาดูแลเครื่องจกั รน้นั มี
ผลต่อของดีของเสียโดยตรง แต่ว่าTPM น้ันมีเป้ าหมายท่ีจะเพิ่มประสิทธ์ิภาพของระบบการผลิต
โดยรวมไปสู่ขีดจาํ กดั สูงสุดโดยการปรับปรุง(Kaizen) วิธีการสร้างเคร่ืองจกั ร วิธีการใชเ้ ครื่องจกั ร และ
วธิ ีการบาํ รุงรักษาเคร่ืองจกั ร โดยการขจดั ความสูญเปล่า(Loss) เน่ืองจากการเปล่ียนรุ่น, เคร่ืองจกั รเสีย ,
การเสียเวลาเน่ืองจากการหยุดเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ , ความเร็วลดลง, ขจดั ของเสียจากกระบวนการผลิต,ขจดั
เวลา Start up, ขจดั ความไร้ประสิทธ์ิภาพ ในภาพรวมคือขจดั ความสูญเสียท้งั หมดนนั่ เอง
ความหมายของ TPM แบ่งออกเป็น 5 ขอ้ ดว้ ยกนั ซ่ึงจะขาดขอ้ ใดขอ้ หน่ึงไม่ได้ คือ

1. การสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ าย เพ่อื ทาํ ใหป้ ระสิทธ์ิภาพการผลิต มีคา่ สูงสุด
2. การป้ องกนั การสูญเสียทุกประเภท โดยพนักงานระดบั ปฏิบตั ิการเป็ นผูม้ ีบทบาทสําคญั

(เพ่ือใหม้ น่ั ใจวา่ เครื่องจกั รขดั ขอ้ งเป็นศูนย์ , อุบตั ิเหตุเป็นศูนย,์ และของเสียเป็นศูนย)์ โดย
หลกั การปฏิบตั ิใหญ่ๆ ไดแ้ ก่
การทาํ ความสะอาดข้นั พ้นื ฐาน
กาํ จดั แหล่งกาํ เนิดความสกปรกและเขา้ ถึงยาก
สร้างมาตรฐานการทาํ ความสะอาด

4

การตรวจสอบเครื่องจกั ร
การตรวจสอบกระบวนการผลิต
การบาํ รุงรักษาดว้ ยตนเอง
การจดั การดูแลดว้ ยตนเอง

3. ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมในการดาํ เนินงาน TPM รวมท้งั ฝ่ ายวิจยั และพฒั นา,ฝ่ ายขายและ
ฝ่ ายสาํ นกั งาน

4. ทุก ๆ คนในองคก์ รมีส่วนร่วมต้งั แต่ผบู้ ริหารสูงสุด จนถึงพนกั งานระดบั ปฏิบตั ิการ
5. ดาํ เนินกิจการกลุ่มยอ่ ยเพ่อื ลดการสูญเสียใหห้ มดไป

ววิ ฒั นาการของการเข้าสู่ TPM

TPM ไดพ้ ฒั นามาจากการดูแลรักษาเครื่องจกั ร เร่ิมตน้ จาก Breakdown Maintenance ซ่ึงเกิดข้ึน
ในอเมริกาในขณะที่เศรษฐกิจยงั ไม่ฝื ดเคืองเท่าไหร่ การเอาใจใส่ในการสูญเสียจึงไม่มากนกั ปล่อยให้
เคร่ืองจกั รเสียแลว้ จึงซ่อม ต่อมาเม่ือเศรษฐกิจฝื ดเคืองสถานประกอบการตอ้ งดิ้นรนเพื่อการอยรู่ อด จึงมี
การพฒั นาการดูแลรักษาเคร่ืองจกั รเร่ือยมาจนกระทง่ั ถึง TMP

5

ก่อนปี คศ. 1950 ยคุ การซ่อมบาํ รุงหลงั เกิดเหตุขดั ขอ้ ง(Breakdown Maintenance) ในคร้ังน้นั
เป็ นปัญหาอยา่ งมาก เพราะเม่ือเคร่ืองจกั รเสียค่อยทาํ การซ่อม ทาํ ใหร้ ะบบการผลิตตอ้ งหยดุ ชะงกั ทาํ ให้
เกิดความเสียหายอยา่ งมาก
ต่อมาในปี คศ.1950-1960 จึงเร่ิมคิดการซ่อมบาํ รุงรักษาป้ องกนั (Preventive Maintenance) เป็นยคุ ที่เริ่ม
นาํ ระบบ PM มาใช้ เรียกวา่ เป็นระบบแรกเร่ิมท่ีการซ่อมบาํ รุงใชแ้ บบ PM เป็นศูนยก์ ลางและสร้างความ
เชื่อมน่ั ในสมรรถภาพของเครื่องจกั ร
ปี คศ. 1960-1970 ยคุ การรักษาทวีผลหรือการบาํ รุงรักษาเพ่ือเพิ่มผลผลิต (Productive Maintenance) เป็น
ยคุ ที่ใหค้ วามสาํ คญั ของการออกแบบโรงงาน การนาํ เครื่องมือเคร่ืองจกั รและเทคโนโลยใี หม่ๆ เขา้ มาใช้
โดยคาํ นึงถึงความเช่ือถือ(Reliability) และดา้ นเศรษฐศาสตร์ และต่อเน่ืองกบั การป้ องกนั การบาํ รุงรักษา
(Maintenance Prevention) มีการพฒั นาวสั ดุในการทาํ ชิ้นส่วนให้มีความคงทนต่อการใช้งาน การ
ออกแบบเครื่องจกั รใหม้ ีการบาํ รุงรักษาระบบในตวั เอง
ปี คศ. 1970 – ปัจจุบนั ยคุ การเขา้ ร่วมในระบบ TPM เป็นยคุ ที่ทาํ ระบบ PM ใหเ้ ป็ นแบบ Total System
เพื่อเพิ่มประสิทธ์ิภาพโดยคาํ นึงถึงบุคคลเป็ นส่วนใหญ่และให้ทุกคนไดร้ ่วมมือทาํ กนั อย่างทว่ั ถึงและ
จริงจงั

Predictive Maintenance คอื อะไร?

Predictive Maintenance คือการคาดคะเนอตั ราการเสื่อมของเครื่องจกั ร จากผลของการวดั โดย
ใชเ้ ครื่องมือทาํ ใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่ีสามารถคาดคะเน ทาํ นาย พยากรณ์อาการชาํ รุดในปัจจุบนั เพื่อสามารถจดั
วางแผนเพ่ือทาํ การบาํ รุงรักษาเครื่องจกั รในอนาคต ซ่ึงแตกต่างจาก Preventive Maintenance ที่ทาํ การ
บาํ รุงรักษาเครื่องจกั รตามระยะเวลาที่กาํ หนดข้ึนโดยอาจไดม้ าจากประสบการณ์ หรือคู่มือการใชง้ าน
ของเครื่องจกั รน้นั ๆ การกระทาํ predictive ตามนิยามของ TS16949 ไม่สามารถใชร้ ะบบประสาท
สัมผสั เช่นการใชส้ ายตา ใชจ้ มูกดมกลิ่นไหม้ การใชห้ ูฟังเสียงที่ดงั ผิดปกติได้ ท้งั น้ีเน่ืองจากประสาท
สมั ผสั แต่ละคนมีความแตกต่างกนั

Predictive ตามคาํ นิยามน้ีตอ้ งเป็นการใช้ process data เพ่ือการพยากรณ์ ดงั น้นั ตอ้ งมีการวดั ค่า
ตวั เลข และมีการเปรียบเทียบขอ้ มูลตวั เลข เพื่อประมาณกาํ หนดการและส่วนการชาํ รุดที่อาจเกิดข้ึน ท้งั น้ี
เพื่อให้เราสามารถทาํ การจดั เตรียมล่วงหน้าสําหรับแรงงาน ชิ้นส่วน อะไหล่ แผนการผลิตท่ีอาจมี
ผลกระทบไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ

จุดอ่อนของ Predictive Maintenance คือตอ้ งใชเ้ ครื่องมือท่ีทนั สมยั ใชท้ กั ษะของผตู้ รวจสอบ
และความชาํ นาญในการวิเคราะห์ขอ้ มูลข้นั สูง ซ่ึงทาํ ใหม้ ีค่าใชจ้ ่ายในการตรวจวดั และวิเคราะห์สูง ดว้ ย

6

เหตุผลน้ีการบาํ รุงรักษาแบบพยากรณ์ล่างหนา้ น้ีเหมาะสาํ หรับโรงงานท่ีมีเครื่องจกั รซบั ซอ้ น ตอ้ งการ
ความเชื่อถือในกระบวนการผลิตสูง ในแง่การผลิตท่ีทนั เวลา หรือเครื่องจกั รน้ันเป็ นเคร่ืองจกั รที่ตอ้ ง
ทาํ งานอยา่ งต่อเน่ืองไม่มีการหยดุ พกั

อะไรบ้างทเี่ ราสามารถทาํ การตรวจวดั เพอ่ื การพยากรณ์
สิ่งท่ีเราสามารถตรวจวดั เพือ่ การพยากรณ์ได้ โดยรวมแลว้ ไดแ้ ก่
1. การเฝ้ าระวงั ระดบั สญั ญาณความสน่ั สะเทือน(Vibration Analysis)
2. การเฝ้ าระวงั โดยการวิเคราะห์สารหล่อล่ืน(Oil Wear Particle Analysis)
3. การเฝ้ าระวงั โดยการถ่ายภาพ รวมท้งั คล่ืนความร้อน(Thermography / Temperature
monitoring)
4. การเฝ้ าระวงั การสึกหรอหรือรอยแตกร้าว(Thickness tester, Ultrasonic, X-ray)
ซ่ึงการจะเลือกใชว้ ิธีใดวิธีหน่ึงหรือใชห้ ลาย ๆ วิธีพร้อม ๆ กนั ข้ึนอย่กู บั ชนิดของเครื่องจกั ร

น้นั ๆ ในการเฝ้ าระวงั ตามหลกั การเฝ้ าระวงั ท่ีซ่ึงมกั เป็ น 3 ระบบใหญ่ คือระบบหล่อล่ืน ระบบทางกล
และระบบทางไฟฟ้ า ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ความเส่ียงของเคร่ืองจกั รท่ีจะชาํ รุดเสียหายโดยไม่คาดคิด

รูปท่ี 1 แสดงเคร่ืองตรวจสอบดว้ ยระบบ ultrasonic signals

7

รูปท่ี 2 แสดงการทาํ งานและอุปกรณ์ของเคร่ืองตรวจสอบ

เคร่ืองจกั รไหนทคี่ วรต้องทาํ การ predictive maintenance
ในการตดั สินใจทาํ predictive maintenance เราควรที่จะ

1. กาํ หนดลาํ ดบั ความสาํ คญั ของเคร่ืองจกั รเช่น
เคร่ืองจกั รที่มีกฎหมายควบคุมความปลอดภยั และ/หรือ ส่ิงแวดลอ้ มหรือไม่ เช่นหมอ้ ไอน้าํ ภาชนะ
รับแรงดนั พร้อมระบบท่อทาง หากเกิดการเสียหายอาจส่งใหเ้ กิดอนั ตรายต่อชีวิต ทรัพยส์ ิน
เครื่องจกั รประเภท A เป็นเครื่องจกั รที่ไม่มี สาํ รอง(Standby) หากเกิดการเสียหายตอ้ งหยดุ การผลิต
แน่นอน
เคร่ืองจกั รประเภท B เป็ นเคร่ืองจกั รท่ีไม่มี สาํ รอง(Standby) หากเกิดการเสียหายจะหยดุ การผลิต
บางส่วน
เครื่องจกั รประเภท C เป็ นเคร่ืองจกั รที่มี สาํ รอง(Standby) หรือถา้ หากเกิดการเสียหายจะไม่มี
ผลกระทบต่อการผลิต

เราอาจกาํ หนดวิกฤติของเครื่องจกั รในมุมมองของการเสียหายของเครื่องจกั รในแง่ process
capability โดยเฉพาะในแง่ระดับการเสียหายของโรงงานเช่นหากเกิดการเสียหายต่อ

8

เครื่องจกั รน้นั ๆ จะส่งผลต่อการหยดุ กระบวนการผลิตน้นั นานเท่าไหร่ หรือเคร่ืองจกั รน้นั ๆ
จะหยดุ งานนานเท่าไหร่
2. กาํ หนดความสาํ คญั ดว้ ยขอ้ มลู ต่าง ๆ เช่น
โอกาสในการเกิดการเสียหายของเครื่องจกั ร
การมีอยขู่ อง Spare part
ความสามารถของช่างซ่อมบาํ รุง
สถิติการเสียหายท่ีผา่ นมา
นาํ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เหล่าน้ีมากาํ หนดวธิ ีการซ่อมบาํ รุงที่เหมาะสม

รูปที่ 3 แสดงเครื่องตรวจสอบระยะไกล (300 ฟตุ จากจุดตรวจสอบ)

9

การบํารุงรักษาคอื อะไร ?
“ การบาํ รุงรักษาเป็นการผสมผสานกนั ของการทาํ งานดา้ นเทคนิค และ การจดั การเพอ่ื คงไว้

ซ่ึงสภาพของอุปกรณ์ หรือฟ้ื นฟสู ภาพของอุปกรณ์ใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ านตลอดเวลา ”
จากคาํ นิยามดงั กล่าว ถา้ เราพจิ ารณาดูจะเห็นวา่ การบาํ รุงรักษามิใช่เป็นงานทางดา้ นเทคนิค

เพยี งอยา่ งเดียว หรือเป็นการบาํ รุงรักษาที่ถกู วธิ ีและในช่วงเวลาท่ีเหมาะสมเท่าน้นั แต่จะตอ้ งพจิ ารณา
ในดา้ นการใชท้ รัพยากรที่มีอยใู่ หไ้ ดป้ ระสิทธิภาพสูงสุด ประหยดั และมีความปลอดภยั ต่อบคุ ลากรที่
ตอ้ งเขา้ ไปเก่ียวขอ้ งดว้ ย

รูปที่ 4 แสดงการซ่อมเครื่องจกั รแบบผสม (บางเคร่ืองบาํ รุงรักษาและบางเคร่ืองแบบแก้ไข)

10

ประเภทของการบํารุงรักษา

การบาํ รุงรักษาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทไดแ้ ก่
1. การบาํ รุงรักษาเชิงป้ องกนั (Preventive maintenance)
2. การบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ข (Corrective maintenance)

1. การซ่อมบํารุงเชิงป้ องกนั (Preventive maintenance)
คูม่ ือเคร่ืองจกั รส่วนใหญ่จะใหค้ าํ แนะนาํ ในกิจกรรมบาํ รุงรักษาเชิงป้ องกนั ไว้ ไม่ว่าในเรื่องการ

ทาํ ความสะอาด การปรับแต่ง การหล่อลื่น การเปล่ียนไส้กรอง ประเก็น รวมถึงการตรวจสอบการกดั
กร่อน การสึกหรอและการเสียหายอ่ืน ๆ ซ่ึงปัจจุบนั ไดพ้ ฒั นาเป็ น TPM และ Predictive maintenance
ดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้

โดยทวั่ ไปการบาํ รุงรักษาเชิงป้ องกนั มีอยู่ 2 ลกั ษณะไดแ้ ก่

1.1 การซ่อมบาํ รุงโดยใชร้ ะยะเวลาเป็นตวั กาํ หนด (Time base or Fixed time maintenance)
การบาํ รุงรักษาโดยใชเ้ วลาเป็ นตวั กาํ หนดน้ี เราคิดจากเวลาในการทาํ งาน ซ่ึงช่วงเวลาในการ
ทาํ งานตอ้ งดาํ เนินการอย่างสม่าํ เสมอเป็ น แบบวฏั จกั ร เช่นการเปล่ียนถ่ายน้าํ มนั เครื่องทุกๆ 5,000 -
10,000 กม. หรือ Tool life ของมีดกลึง , cutter ท่ีกาํ หนดใหเ้ ปล่ียนหรือลบั คมทุก 200 ชม. เป็ นตน้ แต่
บางคร้ังเราก็สามารถเอาจาํ นวนชิ้นเป็ นตวั กาํ หนดได้ เช่นเปล่ียนคมมีดทุก ๆ 5,000 ชิ้น เป็ นตน้ การ
บาํ รุงรักษาวิธีน้ีครอบคลุมการเปล่ียนอะไหล่ การเติมหรือเปล่ียนถ่ายน้าํ มนั หล่อลื่น การปรับแต่งต่าง ๆ
วิธีน้ีจะไดผ้ ลก็ต่อเมื่อผวู้ างแผนการบาํ รุงรักษาตอ้ งรู้ขอ้ มูลของชิ้นส่วนต่าง ๆ อยา่ งแน่นอน ขอ้ มูลก็คือ
อายุการทาํ งาน วิธีการน้ีเหมาะสมกบั ชิ้นส่วนที่ถอดเปล่ียนง่าย หรือเคร่ืองจกั รท่ีเป็ นเอกเทศ เพราะจะ
เป็ นการลดความเสี่ยงในการสร้างความเสียหายโดยไม่เจตนาแก่ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องอ่ืน ๆ ขณะ
ดาํ เนินการ
จากท่ีเรารู้กนั แลว้ วา่ การชาํ รุดเสียหายของชิ้นส่วนเครื่องจกั รกลข้ึนอยกู่ บั เวลาคือ ความลา้ การ
สึกหรอท้งั จากการเสียดสีและการกดั กร่อน หรืออาจเกิดจากกรรมวิธีการผลิตก็ได้ และจากพ้ืนฐานการ
ชาํ รุดของชิ้นส่วนมีอยู่ 4 แบบดงั ที่กล่าวมาแลว้ คือ
1. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดไม่แน่นอนและค่อย ๆ เส่ือมสภาพ มีเวลาในการพฒั นาตวั ของการ

เส่ือม

11

2. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดไม่แน่นอนและเส่ือมสภาพทนั ทีทนั ใด ไม่มีเวลาในการพฒั นาตวั
ของการเสื่อมสภาพ

3. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดแน่นอนและคอ่ ย ๆ เส่ือมสภาพ มีเวลาในการพฒั นาตวั ของการเส่ือม
4. ประเภทมีโอกาสชาํ รุดแน่นอนและเสื่อมสภาพทนั ทีทนั ใด ไม่มีเวลาในการพฒั นาตวั ของ

การเสื่อมสภาพ

เม่ือพิจารณาจากขา้ งตน้ แลว้ จะเห็นว่าการชาํ รุดของชิ้นส่วนแบบที่ 1 และ 3 เราสามารถใชก้ าร
บาํ รุงรักษาเชิงป้ องกนั เขา้ มาแกไ้ ขได้ ส่วนแบบท่ี 2 และ 4 เราตอ้ งใชก้ ารบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ขเพยี งอยา่ ง
เดียว

การบาํ รุงรักษาโดยการใชเ้ วลาเป็นตวั กาํ หนดอายกุ ารใชง้ านน้ี ก่อนที่จะกาํ หนดเวลาน้ีไดต้ อ้ งมี
ขอ้ มูลทางดา้ นสถิติที่เพียงพอในการที่จะหาอายกุ ารใชง้ านเฉลี่ย (Mean Time To Future) ค่าน้ีจะเป็นค่า
ระยะเวลาสูงสุดที่ชิ้นส่วนจะมีโอกาสชาํ รุด แต่กย็ งั มีโอกาสท่ีชิ้นส่วนจะชาํ รุดก่อน หรือหลงั จากจุดน้ีได้
ดงั น้นั เพ่ือความปลอดภยั เราจึงตอ้ งทาํ การเผ่อื ระยะเวลา(Safety Periled) ในการเปล่ียนชิ้นส่วนน้นั ๆ
ก่อนถึง MTTF จุดท่ีควรทาํ การเปล่ียนชิ้นส่วนน้ีเรียกวา่ Mean Time To Repair (MTTR)

ระยะเวลาเผอ่ื ท่ีเหมาะสม
ความสิ้นเปลืองหรือความสูญ
เปล่านอ้ ย

ระยะเวลาเผอื่ นอ้ ย การใช้
ประโยชน์คุม้ คา่ แต่คา่ ความ
เสี่ยงสูง

12

ระยะเวลาเผอื่ ท่ีมากไป
ความสิ้นเปลืองหรือความสูญ
เปล่าสูง

ในการกาํ หนดระยะเวลาในการเผ่ือเราตอ้ งพิจารณาจากผลกระทบท่ีจะเกิดข้ึนเช่นงานท่ีมี
ความสาํ คญั หรืออนั ตราย หรือจะส่งผลกระทบไปยงั ชิ้นส่วนอื่น หรือทาํ ให้ระบบการผลิตหยุดชะงกั
จาํ เป็นตอ้ งมี Safety periled ที่สูง และในทางตรงขา้ มถา้ หากเกิดการชาํ รุดของชิ้นส่วนหรือเคร่ืองจกั ร
น้นั ๆ แลว้ มีผลกระทบต่อระบบการผลิตหรือชิ้นส่วนอื่น ๆ ภายในตวั เคร่ืองจกั รนอ้ ย เรากส็ ามารถลดค่า
Safety periled ใหส้ ้นั ลงไดเ้ ช่นกนั

ถึงแมน้ ว่าจะมีการทาํ การบาํ รุงเชิงป้ องกันดีอย่างไรก็ตามก็ยงั คงขจดั ปัญหาการชาํ รุดของ
เครื่องจกั รโดยไม่คาดคิดไปได้ มากกว่าน้นั จากการบาํ รุงรักษาตามเวลา เราอาจมีการเปล่ียนชิ้นส่วนบาง
ชิ้นโดยไม่จาํ เป็ น ท้งั น้ีเนื่องจากสภาพการใชง้ านที่มีความแตกต่างกนั และท่ีมีมากกว่าน้นั คือการถอด
เปล่ียนชิ้นส่วนสามารถทาํ ใหเ้ กิดการเสียหายจากการถอดประกอบได้

1.2 การซ่อมบาํ รุงโดยตรวจสอบสภาพเคร่ืองจกั ร(Condition based or Predictive maintenance)
การตรวจสอบเคร่ืองจกั รเราสามารถทาํ ไดท้ ้งั โดยผปู้ ฏิบตั ิงานและโดยผเู้ ชี่ยวชาญ ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั
การใหร้ ะดบั ความสาํ คญั ของแต่ละโรงงาน เราสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบคือ

1.2.1 การตรวจสอบโดยใชป้ ระสาทสัมผสั การตรวจสอบแบบน้ี ผตู้ รวจสอบตอ้ งมี
ความรู้ในเคร่ืองจกั รน้นั ๆ พอสมควร และตอ้ งมีทกั ษะในการตรวจสอบ ผทู้ ี่
คุน้ เคยกบั เคร่ืองน้นั จะเป็ นผตู้ รวจสอบไดอ้ ยา่ งดี เช่นช่างประจาํ เคร่ือง เพราะ
จะทาํ ใหท้ ราบถึงความผดิ ปกติท่ีเกิดข้ึน เช่นเสียงที่ดงั มากข้ึน ความร้อนสูงข้ึน
การสนั่ สะเทือน แมแ้ ต่กล่ินเหมน็ ไหมข้ องมอเตอร์ไฟฟ้ าเป็นตน้

13

1.2.2 การตรวจสอบโดยใชเ้ ครื่องมือท่ีทนั สมยั ในปัจจุบนั โรงงานช้นั นาํ คาํ นึงถึง
การตรวจสอบแบบน้ีอยา่ งมาก เพราะสามารถอา้ งอิงถึงระบบ ISO ได้ อีกท้งั
เคร่ืองมือเครื่องจกั รเป็ นเครื่องที่ทนั สมยั ข้ึน ความละเอียดสูง ท่ีสาํ คญั คือราคา
สูงเช่นกนั

2. การบาํ รุงรักษาแบบแก้ไข (Corrective maintenance)
การบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ข เป็ นการบาํ รุงรักษาที่จะดาํ เนินการเมื่ออุปกรณ์ เคร่ืองจกั รเกิดการ

ขดั ขอ้ งหรือชาํ รุด ส่ิงท่ีตอ้ งคาํ นึงถึงในการบาํ รุงรักษาแบบน้ีคือ
- การสํารองอะไหล่ ว่าจะตอ้ งสํารองส่วนใดเท่าไหร่ จะตอ้ งคาํ นึงถึงความจาํ เป็ น ความ
คุม้ คา่ และสถิติของการชาํ รุด
- ผทู้ ี่จะทาํ การซ่อมจะใชบ้ ุคลากรจากภายใน หรือบริษทั ฯ จากภายนอก
- นโยบายทางดา้ นคุณภาพและความน่าเชื่อถือของระบบ

เราสามารแบ่งการบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ขออกเป็น 2 แบบ ไดแ้ ก่
การบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ขชนิดที่สามารถวางแผนได(้ Plan Corrective Maintenance) ซ่ึง
ถ้าการขัดข้องหรื อชํารุ ดน้ีไม่มีผลกระทบต่อการทํางานของอุปกรณ์ หรื อต่อ
ขบวนการผลิตมากนกั การแกไ้ ขกม็ กั จะดาํ เนินการในภายหลงั โดยจะมีการเตรียมการต่าง
ๆ ทางดา้ นกาํ ลงั คน วสั ดุและเครื่องมือไว้ พร้อมกบั การวางแผนเพื่อนาํ ชิ้นส่วน อุปกรณ์ท่ี
ชาํ รุดน้นั ออกมาแกไ้ ขในจงั หวะที่เหมาะสม
การบาํ รุงรักษาแบบแกไ้ ขท่ีตอ้ งดาํ เนินการทนั ที(Breakdown Maintenance) การ
บาํ รุงรักษาแบบน้ีจะทาํ เม่ือเกิดการชาํ รุดเสียหายที่ส่งผลกระทบอยา่ งรุนแรงต่อการทาํ งาน
หรืออุปกรณ์น้นั ๆ หรือต่อกระบวนการผลิต แลว้ การแกไ้ ขตอ้ งดาํ เนินการในทนั ที ซ่ึงมกั
ตอ้ งใชก้ าํ ลงั คน เวลา ตลอดจนค่าใชจ้ ่ายต่างๆ มากกวา่ การแกไ้ ขท่ีสามารถวางแผนได้


Click to View FlipBook Version