โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก
Structure and function of angiosperms
ธวัชชัย ปัญญาสิทธิ์ 64120623104
คำนำ
สำหรับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอกเล่มนี้ มีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย
ทำให้ศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอกได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น
ระบบเนื้อเยื่อต่าง ๆ และหน้าที่ในแต่ละส่วนของพืช
ธวัชชัย ปัญญาสิทธิ์ 64120623104
นักศึกษาปริญญาโท วิทยาศาสตร์ศึกษา (ชีววิทยา)
สารบัญ
เนื้อเยื่อพืช……………………………………………………………………………………… 1
เนื้อเยื่อเจริญ…………………………………………………………………………. 1
เนื้อเยื่อถาวร…………………………………………………………………………. 5
ระบบเนื้อเยื่อผิว……………………………………………………………………. 6
ระบบเนื้อเยื่อพื้น…………………………………………………………………… 8
ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง…………………………………………………………… 11
โครงสร้างและหน้าที่……………………………………………………………………. 13
การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำ………………………………………….. 16
การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ…………………………………………………... 17
การลำเลียงอาหาร………………………………………………………………. 18
แบบฝึก……………………………………………………………………………………….. 19
บรรณานุกรม………………………………………………………………………………. 20
เนื้อเยื่อพืช เนื้อเยื่อเจริญ 1
meristermatic tissue
เนื้อเยื่อเจริญประกอบด้วยเซลล์เจริญที่มีนิวเคลียสขนาดใหญ่
สามารถคงคุณสมบัติการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้ตลอดชีวิต แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้
เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง
Apical meristem intercalary meristem leteral meristem
เนื้อเยื่อพืช เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย 2
Apical meristem
การเจริญของเนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย เป็นการเจริญแบบปฐมภูมิ ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของพืชยาวเพิ่มขึ้น
เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด เนื้อเยื่อเจริญปลายราก
ถ้าพบบริเวณยอดพืช เรียกว่า เนื้อเยื่อเจริญปลายอด ถ้าพบบริเวณปลายราก เรียกว่า เนื้อเยื่อเจริญปลายราก
เนื้อเยื่อพืช เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ 3
intercalary meristem
เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ เป็นการเจริญแบบปฐมภูมิ ทำให้บริเวณข้อของพืชยืดยาวเพิ่มขึ้น
เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ พบอยู่ระหว่างข้อตรงบริเวณเหนือข้อล่าง
ข้อหรือปล้องบริเวณนี้จะแบ่งเซลล์ได้ยาวนานกว่า
บริเวณอื่น ส่วนใหญ่มักพบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น
หญ้า ข้าว ข้าวโพด ไผ่
เนื้อเยื่อพืช เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง 4
Leteral meristem
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้างเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ในแนวขนานกับเส้นรอบวง เรียกว่า แคมเบียม
ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีการเจริญแบบทุติยภูมิ ทำให้ลำต้นหรือรากพืชมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพิ่มขึ้น
คอร์กแคมเบียม
พบในชั้นเอพิเดอร์มิส
เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง วาสคิวลารแ์คมเบียม
อยู่ระหว่างเนื้อเยื่อท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหาร
เนื้อเยื่อพืช เนื้อเยื่อถาวร 5
Permanent tissue
เนื้อเยื่อถาวรมีหลายชนิด แต่ละชนิดพัฒนาและเปลี่ยนสภาพมาจากเนื้อเยื่อเจริญ
โดยเนื้อเยื่อถาวรแบ่งได้เป็น 3 ระบบ ดังนี้
ระบบเนื้อเยื่อผิว ระบบเนื้อเยื่อพื้น ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อผิว 6
เอพิเดอร์มิส เอพิเดอร์มิส เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่รอบนอกสุดของส่วนต่าง ๆ ของพืช
ส่วนใหญ่เป็นเซลล์ผิว ที่เรียงตัวกันเพียงชั้นเดียว
เซลล์คุม
ชั้นเอพิเดอร์มิสบริเวณผิวใบจะพบเซลล์คุมที่มีรูปร่างคล้ายไตหรือ
รูปากใบ เมล็ดถั่วแดง
ช้ันเอพิเดอร์มิสในรากพืชประกอบด้วยเซลลผิวและเซลล์ขนราก
แต่ไม่พบเซลล์คุม
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อผิว 7
เพริเดิร์ม เกิดจากการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อบริเวณเส้นรอบวงของรากและลำต้น
พริเดิร์มประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ชั้นนอกสุด คือ คอร์ก หรือเฟลเลม
ชั้นถัดมา คือ คอร์กแคมเบียมหรือเฟลโลเจน และชั้นในสุด คือ
เฟลโลเดิร์ม
พบในพืชที่มีอายุมาก
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อพื้น 8
พาเรงคิมา ประกอบด้วยเซลลพ์าเรงคิมา
เป็นเซลล์ที่มีชีวิต ส่วนใหญ่มีรูปร่างค่อนข้างกลม ภายในมี
แวคิวโอลขนาดใหญ่
มีผนังเซลล์ปฐมภูมิที่มีความหนาบางสม่ำเสมอกันท้ังเซลล์
พบในบริเวณที่แตกต่างกัน อาจมีส่วนประกอบแตกต่างกัน จึง
มีหน้าที่ที่ หลากหลาย เช่น สังเคราะห์ด้วยแสง สะสมอาหาร
หรือสารต่าง ๆ ที่จำเป็น ต่อการดำรงชีวิตของพืช
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อพื้น 9
คลอเลงคิมา เป็นเนื้อเยื่อที่ให้ความแข็งแรงแก่ โครงสร้างพืช
พบมากบริเวณใต้ช้ันเอพิเดอร์มิสของลำต้น ก้านใบ และแผ่นใบ
ประกอบด้วยเซลล์ที่เรียกว่า เซลล์คอลเลงคิมา ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีชีวิต
มีลักษณะคล้ายกับเซลล์พาเรงคิมา แต่มีผนังเซลล์ปฐมภูมิ
ค่อนข้างหนา และมีความหนาบางไม่สม่ำเสมอกัน
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อพื้น 10
สเกลอเรงคิมา ทำหน้าที่ช่วยพยุง และให้ความแข็งแรงแก่ส่วนต่าง ๆ ของพืช
ประกอบด้วยเซลล์ สเกลอเรงคิมา ซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต
มีทั้งผนังเซลล์ปฐมภูมิและผนังเซลล์ทุติยภูมิที่ค่อนข้างหนา
จำแนกออกได้เป็น 2 ชนิด ตามลักษณะรูปร่างของเซลล์
ได้แก่ เซลล์เส้นใยหรือไฟเบอร์ และสเกลอรีด
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง 11
ไซเล็ม ประกอบด้วยเซลล์ที่ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ ได้แก่ เวสเซล และเทรคีด
และเซลล์อื่น ๆ ได้แก่พาเรงคิมาไฟเบอร์
เป็นเซลล์ที่มีรูปร่างยาว ส่วนปลายค่อนข้างแหลม
ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและธาตุอาหารจากรากไปยังส่วนต่าง ๆ
เนื้อเยื่อพืช ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง 12
โฟลเอ็ม ประกอบด้วยเซลล์ที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร ได้แก่ ซีฟทิวบ์ ซึ่งมี
เซลล์คอมพาเนียนที่ภายในมีนิวเคลียสควบคุมการทำงาน และมี
เซลล์อื่น ๆ ได้แก่ พาเรงคิมา ไฟเบอร์
เป็นเซลล์ที่มีชีวิต มีรูปร่างของเซลล์เป็นทรงกระบอก
ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
โครงสร้างและหน้าที่ 13
ใบ
ทำหน้าที่ผลิตอาหาร โดย
กระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง และคายน้ำ
ลำต้น
ทำหน้าที่ลำเลี้ยงน้ำ ธาตุอาหาร และอาหาร
ไปสู่ส่วนต่าง ๆ และช่วยพยุงลำต้น
ราก
ทำหน้าที่ดูดน้ำและธาตุอาหารที่อยู่ภายในดิน
โครงสร้างและหน้าที่ โครงสร้างภายในราก 14
ใบเลี้ยงเดี่ยว ไซเล็ม ใบเลี้ยงคู่
โฟลเอ็ม
1
3
2
เอพิเดอร์มิส เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่นอกสุด เซลล์จะเรียงตัวเป็นแถวเดียว บางเซลล์เปลี่ยนเป็นขนราก ทาหน้าที่ดูดน้ำ
และธาตุอาหาร
คอร์เทกซ์คือบริเวณถัดจากเอพิเดอร์มิสส่วนใหญ่เป็นเนื้อเยื่อพาเรงคิมาและมีชั้นเอนโดเดอร์มิสที่มีแถบแคสพาเรียน
สตีล เป็นบริเวณที่อยู่ถัดจากคอร์เทกซ์ ประกอบด้วย เพริไซเคิล มัดท่อลำเลียง พิธ
โครงสร้างและหน้าที่ โครงสร้างภายในลำต้น 15
ใบเลี้ยงเดี่ยว ไซเล็ม ใบเลี้ยงคู่
โฟลเอ็ม โฟลเอ็ม
ไซเล็ม
ข้อแตกต่างระหว่างลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่
1 กลุ่มท่อลำเลียงจะกระจายทั่วไปในเนื้อเยื่อพื้น 1 กลุ่มท่อลำเลียงจะเรียงเป็นระเบียบในแนวรัศมี
2 ส่วนใหญ่ไม่พบเนื้อเยื่อเจริญวาสคิวลาร์แคมเบียม 2 มีเนื้อเยื่อเจริญวาสคิวลาร์แคมเบียมระหว่างโฟลเอ็ม
3 เนื้อเยื่อพิธจะพบกลุ่มท่อลำเลียงกระจายอยู่เต็ม 3 เห็นขอบเขตของเนื้อเยื่อพิธอย่างชัดเจน
4 ส่วนใหญ่ไม่มีการเจริญเติบโตทุติยภูมิ 4 พิธจะถูกแทนที่ด้วยไซเล็ม เมื่อเจริญเติบโตทุติยภูมิ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำ กลไกการเปิด-ปิดของปากใบ 16
ปากใบเปิด H2O H2O H2O H2O ปากใบปิด
H2O
H2O
H2O
H2O H2O H2O
โพแทสเซียมไอออนแพร่เข้าสู่เซลล์คุม โพแทสเซียมไอออนแพร่ออกสู่เซลล์คุม
ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์คุมสูง ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์คุมต่ำ
น้ำจึงออสโมซิสเข้าสู่เซลล์คุม น้ำจึงออสโมซิสออกจากเซลล์คุม
การลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ 17
แบบอโพพลาสต์ น้ำในดินจะเข้าสู่รากผ่านชั้นคอร์
แบบซิมพลาสต์ น้ำจะเคลื่อนผ่านเซลล์หนึ่งผ่านไปอีกเซลล์
เทกซ์ของรากไป จนถึงชั้นเอนโดเดอร์มิสโดยน้ำจะ
หนึ่ง ทางไซโทพลาซึมท่อลำเลียง พลาสโมเดสมาตา และเยื่อ
ผ่านจากเซลล์หนึ่งไปยัง อีกเซลล์หนึ่งทางผนังเซลล์
หุ้มเซลล์ ผ่านชั้นเอนโดเดอร์มิสก่อนเข้าสู่ท่อลำเลียงไซเล็ม
หรือผ่านทางช่องว่างระหว่างเซลล์ ต่อไป
การลำเลียงอาหาร 1 แหล่งสร้าง หรือใบสังเคราะห์ด้วยแสง 18
ซีฟทิวบ์ต้นทาง สร้างอาหารประเภทน้ำตาล
ไซเล็ม 2โฟลเอ็ม 1 2 น้ำตาลที่พืชสร้างขึ้นจะถูกลำเลียงเข้าสู่ซีฟทิวบ์ ในรูปของ
คอมพาเนียน แหล่งสร้าง น้ำตาล ซูโครส ด้วยกระบวนการแพร่แบบแอกทีฟ-
น้ำ ทรานสปอร์ต ทำให้ความ เข้มข้นของสารละลายซูโครส
3 บริเวณซีฟทิวบ์ต้นทางสูงขึ้น
3 น้ำที่อยู่ภายในท่อไซเล็มจึงออสโมซิสเข้าสู่ซีฟทิวบ์ต้นทาง
ช่วยลำเลียง สารละลายซูโครสไปยังแหล่งใช้
โมเลกุลน้ำตาลซูโครส 4 น้ำตาลซูโครสจะแพร่แบบแอกทีฟทรานสปอร์ตเข้าสู่เนื้อเยื่อ
4 พืช หรือ บริเวณแหล่งใช้ ทำให้ความเข้มข้นของสารละลาย
ซูโครสบริเวณ ซีฟทิวบ์ปลายทางต่ำลง
น้ำ
5 น้ำที่อยู่ภายในซีฟทิวบ์ปลายทางจึงออสโมซิสออก เข้าสู่ท่อ
5
ไซเล็ม
คอมพาเนียน แหล่งใช้
ซีฟทิวบ์ปลายทาง
แบบฝึกหัด 19
ให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. จากภาพเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ภายใน ลําต้นชนิดใด ?
2. จากภาพเป็นเนื้อเยื่อเจริญชนิดใด ?
3. จากภาพในวงกลมเล็กเป็นระบบเนื้อเยื่อชนิดใด ?
เฉลยแบบฝึกหัด 20
ให้นักเรียนตอบคำถามให้ถูกต้องที่สุด
1. จากภาพเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ภายใน ลําต้นชนิดใด ?
ตอบ ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่
2. จากภาพเป็นเนื้อเยื่อเจริญชนิดใด ?
ตอบ เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง
3. จากภาพในวงกลมเล็กเป็นระบบเนื้อเยื่อชนิดใด ?
ตอบ ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง
บรรณานุกรม 20
A. Myburg, R. Sederoff, (2001) Xylem structure and Functional.
Semantic scholar
W. P. Armstrong, (2009) Fruits of the rose, olive, avocado & mahagany
families. Economic plant photography; 17
Samanthi, (2015) Difference Between Simple and Complex Tissue.
Different between
คู่มือครู รายวิชาชีววิทยา ม. 5 เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก สืบค้นเมื่อ
4 เมษายน 2565 จาก https://www.aksorn.com
ประวัติผู้จัดทำ
ชื่อ: ธวัชชัย ปัญญาสิทธิ์
รหัศนักศึกษา: 64120623104
E-mail: [email protected]
มัธยมศึกษาปลาย: โรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์
ปริญญาตรี: วท.บ. ชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
กำลังศึกษาปริญญาโท: คม. วิทยาศาสตรศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี