ระบบเครือข่าย
โทรศัพทเ์ คลอื่ นท่ี
บทท่ี 1 ประวัติโทรศัพท์เคล่ือนที่
ววิ ัฒนาการโทรศัพท์เคล่ือนที่ในไทย
ประเทศไทยได้นำเอำโทรศัพท์มำใชเ้ ป็นคร้ังแรกเมื่อ
พ.ศ. 2424 ตรงกับรัชกำลท่ี 5 โดยกรมกลำโหม
(กระทรวงกลำโหมในปัจจบุ นั ) ไดส้ ัง่ เขำ้ มำใช้งำนใน
กิจกำรเพื่อควำมมัน่ คงแหง่ ชำติ
โทรศัพท์เคล่ือนท่ี (Mobile Telephone) เคร่ือง
แรกประดิษฐ์ข้นึ ในปี ค.ศ. 1956 ซ่ึงมรี ำคำแพงมำกและ
มนี ำ้ หนกั มำก กำรใชง้ ำนในขณะนัน้ มีติดตัง้ ไวใ้ นรถยนต์
เท่ำนั้น ปพี .ศ. 2526 หรอื ค.ศ. 1982 ประเทศไทยได้มี
โทรศพั ท์เคลือ่ นทบ่ี ริกำร โดยมผี ูใ้ หบ้ รกิ ำรรำยแรกคือ
องค์กำรโทรศพั ทแ์ หง่ ประทศไทย
ในปี ค.ศ. 1992 หรอื ปพี .ศ. 2535
เป็นตน้ มา โทรศพั ท์เคล่อื นที่ (มอื ถือ) มี
ราคาถูกลง ขนาดเล็กลง ทาให้
โทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ี (มอื ถือ) ไดร้ บั ความ
นยิ มขึน้ อกี ครั้งอย่างรวดเร็วจนเปน็ เหตุให้
หมดยคุ ของโทรศพั ท์เคลอื่ นที่ (มอื ถือ) ที่มี
ขนาดใหญแ่ ละเพจเจอร์ โดย
โทรศพั ท์เคลอื่ นที่เร่มิ มขี นาดเลก็ ลง
ยุคของโทรศพั ท์เคลื่อนท่ี
โทรศัพทเ์ คล่ือนทีย่ คุ 1G ( First - Generation
Mobile )
)อะนาล็อกเซลลูลาร์ (Analog cellular)
สหรฐั อเมริกา ระบบโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ียุค 1G
ถือวา่ เป็นยุคเร่ิมตน้ หรือ Initial Stage
โดยการพฒั นามุง่ เนน้ เพ่ือการส่ือสารทางเสียงเป็น
หลกั ใชร้ ะบบการสง่ สญั ญาณแบบ แอนาล็อก (
Analog
โทรศัพทเ์ คลือ่ นทย่ี คุ 2G (Seconds -
Generation Mobile
ดิจติ อลเซลลลู าร์ (Digital cellular)
อัตรำกำรสง่ ขอ้ มลู ของโทรศัพทเ์ คลอ่ื นท่ี ตำ่ กว่ำ 6.9 ซ่งึ
ไดอ้ อกแบบมำสำหรบั กำรส่งสญั ญำณเสยี งเทำ่ นน้ั อตั รำ
กำรสง่ ข้อมูลของโทรศพั ท์เคล่ือนที่ ในยคุ น้ีคอื 6.9-14.4
Kbps กำรส่งสญั ญำณสำมำรถสง่ ไดท้ งั้ สัญญำณเสยี ง,
แฟกซ์ และสญั ญำณขอ้ มูลท่ีเป็นขอ้ ควำมส้ันๆ
โทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี ในยคุ นี้มีนำ้ หนักเบำ มกี ำรออกแบบที่
ทันสมัย และไดม้ ี
เปน็ ตน้ ยคุ โมบายอนิ เทอร์เน็ต (First Era of
Mobile Internet) ยุคน้สี ามารถเรยี กไดว้ ่า First
Step Into 3G กไ็ ด้
มอี ตั ราการจดั ส่งข้อมลู ของโทรศัพท์เคลอ่ื นทคี่ อื 64 –
144 Kbps เป็นชว่ งเวลารอยต่อระหว่างยคุ 2G และ
3G ขอ้ กาหนดมาตรฐานทางเทคนิคของเครอื ข่าย
โทรศพั ท์เคลือ่ นทีใ่ นยุค 2.5G สว่ นใหญเ่ ป็นการ
เตรียมความพรอ้ มใหก้ ับเครือข่ายกอ่ นท่จี ะ
มกี ารก้าวเข้าสู่ (Transition) ยคุ ท่ี 3
โทรศัพทเ์ คลอ่ื นทยี่ คุ 3G (Third -
Generation) :
(Multimedia Cellular)
เนน้ กำรส่งข้อมูลระบบเสียงและภำพอย่ำงมี
ประสิทธภิ ำพ โดยจะสำมำรถเพ่มิ อัตรำควำมเรว็
ในกำรส่งข้อมูลไดถ้ ึง 384 Kbps – 2 Mbps
และสำมำรถเรยี กโทรศัพท์เคลอ่ื นทใี่ นยคุ นีว้ ่ำ
อินเทอรเ์ น็ตมือถอื (Internet Mobile) และ
คณุ สมบตั ิโดด
เด่นของยุคน้คี ือ Anyservice Anywhere
Anything คือ สำมำรถใชง้ ำนได้ทุกรูปแบบท่ี
ตอ้ งกำร
โทรศัพทเ์ คล่ือนทยี่ ุค 4G (Toward the Fourth
Generation)
ยคุ บรอดแบนด์ไร้สาย
เปน็ กำรพฒั นำมงุ่ เน้นท่ีจะรองรับกำรสอ่ื สำรส่อื
ประสม (Multimedia) ทม่ี คี วำมเรว็ กำรส่งข้อมลู ทส่ี ูง
กว่ำ 2 Mbps เช่น
กำรให้บรกิ ำรข่ำวสำรข้อมลู เพ่ือกำรศกึ ษำ กำรซอ้ื ขำย
สินคำ้
ผ่ำนโทรศัพทเ์ คล่อื นที่ วดิ ีโอแบบภำพเคล่อื นไหวท่เี ตม็
รปู แบบ
(Full – Motion Video) หรอื กำรประชุมทำง
โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ (Mobile Teleconferencing)
บทที่ 2 หลกั การรบั - สง่ คลื่นสญั ญาณ
โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี (Mobile Station)
หมำยถึง อุปกรณโ์ ทรศัพทท์ ่ีใช้กบั ระบบ
โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทโี่ ดยท่ผี ใู้ ชส้ ำมำรถนำ
อปุ กรณน์ เี้ คลื่อนท่ีได้อยำ่ งอสิ ระ
โครงสร้างของ
โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี
มีส่วนประกอบหลกั 3 สว่ น
คือ
1. สว่ นหฟู งั (Handset)
2. ส่วนควบคุม (Control Part)
3. ส่วนคล่ืนวิทยุ (Radio Part)
การรบั - สง่ คลน่ื สัญญาณของระบบ
โทรศัพท์เคลอื่ นที่
ภำพแสดงระยะทำงทสี่ ำมำรถใชง้ ำนได้ เมอ่ื ห่ำงจำกสถำนฐี ำน
โทรศพั ท์เคล่ือนท่ีในยคุ แรกจะใชห้ ลักกำรใช้
เครือ่ งส่งวทิ ยทุ ม่ี ีกำลังสูงๆเพือ่ ให้ครอบคลมุ พน้ื ที่
กว้ำงไกลทีส่ ุด ดงั นน้ั เมอ่ื อยู่ห่ำงจำกสถำนฐี ำน
โทรศัพท์เคลอ่ื นท่จี ะตอ้ งสง่ สัญญำณไปดว้ ยกำลังสง่ สูง
ระบบโทรศัพทเ์ คลือ่ นท่ีแบบเซลลลู าร์
ภาพระบบเครอื ขา่ ยโทรศพั ท์เคล่ือนท่ี ทีม่ ีการรับสง่ คลื่นโทรศพั ท์
ระหว่างเครอื่ ง 2 เครอ่ื งโดยมีสถานฐี านและมีผใู้ ห้บรกิ ารแม่ข่ายเปน็
ตัวควบคมุ สญั ญาณรับและส่ง
จะใช้วธิ ีกำรแบง่ สถำนีฐำนท่ีมีกำลงั สงู แบ่งออกเปน็
สถำนีฐำนย่อย ๆ ทมี่ ีกำลงั สง่ ตำ่ แลว้ แบ่งพ้ืนที่กัน
ดูแลเปน็ ส่วนย่อย ๆ ซึง่ มลี ักษณะคล้ำยรวงผ้ึง
(Cellular)
การรับ – สง่ คล่ืนสญั ญาณวิทยุในระบบ GSM
ในช่วงเริม่ แรกนน้ั ไดม้ กี ำรกำหนดช่วงควำมถ่ีใหร้ ะบบ
โทรศัพทเ์ คลือ่ นท่ี GSM 900 สำหรบั ใช้งำนไว้ทั้งหมด 50
MHz ในยำ่ นควำมถี่ 890 – 915 MHz และ 935 – 960
MHz
ภำยในแบนดว์ ิดธ์ขนำด 25 MHz ของกำรส่งขอ้ มูลแต่
ละทศิ ทำงนี้ GSM ไดแ้ บ่งจำนวนช่องของคลื่นพำหไ์ ว้
ทง้ั หมด 124 ช่อง โดยแต่ละชอ่ งมคี วำมถหี่ ่ำงกนั เทำ่ กับ
200 kHz ลกั ษณะกำรแบ่งช่องลกั ษณะกำรแบง่
ช่องสัญญำณแบบนมี้ ีชื่อเรียกว่ำ Frequency Division
Multiple Access (FDMA) และในแต่ละคล่ืนพำห์ใชส้ ง่
สัญญำณไดท้ ้งั หมด 8 ไทม์สล๊อต โดยวิธนี ้ีเรียกว่ำ Time
Division Multiple Access (TDMA) ดงั นัน้ จะเห็นวำ่
GSM อำศยั ทงั้ วิธี FDMA และ TDMA
ขอบเขตในการติดต่อกบั
สถานีฐานของโทรศพั ท์
เคลอ่ื นที่
(Range of Mobile Station)
1. กาลงั ส่งของ 2. ตาแหนง่ ของ
โทรศพั ท์เคล่ือนที่ โทรศพั ท์เคล่ือนท่ี
สถานีฐาน (Base Station) 4.
สถานีฐาน
ประกอบดว้ ย
1. 2. 3.
อุปกร อุปกรณ์ อุปกรณ์ อุปกรณ์
ณ์ เก่ียวกบั เกี่ยวกบั เกี่ยวกบั
เก่ียวกั การเตือน คลื่นวทิ ยุ สายอากา
บ สญั ญาณ (Radio ศ
ระบบ (Alarm Equipmen (Antenna)
ไฟฟ้า Equipmen t)
t)
Base Station Subsystem (BSS)
ประกอบดว้ ย 2 ส่วนหลกั คือ Base
Transceiver Station (BTS) และ Base Station
Controller (BSC) ส่วนของ BTS ทาหนา้ ท่ี
ติดต่อกบั เครื่องโทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี (MS) กลุ่ม
ของ BTS ท่ีครอบคลุมพ้ืนที่
หลาย ๆ เซลลจ์ านวนหน่ึง จะอยภู่ ายใตก้ าร
ดูแลของ BSC หน่ึงตวั โดยปกติ BSC หน่ึงตวั
จะสามารถดูและควบคุม BTS
ไดจ้ านวนมากถึงหลายสิบหรือหลายร้อยชุด
ระบบเน็ตเวริ ์คและสวิตช่ิง (Network and Switching
Subsystem)
Network and Switching Subsystem (NSS)
ประกอบด้วย 2 ส่วนหลกั คือ Mobile Services
Switching Center (MSC) และฐานข้อมูลสาหรับ
การจัดการกบั การใช้งานของผู้ใช้บริการ
สาหรับข้อมูลภายใน NSS ประกอบด้วยส่วน
สาคญั 3 ส่วนหลกั คือ
Home Location Register (HLR) เป็นฐานขอ้ มูลท่ีทา
หนา้ ท่ีเกบ็ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั ผใู้ ชบ้ ริการ
2. Authentication Centre (AUC) เป็นฐานขอ้ มูลที่เกบ็
ขอ้ มูลท่ีเป็นความลบั 1.
3. Visitor Location Register (VLR) เป็นฐานขอ้ มูลท่ีอยู่
คู่กบั MSC หน่ึงชุดหรือกลุ่มของ MSC จานวนหน่ึง
ระบบปฏบิ ตั กิ าร (Operation
Subsystem)
Operations and Maintenance
Centre (OMC) ซ่ึงมีหนา้ ท่ีหลกั ในการจดั การ
เร่ืองการปฏิบตั ิการของระบบโดยรวม การจดั การกบั
ปัญหาของอุปกรณบ์ างสว่ นท่ีอาจเกิดความเสียหาย การ
ปรับตง้ั คา่ ตา่ ง ๆ ภายในระบบใหเ้ หมาะสม การจดั การ
เร่ืองสมาชิกผูใ้ ชบ้ ริการของระบบซ่ึงรวมไปถึงการคิด
คา่ บริการและออกบิลเก็บคา่ บริการ การทางานของ
OMC สว่ นใหญแ่ ลว้ จาตอ้ งมีการติดตอ่ ส่ือสารกบั
ฐานขอ้ มูล HLR เสมอ
เซลล์ไซท์ (Cell Site) เสาเครือข่ายของ
โทรศัพท์เคล่ือนท่ี
โครงสร้างเครือข่าย (Network Structure)
พืน้ ที่ (Areas)
PLMN (Public Land Mobile Network)
หมายถึง โครงข่ายท้งั หมดของโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ี
Cellular ไม่รวม PSTN ซ่ึงทุก ๆโครงขา่ ยจะ
สามารถแบ่งออกเป็น Area ขนาดต่าง ๆ กนั
Cell หมายถึง บริเวณที่ครอบคลุมโดยสถานี
ฐาน แบ่งออกได้ 2 แบบ คือ
1. Omnidirectional Cell
2. Sector Cell
หลกั การ Frequency Reuse
คือ การนาความถี่ท่ีใชก้ บั Cell หน่ึงแลว้ เอา
กลบั มาใชก้ บั Cell อ่ืน โดยมีระยะห่างกนั พอสมควร
เพือ่ ไม่ใหเ้ กิดการ Interference ระยะห่างระหวา่ ง
Cell ที่ใชค้ วามถ่ีเดียวกนั น้ีเรียกวา่ Reuse Distance
หลกั การ Frequency
Reuse
เซลลไ์ ซท์ (Cell Site)
เป็ นช่ือเรี ยกสถานีฐานท่ีดูแลพ้ืนท่ีการ
ใหบ้ ริการของโทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี เซลลไ์ ซท์
แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดงั น้ี
1. มาโครเซลล์
(Macrocells)
2. ไมโครเซลล์
(Microcells)
3. พิกโคเซลล์
(Pixcocells)
บทที่ 3 ระบบโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ีใหม่
ระบบเซลลูลาร์
คือ ระบบของโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ ซ่ึงใช้
เทคโนโลยกี ารส่ือสารไร้สายเป็นสาคญั มกี าร
จดั สรรช่วงความถ่ีเฉพาะสาหรับระบบและมกี าร
ประยกุ ตใ์ ชค้ วามถี่ซ้าหลาย ๆ ชุด โดยจดั สรรลง
บนพ้นื ที่ใหบ้ ริการต่าง ๆ กนั ซ่ึงพ้นื ท่ีใหบ้ ริการ
ดงั กล่าวจะถูกเรียกวา่ เซลล์ (Cell)
ภาพแสดงการใช้
ความถี่ของระบบ
เซลลลู า่ ร์ในแต่ละ
เซลล์
ภาพแสดง
ช่องสัญญาณ
ระหว่างสถานฐี าน
กบั ตัวเคร่อื ง
โมบายล์
โครงสร้างพืน้ ฐานของระบบเซลลลู าร์ (Cellular Mobile
Structure)
ตัวเครื่องโมบายล์ สายอากาศ
(Mobile Station) (Antenna)
คือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ ผผู้ ลิตตวั เคร่ืองพฒั นา
ใชใ้ นการ รูปแบบของสายอากาศ
ติดต่อสื่อสารใน สาหรับตวั เครื่องออกมา
ระบบเซลลูลาร์ เป็ นจานวนหลายรู ปแบบ
แต่สายอากาศที่สาคญั กค็ ือ
สายอากาศ
ที่ต้งั อยเู่ หนือสถานีฐาน
สถานีฐาน (Base Station or Base
Transceiver Station)
ทาหน้าทเี่ ช่ือมต่อสัญญาณระหว่างส่วนควบคุม
สถานีฐานกบั ตวั โมบายล์ โดยจะมีหน่วยควบคุม
เช่นกนั มีวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์สาหรับประมวลผล
สัญญาณคล่ืนวทิ ยุ มีระบบสายอากาศซึ่งต่อออกมา
จากส่วนควบคุมคล่ืนวทิ ยุมชี ่องต่อกบั เทอร์มนิ ัล
เพ่ือใช้ในการควบคุมและแก้ไขการตดิ ต้งั อุปกรณ์
แหล่งจ่ายไฟของสถานีฐานมีอยู่ 2 ระบบเป็ นระบบ
จ่ายไฟฟ้าจากไฟฟ้าตามบ้านธรรมดาและระบบ
แบตเตอรี่ในยามฉุกเฉิน
ระบบโทรศัพท์เซลลูลาร์แบบต่าง ๆ
1. โทรศัพทเ์ ซลลลู าร์ระบบ NMT (Nordic Mobile
Telephone)
2. โทรศพั ทเ์ ซลลูลาร์ระบบ AMPS (Advance Mobile
Phone System)
3. โทรศัพทเ์ ซลลลู ารร์ ะบบ TACS (Total Access
Communication System)
4. โทรศัพท์เซลลลู าร์ระบบ C-450
5. โทรศัพทเ์ ซลลูลารร์ ะบบ GSM (Global System for
Mobile Communication)
6. โทรศัพท์เซลลลู ารร์ ะบบ DCS (Digital
Cellular System)
การมอดูเลตสญั ญาณ
อนาล็อก
วิธีการ มอดเู ลตสัญญาณอนาลอ็ กเพื่อสง่ ผา่ นไป
ใน
ชอ่ งทางส่อื สารอนาล็อกนนั้ มี 3 วธิ ี ดว้ ยกันคอื
1.การมอดเู ลตทางแอมปลิจดู (Amplitude
Modulation, AM)
2.การมอดเู ลตทางความ ถ(ี่ Frequency
Modulation, FM)
3.การมอดูเลตทางเฟส(Phase Modulation,
PM)
การมอดเู ลตทางแอมปลจิ ดู (AM)
การแปลงสัญญาณดจิ ิตอลเปน็ สัญญาณ
อนาลอ็ ก(D/A)
การมอดเู ลตเชิงเลขทางแอมปลิจูด (
ASK )
การมอดเู ลตเชิงเลขทางความถ่ี (
FSK )
การมอดูเลตเชิงเลขทางเฟส (
PSK )
การแปลงสัญญาณอนาลอ็ กเปน็ สัญญาณ
ดิจติ อล(A/D)
เทคนคิ ใน การเปลยี่ นแปลงสัญญาณอนาลอ็ ก
เป็นสญั ญาณดิจติ อลแบ่งออกเปน็ 2 วธิ ี
คอื
1. การมอดูเลตทางแอมปลจิ ดู ของพัสส์หรอื
PAM
(Pulse Amplitude Modulation)
2. การมอดูเลตแบบรหัสพลั ส์หรอื PCM
(Pulse Amplitude Modulation)
บทท่ี 4 ผู้ให้บริการเครอื ข่ายโทรศัพท์
(Operator)
เ ค รื อ ข่ า ย ข อ ง ร ะ บ บ
โทรศัพท์เคล่ือนท่ี
1. โทรศัพทเ์ คลื่อนที่ที่รบั ได้ช่องสัญญาณเดียว
เรียกวา่ Single Band
2. โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ท่รี ับได้ 2 ช่องสัญญาณ เรียกว่า
Dual Band
3. โทรศพั ท์เคล่อื นท่ีทร่ี บั ได้ 3 ช่องสัญญาณ
เรียกว่า Tri Band
4. โทรศพั ท์เคล่อื นท่ที ร่ี ับได้ 4 ช่องสญั ญาณ
เรียกวา่ Quad Band
การให้บรกิ าร
โทรศพั ทเ์ คลอื่ นท่ี
การให้บรกิ ารรบั สง่ สัญญาณโทรศัพท์เคลอื่ นที่ใน
ประเทศไทย ประกอบด้วยระบบตา่ ง ๆ หลังจาก ที่
กรมไปรษณียโ์ ทรเลขได้อนมุ ตั ิคล่นื ความถี่วทิ ยุให้
องคก์ ารโทรศพั ท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ซ่ึงก็คือ
บริษทั ทศท. คอรป์ อเรชน่ั จากดั (มหาชน) ในปจั จบุ ัน
เพือ่ ดาเนินธุรกจิ การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนทร่ี ะบบ
NMT (Nordic Mobile Telephone) ความถ่ี 470
เมกกะเฮิตรซ์ เมือ่ เดือนกนั ยายน พ.ศ.2529 ตง้ั แตน่ ัน้
เปน็ ตน้ มาธรุ กิจโทรศัพท์เคลอ่ื นทใี่ นประเทศไทยก็ได้
เจริญเติบโตขึ้นมาตามลาดับ
ผู้ใหบ้ ริการโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทใ่ี น
ประเทศไทย
1. บรษิ ัท ทโี อที จากัด (มหาชน)
2.. บรษิ ทั กสท. โทรคมนาคม จากัด (มหาชน)
3. ระบบดีเทค. (DTAC : Total Access
Communication)
4. ระบบ เอไอเอส. (AIS : Advance Info
Service)
5. ระบบ ทรูมฟู . (True move)
6. ระบบไทยโมบาย (Thai Mobile)
7. บริษัท ฮทั .ชสิ นั ซเี อที ไวร์เลส .มัลตมิ เี ดยี
จากัด
บทที่ 5 ภาคการทางานของ
โทรศัพทม์ ือถอื
ภาคนี้เป็นภาคทเี่ ก่ยี วกับ การทางานใน
สว่ นของระบบ Main ของเคร่ืองโทรศัพท์
ทง้ั หมด พวกการเปดิ ปดิ เคร่ือง การ
ประมวลผลของเครอ่ื งในสว่ นต่างๆ การ
ทางานในสว่ นนี้สาคัญมาก เพราะเปน็
ภาคพื้นฐานท้ังหมด ถา้ ภาคนที้ างานไม่
สมบูรณ์ จะส่งผลให้ภาคอ่ืนๆไมส่ ามารถ
ทางานได้
ภาคโครงสรา้ งหลัก BASEBAND
ประกอบด้วย
ไอซีทช่ี อื่ ว่า UI หรอื
USER INTERFACE
เปน็ ตวั ควบคุมสั่งงาน
1. UI หรอื USER INTERFACE
2. แฟลชคอนเนคเตอร์ FLASH CONNECTOR
3 HEAD SET และ CHARGER CONNECTOR
ชุดหฟู งั หรือชุดเชื่อมต่อระหวา่ งโทรศัพทเ์ คลื่อนท่ี
กบั สมอลล์ทอลค์
ชุดชารจ์ หรือชดุ เชอื่ มต่อระหวา่ งโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ี
กับอแดปเตอร์หรอื ชาร์จเจอร์
4. แบตเตอร่ี BATTERY แหลง่ จ่ายพลงั งานหลัก
สาหรับวงจรในโทรศพั ทเ์ คล่อื นท่ีทัง้ หมด
5. CHAPS ไอซี ชาร์จที่ควบคมุ การจา่ ยกระแสและ
ประจุไฟฟ้าให้ กบั แบตเตอร่ีถกู ควบคุมโดยไอซที ่ชี ่ือ
วา่ CCON และ CPU
6. SIM CARD เปน็ ส่วนหนงึ่ ของอปุ กรณ์
โทรศัพทเ์ คลอื่ นทภี่ ายในเป็น CHIP IC MEMORY
ขนาดเล็ก
7. COBBA เป็น ASIC ไอซี หรอื
APPLICATION SPECIFIC INTEGRATED
CIRCUIT ทาหน้าที่ เช่อื มโยงหรอื INTERFACE
ระหว่าง ภาคเบสแบนดก์ บั ภาควิทยุ แปลง
สัญญาณเสียง
9. CCONT หน้าทห่ี ลักๆ คือการจ่ายแรงดันไฟหรอื
กระจายแรงดันไฟไปยงั ภาคตา่ งๆ ทั้งหมด
10. ไมโครโฟน MICROPHONE ทาหน้าทแ่ี ปลง
ความถี่เสียงใหเ้ ป็นสญั ญาณไฟฟ้าหรอื AF (AUDIO
FREQUENCY)
11. หูฟงั หรอื ลาโพง EARPIECE , SPEAKER ทา
หนา้ ทแ่ี ปลงสญั ญาณไฟฟา้ ให้เป็นความถเ่ี สยี ง หรือ
AF โดยผ่านวงจรขยายเสียงหรือ AMPLIFIER
12. ป่มุ กด KEY PAD ทาหน้าทีม่ อดูเลท.
13. จอ LCD ทำหน้ำท่ีแสดงผล.
บทท6่ี ภาควิทยุภาค RF หรอื ภาค Radio
Frequency
การผสมสญั ญาณเสยี งกับ
สัญญาณวทิ ยุ
เพราะสัญญาณวทิ ยเุ ปน็ สัญญาณทีเ่ รา สามารถ
สง่ ไปไกลเทา่ ไรกไ็ ดต้ ามที่เราต้องการเมือ่ เราทาการ
นาสัญญาณเสียงท่ีเปน็ สญั ญาณอนาลอกมาทาการ
ผสมกับสัญญาณวิทยุแล้ว ก็จะทาให้เสยี งทเ่ี รา
พูดนนั้ ออกไปได้ไกล สามารถไดย้ นิ เสยี งอยา่ ง
ชัดเจน เงือ่ นไขนเ้ี รยี กว่า “ การผสมสัญญาณ “
หรือ การ MOD ( Modulator )
ปกติความถี่วิทยุนน้ั เราสามารถกาหนดความถ่วี ทิ ยุ
ขึน้ มาเองได้ โดยความถี่ทไี่ ด้จะต้องมีตวั กาเนดิ ความถี่
ก่อน ซ่งึ ตวั กาเนดิ ความถน่ี น้ั เรยี กวา่ OSC หรอื
Oscillator ตัว OSC เปน็ วงจรผลติ ความถป่ี ระเภท
หนึง่ ถ้าอย่ใู นวงจรของโทรศัพท์เคล่อื นท่ี ก็คอื ตวั
VCO เม่อื เรามสี รา้ งความถวี่ ิทยุข้ึนมาแลว้ กจ็ ะนา
ความถน่ี ้ัน ไปผสมกบั สัญญาณเสียงทเ่ี ราพดู หรือ
สัญญาณอนาลอ็ ก สรปุ ว่าเงอ่ื นไขนี้กค็ อื “ ตอ้ งมตี ัวผลิต
ความถี่ “
วงจรผลิตความถว่ี ทิ ยุ ( เพ่ือจะนาสัญญาณวิทยไุ ปผสมกบั
สัญญาณอนาล็อก )
1. HAGAR เปน็ ไอซี โปรเซสเซอร์ ซ่งึ รวมเอา
ภาครบั ภาคสง่ และ
ภาคสังเคราะหค์ วามถ่ี หรอื ภาคผลิตความถท่ี อ้ งถนิ่ เข้า
ด้วยกัน
2. VCO (VOLTAGE CONTROL OSCILLATOR)
วงจรแรงดันไฟควบคุมการผลติ ความถ่ี หรอื ความหมาย
อีกนยั หนึ่งคือ ความถที่ เ่ี กิดจากการจา่ ยแรงดันไฟซึง่
แรงดนั ไฟเปลย่ี นแปลงไปความถ่กี จ็ ะเปลี่ยนแปลงดว้ ย
3. 26MHzหรอื VCTCXO ทาหน้าที่ 2 หนา้ ท่ี ผลิต
สญั ญาณนาฬิกา 26 MHz สง่ เขา้ ไปหาร 2 ใน
HAGAR ได้ 13 MHz แลว้ จา่ ยใหก้ ับ CPU หรอื
เรียกวา่ SYSTEM CLOCK (RFC) ผลติ สญั ญาณ
นาฬกิ าเพ่ือเปน็ ความถี่อา้ งองิ หรอื FREQUENCY
REFERENCE ใหว้ งจร เฟส ลอ็ ก ลูป PLL ใน
HAGAR
4. สวทิ ซแ์ อนเทนนา่ SWITCH ANTENNA หรอื
DIPLEXER ทาหน้าที่แยกสญั ญาณระหวา่ งระบบ
GSM และระบบ PCN,DCS หรือระบบ 1800 และ
แยกสัญญาณจากภาครบั RX และ ภาคส่ง TX ออก
จากกัน
5. ฟิ ลเตอร์ หรือ แบนด์พำสฟิ ลเตอร์ หรือ SAW
ฟิ ลเตอร์ SAW หรือ SURFACE ACOUSTIC WAVE เป็น
ฟิลเตอรท์ ่ีมี 2 ระบบ อยใู่ นตวั เดียวกนั หรือเรียกอีกช่ือวา่
DUAL SAW FILTER ทาหนา้ ท่ีกรองสญั ญาณและกาหนด
ความถ่ีใหต้ รงตามกาหนด
6. LNA หรือ LOW NOISE AMPLIFIER เป็น
วงจรขยายสัญญาณรบกวนตา่ ซึง่ เป็น
ทรานซสิ เตอร์
7. บาลัน BALUN TRANSFROMER คือ หมอ้
แปลงเกีย่ วกับความถี่ ที่ทาหนา้ ท่กี าหนดความสมดลุ
ของสัญญาณให้เปน็ บวกและลบ เพื่อให้มีความ
เหมาะสมทัง้ สัญญาณทางดา้ นเขา้ และออก