The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2020-07-21 22:08:40

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 5

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 5

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต

การผสมปรุงแต่งของน้�ำตาล ของแป้ง ของส่วนผสมต่างๆ
ส่วนประกอบต่างๆ นี่เรียกว่าสังขาร สังขารทั้งหมดไม่เท่ียง
สังขารมันมารวมตัวกันแล้วเด๋ียววันหนึ่งมันก็จะต้องแยกตัว
ออกจากกนั แลว้ มนั กจ็ ะดบั รา่ งกายมารวมตวั กนั แลว้ เดยี๋ วมนั
ก็ดับ มนั กจ็ ะแยกกลบั คนื สธู่ าตเุ ดิม ธาตุน้ำ� กก็ ลบั ไปส่ธู าตนุ �้ำ
ธาตลุ มกก็ ลบั ไปสธู่ าตลุ ม ธาตไุ ฟกก็ ลบั ไปสธู่ าตไุ ฟ ธาตดุ นิ กก็ ลบั
ส่ธู าตุดิน
ดงั นนั้ สงิ่ ทเ่ี ราเหน็ สง่ิ ทเ่ี ราไปวา่ เปน็ ตวั เปน็ ตนนี้ เรยี กวา่ เปน็
“มจิ ฉาทฏิ ฐ”ิ ไมม่ ตี วั ตนไมม่ เี ราในรา่ งกายเปน็ เพยี งมจิ ฉาทฏิ ฐิ
ทมี่ อี ยใู่ นใจ อยใู่ นกายทพิ ย์ อยใู่ นผรู้ ผู้ คู้ ดิ ทไ่ี ปนกึ คดิ ขนึ้ มาเอง
เรานกึ คิดกันข้นึ มาเองว่าร่างกายนเ้ี ปน็ ตวั เรา แตถ่ ้าเราศกึ ษา
จรงิ ๆ แลว้ เรากจ็ ะเหน็ วา่ ไมม่ ตี วั เราอยใู่ นรา่ งกาย เราลองแยก
เอาอาการต่างๆ ของร่างกายออกมาซิ เอามาแยกกันเหมือน
ชำ� แหละ เอาผมออกมากอ่ น แล้วดูทผี่ มว่า ตัวเราอย่ทู ่ผี มไหม
มตี วั เราอยใู่ นผมหรอื เปลา่ เอาขนออกมากองไว้ เอาเลบ็ ออกมา
กองไว้ เอาฟนั ออกมากองไว้ แล้วดไู ปในแต่ละอาการ ดูวา่ เรา
มตี วั เราอยตู่ รงไหนบา้ ง กไ็ มม่ ี มนั เปน็ เพยี งความคดิ เทา่ นนั้ เอง
เหมอื นคนสมัยกอ่ นที่คดิ ว่าโลกนแ้ี บน พอคดิ วา่ โลกแบนก็เลย
เชอ่ื กนั ใชไ่ หม เชอื่ วา่ โลกนแี้ บนกเ็ ลยกลวั กนั กลวั วา่ ถา้ เดนิ ทาง

49

ธรรมะหนา้ กุฏิ เล่ม ๕

ไปสุดขอบโลก มันก็จะตกออกจากโลกไป เพราะคิดว่าแบน
เหมือนโต๊ะ โต๊ะน่ีมันมีขอบใช่ไหม ถ้าเอาของกลิ้งออกนอก
ขอบไป มันก็ตอ้ งตกลงไปทีอ่ น่ื อนั นี้กเ็ ป็นความคดิ เฉยๆ ไม่ได้
ตรงกับความจริง ความจริงโลกมนั ไม่แบน โลกมันกลม ตอ่ ให้
เดนิ ทางไปสดุ ขอบฟา้ มนั กจ็ ะไมเ่ จอขอบอยดู่ ี เพราะยง่ิ เดนิ ไป
ขอบมนั ก็เหมือนหนีเราไปอยา่ งนน้ั มันก็ไปอย่ขู ้างหน้าเราอยู่
เร่อื ยๆ เพราะโลกมนั กลมนั่นเอง มนั ถึงเป็นอยา่ งน้ี
ฉันใด เรื่องของอัตตาตัวตนที่เรามาคิดว่ามีอยู่ในร่างกายของ
เรานี้ มนั กไ็ มม่ ี ถา้ เรามาวเิ คราะหด์ ว้ ยปญั ญาของพระพทุ ธเจา้
พระพุทธเจ้าสอนให้เรามาวิเคราะห์ดูว่าร่างกายของเราน้ีเป็น
เราท่ตี รงไหน เราอยทู่ ต่ี รงไหนบ้าง เวลาเราตดั ผมไปน่ี ตวั เรา
หายไปกบั ผมหรอื เปลา่ สว่ นหนงึ่ ของเราหายไปกบั ผมหรอื เปลา่
เชน่ มเี ราอยู่ ๑๐๐% พอตดั ผมออกไปสกั ๒% เราเหลอื ๙๘%
หรือเปล่า เราก็ยังเหลือ ๑๐๐% อยู่ ความรู้สึกนึกคิดก็
ยงั เหมอื นเดิมอยู่ ถ้าเราไดย้ ินไดฟ้ ังธรรม ได้ศึกษาได้ปฏิบัติ
ไดพ้ จิ ารณา จะทำ� ใหเ้ ราเรมิ่ เหน็ ความจรงิ วา่ ในตวั รา่ งกายนี้
ไมม่ เี ราหรอก แลว้ กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ เราดว้ ย เพราะตวั ทเี่ ปน็ เรากค็ อื
ตัวรู้ตัวคิดน้ีเอง ท่ีเราจะเห็นได้ต่อเม่ือเรามาฝึกภาวนากัน
มาฝึกน่ังสมาธิกัน เพราะเวลาเรานั่งสมาธินี้ เราจะใช้สติ

50

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ถอนใจทีส่ ่งกระแสมาเกาะติดที่รา่ งกาย กระแสทม่ี าเกาะติด
กับรา่ งกายเหมือนกับแสงไฟของรถยนตน์ เ่ี อง เวลาเราเปดิ ไฟ
รถยนต์น้ี แสงมันจะพุ่งออกไปข้างหน้า เวลาเราปิดไฟปั๊บ
แสงมันก็กลบั เข้ามาขา้ งในทนั ที กลับเข้ามาที่หลอดไฟ ใจของ
เรากเ็ หมอื นกัน ใจเราส่งกระแสรบั ร้ไู ปทอ่ี ายตนะของรา่ งกาย
รา่ งกายมีอายตนะอยู่ ๕ สว่ นด้วยกันท่เี ราเรยี กว่า ตา หู จมกู
ลิ้น กาย นี่เอง และการท่ีใจอยากจะรู้เร่ืองราวที่เข้ามาทาง
อายตนะ ใจก็ต้องส่งกระแสไปรับสิ่งที่จะเข้ามาทางอายตนะ
ตา่ งๆ ส่งิ ท่จี ะเขา้ มาทางอายตนะคืออะไร กค็ อื รูป เสียง กลิ่น
รส โผฏฐพั พะน่ีเอง รูปทเ่ี หน็ ดว้ ยตา เสียงทีไ่ ด้ยนิ ด้วยหู ล้ิมรส
ด้วยล้ิน ได้กล่ินด้วยจมูก และโผฏฐัพพะด้วยร่างกาย ค�ำว่า
“โผฏฐัพพะ” ก็คือการสมั ผสั ตา่ งๆ เชน่ หนาว เยน็ แขง็ นุม่
พอมาสัมผัสกับตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจก็จะรับรู้ขึ้นมาทันที
เพราะใจสง่ กระแสรบั รู้มารอรบั รูป เสียง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ
ที่จะเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง คือเรียกว่า
“วญิ ญาณทงั้ ๕” วญิ ญาณทอี่ ยใู่ นขนั ธ์ ๕ นแี่ หละเรยี กวา่ เปน็
ตวั ทจ่ี ะมาทำ� หนา้ ทรี่ บั เอารปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะตา่ งๆ ท่ี
เขา้ มาทางตา หู จมกู ลน้ิ กาย พอตาเหน็ รปู ปบ๊ั รปู มนั กจ็ ะวง่ิ มา
ทีว่ ิญญาณทนั ที วิญญาณก็จะส่งมาทใ่ี จ

51

ธรรมะหน้ากุฏิ เลม่ ๕

ใจนเี้ ปน็ เหมอื นศนู ยก์ ลางของการรบั ขอ้ มลู ตา่ งๆ เหมอื นกบั
สมัยน้ี เราคงเคยเห็นระบบควบคุมการจราจร เขาจะมีศูนย์
ควบคมุ ระบบการจราจร แลว้ เขาจะมกี ลอ้ งไปตดิ ตามถนนตา่ งๆ
ตามแยกต่างๆ แล้วกล้องเหล่าน้ีก็จะถ่ายภาพของสถานภาพ
ของถนนในเวลานั้นว่าตอนนี้ถนนเส้นนี้รถแน่นไหม สี่แยก
ตรงนี้รถติดไหม ที่กล้องก็จะมีสายหรือมีเครื่องส่งสัญญาณ
สง่ ภาพเหลา่ นไ้ี ปทศ่ี นู ยก์ ลางควบคมุ การจราจร แลว้ กม็ คี นอยู่
ท่ีศูนย์ได้รายงานให้กับผู้ส่ือข่าวทางสถานีวิทยุ เพ่ือที่จะได้
แจง้ ใหผ้ ทู้ ขี่ บั รถบนทอ้ งถนนใหไ้ ดร้ วู้ า่ สถานการณบ์ นทอ้ งถนน
ตอนนเี้ ปน็ อยา่ งไร ถนนไหนตดิ มาก ทตี่ ดิ เพราะมอี บุ ตั เิ หตุ หรอื
ตดิ เพราะมรี ถเสยี ทำ� ใหข้ วางทางการจราจร ทำ� ใหร้ ถไมส่ ามารถ
วง่ิ ไปได้ ผทู้ ขี่ บั ขย่ี วดยาน พอรวู้ า่ ถนนเสน้ นมี้ นั มปี ญั หากจ็ ะได้
หลกี เลย่ี งเปลีย่ นไปใชเ้ ส้นอื่นแทนได้
ฉนั ใด ใจกเ็ ปน็ ศนู ยก์ ลางของการรบั ขอ้ มลู ตา่ งๆ ทเ่ี ขา้ มาทาง
วญิ ญาณรปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะทม่ี าทางตาหูจมกู ลนิ้ กาย
มนั กจ็ ะถกู วญิ ญาณรบั แลว้ กส็ ง่ มาทศ่ี นู ยก์ ลาง ศนู ยก์ ลางกจ็ ะ
มผี ทู้ คี่ อยมาวจิ ยั มาวเิ คราะหร์ ปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะทเ่ี ขา้
มาวา่ เป็นรูปอะไรบ้าง เช่น พอเห็นภาพ เหน็ รูปของคนคนนี้
บางทีเราอาจจะเคยเห็นเพราะเรามีความจ�ำ คือ “สัญญา”

52

พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

ถา้ เรามคี วามจำ� เราเคยเหน็ คนน้ี พอเหน็ อกี ครง้ั หนงึ่ เรากจ็ ะรู้
วา่ เปน็ ใคร แตถ่ า้ เขาไมเ่ คยอยใู่ นระบบของความจำ� ของเรา เรา
ก็จะไมร่ วู้ า่ เขาเป็นใคร ในเมื่อเราไม่รวู้ า่ เขาเปน็ ใคร เราก็ตอ้ ง
หาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ดว้ ยการถามเขากไ็ ดว้ า่ “คณุ เปน็ ใครมชี อื่ อะไร
มาจากไหน”อนั นเี้ ปน็ การทำ� งานของสญั ญากบั สงั ขารในขนั ธ์๕
เรามรี า่ งกายคอื รปู เปน็ ขนั ธท์ ี่ ๑ แลว้ กม็ วี ญิ ญาณ เปน็ ขนั ธท์ ี่ ๒
วญิ ญาณนเ้ี ปน็ ขนั ธข์ องใจ เปน็ สว่ นของใจทจี่ ะไปรบั เอารปู เสยี ง
กล่ิน รส โผฏฐพั พะ สง่ เข้ามาที่ศนู ย์กลางของใจ เพอ่ื ให้ใจได้
วเิ คราะห์ว่าเป็นรูปอะไร เปน็ เสยี งอะไร เป็นกล่ินอะไร ดไี ม่ดี
อยา่ งไรอนั นเี้ ปน็ หนา้ ทข่ี องสญั ญาและสงั ขารเวลาอะไรเขา้ มาน้ี
บางทีไม่ต้องเคยเห็นมาก่อนด้วยซ้�ำไป จะรู้แล้วว่าดีหรือไม่ดี
เพราะมนั จะทำ� ใหเ้ กดิ “เวทนา” ขน้ึ มาในใจ เกดิ ความรสู้ กึ ขนึ้ มา
บางอยา่ งเขา้ มาแลว้ กท็ ำ� ใหเ้ กดิ สขุ เวทนา บางอยา่ งเขา้ มาแลว้
กท็ ำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ขเวทนา เชน่ เสยี งน้ี ถา้ เสยี งเบา เสยี งนมุ่ ฟงั แลว้
กเ็ กิดสุขเวทนาข้ึนมา ถ้าเป็นเสียงดา่ เสียงหยาบคาย ฟังแลว้
ก็เกิดทุกขเวทนาข้ึนมา หรือเสียงดังเสียงค่อยก็เหมือนกัน
ถา้ เสยี งดงั มากๆ มนั กท็ ำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ขเวทนาขน้ึ มาได้ พอรวู้ า่ อะไร
เป็นทุกขเวทนา ใจก็จะพยายามหลีกเลี่ยง เพราะใจถูกสอน
ไมใ่ หช้ อบทกุ ขเวทนา ใหช้ อบแตส่ ขุ เวทนา กเ็ ลยมปี ฏกิ ริ ยิ าตา่ งๆ

53

ธรรมะหน้ากฏุ ิ เล่ม ๕

ต่อส่ิงต่างๆ ท่ีเข้ามาทางอายตนะท้ัง ๕ คือจะมีปฏิกิริยากับ
รปู เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ ไปตามเวทนาที่เกดิ ข้ึน ถ้าเป็น
สุขเวทนาก็จะมีปฏิกิริยาอย่างหนึ่ง คือมีความยินดี มีความ
ตอ้ งการอยากไดข้ นึ้ มา ถา้ เปน็ ทกุ ขเวทนากจ็ ะเกดิ ความรงั เกยี จ
ข้นึ มา เกดิ ความอยากจะปฏเิ สธ ไมอ่ ยากจะไปเก่ียวขอ้ งดว้ ย
ไมอ่ ยากจะเขา้ ใกลด้ ว้ ย นคี่ อื เรอ่ื งของใจคอื กายทพิ ยน์ ้ี เปน็ ผทู้ มี่ ี
ปฏิกิริยาตอ่ ส่ิงต่างๆ ทเ่ี ขา้ มาผ่านทางตา หู จมกู ลิน้ กาย
การทำ� งานของขนั ธ์ ๔ คอื เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณน้ี
เราจะเหน็ ไดต้ อ่ เมอื่ เราเปดิ ตาทพิ ยข์ นึ้ มา วธิ ที จี่ ะเปดิ ตาทพิ ย์
กค็ อื เราตอ้ งถอนวญิ ญาณออกจากตาหูจมกู ลนิ้ กายดว้ ยการ
เจรญิ สติ คอื การเจรญิ กรรมฐานชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ พทุ ธานสุ สติ
ก็ได้ อานาปานสติก็ได้ ถ้าเรามีการเจริญกรรมฐาน เราก็จะ
เจริญสติ สติก็จะคอ่ ยๆ ดงึ ค่อยๆ ถอดปลั๊ก ถอดวิญญาณที่ไป
เกาะทต่ี า หู จมกู ลนิ้ กาย ใหก้ ลบั เขา้ ไปในใจ ถา้ สตมิ กี ำ� ลงั มาก
สามารถถอดวญิ ญาณทงั้ ๕ ออกจากตา หู จมกู ลิน้ กายได้
จติ ก็จะรวมเปน็ หนึ่ง เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ ทที่ ำ�
หน้าที่ต่างๆ ก็จะหยุดท�ำงานช่ัวคราว แล้วจิตก็จะนิ่งสงบ
แลว้ กจ็ ะเหลอื แตผ่ รู้ ู้ หรอื สกั แตว่ า่ รู้ ตอนนนั้ การรบั รผู้ า่ นทาง
ตา หู จมูก ลิ้น กาย นีจ้ ะยตุ ิไป ก็เลยทำ� ใหร้ ู้สึกวา่ ตอนน้นั

54

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ไมม่ รี า่ งกาย รา่ งกายหายไปจากการรบั รขู้ องวญิ ญาณ เพราะ
วญิ ญาณถกู สตดิ งึ ใหอ้ อกจากตา หู จมกู ลนิ้ กายไป ตอนนน้ั
เราเรียกว่าจิตเป็นสมาธิ จิตรวมเป็นหนึ่ง รวมเข้ามาท่ีผู้รู้
ถา้ เปน็ แสงไฟ พอเราปิดสวิตช์ กเ็ หมอื นกับมันวิง่ กลบั มาที่
หลอดไฟ ตอนนนั้ สง่ิ ทอ่ี ยขู่ า้ งนอกกจ็ ะมองไมเ่ หน็ พอเราปดิ
ไฟปั๊บ แสงสว่างท่ีไปฉายใหเ้ หน็ สง่ิ ต่างๆ มันกห็ ายไป
นค่ี อื วธิ ที เ่ี ราจะเปดิ ตาในหรอื เปดิ ตาทพิ ยข์ องเราขน้ึ มา เพอื่ เรา
จะได้เห็นกายทิพย์ของเรา เราจะได้เห็นผู้รู้ แล้วก็เห็นเวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ ท่ีอยู่ในผู้รู้นี้ ตอนท่ีมันสงบ เราจะ
ไมเ่ หน็ มนั แตพ่ อจติ ออกจากความสงบ ทนี เี้ รากจ็ ะเหน็ นามขนั ธ์
ท้งั ๔ เร่มิ ท�ำงาน เห็นวญิ ญาณรับรปู เสียง กล่ิน รส โผฏฐัพพะ
เข้ามา เหน็ สญั ญาคอื ความจำ� ได้หมายรู้ว่า รปู เสียง กลิน่ รส
โผฏฐัพพะนัน้ เปน็ อะไรเป็นอยา่ งไร แลว้ กจ็ ะเหน็ เวทนาขน้ึ มา
ทันที เห็นสขุ เห็นทกุ ข์ เหน็ ไมส่ ุขไม่ทุกข์ เวทนาปรากฏข้ึนมา
แล้วก็จะเห็นสังขารท�ำการส่ังการ สังขารน้ีเป็นผู้สั่งการให้
ปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ ต่อไป ถ้าชอบก็ส่ังการให้ไปจัดหามา
ถ้าไม่ชอบก็ให้เดินหนีไป เห็นไหม เวลาเราไปเดินช้อปปิ้งนี้
ถา้ เราเหน็ อนั ไหนเราชอบเราจะหยดุ จะดแู ลว้ ดอู กี จบั แลว้ จบั อกี
พลิกไปพลกิ มา ลองไปลองมา สงั ขารกำ� ลังท�ำหน้าท่ีเลือกเฟ้น

55

ธรรมะหนา้ กฏุ ิ เลม่ ๕

สิ่งท่ีเราชอบ ถ้าเราไม่ชอบ เราก็เดินหนีไปเลย เห็นปั๊บ เอ๊ย
ไมช่ อบสงิ่ นี้ กเ็ ดนิ ไปเลย เปน็ สงั ขารสงั่ ไมใ่ ชร่ า่ งกายสงั่ รา่ งกาย
ไมม่ คี �ำสงั่ ในตัว รา่ งกายไม่มสี ังขาร
สงั ขารน้ีมี ๒ อยา่ ง รา่ งกายน้เี ราเรียกว่า “สังขาร” แตเ่ ป็น
สงั ขารทเ่ี กดิ จากการผสมปรงุ แตง่ ของธาตุ๔คอื ดนิ นำ้� ลมไฟ
แตส่ งั ขารในใจนเี้ ปน็ สงั ขารทเ่ี ปน็ ความคดิ ปรงุ แตง่ ทเี่ ราเรยี ก
วา่ พจิ ารณา วเิ คราะห์ ใครค่ รวญ นเ่ี รยี กวา่ สงั ขาร ใครค่ รวญ
วา่ ควรจะทำ� อะไร ควรจะทำ� อยา่ งไรดกี บั เหตกุ ารณต์ อนนี้ เชน่
ถ้าตอนน้ีฝนตก ก็ต้องเร่งเก็บข้าวเก็บของ ถ้าฝนหยุดก็เอา
ข้าวเอาของออกมาตั้งใหม่ อันน้ีเป็นหน้าท่ีของสังขาร
เปน็ ความคดิ ปรงุ แตง่ ถา้ เราไมร่ เู้ รอื่ งกายทพิ ยข์ องเรา เรากจ็ ะ
ไปรเู้ ร่ืองเพยี งเรอื่ งเดียวคือร่างกาย แลว้ เรากจ็ ะพยายามท่ีจะ
คอยดูแลรักษาร่างกายของเราให้ดีท่ีสุด เพราะว่าเราต้องใช้
ร่างกายเป็นเครื่องมือในการหาสุขเวทนาให้กับเรา พาเราไป
สัมผสั กบั รูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐัพพะ ท่ที �ำให้เกิดสุขเวทนา
ข้นึ มา แลว้ กพ็ าให้รา่ งกายหนีเวลาไปเจอกับรูป เสียง กลนิ่ รส
โผฏฐัพพะ ท่ีทำ� ใหเ้ กดิ ทุกขเวทนาขึน้ มา แตบ่ างครัง้ ชีวิตมันก็
ไมไ่ ดเ้ ป็นไปตามค�ำส่ังของสังขารเสมอไป บางทีอยากจะได้รปู
เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ ทเ่ี ป็นสขุ เวทนา ก็อาจจะไมไ่ ดก้ ็ได้

56

พระอาจารย์สชุ าติ อภิชาโต

บางทอี ยากจะหนรี ปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ ทเี่ ปน็ ทกุ ขเวทนา
กห็ นไี ม่ไดก้ ็มี เชน่ คนไปติดคกุ นี้ ก็ไปเจอกับรูป เสียง กล่นิ รส
โผฏฐพั พะ ทีเ่ ปน็ ทุกขเวทนา แตจ่ ะหนีมนั กห็ นไี ม่ได้เพราะวา่
ถูกกกั ขงั เอาไว้ บางทเี หน็ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่เป็น
สขุ เวทนา กไ็ ปเอามาไมไ่ ดเ้ พราะไมม่ กี ำ� ลงั ซอ้ื เชน่ เราไปชอ้ ปปง้ิ
ไปดรู า้ นเพชรนี้ มเี พชรสวยๆ งามๆ มีต้มุ หู มีแหวน เห็นแล้ว
กน็ �ำ้ ลายไหล อยากจะไดข้ ้นึ มา แต่พอดเู งนิ ในกระเปา๋ แลว้ มนั
ไมพ่ อซอ้ื มนั กซ็ อ้ื ไมไ่ ด้ ทนี มี้ นั จะมผี ลตามมาอกี อยา่ งทเี่ ราไมร่ กู้ นั
กค็ ือ นอกจากเวทนาทเี่ หน็ ของสวยๆ งามๆ แล้ว แตไ่ มไ่ ดข้ อง
สวยๆ งามๆ ตามทเี่ ราอยากได้ อะไรเกดิ ขน้ึ มา กค็ อื ความทกุ ขใ์ จ
ความเสยี ใจเกดิ ขนึ้ มา อนั นเ้ี ปน็ อกี ตวั หนง่ึ ทตี่ า่ งจากสขุ เวทนา
กบั ทกุ ขเวทนา สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา หรอื ไมส่ ขุ ไมท่ กุ ขเ์ วทนา
เกดิ จากเวลาท่ีตา หู จมกู ลน้ิ กาย ได้สมั ผัสกบั รปู เสียง กล่ิน
รส โผฏฐพั พะ พอสมั ผัสกับของสวยๆ งามๆ ทเี่ ราชอบกเ็ กดิ
สขุ เวทนาขน้ึ มา พอสมั ผสั กบั รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ ทเี่ รา
ไมช่ อบ กเ็ กดิ ทกุ ขเวทนาขนึ้ มา อนั นเ้ี ปน็ เพยี งเวทนา แตย่ งั ไมไ่ ด้
เปน็ สขุ เปน็ ทกุ ขข์ องใจ สขุ ทกุ ขข์ องใจนเี้ กดิ อกี ตอนหนง่ึ ตอนท่ี
เกิดสังขารความคิดปรุงแต่งขึ้นมา พอเจอสุขเวทนา สังขาร
ความคิดปรุงแต่งก็ปรุงแต่งว่าอยากจะได้ข้ึนมา แล้วพอไม่ได้
ขน้ึ มากเ็ กดิ ความเสยี ใจ เกดิ ทกุ ขเวทนาขน้ึ มา หรอื เวลาไปเจอ

57

ธรรมะหนา้ กฏุ ิ เล่ม ๕

รปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะทเี่ ปน็ ทกุ ขเวทนาแลว้ สงั ขารความคดิ
ปรงุ แตง่ กป็ รงุ แตง่ วา่ ใหห้ นี อยา่ อยู่ทนี ม้ี นั หนไี มไ่ ด้ เชน่ ไปถกู เขา
จบั ขงั คกุ ขงั ตะราง เขามลี กู กรงมอี ะไรกน้ั ไว้ จะออกไปกไ็ ปไมไ่ ด้
ตอนนน้ั กเ็ กดิ อะไรขน้ึ มา เกดิ ทกุ ขใ์ จขน้ึ มา มที กุ ขเวทนาทางตา
หู จมกู ลนิ้ กายแลว้ กย็ งั มที กุ ขใ์ จอกี ทเ่ี กดิ จากสงั ขารความคดิ
ปรุงแต่งซ่ึงคิดไปในทางความอยาก พอเกิดมีสังขารความคิด
ปรงุ แตง่ ไปในทางความอยาก คอื อยากไดห้ รอื อยากไมไ่ ดก้ ต็ าม
พอไมไ่ ด้ดงั ใจอยากก็จะเกิดทกุ ข์ขึน้ มาทนั ที
นเี่ ปน็ เรอื่ งของจติ ใจทเี่ ราจะเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน แลว้ เรากจ็ ะได้
มาแกป้ ัญหาของจติ ใจได้ สิ่งทีเ่ ราแกไ้ ม่ได้ก็คอื เวทนา เวทนา
ทเี่ ขา้ มาทางตา หู จมกู ลน้ิ กายน้ี มนั เปน็ สง่ิ ทเ่ี ปน็ ไปตามเรอ่ื ง
ของมนั รปู กม็ ที งั้ สขุ เวทนา ทง้ั ทกุ ขเวทนา มที ง้ั ไมส่ ขุ ไมท่ กุ ข์
เวทนา เสยี งกม็ เี หมอื นกนั กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ กม็ เี หมอื นกนั
แต่สิ่งท่ีเราจะท�ำให้ไม่เกิดขึ้นมาในใจของเราได้ ก็คือความ
ทุกข์ใจ ความเสียใจ ถ้าเราเข้าถึงตัวสังขารได้ เข้าถึงตัว
อรยิ สจั ได้ ตัวอริยสัจคอื เราจะเห็นสัจธรรมความจรงิ ว่า ความ
ทกุ ขใ์ จของเรานม้ี นั เกดิ จากความอยากของเรา คอื ความอยาก
ของใจ พออยากแล้วไม่ไดด้ ังใจอยากก็จะเกิดความทุกขข์ ้ึนมา
ซึ่งความทุกข์ใจน้ีพอเรารู้จากการปฏิบัติของเรา จากการเปิด

58

พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต

ตาในของเรา จะท�ำให้เราเห็นการท�ำงานของเวทนา สัญญา
สังขาร วญิ ญาณ เรากจ็ ะเหน็ ตัวที่เปน็ ปญั หา ตวั ท่สี ร้างความ
ทุกข์ใจให้กับเรานี้ก็คือสังขารความคิดปรุงแต่งน่ีเอง ท่ีคิดไป
ในทางความอยาก โดยเฉพาะไปอยากในส่ิงที่เราไม่สามารถ
ท่ีจะทำ� ได้หรอื มีไดน้ ่ันเอง เช่น ความอยากไมแ่ ก่ ความอยาก
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ความอยากไม่ตาย อันน้ีมันเป็นส่ิงที่เราไป
ห้ามมันไม่ได้ เพราะร่างกายนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
เป็นเหมอื นกบั ดินฟา้ อากาศ ดินฟา้ อากาศนเ่ี รายอมรับวา่ เปน็
ส่วนของธรรมชาติท่ีเราไปยุ่งด้วยไม่ได้ เราจะไปสั่งให้ฝนตก
ไม่ได้ จะไปส่งั ใหแ้ ดดออกไมไ่ ด้
ฉันใด ร่างกายของเราก็เป็นเหมือนดินฟ้าอากาศนี่แหละ
แตโ่ มหะอวชิ ชาความหลงความไม่รู้ของเรา ทำ� ใหเ้ ราไปคิดว่า
ร่างกายนี้เป็นส่ิงที่เราสามารถควบคุมได้สั่งได้ เพราะเราส่ัง
ใหม้ ันทำ� อะไรไดห้ ลายอยา่ งนัน่ เอง เราส่ังให้มันเดนิ ใหม้ ันยืน
ใหม้ นั วิ่ง ใหม้ นั ทำ� อะไรตา่ งๆ ให้กบั เราได้ แตเ่ ราไมร่ ูว้ ่ามันมี
บางอย่างที่เราสั่งไม่ได้ ส่ิงท่ีเราส่ังร่างกายไม่ได้ก็คือส่ังให้มัน
ไม่แก่ไม่ได้ ร่างกายของพวกเราทุกคนนี้ มันก�ำลังเดินทาง
ไปหาความแก่กัน ตอนต้นก็เป็นเด็ก แล้วก็เป็นหนุ่มเป็นสาว
เป็นผู้ใหญ่ แล้วเด๋ียวมันก็ไปเป็นคนแก่ ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้

59

ธรรมะหน้ากฏุ ิ เลม่ ๕

ท�ำศัลยกรรมก่ีครั้งกี่รอบก็ห้ามไม่ได้ ไปดึงให้มันตึงไม่ให้
มันหย่อน มันก็ท�ำได้ชั่วไม่กี่ปี เด๋ียวมันก็เร่ิมหย่อนอีกอยู่ดี
ในที่สุดก็ต้องยอมรับความจริง แต่ก่อนท่ีจะยอมรับความจริง
ไดน้ ม้ี นั กเ็ หนอื่ ย ตอ้ งทกุ ขก์ บั มนั หลายปดี ว้ ยกนั แตถ่ า้ เราไดม้ า
ฟังเทศนฟ์ งั ธรรมจากผมู้ ีสมั มาทิฏฐิ คอื ผูท้ ่เี หน็ ความจริง เห็น
ว่าร่างกายน้มี นั ตอ้ งแก่ ต้องเจบ็ ต้องตาย อยา่ ไปฝนื มันดกี ว่า
เตรยี มตวั รบั มนั ดกี วา่ มาหดั สอนใจใหย้ อมรบั ความแก่ความเจบ็
ความตายดีกวา่ สอนใจดว้ ยการคอยหยุดสังขารความคดิ ปรงุ
แต่ง ทุกคร้ังที่มันคิดปรุงแต่งไปในทางความอยากไม่แก่
อยากไมเ่ จบ็ อยากไมต่ าย เรากต็ อ้ งเอาปญั ญา เอาสมั มาทฏิ ฐิ
ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบว่า รา่ งกายน้ีมันต้องแก่ ต้องเจ็บ
ตอ้ งตาย ไมว่ า่ จะทำ� อยา่ งไรกบั มนั กห็ า้ มมนั ไมไ่ ด้ อาจจะมกี าร
ผัดวนั ประกันพรงุ่ ได้ เลอื่ นความแก่ไปหน่อยได้ เลอื่ นความ
เจ็บไข้ได้ป่วยได้ด้วยการรับประทานยาป้องกัน ด้วยการ
ออกกำ� ลงั กาย ดว้ ยการดแู ลอะไรใหด้ ี รา่ งกายกอ็ าจจะไมค่ อ่ ย
เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย แตไ่ มว่ า่ จะดแู ลกนั อยา่ งไรใหด้ ขี นาดไหนกต็ าม
ในที่สดุ มนั กห็ นีความเจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ยไปไมไ่ ด้
ดังน้ันพระพุทธเจ้าผู้มีสัมมาทิฏฐิก็ทรงรู้ว่า ความทุกข์ใจของ
พวกเรานี้เกิดจากความคิดปรุงแตง่ ไปในทางความอยากต่างๆ

60

พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต

นเ่ี อง อยากไม่แก่ อยากไมเ่ จบ็ อยากไม่ตาย อยากอยไู่ ปนานๆ
อยากเปน็ หน่มุ เป็นสาวไปนานๆ อยากสวยไม่สร่าง อยากบาน
ไม่รู้โรย เวลาใครให้พรว่า “สวยไม่สร่าง บานไม่รู้โรย” น่ี
สาธุ สาธุกัน แสดงวา่ ยงั มองไมเ่ หน็ ความจริง ยงั ไม่เหน็ วา่
ร่างกายน้ีไม่ว่าจะเป็นของใคร ไม่ว่าใครจะให้พรอย่างไร
กต็ าม มนั กเ็ ปลย่ี นความเปน็ จรงิ ของมนั ไมไ่ ด้ ความเปน็ จรงิ
ของมันก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ถ้าเราได้ภาวนาและ
สามารถเข้าถึงตัวสังขารได้ เราก็มาเปล่ียนสังขารเสีย
เปลี่ยนให้มันอย่าไปคิดไปในทางความอยากไม่แก่ อยาก
ไมเ่ จบ็ อยากไมต่ ายดว้ ยการเอาสมั มาทฏิ ฐิความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง
ของพระพุทธเจ้ามาคอยสอนใจว่า “เฮ้ย ต้องแก่นะเว้ย
ตอ้ งเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย ตอ้ งตายนะ” มาเตรยี มตวั เตรยี มใจรบั กบั
ความแก่ ความเจบ็ ความตายดกี วา่ แลว้ ใจจะไมท่ กุ ข์ เวลามนั
จะคิดกห็ ยดุ มันดว้ ยสติ ดว้ ยปญั ญา ปัญญาก็บอกว่าอย่าไปคิด
ไปในทางความอยาก เพราะคดิ ไปในทางความอยากแลว้ มนั เปน็
สมทุ ยั เปน็ ตน้ เหตุของความทกุ ขใ์ จ ไม่สบายใจ ถ้าไม่คดิ ไปใน
ทางความอยาก คิดเฉยๆ คดิ ไปตามความเป็นจริง เออ มันจะ
ต้องแก่ก็ให้มันแก่ไป เออ มันจะต้องเจ็บก็ให้มันเจ็บไป
เออ มนั จะต้องตายก็ใหม้ นั ตายไป ยอมแก่ ยอมเจ็บ ยอมตาย

61

ธรรมะหนา้ กฏุ ิ เลม่ ๕

พอยอมได้มันก็จะหยุดฝืนความจริงได้ แล้วพอแก่มันก็เฉยๆ
ไมเ่ ดอื ดรอ้ น พอเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยมนั กจ็ ะเฉยๆ ไมเ่ ดอื ดรอ้ น พอตาย
มันก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่ามันท�ำอะไรไม่ได้ ห้ามมันไม่ได้
อยา่ งวนั นี้เราจะมีการถ่ายทอดสด ต้องห้ามไมใ่ ห้ฝนมนั ตกนะ
แต่มันห้ามไม่ได้ พอเรารู้ว่าห้ามไม่ได้ เราก็เลยไม่ทุกข์กับมัน
เราก็เตรียมรับมาตรการ เราก็เตรียมร่มเตรียมอะไรมาไว้
ถ้าฝนตกเราก็กางร่มหรือเข้าท่ีร่มเสีย ก็หมดเรื่อง อันน้ีก็
เหมือนกัน เราต้องมองเห็นความจริงของร่างกายของเราว่า
มนั จะตอ้ งเขา้ สคู่ วามแก่ ความเจบ็ ความตาย ถา้ เราไมต่ อ้ งการ
ท่ีจะทุกข์กับมัน เราก็ต้องยอมรับความจริงของมัน ถ้าเรา
ยอมรับความจริงแล้ว ความคิดปรุงแต่งที่จะคิดไปในทาง
ไมอ่ ยากแก่ ไมอ่ ยากเจบ็ ไมอ่ ยากตาย มนั กจ็ ะไมเ่ กดิ แลว้ ความ
ทุกข์ใจก็จะไม่เกิดข้ึนมา เวลาแก่ก็ย้ิมแย้มแจ่มใส เห็นไหม
ครูบาอาจารย์น่ีท่านแก่แต่ท่านย้ิมแย้มแจ่มใส เวลาเจ็บไข้
ได้ป่วยท่านก็ไม่โอดร้องครวญคราง ไม่โวยวาย ไม่หงุดหงิด
ท่านก็เฉย เวลาตายทา่ นก็ดูลมของทา่ นไป ดลู มจนกวา่ มันจะ
หยดุ หายใจ
อนั นแี้ หละคอื ประโยชนท์ เ่ี ราจะไดร้ บั จากการทเ่ี รามาฟงั เทศน์
ฟงั ธรรม เพอ่ื เราจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งสมั มาทฏิ ฐิ ความเหน็ ทถี่ กู ตอ้ ง

62

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

วา่ ชวี ติ ของพวกเรานไี้ มไ่ ดม้ เี พยี งรา่ งกาย และชวี ติ ของพวกเรานี้
ไม่ได้สิ้นสุดลงที่ความตายของร่างกาย ชีวิตของเรานี้ยัง
ไมส่ นิ้ สดุ ยงั ไปตอ่ ยงั ไปไดห้ ลายทางอยู่ ไปทางตำ�่ กไ็ ด้ ไปทาง
สงู กไ็ ด้ หรือไปทางที่จะไมต่ ้องกลบั มาเกดิ ก็ได้ มี ๓ ทางไป
ถ้าท�ำบาป มนั ก็จะดงึ จิตใจของเราให้ไปทางต่ำ� ให้ไปอยใู่ น
อบาย ถา้ ทำ� บญุ มนั กจ็ ะดงึ ใหเ้ ราไปทางสงู ใหไ้ ปอยใู่ นสวรรค์
ไปเป็นเทพ แลว้ ถา้ เรามีปัญญา มวี ิปสั สนา เหน็ อรยิ สัจ ๔
แล้วเรามาหยุดความอยากทั้งหลายที่มีอยู่ในใจของเราให้
มนั หมดไปได้ เรากจ็ ะไปนพิ พาน เรากจ็ ะไมก่ ลบั มาเวยี นวา่ ย
ตายเกิดกันอีกต่อไป เพราะส่ิงท่ีจะดึงให้ดวงวิญญาณของ
แต่ละท่านกลับมาเกิดก็คือความอยากน่ันเอง ถ้ายังมี
ความอยากมคี วามสขุ ผา่ นทางร่างกาย ยังอยากดรู ูป ฟังเสยี ง
ลิ้มรส ดมกล่ินอยู่ ก็จ�ำเป็นท่ีจะต้องมามีร่างกายใหม่ พอมี
ร่างกายใหม่ก็จะต้องมาแก่ มาเจ็บ มาตาย กับร่างกายใหม่
ตอ่ ไป
น่ีคือสัมมาทิฏฐิ ความเห็นที่ถูกต้อง ที่จะท�ำให้เราน้ีเปล่ียน
วิธีด�ำเนินชีวิตของเรา แทนท่ีจะพุ่งเป้าไปท่ีร่างกาย แต่เรา
จะเปล่ียนไปพุ่งเป้าที่จิตใจ เพราะจิตใจนี้เป็นผู้ท่ีจะต้องไป
รับผลบุญผลบาป ผลแห่งการกระท�ำต่างๆ ของเราต่อไป

63

ธรรมะหน้ากฏุ ิ เล่ม ๕

ส่ิงต่างๆ ท่ีเราหามาได้ผ่านทางร่างกาย มันเป็นของช่ัวคราว
พอรา่ งกายตายไปแลว้ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทเ่ี ราหามาไดน้ ี้ เราเอา
ติดตวั ไปไมไ่ ด้เลย พวกลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุ ต่างๆ ท่ีเรา
หากนั ได้ ทเี่ รามกี นั อยใู่ นตอนน้ี พอรา่ งกายสนิ้ สดุ ลง สงิ่ เหลา่ น้ี
มันก็สิ้นสุดลงไปกับร่างกาย ใจก็เอาไปไม่ได้ ส่ิงท่ีใจเอา
ไปได้ก็คือบุญและบาป หรือสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิน่ีเอง
ถ้ามีมิจฉาทิฏฐิก็จะพาเราไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ถ้ามี
สมั มาทิฏฐิกจ็ ะพาเราออกจากการเวียนว่ายตายเกิด ไดไ้ ปสู่
พระนิพพาน
นคี่ อื เปา้ หมายของการฟงั เทศนฟ์ งั ธรรม ฟงั เพอ่ื ใหไ้ ดค้ วามรใู้ ห้
รจู้ กั ตวั ของเราวา่ เรามอี ะไรบา้ งนอกจากมรี า่ งกายอาการ๓๒แลว้
เรายงั มจี ติ ใจ มนี ามขนั ธ์ มเี วทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ทเ่ี รา
จะตอ้ งมารจู้ กั มาศกึ ษาวธิ ที จี่ ะทำ� ใหม้ นั ไมม่ าผลติ ความทกุ ขใ์ ห้
กบั ใจของเรา เพอ่ื ทจ่ี ะไมใ่ หม้ นั มาดงึ ใหเ้ ราตอ้ งกลบั มาเวยี นวา่ ย
ตายเกดิ กนั อยู่เรื่อยๆ 

64




Click to View FlipBook Version